Saturday, September 24, 2011
MBK ชิงประมูลที่จุฬาฯธ.ค. ทุ่มพันล้านเปิด THE NINE เฟส2
Wednesday, September 21, 2011
MBK TURNS FOCUS TO PROPERTY
![]() |
![]() ![]() |
Monday, January 10, 2011
เปิดพื้นที่"ค้าปลีก"ใหม่6แสนตร.ม. "ROBINSON"ร่วม"MEGA BANGNA"ลุยโมเดลห้างขนาดย่อม
Thursday, August 19, 2010
FEEL THE DIFFERENCE AT PARADISE PARK

ถ้าหากว่า 24 สิงหาคมนี้เป็นวัน "แกรนด์โอเพนนิ่ง" ศูนย์การค้า "พาราไดซ์พาร์ค" ก็คงถือเป็นการปิดฉาก...ปิดตำนาน ของศูนย์การค้า "เสรีเซ็นเตอร์" ที่ให้บริการมาตลอด 15 ปีอย่างเต็มตัว
การแปลงโฉม "เสรีเซ็นเตอร์" ที่เรียบง่าย นิ่ง ไม่หวือหวา ให้กลายเป็นสวนสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งของกรุงเทพฯย่านตะวันออก ไม่ได้กลายเป็นโจทย์การทำงานเดียวที่ท้าทาย "ชฎาทิพ จูตระกูล" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์เท่านั้น แต่ยังมีอีก 2 ภารกิจสำคัญ คือการปรับโพซิชันนิ่ง "สยามเซ็นเตอร์" ครั้งใหญ่ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งมือให้พร้อม เพื่อลอนช์แม็กเนตสำคัญ ที่จะเข้ามาเติมเต็ม "สยามดิสคัฟเวอรี่" สู้ศึกการแข่งขันค้าปลีกกลางเมืองที่ดุเดือด
พันธกิจที่ว่า เมื่อไปที่ไหน เมื่อทำอะไร ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" เสมอ ทำให้ Look ใหม่ของทั้ง 3 ศูนย์การค้ากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเชื่อมโยง "อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต" สอดคล้องกับกลยุทธ์การแปลงโฉมด้วยแนวทาง "Before & After" ของกลุ่ม "สยามพิวรรธน์" ตลอดกว่า 25 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องดีกว่าเก่า
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องสลัดคราบไคลเดิม ๆ ที่เคยจดจำ
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ผู้ใช้บริการต้องสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หนึ่งในภารกิจ "Before & After" ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการลบภาพของเสรีเซ็นเตอร์ ที่ลูกค้าต่างซึมซาบว่าเป็นห้างของคนสูงอายุ ขายอาหาร-สินค้าสุขภาพ พูดถึงทีไร มักมีใบหน้าของมหาจำลอง ศรีเมือง หรือคุณชายถนัดศรีลอยมา แต่ตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ที่ "ชฎาทิพ" พา "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจทุกซอกทุกมุมของเสรีเซ็นเตอร์ ศูนย์ภายใต้ชื่อใหม่ "พาราไดซ์พาร์ค" เห็นได้ชัดถึงความ แตกต่าง ทันสมัย รวมทั้งสินค้า ร้านค้า ไม่ต่างไปจาก "ห้างกลางเมือง"
ด้วยพื้นที่เช่า 9 หมื่น ตร.ม. มี 700 ร้านค้าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นวิลล่า มาร์เก็ต ซูเปอร์ มาร์เก็ตพรีเมี่ยมสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, เสรีมาร์เก็ต ตลาดอาหารสดสไตล์ไทยโบราณ, แหล่งรวมแฟชั่นมาจากย่านสยาม ทั้ง แบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศกว่า 100 ยี่ห้อ,
![]() |
สินค้าร้านลอฟท์กว่า 1 แสนชิ้น, เครื่องสำอางแบรนด์ดัง, ร้านสปอร์ตเวิลด์, แหล่งรวมร้านไอที, โฮมโปร และโรงหนังเครือเมเจอร์ฯ 900 ที่นั่ง ฯลฯ
เทียบกับเมื่อครั้งยังเป็นเสรีเซ็นเตอร์ ที่ภาพดูทะมึนทึม ขาดซึ่งความสดใส
เป็นผลจากการลงมือสำรวจความต้องการผู้บริโภคในย่านนี้อย่างละเอียดยิบ
"เดี๋ยวนี้ การใช้ความรู้สึกในการ ตัดสินใจ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว"
ผลสำรวจดังกล่าว กลายเป็นคัมภีร์ชี้ว่า พาราไดซ์พาร์ค จะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เป็นคัมภีร์อ้างอิงให้ร้านค้าต่าง ๆ ตัดสินใจร่วมธุรกิจ
การสยายปีกออกนอกพื้นที่กลางเมืองที่คุ้นเคย นอกเหนือจากสร้างรายได้-กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจตลอดทั้งย่านปทุมวัน-ราชประสงค์ แข่งขันกันรุนแรง "ชฏาทิพ" ยังมองเห็นโอกาสของทำเล "ศรีนครินทร์" ที่กลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อไม่ได้ด้อยไปกว่าทาร์เก็ต กลางเมือง
ยิ่งเมื่อนับรวมปัจจัยทางการเมือง ที่มีเหตุให้ต้องปิดศูนย์การค้าอยู่เนือง ๆ ไม่เว้นแต่ละปี ทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ต่างยึดพื้นที่ย่านใจกลางเมืองเป็นทำเลทองและจุดรวมพล ล้วนเป็นเหตุผลที่ต้องมองหาศูนย์นอกพื้นที่กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
กลายเป็นความลงตัว ที่ "เอ็มบีเคเซ็นเตอร์" ชักชวนมาลงทุนพาราไดซ์ พาร์ค
"อิมเมจใหม่" "โจทย์ใหม่" ของผู้บริหารสยามพิวรรธน์คนนี้ หลังแปลงโฉม ต้องทำให้ลูกค้ามองพาราไดซ์พาร์ค เป็นภาพเคน ธีรเดช หล่อ ฉลาด และรักครอบครัว แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งลูกค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม เพราะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ การออกแบบ จึงเป็นศูนย์เทเลอร์เมดสำหรับชุมชนจริง ๆ รัศมีครอบคลุม 10-20 ก.ม.
"การเปิดศูนย์การค้าใหม่ ทุกอย่างจะเป็นการตื่นเต้น คาดหวังตั้งแต่ตอนที่เปิดประตู และก้าวแรกที่เดินเข้าไป แต่สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่ของศูนย์ กลายเป็นความท้าทายไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะลูกค้าจะเห็นการเปรียบเทียบ การคาดหวัง Before & After จึงสำคัญมาก"
ที่สำคัญ ทำอย่างไรหลังจากเปิดห้างใหม่ หรือรีโนเวตไปแล้วนั้นจะไม่ใช่แค่ "ฮันนี่มูนพีเรียด"
ทำอย่างไรให้ศูนย์ติดตลาดและลูกค้าเข้ามาจับจ่ายต่อเนื่องด้วยเป้าหมาย 1.5 แสนคนต่อวัน จากเดิม 7 หมื่นคนต่อวัน
"หลังเปิดบริการ จากนั้นคือบทพิสูจน์ ผู้บริโภคจะเป็นผู้ให้คำตอบเรา"
"ชฎาทิพ" ชี้ภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกว่า เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ที่จะสื่อถึงลูกค้าและบอกกับตลาดว่ามาศูนย์เพื่อซื้อของและมีสินค้าอะไรบ้าง แต่การเป็นศูนย์เทเลอร์เมดจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างด้วยร้านค้ากว่า 80% ไม่เคยเปิดในย่านกรุงเทพฯตะวันออกมาก่อน รวมทั้งการสื่อถึงกลุ่มลูกค้าพาราไดซ์พาร์ค จะผ่านข้อความเดียว คือเป็นศูนย์ของชุมชน...มาแล้วมีความสุข เพราะเชื่อว่าทุกคนอยาก รับรู้แต่เรื่องดี ๆ ข่าวดี ๆ
ทำให้การทำงานทุกขั้นทุกตอน "ชฎาทิพ" ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้เป็นสวนสวรรค์ของการช็อปปิ้งจริง ๆ จึงไม่แปลก ที่งบฯการลงทุนรีโนเวตครั้งนี้จะบานปลายจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีอายุสัญญาการเช่าที่ดิน 2.9 แสน ตร.ม.แห่งนี้เหลืออีก 15 ปีเท่านั้น
"ต้องใส่ Value เข้าไปทุกมุม ต้องใช้ความละเอียดมาก" ชฎาทิพสำทับ
ที่สำคัญ ถ้าการรีโนเวตไม่เจ๋ง ไม่โดดเด่น ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้ว ยิ่งถ้าซีคอนสแควร์ หรือเซ็นทรัลบางนา ทุ่มงบฯปรับโฉม ครั้งใหญ่ ก็คงเป็นการยาก ที่จะแจ้งเกิด
แต่ด้วยโจทย์ที่ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" รูปแบบการทำงานจึงต้องทุ่มเทและตั้งใจ ซึ่งหลังจากเปิดพาราโดซ์พาร์คแล้วนั้น ต้นเดือนกันยายน "ชฎาทิพ" เตรียมที่จะแปลงโฉมสยามเซ็นเตอร์ เพื่อตอกย้ำโลโก้ "แฟชั่นและเทรนด์เซตเตอร์" อีกรอบ
"การทำธุรกิจรีเทลที่ต้องเรียนรู้ทุก ๆ วัน เนื่องจากตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนมีคู่แข่งเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศูนย์ต้องเติม แม็กเนตใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเดิม การรีโนเวตศูนย์ จะทิ้งช่วงประมาณ 7 ปี แต่ตอนนี้ 3-4 ปี ก็ต้องคิด ต้องทำแล้ว"
ซึ่งแนวทางใหม่ จะปั้นสยามเซ็นเตอร์ เพื่อเป็น "แฟลกชิปสโตร์" ของแต่ละสินค้า ซึ่งแม้ว่าแบรนด์จะไม่ต่างจากศูนย์อื่น แต่ไลน์อัพและคอลเล็กชั่นสินค้า จะเป็นจุดขาย สร้างความแตกต่าง
ขณะเดียวกัน โดยโพซิชันนิ่งของสยามเซ็นเตอร์ จะปรับเปลี่ยนไปบ้าง
จากเดิม คนมองว่า สยามเซ็นเตอร์คือวัยรุ่น ก้าวไปสู่ใครก็ได้ ที่ young @ heart
รูปลักษณ์ใหม่ของ "สยามเซ็นเตอร์" เป็นการศึกษาจากเทรนด์ของศูนย์การค้าต่างประเทศที่กำลังนิยม ใช้โทนสี แสงสร้างความต่างของอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแต่ละชั้นจะไม่เหมือนกัน รวมถึงโซนด้านหน้า จะปรับพื้นที่ลานด้านหน้าและบันได ที่เป็นสัญลักษณ์ของสยามเซ็นเตอร์ในรูปแบบใหม่ พร้อม ๆ กับ "สยามดิสคัฟเวอรี่" ที่ลงทุน 1 พันล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 8 พัน ตร.ม.ในชั้น 6-7-8 เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ, ลานสเกตไอซ์แพลเนต และร้านอาหาร 40 แห่ง ที่จะเข้ามาแทน "Multi-Purpose Hall" ฮอลล์อีเวนต์ ที่วางไว้เดิม และเลื่อนไปเปิดตัวช่วงต้นปีหน้า
ก้าวย่างตลอด 25 ปี ของ "สยามพิวรรธน์" จากสยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน สู่พาราไดซ์ พาร์ค แม้ว่าจะไม่มากในแง่ปริมาณ แต่สำหรับ "คุณภาพ" แล้วนั้น เป้าหมายการ ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ผู้นำ "เทรนด์ เซตเตอร์" คงยากที่ใครจะปฏิเสธ
Wednesday, March 10, 2010
สยามพิวรรธน์ ยิ้มแก้มปริ

พาราไดซ์ พาร์ค สวนกระแสเศรษฐกิจ-การเมืองผวน ขายโปรเจ็กต์เกลี้ยงใน 6 เดือน พร้อมเปิดตัวแม็กเนตใหม่ "วิลล่ามาร์เก็ท" ที่ทุ่มงบเฉียด 100 ล้านเปิดแฟล็กชิพ สโตร์สุดพรีเมียม ย้ำภาพศูนย์ช็อปปิ้งใหม่ ใหญ่สุดฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก เผยเป็นโปรเจ็กต์เดียวที่เปิดตัวในปีนี้ ขณะที่งบเริ่มบานปลายทะลุ 2,500 ล้านบาทหลังลงทุนระบบเซฟตี้เพิ่ม
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และรองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แม้ภาพรวมในปี 2552 ที่ผ่านมาจะมีความผันผวนมากจากปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่พบว่าการเปิดตัวโปรเจ็กต์ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งเป็นศูนย์การค้าเสรี เซ็นเตอร์เดิม กลับได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี ส่งผลให้พื้นที่ขายกว่า 90,000 ตารางเมตรหมดภายในเวลา 6 เดือน โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรใหม่ ได้แก่ วิลล่า มาร์เก็ท ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม มีพื้นที่กว่า 3,600 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 80-100 ล้านบาท โดยวิลล่า มาร์เก็ทสาขานี้จะเป็นแฟล็กชิพ สโตร์ ที่วิลล่า จะใช้เป็นต้นแบบในการขยายสาขาต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีเสรี มาร์เก็ต ที่เน้นจำหน่ายสินค้าอาหารครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ปต์ ตลาดไทยโบราณ , Food Bazaar แหล่งรวมร้านอาหารดังในแต่ละภูมิภาคกว่า 100 ร้านจากทั่วประเทศ อาทิ เอราวัณทองม้วนสด , กุ๋ยฉ่ายตลาดพลู , วนัสนันท์ น้ำพริกหนุ่ม , กู โรตีชาชัก เป็นต้น และ Dining Paradise แหล่งรวมร้านอาหารดังกับบรรยากาศสบายๆ สไตล์ฝรั่ง เพื่อตอกย้ำแนวคิด โลกแห่งอาหารที่ยิ่งใหญ่
ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้เปิดให้บริการเวิลด์ ออฟ เอ็ดดูเทนเมนต์ (World of Edutainment) โลกแห่งจินตนาการและการเรียนรู้ บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร มีสถาบันการศึกษาทั้งด้านวิชาการ ภาษา ดนตรี กีฬา ศิลปะ รวมกว่า 50 สถาบันเปิดให้บริการ นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์เป็นอีกหนึ่งแม็กเนตที่มาสร้างความบันเทิง โดยพื้นที่แต่ละโซนจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป และจะเปิดศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์คอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้
"แม้เศรษฐกิจและบรรยากาศทางการเมืองโดยรวมจะไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเริ่มโปรเจ็กต์ก็ต้องเดินหน้า ซึ่งร้านค้าแต่ละรายต่างให้ความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเดินหน้าโครงการให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี กระแสตอบรับจึงดีมาก อีกทั้งพาราไดซ์ พาร์คเป็นศูนย์การค้าใหม่เพียงแห่งเดียวที่เปิดให้บริการในปีนี้"
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 90% ร้านค้าเริ่มทยอยเข้าไปตกแต่งมากขึ้น ขณะที่มีร้านค้าจำนวนหนึ่งที่ยังเปิดให้บริการอยู่ ทั้งนี้งบประมาณในการก่อสร้างครั้งนี้คาดว่าจะสูงถึง 2,500 ล้านบาท สูงกว่างบประมาณเดิมที่วางไว้ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนงานระบบด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมเพิ่ม
สำหรับโครงการพาราไดซ์ พาร์ค เป็นศูนย์การค้าที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกันเข้าซื้อกิจการศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ เมื่อเดือนกันยายนปี 2551 ก่อนที่จะตัดสินใจปรับปรุงพื้นที่ใหม่หมด ภายใต้แนวคิด Speciality Shopping Center ที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯตะวันออก
Monday, November 23, 2009
CARREFOUR TO JOIN PARADISE PARK "THE NEW SERI CENTER"

"CARREFOUR" จับมือสยามพิวรรธน์-เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ร่วมขบวนศูนย์การค้า "PARADISE PARK" เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเสียบแทน "กูเมต์ มาร์เก็ต" จากค่าย "เดอะมอลล์" ที่ขอถอนตัว วางคอนเซ็ปต์ระดับพรีเมี่ยม มัดใจ พร้อมเปิดตามแผนมีนาคมปีหน้า
หลังกลุ่มสยามพิวรรธน์และ MBK CENTER เข้าไปซื้อศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ และได้เริ่มแปลงโฉมเพื่อเปลี่ยนเป็น "PARADISE PARK" ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในย่านกรุงเทพฯตะวันออก ด้วยงบฯลงทุนก้อนโต 2,000 ล้านบาท และตามแผนจะแล้วเสร็จและเปิดในเดือนมีนาคมปีหน้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในกลุ่มพื้นที่เช่าและพันธมิตรที่ได้ตกลงเช่าไปแล้วกว่า 70% ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ในพื้นที่ชั้นกราวนด์ จากเดิมพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ได้วางให้เป็นซูเปอร์ มาร์เก็ตระดับพรีเมี่ยม ตามแผนได้เตรียมจะนำ "กูร์เมต์ มาร์เก็ต" ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิด 2 สาขา ที่ SIAM PARAGON และ THE EMPORIUM และเตรียมจะเปิดอีก 1 แห่ง ปลายปีนี้ ที่คอมมิวนิตี้มอลล์ เค-วิลเลจ (สุขุมวิท 26) เข้ามาเปิดเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าระดับบน
ทั้งนี้ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเดอะมอลล์และสยามพิวรรธน์ที่ถือหุ้นคนละครึ่ง แต่ล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ถอนตัวออกไป และมีไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ เข้ามาบริหารในพื้นที่ดังกล่าวแทน
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ยอมรับว่า ได้คุยกับคาร์ฟูร์เพื่อทาบทามให้เข้ามาร่วมเปิดในศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค และบริหารพื้นที่ในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว ส่วนรายละเอียดการตกแต่งรวมทั้งคอนเซ็ปต์การวางสินค้าต้องไปถามทางคาร์ฟูร์ซึ่งจะตอบได้ชัดเจนมากกว่า
ก่อนหน้านี้ในงานเปิดตัวโครงการพาราไดซ์พาร์ค เพื่อชักชวนให้นักลงทุนค้าปลีกและซัพพลายเออร์คู่ค้าเข้ามาร่วมนั้น ศูนย์วางรูปแบบชั้นกราวนด์ให้เป็นสวรรค์ของ นักชิม ที่มีศูนย์อาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรวบรวมสินค้ากลุ่มอาหารสด โกรเซอรีส์ และอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าย่านศรีนครินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง
โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ 1.พื้นที่ 5,000 ตร.ม. สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต 2.เสรีมาร์เก็ต และฟู้ด คอร์ต ที่รวบรวมอาหารสดในรูปแบบตลาดนัดติดแอร์และร้านอาหารชื่อดังมารวมกันบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. และ 3.พื้นที่สำหรับฟู้ด บาซาร์ที่รวมร้านอาหารเทคโฮมและเบเกอรี่กว่า 100 ร้านค้า
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังคาร์ฟูร์ โดยผู้บริหารจากบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการประชุมเพื่อสรุปแผนการขยายสาขาในปีหน้า เบื้องต้นโดยส่วนตัวยังไม่ทราบว่าจะมีการรวมแผนเรื่องการเปิดสาขาใหม่ที่ พาราไดซ์พาร์ค เข้าไปด้วยหรือไม่ คงต้องรอให้การเจรจาเสร็จสิ้นก่อน
ปัจจุบันการเปิดสาขาของคาร์ฟูร์มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่เฉลี่ย 6,500 ตารางเมตร คอมแพ็กต์ 4,000 ตารางเมตร มินิคาร์ฟูร์ 2,000 ตารางเมตร รวม 38 สาขา และได้เริ่มทดลองเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ คาร์ฟูร์ซิตี้ ขนาด 300 ตารางเมตร 1 แห่ง
ด้านแหล่งข่าวค้าปลีกรายหนึ่งให้เหตุผลถึงการที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต ถอนตัวออกจากโครงการพาราไดซ์ พาร์ค ว่าที่ผ่านมา คอนเซ็ปต์การเปิดกูร์เมต์ฯเพื่อดึงคนเข้ามาในห้างและจับจ่ายต่อเนื่องไปยังส่วนของดีพาร์ตเมนต์ แต่รูปแบบของพาราไดซ์ พาร์คเป็นศูนย์การค้าอย่างเดียว จึงไม่ตรงกับแนวทางการทำธุรกิจของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่จะเปิดเดี่ยว ๆ แบบสแตนด์อะโลน
ล่าสุด นางชฎาทิพ จูตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์พาร์ค จำกัด ได้เซ็นสัญญากับ นางณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ กรรมการ บริษัท ดาวคอฟฟี่บีนส์ จำกัด สำหรับการเช่าพื้นที่ชั้น 3 ของศูนย์ พาราไดซ์พาร์ค เพื่อเปิดร้านคอฟฟี่บีนส์ บายดาว (Coffee Beans By Dao) ร้านเบเกอรี่และอาหารในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรก ด้วยงบฯลงทุน 15 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ที่อาศัยในโซนกรุงเทพฯตะวันออก ซึ่งเป็นทาร์เก็ตระดับกลาง-บนที่มีกำลังซื้อสูง
Monday, November 2, 2009
MBK เล็งดึง "สยามพิวรรธน์" ร่วมทุน THE NINE
Image by *keng via Flickr
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณถนนพระราม 9 ใน รูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์ จะใช้ชื่อว่าเดอะไนน์ (The Nine) บนพื้นที่ 14 ไร่ โดยได้แก้รูปแบบโครงการใหม่ จากเดิมจะพัฒนาเป็นพื้นที่ค้าปลีก ด้วยการเพิ่มพื้นที่ในส่วนของสำนักงานเข้าไปด้วย แบ่งเป็นพื้นที่คอมมิวนิตี้มอลล์ 2-3 ชั้น ขนาด 1.3 หมื่น ตร.ม. พื้นที่สำนักงานให้เช่า 8,000 ตร.ม. และส่วนที่เหลือจะเป็นพื้นที่ลานจอดรถและส่วนกลาง
การแก้แบบโครงการดังกล่าวทำให้ต้องเพิ่มงบฯ จากเดิมตั้งไว้ 800 ล้านบาท เป็น 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ นายสุเวทย์ให้เหตุผลของการแก้โครงการใหม่ว่า มาจากการสำรวจตลาดโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ต่าง ๆ พบว่าช่วงเวลากลางวันของวันธรรมดา ลูกค้าที่เข้ามาเดินมีจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งการแบ่งพื้นที่เป็นออฟฟิศจะเข้ามาช่วยอุดช่องโหว่ดังกล่าว
โดยคอนเซ็ปต์โครงการเดอะ ไนน์จะมีร้านค้าและสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในย่านนี้ รวมทั้งกลุ่มสินค้าในรูปแบบตลาดสดที่จะเข้ามาเสริม
การลงทุนในโครงการนี้มีความเป็นไปได้ทั้งเอ็มบีเคลงทุนเองหรือเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตรซึ่งอาจเป็นกลุ่มสยามพิวรรธน์ก็เป็นได้ โดยจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้เอ็มบีเคถือหุ้นร่วมลงทุนอยู่แล้วในโครงการพาราไดส์พาร์ค โครงการนี้จะใช้ระยะเวลาพัฒนาประมาณ 1 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2553 หรือต้นปี 2554 เป็นการเปิดในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับโครงการพาราไดส์ พาร์ค
นายสุเวทย์กล่าวต่อไปว่า นอกจากรายได้ศูนย์การค้าที่เป็นรายได้หลักแล้ว บริษัทจะต้องเร่งสร้างรายได้ในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น โดยจะเน้นการทำตลาดในเชิงรุกในช่วง 5 ปีหลังจากนี้ไป เพื่อให้สอดรับกับสัญญาค่าเช่าใหม่ที่จะต้องจ่ายให้กับจุฬาฯ ในปี 2557 ซึ่งประเมินว่าจะเป็นต้นทุนที่ทำให้กำไรลดลง
ตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงนิ่ง ไม่มีอะไรมากระตุ้นมากนัก เห็นได้จากการเติบโตในช่วง 3 เดือนของปีบัญชีของบริษัท (กรกฎาคม-กันยายน) ที่เติบโตเพียง 1-2% จากรายได้รวมใน 6 กลุ่มธุรกิจ คือศูนย์การค้า โรงแรมและการท่องเที่ยว สนามกอล์ฟ ข้าว อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ
ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 6.287 พันล้านบาท แม้ว่าจะเติบโตขึ้น 2.79% แต่กำไรลดลง 6% เนื่องจากธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งศูนย์การค้ากลายเป็นตัวหลักที่เข้ามาขับเคลื่อน โดยมาจากการกระตุ้นด้วยกิจกรรมอีเวนต์ภายในศูนย์ที่เพิ่มขึ้นและผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะขยายคอมมิวนิตี้มอลล์ไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่บริษัทมีที่ดินและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าจะเห็นโครงการนำร่องในอีก 2-3 ปีหลังจากนี้ที่ภูเก็ตก่อน ซึ่งบริษัทมีที่ดิน 400-500 ไร่ สำหรับพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่และสนามกอล์ฟ