Pages

Showing posts with label Communication. Show all posts
Showing posts with label Communication. Show all posts

Sunday, October 9, 2011

STARBUCKS ผุดโมเดลใหม่ นำร่อง "สาขา" ปันกำไรเพื่อสังคม



Photo: Carlos Aguilera on Flickr.com
"สตาร์บัคส์ คอร์ป" ประกาศแบ่งผลกำไรจากยอดขายสาขาที่เปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกา 2 แห่งให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรในนิวยอร์กซิตี และลอสแองเจลิส เพื่อชดเชยรายได้ จากกรณีที่รัฐบาลสหรัฐมีแผนตัดลดงบประมาณให้การสนับสนุนด้านเด็กและการศึกษาลง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สาขานำร่องที่สตาร์บัคส์เลือกให้มีส่วนในโครงการแบ่งปันผลกำไรเพื่อสังคมครั้งนี้ตั้งอยู่ในย่าน "ฮาเร็ม" (Harem) ในนิวยอร์กซิตี และเขตเครนชอว์ (Crenshaw) ในนครลอสแองเจลิส โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายไปสู่สาขาอื่น ๆ ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทจะให้การสนับสนุนพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตั้งอยู่ในย่านดังกล่าว แต่ละแห่งจะได้รับเงินสนับสนุนอย่างน้อย 100,000 เหรียญสหรัฐในปีแรก

Wednesday, April 6, 2011

FUJI TO OPEN 12 BRANCHES THIS YEAR


Despite growing concern about radioactive contamination in Japanese foods, Fuji Group, a leading Japanese restaurant operator, will continue to expand its outlets in the Thai market this year.

Daisaku Tanaka, the group's managing director, said it planned to spend 240 million baht to open 12 new Fuji restaurants, bringing the total to 81 by the end of this year.

Of the new outlets, three have already opened at Tesco Lotus Hat Yai, CentralPlaza Chiang Rai and the Amorini community mall on Rarm Intra Road. Each new branch employs about 50-60 staff. The company also plans to open Fuji restaurants in Australia and Laos this year.

Business is still brisk, with first-quarter sales growth of 10% as planned, he said.

Thursday, September 30, 2010

CP FRESH MART พลิกตำราดึงลูกค้า ยึดถนนสายหลักผุดสาขาปรับดิสเพลย์เพิ่มเมนูจูงใจ

"ซีพีเฟรชมาร์ท" เปิดเกมรุกระลอกใหม่ ทยอยยึดถนนสายหลัก-บ้านจัดสรร เปิดสาขา พร้อมปรับดิสเพลย์ สีสัน หวังสร้างอิมแพ็กต์-เพิ่มฐานลูกค้าใหม่



นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้าน ซีพีเฟรชมาร์ท เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวทางการดำเนินงานจากนี้ไป นอกจากการเพิ่มจำนวนจุดขายทั้งในแง่ของสาขาตู้เย็นชุมชน เพื่อสร้างสโตร์เน็ตเวิร์กแล้ว บริษัทยังจะเน้นในเรื่องของการเพิ่มความหลากหลายหรือเมนูต่าง ๆ ให้มีวาไรตี้มากขึ้น รวมทั้งการพยายามเพิ่มความถี่ของลูกค้าในการเข้าร้าน และดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเพิ่ม

สำหรับการให้น้ำหนักกับอาหาร นายจักร์ชัยกล่าวว่า ซีพีเฟรชมาร์ทจะยังให้น้ำหนักอาหารกล่อง หรืออาหารพร้อมรับประทานมากกว่าอาหารสดที่แม่บ้านจะซื้อนำกลับไปปรุงรับประทานที่บ้าน เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของเวลา นอกจากอาหารพร้อมรับประทานเมนูต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ซีพีเฟรชมาร์ทก็จะพัฒนาอาหารประเภทที่อำนวยความสะดวกให้แม่บ้านสามารถปรุงได้แบบง่าย ๆ ขึ้นมา

"เช่นใน 1 โฟรเซ่น จะมีอาหาร 4 แพ็กข้างใน ยกตัวอย่างข้าวกระเทียมพริกไทย ก็จะมีข้าวสุก, น้ำมันกระเทียม, น้ำมันพริกไทย และเนื้อที่จะใส่ แล้วเวลาคลุกขึ้นมาก็ไปผัดแล้วออกมาอร่อยได้เหมือนเชฟ ตอนเริ่มตั้งร้านซีพีเฟรชมาร์ทเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ตัวเลขขายอาหารสำหรับที่นำไปปรุงอาหาร 90% ตัวเลขอาหารพร้อมรับประทานมีเพียง 5% เท่านั้น แต่มาวันนี้สัดส่วนดังกล่าว กลายไปเป็นอาหารสดลดลงไปเหลือเพียง 60-65% ขณะที่อาหารพร้อมรับประทาน อาหารกล่องขยับขึ้นมา 25-35%"    

Thursday, August 19, 2010

FEEL THE DIFFERENCE AT PARADISE PARK


ถ้าหากว่า 24 สิงหาคมนี้เป็นวัน "แกรนด์โอเพนนิ่ง" ศูนย์การค้า "พาราไดซ์พาร์ค" ก็คงถือเป็นการปิดฉาก...ปิดตำนาน ของศูนย์การค้า "เสรีเซ็นเตอร์" ที่ให้บริการมาตลอด 15 ปีอย่างเต็มตัว

การแปลงโฉม "เสรีเซ็นเตอร์" ที่เรียบง่าย นิ่ง ไม่หวือหวา ให้กลายเป็นสวนสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งของกรุงเทพฯย่านตะวันออก ไม่ได้กลายเป็นโจทย์การทำงานเดียวที่ท้าทาย "ชฎาทิพ จูตระกูล" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์เท่านั้น แต่ยังมีอีก 2 ภารกิจสำคัญ คือการปรับโพซิชันนิ่ง "สยามเซ็นเตอร์" ครั้งใหญ่ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งมือให้พร้อม เพื่อลอนช์แม็กเนตสำคัญ ที่จะเข้ามาเติมเต็ม "สยามดิสคัฟเวอรี่" สู้ศึกการแข่งขันค้าปลีกกลางเมืองที่ดุเดือด

พันธกิจที่ว่า เมื่อไปที่ไหน เมื่อทำอะไร ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" เสมอ ทำให้ Look ใหม่ของทั้ง 3 ศูนย์การค้ากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเชื่อมโยง "อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต" สอดคล้องกับกลยุทธ์การแปลงโฉมด้วยแนวทาง "Before & After" ของกลุ่ม "สยามพิวรรธน์" ตลอดกว่า 25 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องดีกว่าเก่า

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องสลัดคราบไคลเดิม ๆ ที่เคยจดจำ

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ผู้ใช้บริการต้องสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น






หนึ่งในภารกิจ "Before & After" ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการลบภาพของเสรีเซ็นเตอร์ ที่ลูกค้าต่างซึมซาบว่าเป็นห้างของคนสูงอายุ ขายอาหาร-สินค้าสุขภาพ พูดถึงทีไร มักมีใบหน้าของมหาจำลอง ศรีเมือง หรือคุณชายถนัดศรีลอยมา แต่ตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ที่ "ชฎาทิพ" พา "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจทุกซอกทุกมุมของเสรีเซ็นเตอร์ ศูนย์ภายใต้ชื่อใหม่ "พาราไดซ์พาร์ค" เห็นได้ชัดถึงความ แตกต่าง ทันสมัย รวมทั้งสินค้า ร้านค้า ไม่ต่างไปจาก "ห้างกลางเมือง"

ด้วยพื้นที่เช่า 9 หมื่น ตร.ม. มี 700 ร้านค้าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นวิลล่า มาร์เก็ต ซูเปอร์ มาร์เก็ตพรีเมี่ยมสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, เสรีมาร์เก็ต ตลาดอาหารสดสไตล์ไทยโบราณ, แหล่งรวมแฟชั่นมาจากย่านสยาม ทั้ง แบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศกว่า 100 ยี่ห้อ,

















สินค้าร้านลอฟท์กว่า 1 แสนชิ้น, เครื่องสำอางแบรนด์ดัง, ร้านสปอร์ตเวิลด์, แหล่งรวมร้านไอที, โฮมโปร และโรงหนังเครือเมเจอร์ฯ 900 ที่นั่ง ฯลฯ

เทียบกับเมื่อครั้งยังเป็นเสรีเซ็นเตอร์ ที่ภาพดูทะมึนทึม ขาดซึ่งความสดใส

เป็นผลจากการลงมือสำรวจความต้องการผู้บริโภคในย่านนี้อย่างละเอียดยิบ

"เดี๋ยวนี้ การใช้ความรู้สึกในการ ตัดสินใจ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว"

ผลสำรวจดังกล่าว กลายเป็นคัมภีร์ชี้ว่า พาราไดซ์พาร์ค จะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เป็นคัมภีร์อ้างอิงให้ร้านค้าต่าง ๆ ตัดสินใจร่วมธุรกิจ

การสยายปีกออกนอกพื้นที่กลางเมืองที่คุ้นเคย นอกเหนือจากสร้างรายได้-กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจตลอดทั้งย่านปทุมวัน-ราชประสงค์ แข่งขันกันรุนแรง "ชฏาทิพ" ยังมองเห็นโอกาสของทำเล "ศรีนครินทร์" ที่กลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อไม่ได้ด้อยไปกว่าทาร์เก็ต กลางเมือง

ยิ่งเมื่อนับรวมปัจจัยทางการเมือง ที่มีเหตุให้ต้องปิดศูนย์การค้าอยู่เนือง ๆ ไม่เว้นแต่ละปี ทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ต่างยึดพื้นที่ย่านใจกลางเมืองเป็นทำเลทองและจุดรวมพล ล้วนเป็นเหตุผลที่ต้องมองหาศูนย์นอกพื้นที่กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

กลายเป็นความลงตัว ที่ "เอ็มบีเคเซ็นเตอร์" ชักชวนมาลงทุนพาราไดซ์ พาร์ค

"อิมเมจใหม่" "โจทย์ใหม่" ของผู้บริหารสยามพิวรรธน์คนนี้ หลังแปลงโฉม ต้องทำให้ลูกค้ามองพาราไดซ์พาร์ค เป็นภาพเคน ธีรเดช หล่อ ฉลาด และรักครอบครัว แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งลูกค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม เพราะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ การออกแบบ จึงเป็นศูนย์เทเลอร์เมดสำหรับชุมชนจริง ๆ รัศมีครอบคลุม 10-20 ก.ม.

"การเปิดศูนย์การค้าใหม่ ทุกอย่างจะเป็นการตื่นเต้น คาดหวังตั้งแต่ตอนที่เปิดประตู และก้าวแรกที่เดินเข้าไป แต่สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่ของศูนย์ กลายเป็นความท้าทายไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะลูกค้าจะเห็นการเปรียบเทียบ การคาดหวัง Before & After จึงสำคัญมาก"

ที่สำคัญ ทำอย่างไรหลังจากเปิดห้างใหม่ หรือรีโนเวตไปแล้วนั้นจะไม่ใช่แค่ "ฮันนี่มูนพีเรียด"

ทำอย่างไรให้ศูนย์ติดตลาดและลูกค้าเข้ามาจับจ่ายต่อเนื่องด้วยเป้าหมาย 1.5 แสนคนต่อวัน จากเดิม 7 หมื่นคนต่อวัน

"หลังเปิดบริการ จากนั้นคือบทพิสูจน์ ผู้บริโภคจะเป็นผู้ให้คำตอบเรา"

"ชฎาทิพ" ชี้ภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกว่า เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ที่จะสื่อถึงลูกค้าและบอกกับตลาดว่ามาศูนย์เพื่อซื้อของและมีสินค้าอะไรบ้าง แต่การเป็นศูนย์เทเลอร์เมดจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างด้วยร้านค้ากว่า 80% ไม่เคยเปิดในย่านกรุงเทพฯตะวันออกมาก่อน รวมทั้งการสื่อถึงกลุ่มลูกค้าพาราไดซ์พาร์ค จะผ่านข้อความเดียว คือเป็นศูนย์ของชุมชน...มาแล้วมีความสุข เพราะเชื่อว่าทุกคนอยาก รับรู้แต่เรื่องดี ๆ ข่าวดี ๆ

ทำให้การทำงานทุกขั้นทุกตอน "ชฎาทิพ" ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้เป็นสวนสวรรค์ของการช็อปปิ้งจริง ๆ จึงไม่แปลก ที่งบฯการลงทุนรีโนเวตครั้งนี้จะบานปลายจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีอายุสัญญาการเช่าที่ดิน 2.9 แสน ตร.ม.แห่งนี้เหลืออีก 15 ปีเท่านั้น

"ต้องใส่ Value เข้าไปทุกมุม ต้องใช้ความละเอียดมาก" ชฎาทิพสำทับ

ที่สำคัญ ถ้าการรีโนเวตไม่เจ๋ง ไม่โดดเด่น ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้ว ยิ่งถ้าซีคอนสแควร์ หรือเซ็นทรัลบางนา ทุ่มงบฯปรับโฉม ครั้งใหญ่ ก็คงเป็นการยาก ที่จะแจ้งเกิด

แต่ด้วยโจทย์ที่ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" รูปแบบการทำงานจึงต้องทุ่มเทและตั้งใจ ซึ่งหลังจากเปิดพาราโดซ์พาร์คแล้วนั้น ต้นเดือนกันยายน "ชฎาทิพ" เตรียมที่จะแปลงโฉมสยามเซ็นเตอร์ เพื่อตอกย้ำโลโก้ "แฟชั่นและเทรนด์เซตเตอร์" อีกรอบ

"การทำธุรกิจรีเทลที่ต้องเรียนรู้ทุก ๆ วัน เนื่องจากตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนมีคู่แข่งเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศูนย์ต้องเติม แม็กเนตใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเดิม การรีโนเวตศูนย์ จะทิ้งช่วงประมาณ 7 ปี แต่ตอนนี้ 3-4 ปี ก็ต้องคิด ต้องทำแล้ว"

ซึ่งแนวทางใหม่ จะปั้นสยามเซ็นเตอร์ เพื่อเป็น "แฟลกชิปสโตร์" ของแต่ละสินค้า ซึ่งแม้ว่าแบรนด์จะไม่ต่างจากศูนย์อื่น แต่ไลน์อัพและคอลเล็กชั่นสินค้า จะเป็นจุดขาย สร้างความแตกต่าง

ขณะเดียวกัน โดยโพซิชันนิ่งของสยามเซ็นเตอร์ จะปรับเปลี่ยนไปบ้าง

จากเดิม คนมองว่า สยามเซ็นเตอร์คือวัยรุ่น ก้าวไปสู่ใครก็ได้ ที่ young @ heart

รูปลักษณ์ใหม่ของ "สยามเซ็นเตอร์" เป็นการศึกษาจากเทรนด์ของศูนย์การค้าต่างประเทศที่กำลังนิยม ใช้โทนสี แสงสร้างความต่างของอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแต่ละชั้นจะไม่เหมือนกัน รวมถึงโซนด้านหน้า จะปรับพื้นที่ลานด้านหน้าและบันได ที่เป็นสัญลักษณ์ของสยามเซ็นเตอร์ในรูปแบบใหม่ พร้อม ๆ กับ "สยามดิสคัฟเวอรี่" ที่ลงทุน 1 พันล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 8 พัน ตร.ม.ในชั้น 6-7-8 เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ, ลานสเกตไอซ์แพลเนต และร้านอาหาร 40 แห่ง ที่จะเข้ามาแทน "Multi-Purpose Hall" ฮอลล์อีเวนต์ ที่วางไว้เดิม และเลื่อนไปเปิดตัวช่วงต้นปีหน้า

ก้าวย่างตลอด 25 ปี ของ "สยามพิวรรธน์" จากสยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน สู่พาราไดซ์ พาร์ค แม้ว่าจะไม่มากในแง่ปริมาณ แต่สำหรับ "คุณภาพ" แล้วนั้น เป้าหมายการ ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ผู้นำ "เทรนด์ เซตเตอร์" คงยากที่ใครจะปฏิเสธ

Monday, December 7, 2009

CENTRAL ดีเดย์ปิดสาขาลาดพร้าวซ่อมใหญ่นาน 7เดือน เริ่มพ.ค.-พ.ย.53

CentralPlaza Ladprao August 2009. This shoppin...Image via Wikipedia


ซัพพลายเออร์-ร้านค้าในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เร่งปรับแผนเตรียมรับมือปิดซ่อมครั้งใหญ่ หลังผู้บริหารเซ็นทรัลสรุปแผนปิดใหญ่ 7 เดือน มีผลทันทีต้นเดือนพฤษภาคม-สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 ชี้ไม่กระทบรายได้ วางใจความเป็นมืออาชีพกลุ่มเซ็นทรัล



เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว" เลือกแนวทางการรีโนเวตครั้งใหญ่ด้วยรูปแบบการปิดเพื่อปรับโฉม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้แจ้งต่อผู้บริหารและทีมงานในระดับหัวหน้าในเครือแล้วว่า จะเริ่มปิดศูนย์และห้างสรรพสินค้าเป็นเวลา 7 เดือน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม-สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 โดยประมาณ เพื่อให้เตรียมแผนรองรับในเรื่องต่าง ๆ






นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้รับแจ้งเรื่องการปิดศูนย์จากกลุ่มเซ็นทรัลอย่างเป็นทางการแล้ว โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้วด้วยการทำเซอร์เวย์พฤติกรรมการดูภาพยนตร์ของกลุ่มลูกค้าของเอสเอฟ เอ็กซ์ ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การดูหนังใกล้เคียงกับกลุ่มที่ใช้บริการที่เซ็นทรัลเวิลด์



ดังนั้นในแผนการตลาดบริษัทจึงทำการสื่อสารในรูปแบบไดเร็กต์เมล์ส่งตรงถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อแจ้งสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่จะได้รับหากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนี้ไปใช้บริการที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาฐานกลุ่มลูกค้าเดิมให้เปลี่ยนไปใช้บริการในสาขาใกล้เคียงแทน จึงเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะไม่เปลี่ยนไปไหน ทั้งนี้สาขาลาดพร้าวนั้นถือว่าทำรายได้ติดอันดับ 1 ใน 3 และยอมรับว่า การปิดศูนย์ในครั้งนี้จะทำให้รายได้ในช่วงนั้นหายไป แต่เชื่อว่าหลังจากปรับเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตัวเลขคนดูหนังน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน และไม่กระทบกับตัวเลขรายได้รวมของบริษัทในปีหน้า เนื่องจากปีนี้บริษัทได้เปิดสาขาใหม่ถึง 4-5 สาขา ซึ่งทุกสาขาจะส่งผลต่อตัวเลขผลประกอบการในปีหน้าทั้งสิ้น



แหล่งข่าววงการแฟชั่นรายหนึ่งกล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มสินค้าแฟชั่นนั้นยังคงอยู่ชั้นเดิมแต่ศูนย์ได้ปรับใหม่ให้ใกล้กับส่วนหน้าของห้างมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่า การปิดศูนย์อาจกระทบบ้างในด้านรายได้เนื่องจากลาดพร้าวเป็นสาขาที่บริษัททำยอดขายได้ดีมาก แต่ก็คงไม่มากนักจนกระทบต่อรายได้รวมของแบรนด์



เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากคลินิกความงามมองว่า ทางผู้บริหารเองก็กำลังเช็กข่าวอยู่ว่าการปิดรีโนเวตจะกระทบคลินิกอย่างไรบ้าง เพราะถือเป็นสาขาที่มีลูกค้ามากพอสมควร ซึ่งก็คงต้องเตรียมแผนรองรับ แต่เบื้องต้นต้องคุยกับทางศูนย์ก่อนเพื่อรับทราบเงื่อนไขหรือมาตรการช่วยเหลือของทางศูนย์ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด"



และจากการสอบถามไปยังพนักงานขายกลุ่มร้านค้าในเครือเซ็นทรัลรีเทลกล่าวว่า เบื้องต้นทราบเพียงว่าบริษัทจะให้พนักงานขายกระจายไปอยู่สาขาต่าง ๆ ในระหว่างที่ลาดพร้าวปิดการซ่อมใหญ่



Reblog this post [with Zemanta]

Monday, November 23, 2009

7ELEVEN จับมือซัพพลายเออร์ พัฒนาสินค้าย้ำอิ่มสะดวก-ติดโลโก้การันตีคุณภาพ



"เซเว่นฯ" จับมือซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้า-ทุ่มโฆษณา ดึงคนเข้าร้าน ทยอยแปะโลโก้เซเว่นฯรับรองคุณภาพ-ความสะอาด ประเดิมที่อาหารกล่องก่อนขยายผลไปสู่ เบเกอรี่ ตั้งเป้าปีหน้าการันตี 100 เอสเคยู เผยหลังปรับเป็นร้านอิ่มสะดวก ข้าวกล่องวิ่งฉิวกวาดนิ่ม ๆ 5 ล้าน/เดือน






นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อดึงลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น บริษัทจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้าร่วมกัน ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคว่าสินค้ามีวางจำหน่ายในเซเว่นฯผ่านสื่อทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มใช้กลยุทธ์นี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และพบว่าช่วยเพิ่มยอดขายให้ซัพพลายเออร์ได้เป็นจำนวนมาก




ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้นำโลโก้ของเซเว่นฯมาใส่เพิ่มในบรรจุภัณฑ์ เพื่อรับประกันเรื่องคุณภาพและความสะอาดแก่ลูกค้า เบื้องต้นเป็นกลุ่มสินค้าพร้อมดื่มและพร้อมรับประทาน เช่น อาหารกล่องแช่แข็ง ต่อไปคือกลุ่มเบเกอรี่



"ปัจจุบันสินค้าที่มีโลโก้ของเซเว่นฯปิดอยู่บนแพ็กเกจมีประมาณ 20 เอสเคยู และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มอีกไม่เกิน 100 เอสเคยู จากจำนวนสินค้าในร้านทั้งหมด 2,000-2,200 เอสเคยู"



ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะเพิ่มสินค้า โอนลี่แอต (only @) หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯโดยเฉพาะ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเฟิรสต์ (first) หรือสินค้าที่ขายในเซเว่นฯเป็นที่แรก เช่น ไอศกรีมวอลล์ ชาเขียว มัทฉะ และเร็ว ๆ นี้กำลังจะเปิดตัวทิสชูของแบรนด์คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งสินค้าเฟิรสต์ในปีหน้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องดื่ม เพื่อให้สอดคล้องกับอากาศร้อนของเมืองไทย



นายยุทธศักดิ์ยังกล่าวด้วยว่า การสร้างคอนเซ็ปต์ร้านอิ่มสะดวกของเซเว่นฯ ขณะนี้ถือว่าผ่านช่วงแนะนำไปแล้ว และกำลังอยู่ในระยะเติบโต โดยเฉพาะอาหารกล่องมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 5 ล้านกล่อง แบ่งเป็นอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน 4 ล้านกล่อง และอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน 1 ล้านกล่อง ปัจจุบันมีสินค้าประเภทอาหาร 75% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 80% ภายใน 3-5 ปี



สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งงบฯการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ วางแผนขยายสาขาอีก 450 แห่ง ซึ่ง 10 เดือนที่ผ่านมา เซเว่นฯเติบโตทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 5-10% แม้แต่สาขาที่อยู่ในย่านโรงงานซึ่งยอดขายเคยตกไป 5-10% ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นติดลบอยู่เพียง 2% โดยผลดำเนินงานในไตรมาส 3 มีรายได้ 28,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% และมีผลกำไร 1,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน" นายยุทธศักดิ์กล่าว




LinkWithin

Related Posts with Thumbnails