Pages

Monday, October 25, 2010

CHESTER'S GRILL ส่ง'อาหารเช้า-เรดดี้มีล'เพิ่มโอกาสโต

เชสเตอร์ กริลล์เดินหน้าขยายฐานลูกค้า เพิ่มโอกาสธุรกิจใหม่ ผุด 2 โปรเจ็กต์ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เกาะติดไลฟ์สไตล์ลูกค้าเน้นความรวดเร็ว เพิ่มเมนูอาหารเช้าตามปั๊ม สแตนด์อะโลนทดลอง 40 สาขา พร้อมเปิดตัว "เชสเตอร์ มีล" อาหารพร้อมทานเกาะฟู้ดคอร์ตเทสต์ตามมหา'ลัยก่อน ขยายแบบปูพรม ตั้งเป้าปีหน้าพลิกกลับมาโต 15% จากปีนี้พลาดเป้าอยู่ที่ 8%



นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนจะเปิดตัว 2 โปรเจ็กต์ใหม่ คือ เปิดตัวเมนูอาหารเช้า เชสเตอร์ กริลล์ หรือ good morning menu ให้บริการตั้งแต่ 07.00-11.00 น. เริ่มต้นที่ 2 เมนู คือ ไข่กระทะ และโจ๊ก กับจำนวน 40 สาขา เน้นสาขาตามปั๊มน้ำมันและสแตนด์อะโลน เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และมีความจำกัดเรื่องเวลาทำให้โอกาสในการรับประทานอาหารเช้าที่บ้านลดลง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มสัดส่วนรายได้แต่ละช่วงเวลาของวันให้มากขึ้น



นอกจากนี้ ยังเริ่มโปรเจ็กต์ "อาหารพร้อมรับประทาน" หรือภายใต้ชื่อ "เชสเตอร์ มีล" จำหน่ายเมนูละ 29-40 บาท โดยเจาะช่องทางฟู้ดคอร์ตตามสถานที่ ต่าง ๆ เริ่มทดลองแห่งแรกเป็นคีออสก์ที่ฟู้ดคอร์ตมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท เบื้องต้นมี 10 เมนู และมีบริการอุ่นไมโครเวฟและพร้อมรับประทานได้ทันที

"จุดขายอยู่ที่ราคา คุณภาพสินค้า และความรวดเร็ว เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และมีเมนูที่หลากหลายทั้งอาหารไทย, อิตาเลียน ฯลฯ หากการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ปีหน้าเตรียมขยายไปยังที่ต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาล, ศูนย์แสดงสินค้าต่าง ๆ อาทิ ไบเทค, เมืองทองธานี ฯลฯ"

นายสุวัฒน์กล่าวว่า แผนการตลาดปีนี้เน้นตอกย้ำกลยุทธ์ราคา นำเสนอเรื่อง ความคุ้มค่าคุ้มราคาที่ให้กับผู้บริโภค ซึ่ง ถือเป็นโพซิชันนิ่งของแบรนด์มาโดยตลอด บวกกับปัจจัยลบและเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการ จับจ่าย ที่ผ่านมาจึงเน้นจัดโปรโมชั่น อาทิ การจัดเซตเมนูที่ลดราคาจากปกติ 15-20% เพื่อเพิ่มความถี่ในการเข้าใช้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ 40-50% เฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อเดือน ขณะที่กลุ่มมีเดียมที่ใช้บริการ 3-4 ครั้งต่อเดือน มีประมาณ 30% และเฮฟวี่ยูสเซอร์ หรือ 4-8 ครั้งต่อเดือน เป็นสัดส่วน 10-15% โดยเป้าหมายจะเพิ่มลูกค้ากลุ่มมีเดียมจาก 30% เป็น 50% ในปีหน้า

นอกจากนี้ จะเดินหน้าเพิ่มความหลากหลายของเมนูเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเป้าหมายหลักของแบรนด์ ปัจจุบันลูกค้าหลักของเชสเตอร์ กริลล์ยังเป็นกลุ่มทำงานถึง 60% เนื่องจากลักษณะอาหารเป็นแบบมื้ออาหารรับประทานอิ่ม

อย่างไรก็ตามแผนที่ผ่านมาบริษัทเน้นดึงลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น โดยขยายไปถึงเด็กอายุ 11-13 ปีเพื่อสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ และจากการเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อเข้าถึงวัยรุ่นตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาที่ 30% จากเดิมมีลูกค้าวัยรุ่นเพียง 15-20%

นายสุวัฒน์กล่าวอีกว่า ปีหน้าบริษัทยังมุ่งขยายกลุ่มวัยรุ่นต่อเนื่อง ในส่วนของเมนูตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสแน็กหรือของทานเล่นจาก 10-12% เป็น 25% การรีโนเวตสาขาให้ดูอินเทรนด์มากขึ้น รวมทั้งมีแผนขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ต ไวไฟ ครอบคลุมสาขาต่าง ๆ มากขึ้น จากตอนนี้ที่มีเพียง 20 สาขา ปัจจุบันเชสเตอร์ กริลล์มี 160 สาขา ปีนี้เปิดสาขาใหม่ 18 สาขา และปีหน้าจะเปิดอีก 15-20 สาขา

ปัจจุบันตลาดอาหารจานด่วน หรือ QSR (quick service restaurant) มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้ทุกค่ายต้องรุกตลาดอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่แล้วบริษัทมีการเติบโตต่อเนื่องหลังจากมีการทำตลาดเพิ่มขึ้น

ปีนี้บริษัทใช้งบฯตลาด 60 ล้านบาทจากปีก่อนที่ใช้ 50 ล้านบาท และปีหน้าวางไว้ 70 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะสามารถเติบโตได้ที่ 15% จากที่ปีนี้คาดว่าจะปิดเป้าได้ที่ 8% ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 12-15% ซึ่งเป็น ผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองส่งผลให้ยอดขายไตรมาส 2-3 ติดลบ 2-3%

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails