Pages

Showing posts with label Positioning. Show all posts
Showing posts with label Positioning. Show all posts

Monday, January 9, 2012

CPALL ทุ่ม 5 พันล.ปี 55 ผุด 7ELEVEN อีก 500 สาขาทั่วไทย


ซีพี ออลล์ฯ ทุ่มทุน 5 พันล.ปี 2555 ลุยขยายอีก 500 สาขาทั่วไทย เตรียมหาทำเลย่านตะวันออกชลบุรี-พัทยาสร้าง D.C.แห่งใหม่กระจายสินค้า รองรับยอดขายโต 15% เผยปีที่ผานมายอดขาย"อีซี่โก"พุ่งกว่า 2 เท่าตัว เตรียมลุยธุรกิจอาหาร-เบเกอรี่-กาแฟ-ผลไม้ปั่น พร้อมประเดิมอาหารเสริมสุขภาพวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้


นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2555 บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มประมาณ 5,000 ล้านบาท ใน 5 งานหลัก ได้แก่ 1.ขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่ม 1 แห่ง เพื่อกระจายสินค้าบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจระหว่างชลบุรี และพัทยาลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท

Monday, December 12, 2011

SIAM PARAGON ปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ เติม30แบรนด์ใหม่ ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็ว


Photo Source:http://www.bangkok.com

 

"สยามพารากอน" เตรียมปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ ขน 30 แบรนด์ใหม่ เติมแม็กเนตมาครบ ทั้ง "แบรนด์ดัง-ซูเปอร์แบรนด์" ย้ำภาพผู้นำศูนย์รวมช็อปปิ้งทุกระดับสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็วจากแรงกระตุ้นรัฐ-เอกชน บวกสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ห่วงกำลังซื้อระดับกลาง-แมสชะงัก


นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน กล่าวถึงทิศทางธุรกิจต่อจากนี้ว่า บริษัทเตรียมปรับพื้นที่ภายในศูนย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับแบรนด์สินค้าและแฟชั่นที่จะเข้ามาเปิดให้บริการ โดยใน ปีหน้าจะมีมากกว่า 30 แบรนด์ใหม่เข้ามาสร้างสีสัน และเป็นแม่เหล็กเติมเต็มภายในศูนย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสยามพารากอน ซึ่งทาร์เก็ตหลักเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นสินค้าและบริการสำหรับไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัยในครอบครัว

Friday, December 9, 2011

INDEX LIVING MALL The Walk โมเดล “เฟอร์นิเจอร์+คอมมูนิตี้”

Story & Photo Source: http://www.positioningmag.com
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ น่าจะเป็นศูนย์เฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะรับมือกับการเข้ามาของอิเกียอย่างไร เพราะมีความทับซ้อนในเรื่องของสินค้า และรูปแบบร้าน
เราถูกนำไปเปรียบเทียบกับอิเกียตลอดเวลา ว่าต้องชนกับเขาตรงๆ เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้านเหมือนกัน แต่อินเด็กซ์มีสิ่งที่ไม่เหมือนคือ บรรยากาศ การแต่งร้าน  การจัดวาง อินเด็กซ์เป็นโฮมแฟชั่น ดีไซน์กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเด็กซ์  ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด อธิบายถึงความแตกต่างของตัวเองกับคู่แข่ง
แม้ว่าจะมีความต่างในหลายๆ ด้าน แต่เมื่อรายใหญ่ลงตลาดอย่างเต็มตัว ก็เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการเดิมในตลาต้องคิด และวางแผนรับมือเช่นกัน เธอบอกว่า รับรู้ถึงการเข้ามาของคู่แข่งมานานแล้ว และได้ลงมือปรับเปลี่ยนอินเด็กซ์ไปมากพอสมควร
สิ่งที่อินเด็กซ์ทำก็คือ การทำสำรวจตลาดทั้งของตัวเอง และคู่แข่งที่มีอยู่ว่าต้องปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมอะไรบ้าง ในทุกแง่มุมทั้งตัวสินค้า บริการ และราคา เพื่อนำมาปรับให้สามารถแข่งขันได้ รวมถึงให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ
อินเด็กซ์มอง 3 ข้อหลักในการทำสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านคือ ออกแบบ ราคา คุณภาพ ซึ่งความต้องการในแต่ละช่วงเวลาของผู้บริโภค และการแข่งขันจะไม่เหมือนกัน แต่ปัจจัยทั้งสามข้อนี้จะเป็นแกนหลัก สลับสับเปลี่ยนกันไปว่าเรื่องใดจะเป็นสัดส่วนหลักในการปรับให้เหมาะสมกับช่วงนั้นๆ
การเข้ามาของอิเกีย ทางอินเด็กซ์ก็ปรับเพิ่มในส่วนของการออกแบบมากขึ้น เพื่อสร้างความต่างและดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ต้องการสินค้าที่ตัวเองชื่นชอบ

SB Furniture ขอเป็น Hub เฟอร์นิเจอร์ไลฟ์สไตล์

Story & Photo Source : http://www.positioningmag.com
เอสบี ดีไซน์ สแควร์เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของเอสบีในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยเงินลงทุน 800 ล้านบาท  มีพื้นที่ขายมากที่สุดคือ 15,000 ตารางเมตร  ซึ่งเป็นสาขาแบบ Standalone ที่ใหญ่ที่สุดของเอสบีด้วย
แน่นนอนว่าสาขานี้คือการรับมือกับอิเกียที่อยู่ห่างไปไม่ถึง 3 กิโลเมตรโดยตรง  และถือว่าเป็นความกล้าและมองการแข่งขันอีกแง่มุมหนึ่ง
เมื่อรายใหญ่มา แถมเป็นแบรนด์ใหญ่ระดับโลกที่คนรู้จักดี เอสบี จึงต้องหาช่องทางที่ตัวเองสามารถทำได้  และสิ่งที่กลุ่มเอสบีเตรียมการไว้รับมือก็คือ ความแตกต่างในเรื่องการบริการและสินค้า  รวมไปถึงการปรับทีมบริหาร ที่ทำงานกันเป็นทีมถึง 4 คน คือ 
ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ดูแลเรื่องการตลาด
สุทธิ์ธิดา ชวาลดิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน  ดูแลเรื่องบัญชี
พิเดช ชวาลดิฐ  ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ดูแลเรื่องสินค้า
ธนธัต ชวาลดิฐ  กรรมการบริหาร   ดูแลในเรื่องการบริหารทั้งหมด
ทั้ง 4 คนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน  และต้องทำงานกันเป็นทีมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ 

Tuesday, April 12, 2011

THAI WATSADU TO OPEN 5 STORES YEARLY

ในวงการธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า กล่าวได้ว่า ตระกูลจิราธิวัฒน์ ผู้บุกเบิกและก่อตั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยังไม่มีใครสามารถล้มแชมป์ลงได้ เห็นได้จากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีการขยายการลงทุนแตกสาขาใหม่ ๆ กระจายครอบคลุมทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดจำนวนนับไม่ถ้วน

แต่เมื่อแตกไลน์ธุรกิจมาเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ด้วยการปั้นแบรนด์ "โฮมเวิร์ค" ขึ้นมาต่อกรกับเจ้าตลาดเดิม "โฮมโปร" ในกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่บุกตลาดนี้มาก่อนล่วงหน้า เห็นได้ชัดว่า การทำตลาดของโฮมเวิร์คในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังเป็นรองค่ายคู่แข่งอยู่หลายขุม

ล่าสุด ตระกูลจิราธิวัฒน์ตัดสินใจอีกรอบด้วยการชูแบรนด์ใหม่ "ไทวัสดุ" ขึ้นมาเจาะตลาดวัสดุก่อสร้าง โฟกัสไปที่กลุ่มผู้รับเหมา สถาปนิก วิศวกร และลูกค้ารายย่อยระดับกลาง-ล่าง โดยยึดหัวหาดทำเลย่านบางบัวทองเป็นฐานที่มั่นแห่งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน และเปิดสาขาแห่งที่ 2 เพิ่มในทำเลสุขาภิบาล 3 และสาขาแห่งที่ 3 ย่านบางนา ที่เพิ่งตัดริบบิ้นเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 900 ล้านบาท

จากผลตอบรับค่อนข้างดีเกินคาด ทำให้ "ไทวัสดุ" กลายเป็น "หัวรบ" ธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มเซ็นทรัลที่จะส่งมาแย่งเค้กก้อนโตในตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 50,000 ล้านบาท

"สุทธิสาร จิราธิวัฒน์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ระบุว่า มีเป้าหมายเปิดสาขาเพิ่ม 3-5 สาขาต่อปีในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองใหญ่และรองที่มีศักยภาพทั่วประเทศ สเกลการลงทุนแต่ละสาขาจะต้องมีขนาดพื้นทกว่า 30,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท

หากเป็นไปตามแผน คาดว่าภายใน 10-15 ปีจากนี้ จำนวนสาขาของร้านไทวัสดุทั่วประเทศจะมีไม่ต่ำกว่า 60 สาขา ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด

Saturday, December 4, 2010

ใครจะอยู่ใครจะไปในตลาดโดนัท

สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป มิสเตอร์โดนัท
Photo Source: Positioning Mag

ตลาดโดนัทคึกคักขึ้นทันตา เมื่อ "คริสปี้ ครีม" โดนัทชื่อดังจากอเมริกาเข้ามาเปิดตลาดในไทยเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดโดนัทโตขึ้นแบบก้าวกระโดด อานิสงส์ไปถึง 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง "มิสเตอร์โดนัท-ดังกิ้น โดนัท" ที่ต่างมองสถานการณ์วันนี้ว่า การแข่งขันจะเข้มข้นดุเดือดขึ้น

โดยเฉพาะปีหน้าที่แต่ละค่ายต้องสร้าง "จุดต่าง" ให้กับแบรนด์ของตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

"สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ" ผู้จัดการทั่วไป มิสเตอร์โดนัท บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าบริษัทจะมีการรีแบรนด์ "มิสเตอร์โดนัท" ใหม่ทั้งหมด โดยถือเป็นการยกเครื่องแบรนด์ ทั้งแบรนด์คอนเซ็ปต์, รูปโฉมร้าน, โลโก้, โปรดักต์, รูปแบบการให้บริการ ตลอดจนถึงยูนิฟอร์มของพนักงาน โดยเน้นความโมเดิร์นมากขึ้น

ที่สำคัญคือเดินหน้าสร้างแบรนด์ มิสเตอร์โดนัทให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด สำหรับ "มิสเตอร์โดนัท" แนวทางช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามุ่งไปทาง "ญี่ปุ่น" ตามบริษัทแม่ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูเด็กลง

Monday, October 25, 2010

Mc Cafe ตอกย้ำไลฟ์สไตล์แบรนด์ ลุยมิวสิกมาร์เก็ตติ้งปีหน้า

แมคโดนัลด์เดินหน้าตอกย้ำไลฟ์สไตล์แบรนด์ "แมคคาเฟ่" ชี้ 3 ปีประสบความสำเร็จ การเติบโต ยอดเปิดสาขาเร็วสุด ล่าสุดผนึก "แบงคอก แฟชั่นวีค" ออกบูทบริการกาแฟ เบเกอรี่ หวังยกอิมเมจแบรนด์ ก่อนลุยมิวสิกมาร์เก็ตติ้งปีหน้า พร้อมทดลองเปิดสแตนด์อะโลนลุยธุรกิจกาแฟเต็มขั้น เตรียมงบฯอีก 500 ล้าน เปิดสาขา รีโนเวตตลอดปีหน้า คาดสิ้นปีโตเกือบ 20%

นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ไลฟ์สไตล์แบรนด์ โดยเปิดบูท "แมคคาเฟ่" เพื่อให้บริการกาแฟและเบเกอรี่ในงาน "แบงคอก อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2010" ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม เวลา 14.00-21.00 น. ณ บริเวณลานฮอลล์ ออฟ เฟรม สยามพารากอน

โดยได้มีการนำร้านแมคคาเฟ่มาจัดตั้งบนพื้นที่ขนาด 25 ตารางเมตร เพื่อรองรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน สิ่งที่บริษัทจะได้รับอย่างชัดเจนคือ การสร้างแบรนด์ แมคคาเฟ่ ตอกย้ำภาพลักษณ์และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่พรีเมี่ยมมากขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าของแมคคาเฟ่จะสูงกว่าแมคโดนัลด์ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโตให้กับแมคคาเฟ่ยังมุ่งดึงกลุ่มลูกค้าแมคโดนัลด์ซึ่งมีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการถึง 5 ล้านคนต่อเดือน หันมาใช้บริการแมคคาเฟ่มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาบริษัทแมคคาเฟ่จะเน้นจัดโปรโมชั่นทั้ง ลดแลกแจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้

Thursday, October 21, 2010

S & P AIMS TO REBRANDING

นายวิทูร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจอาหารในประเทศ
บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)

เอสแอนด์พีเดินหน้ารีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี เริ่มเฟสแรกปรับโลโก้ดีไซน์ สาขา-แพ็กเกจจิ้งสินค้า มุ่งสู่ความทันสมัย พร้อมรีโพซิชันนิ่งลบภาพอาหารไทย ปั้นอิมเมจ อินเตอร์เนชั่นนอลคาเฟ่Ž เผยแผนต้นปีหน้าเตรียมเปิดตัวร้านอาหารญี่ปุ่นหวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ พร้อมเล็งลุยอาหารจานด่วน มั่นใจสิ้นปีโตตามเป้า 13%

เอสแอนด์พีแบรนด์เก่าแก่ของไทยที่วันนี้มีทีมงานเจเนอเรชั่นใหม่ ๆ เข้ามาสานต่อธุรกิจ พร้อมกับภารกิจปรับภาพลักษณ์    แบรนด์ให้ทันสมัย ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์แบรนด์มากขึ้น รวมถึงพัฒนาคอนเซ็ปต์ร้านใหม่ ๆ แบรนด์ใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าโดยไม่จำกัดอยู่แค่เพียง เอสแอนด์พีกับฐานลูกค้าที่เคยมีอยู่เท่านั้น

รีแบรนด์ใหญ่ในรอบ 15 ปี
นายวิทูร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจอาหารในประเทศ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจว่า ปีนี้เป็นปีที่มีการลงทุนด้านการตลาดมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์โดยใช้งบฯหลายสิบล้านบาทเพื่อ    รีแบรนดิ้ง เปลี่ยนโลโก้ ดีไซน์ใหม่ เพื่อทำให้แบรนด์เอสแอนด์พีมีความทันสมัยและมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในมุมมองของผู้บริโภค โดยเริ่มใช้โลโก้ดีไซน์ใหม่ในสื่อโฆษณาต่าง ๆ ไปตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ส่วนป้ายร้านตามสาขาต่าง ๆ จะทยอยปรับ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นใน 2 ปี

ทั้งนี้ ถือเป็นการปรับครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี ปัจจุบันเอสแอนด์พีมีอายุครบ 37 ปี เป็นการปรับ total experience ของผู้บริโภคที่มีต่อเอสแอนด์พี ทั้งบรรยากาศร้าน การจัดวางสินค้า ดีไซน์ แพ็กเกจจิ้ง ต้องไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนี้บริษัทจะมีไกด์หรือทิศทางบิวต์แบรนด์ชัดเจน รวมถึงการบริการที่จากนี้ไปจะเน้นลงทุนเรื่องเทรนนิ่งมากขึ้น

"ขณะนี้การปรับยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น   เริ่มจากโลโก้ไปจนถึงแพ็กเกจจิ้ง ตอนนี้จะเห็นในควิกมีล อาหารพร้อมทานของเอสแอนด์พีที่เป็นแพ็กเกจจิ้งใหม่ หลังจากนี้ก็จะทยอยปรับไปทุกตัวสินค้าภายใต้แบรนด์เอสแอนด์พี โดยเฉพาะสินค้าที่วางจำหน่ายในค้าปลีกต่าง ๆ ซึ่งมีการแข่งขันสูงมาก ที่ผ่านมาการดีไซน์ค่อนข้างสะเปะสะปะ อาหารแบบหนึ่ง คุกกี้แบบหนึ่ง ไส้กรอกอีกแบบ ไม่กลมเกลียวกัน ทำให้ผู้บริโภคหาสินค้าเอสแอนด์พียาก แต่หลังจากนี้เห็นปุ๊บจะรู้เลย คาดว่ากลางปีหน้าจะสามารถเปลี่ยนได้ครบทุกสินค้า"

Monday, October 18, 2010

'แพลทินั่ม'ชี้พื้นที่ค้าส่งทะลัก ลงทุนร้อยล.เชื่อมสกายวอล์ก

"แพลทินั่ม" ชี้ปีหน้าภาพชัด ค้าปลีก-ค้าส่งแข่งกันเดือด ค่ายใหม่-เก่าเตรียมเปิดพื้นที่ขายกว่า 2,000 ห้อง แย่งตลาด "โบ๊เบ๊-จตุจักร" ทุ่ม 100 ล้าน รับเป็นเจ้าภาพสกายวอล์กเชื่อมชิดลม-สี่แยกประตูน้ำ ยึดโมเดล "นิวยอร์กวอล์กกิ้ง สตรีต" ดึงสถาปนิกระดับโลกออกแบบ หวังแล้วเสร็จเปิดพร้อมโครงการใหม่โรงแรม ขึ้นแท่นฮับค้าส่งสินค้าแฟชั่นครบวงจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกางแผนงานเพื่อเตรียมปั้น "ประตูน้ำ" ให้เป็นศูนย์กลางค้าส่งสินค้าแฟชั่นของประเทศ ทั้งการเร่งเปลี่ยนโฉมศูนย์การค้าเก่าให้ทันสมัย เปิดตัวศูนย์การค้าใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกตลาด การปรับภูมิทัศน์ทั้งย่านให้สวยงาม และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่มาจับจ่าย

ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เป็นรูปธรรม เมื่อหัวขบวนสมาคมผู้ประกอบรัฐวิสาหกิจราชประสงค์ "ชาย ศรีวิกรม์" กรุงเทพมหานคร (กทม.) และประชาคมประตูน้ำ ที่นำทีมโดยศูนย์การค้าแพลทินั่ม แฟชั่นมอลล์ ได้เตรียมจะลงทุนเฟสแรก ประมาณ 80-100 ล้านบาท สำหรับโครงการสกายวอล์ก ที่เชื่อมจากชิดลมถึงสี่แยกประตูน้ำ ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า

Thursday, October 14, 2010

ดีลิเวอรี่กระหน่ำแคมเปญชิงลูกค้า THE PIZZA ชูคุ้มค่า

เดอะพิซซ่า คอมปะนี ปลื้มยอดขาย 9 เดือนแรกโต 15-20% เฉพาะดีลิเวอรี่โต 30% ลุยส่งโปรโมชั่นกระตุ้นยอดโค้งท้าย พร้อมชูนวัตกรรมสินค้าพร้อมจุดขาย "คุ้มค่า" ระบุตลาดดีลิเวอรี่เดือด ด้านพิซซ่าฮัทยังไม่หวือหวา ทยอยส่งโปรโมชั่น ดีลิเวอรี่ ท้าชิง ลุยจัดทัพลงตัวก่อนรุกจริง

ตลาดพิซซ่าจากที่เคยต่อสู้กันอย่างดุเดือด มาปีนี้แม้ยังเห็นการออกโปรโมชั่นและเมนูใหม่มาช่วงชิงลูกค้าในช่วง "ฟุตบอลโลก" แต่หากดูในแง่สีสันต้องยอมรับว่า ไม่ได้ดุเด็ดเผ็ดมันเหมือน 1-2 ปีก่อนที่ทั้งผู้นำอย่าง "เดอะพิซซ่า คอมปะนี" และผู้ตามระดับโลกอย่าง "พิซซ่าฮัท" มีการขับเคี่ยวในทุกแง่มุม ทั้งเมนูใหม่ ๆ และโปรโมชั่นที่แข่งกันบลัฟแหลก อาจเรียกได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาจากทางฝั่ง "พิซซ่าฮัท" ผู้นำอันดับ 1 ของโลก อยู่ใน ช่วงการปรับกระบวนทัพ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริหารระดับสูง รวมถึงทีมงานด้านการสื่อสารการตลาด ซึ่งพร้อมจะกลับมารุกอย่างหนักในอนาคต

ขณะที่เดอะพิซซ่า คอมปะนี จากค่าย "ไมเนอร์ ฟู้ด" ก็ยังคงสไตล์ "รุกหนัก" ไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง โดยใช้กลยุทธ์ผู้นำเดินหน้าปรับโฉมร้าน ยกระดับไปสู่ความเป็นร้านอาหารอิตาเลียน ลบภาพความเป็นฟาสต์ฟู้ด หรือ Casual Dining เพื่อยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้นหนึ่ง

FAMILY MART เจาะลึกรายพื้นที่ เพิ่มพันธมิตร'อาหาร'ดันยอด

"แฟมิลี่มาร์ท" ทยอยรีโนเวตสาขางัดกลยุทธ์โลคอลมาร์เก็ตติ้ง จัดกลุ่มลูกค้า-เสิร์ฟสินค้าให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ เล็งเพิ่มพันธมิตรต่อยอดกลุ่มอาหารต่อเนื่อง หลัง ยามาซากิ-พรานทะเลช่วยให้ยอดวิ่งฉิว เผยปลายเดือน ต.ค.เตรียมแคมเปญใหญ่ฉลอง 600 สาขา แจกตั๋วเครื่องบิน-ทองคำ



นายพิรัชญ์ภณ โกพัฒตา กรรมการบริหารสายงานปฏิบัติการและบริหารงานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทได้ทยอยรีโนเวตสาขาและแบ่งกลุ่มลูกค้าให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อจัดสินค้าให้ตรงกับความต้องการแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ลูกค้าสำนักงาน โรงพยาบาล ชุมชน เด็กนักเรียน วัยรุ่น และแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการปรับตัวเพื่อตั้งรับกับสถานการณ์นักท่องเที่ยวลดลง ปัจจุบัน แฟมิลี่มาร์ทมีสาขาในเมืองท่องเที่ยวคิดเป็น 40% จากทั้งหมดเกือบ 600 สาขา โดยเฉพาะเช่น พัทยา สมุย ภูเก็ต ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ลูกค้านักท่องเที่ยวที่พัทยาเริ่มทยอยกลับมาบ้างแล้ว

ประกอบกับปีนี้หน้าฝนค่อนข้างยาวจึงมีการเพิ่มอาหารประเภทถ้วยและสินค้าโกรเซอรี่เข้าไป ขณะที่สาขาในเมืองเน้นที่กลุ่มอาหารตามแนวโน้มความต้องการลูกค้า

Friday, October 8, 2010

FASHION ISLAND ได้ฤกษ์เปิด KIDS ISLAND


"แฟชั่น ไอส์แลนด์" ทุ่ม 50 ล้าน จับมือดรีมเวิลด์ ผุด "คิดส์ ไอส์แลนด์"  โซนใหม่เอาใจหนูๆ ช่วงปิดเทอม ชูแนวคิด "The Joy of Playing"  บนพื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม.  ทั้งเครื่องเล่น กิจกรรมเสริมทักษะ มั่นใจกำลังซื้อปลายปีฟื้น หลัง 8 เดือนรายได้โต 12%

นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหาร ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์  เปิดเผยว่า นโยบายของแฟชั่น ไอส์แลนด์มุ่งเน้นการพัฒนา เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ทั้งนี้ล่าสุดศูนย์ได้พัฒนาพื้นที่ขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อโซน คิดส์ ไอส์แลนด์  ซึ่งเกิดขึ้น จากแนวคิดในการสร้างอาณาจักรแห่งการเรียนรู้ และสร้างเสริมประสบการณ์สำหรับเด็ก โดยร่วมมือกับ เมจิกเวิลด์  ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านสวนสนุกในเครือดรีมเวิลด์

Thursday, September 30, 2010

CP FRESH MART พลิกตำราดึงลูกค้า ยึดถนนสายหลักผุดสาขาปรับดิสเพลย์เพิ่มเมนูจูงใจ

"ซีพีเฟรชมาร์ท" เปิดเกมรุกระลอกใหม่ ทยอยยึดถนนสายหลัก-บ้านจัดสรร เปิดสาขา พร้อมปรับดิสเพลย์ สีสัน หวังสร้างอิมแพ็กต์-เพิ่มฐานลูกค้าใหม่



นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้าน ซีพีเฟรชมาร์ท เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวทางการดำเนินงานจากนี้ไป นอกจากการเพิ่มจำนวนจุดขายทั้งในแง่ของสาขาตู้เย็นชุมชน เพื่อสร้างสโตร์เน็ตเวิร์กแล้ว บริษัทยังจะเน้นในเรื่องของการเพิ่มความหลากหลายหรือเมนูต่าง ๆ ให้มีวาไรตี้มากขึ้น รวมทั้งการพยายามเพิ่มความถี่ของลูกค้าในการเข้าร้าน และดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเพิ่ม

สำหรับการให้น้ำหนักกับอาหาร นายจักร์ชัยกล่าวว่า ซีพีเฟรชมาร์ทจะยังให้น้ำหนักอาหารกล่อง หรืออาหารพร้อมรับประทานมากกว่าอาหารสดที่แม่บ้านจะซื้อนำกลับไปปรุงรับประทานที่บ้าน เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของเวลา นอกจากอาหารพร้อมรับประทานเมนูต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ซีพีเฟรชมาร์ทก็จะพัฒนาอาหารประเภทที่อำนวยความสะดวกให้แม่บ้านสามารถปรุงได้แบบง่าย ๆ ขึ้นมา

"เช่นใน 1 โฟรเซ่น จะมีอาหาร 4 แพ็กข้างใน ยกตัวอย่างข้าวกระเทียมพริกไทย ก็จะมีข้าวสุก, น้ำมันกระเทียม, น้ำมันพริกไทย และเนื้อที่จะใส่ แล้วเวลาคลุกขึ้นมาก็ไปผัดแล้วออกมาอร่อยได้เหมือนเชฟ ตอนเริ่มตั้งร้านซีพีเฟรชมาร์ทเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ตัวเลขขายอาหารสำหรับที่นำไปปรุงอาหาร 90% ตัวเลขอาหารพร้อมรับประทานมีเพียง 5% เท่านั้น แต่มาวันนี้สัดส่วนดังกล่าว กลายไปเป็นอาหารสดลดลงไปเหลือเพียง 60-65% ขณะที่อาหารพร้อมรับประทาน อาหารกล่องขยับขึ้นมา 25-35%"    

7ELEVEN ปรับตัวรับตลาดเปลี่ยน เข้มอาหารสุขภาพ-ลดโลกร้อน


เดินทางมาครบครั้งที่ 9 แล้ว สำหรับงานสัมมนา "ทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน" ที่จัดโดย "ซีพี ออลล์" ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก "เซเว่นอีเลฟเว่น" กับสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจ ค้าปลีกทุนไทย ซึ่งมี "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" นั่งควบตำแหน่งนายกสมาคมฯ และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพี ออลล์

ภายในงานดังกล่าว นอกจากผู้ร่วมงานจะได้รับฟังคีย์ซักเซสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จอย่าง "กรีนเดย์" ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ และผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์มะขามอบบ๊วยตราจี๊ดจ๊าด ที่มาให้ความรู้บนเวทีแล้ว

หลังเวที "สุวิทย์" ยังได้ฉายภาพ ตลาดค้าปลีกหลังเปิดเขตการค้าเสรีไว้ในหลากหลายแง่มุม

"การเปิดเขตการค้าเสรีในแง่ร้านค้าปลีก ขณะนี้อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่สำหรับซัพพลายเออร์ จากนี้ไปต้องมีการปรับตัวมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่สินค้าดั้งเดิมอย่างสินค้าเกษตร เพราะหากไม่ปรับปรุงก็จะถูกสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนชิงตลาดได้"

ที่เห็นได้ชัดคือ ในซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ ที่ตอนนี้มีผลไม้เมืองหนาวแห่เข้ามาขายมากขึ้น หรือแม้กระทั่งในเซเว่นฯเองก็มีกลุ่มสินค้าทานเล่นที่นำเข้าจากประเทศจีนเช่นกัน แต่ยังเป็นสัดส่วนไม่มาก

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว เซเว่นฯจึงร่วมมือกับซัพพลายเออร์ให้มากขึ้น ทั้งการหาสินค้าใหม่ รสชาติใหม่ หรือสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ที่ผ่านมาเกิดสินค้า นวัตกรรมใหม่ ๆ ในท้องตลาด ทั้งปรากฏการณ์ชาเขียวฟีเวอร์ ขนมทานเล่นสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือสินค้าแปรรูปจากพืชผลการเกษตร เช่น มะขามจี๊ดจ๊าด กล้วยเล็บมือนาง ฯลฯ รวมไปถึงสินค้ากลุ่มเบเกอรี่ อย่างเค้กฝอยทอง หรือทองม้วน ฯลฯ

แนวทางที่เซเว่นฯจะร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ที่สำคัญคือ การก้าวตามเทรนด์ใหม่ ๆ ให้ทันอยู่เสมอ

Thursday, June 3, 2010

ลบภาพช้ำ ๆ "FUTURE PARK BANGKAE" "ซอโสตถิกุล" ปั้น "แลนด์มาร์ก" ฝั่งธนฯ


การขยายธุรกิจค้าปลีกด้วยโมเดลศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทำได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการติดโซนนิ่งทางกฎหมายหรือการไล่

เก็บซื้อพื้นที่ผืนขนาดใหญ่พอที่จะลงทุนเป็นศูนย์การค้ายุทธศาสตร์ "เทกโอเวอร์-ควบรวมกิจการ" จึงเป็นสูตรที่กลุ่มทุนค้าปลีกใช้เป็นทางลัดสำหรับการขยายกิจการ

และพื้นที่กว่า 3 แสน ตร.ม. ของศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค กลายเป็นกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดสำหรับการแข่งขันในตลาดค้าปลีกของกลุ่มตระกูล "ซอโสตถิกุล" ที่ก้าวข้ามจากศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ย่านศรีนครินทร์ สู่อีกฟากฝั่งมุมเมือง ด้วยงบฯลงทุนที่เดิมพันสูงถึง 2,500 ล้านบาท
ตลอด 14-15 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค ได้ก้าวผ่านความยากลำบากมาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้วยปัญหาภายในโครงสร้างองค์กรเอง หรือแม้แต่การแข่งขันของธุรกิจรีเทลที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตลอดเวลา จากไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในตลาดที่ปรับเปลี่ยนไป

และจากคู่แข่งในพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นทางเลือก อาทิ เดอะมอลล์ ท่าพระ และเดอะมอลล์ บางแค ที่ประกบดักลูกค้าหัวท้ายตลอดเส้นถนนเพชรเกษม และท่าพระ รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 2 และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่อยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตร

"ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" จึงเติบโตอย่างยากลำบาก แม้ว่าแม็กเนตอย่างห้างสรรพสินค้าโรบิน สัน ไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ ที่เข้ามาแทนที่ห้างสรรพสินค้าเยาฮัน และโรงหนังเครืออีจีวี จะปรับตัวเพิ่มกลยุทธ์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อดึงทราฟฟิกให้เข้ามา และวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ยิ่งเป็นเหมือนช่วงเติมเชื้อความยากลำบากมากยิ่งขึ้น "ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการหลายต่อหลายรอบผ่านบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน เกิด "ดีล" กับตระกูลซอโสตถิกุล

"ตะติยะ ซอโสตถิกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เล่าที่มาที่ไปจนนำไปสู่โปรเจ็กต์ลงทุน 2,500 ล้านบาท เพื่อพลิกโฉม ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค เป็น 2 ปี สำหรับ "ดีล" ที่ถือว่าเงียบมาก ไม่มีใครรู้เลย แม้กระทั่งทีมงานในซีคอนสแควร์ด้วยกันยังเพิ่งจะรู้ หลังจากให้ไปเก็บข้อมูลและเซอร์เวย์ตลาดสำหรับปรับโฉมศูนย์ใหม่นี้

และความเงียบของการเจรจานี้เอง ทำให้ไม่มีคู่แข่ง และซื้อได้ในราคาที่ "หัวเรือใหญ่" ซีคอนสแควร์มองว่าน่าพอใจ แม้ว่าจะไม่บอกตัวเลขกลม ๆ ก็ตาม

ด้วยมั่นใจในศักยภาพของทำเลและพื้นที่กว่า 3 แสน ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่รีเทล 1 แสน ตร.ม. และลานจอดรถรองรับถึง 4,000 คัน ยิ่งเมื่อบวกกับการขยายตัวของเมือง ความหนาแน่นของโครงการหมู่บ้านและความหนาแน่นของจำนวนประชากรกว่า 9.2 แสนคนในรอบรัศมี 10 กิโลเมตร รวมทั้งจากรายได้ต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังก่อสร้าง

ก้าวย่างครั้งนี้ จึงถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของกลุ่มซีคอนฯ ในธุรกิจค้าปลีก นับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์การค้าซีคอนสแควร์มานานกว่า 14 ปี และเป็นครั้งแรกที่ก้าวข้ามมาถึงฝั่งธนฯ ที่แม้แต่ทีมงานยังกล่าวพร้อมเพรียงกันว่า "ใหม่และยังไม่คุ้นชิน"

ซีคอนสแควร์วางเป้าหมายโปรเจ็กต์น้องใหม่นี้ให้เป็น "แลนด์มาร์ก" ฝั่งธนบุรี ยกระดับให้เป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งในย่านนี้ ซึ่งจะปิดศูนย์ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้ทันปิดโฉมใหม่ ภาพลักษณ์ใหม่ และชื่อใหม่ ในต้นปีหน้า

ควบคู่กับการเตรียมโปรเจ็กต์ใหม่ ในส่วนของศูนย์ซีคอนสแควร์ ด้วยพื้นที่โครงการกว่า 5 แสน ตร.ม.นั้นยังคงต้องปรับตัวต่อเนื่อง เพื่อรับการแข่งขันของตลาดในย่านศรีนครินทร์ที่ดุเดือด ทั้งจากคู่แข่งเดิมและคู่แข่งใหม่โดยเฉพาะ "พาราไดซ์พาร์ค" ซีคอนสแควร์วางงบฯ 556 ล้านบาท สำหรับการขยายกลุ่มลูกค้าไปที่ระดับบีมากขึ้น เพื่อเสริมจากกลุ่มแมสที่ยังคงเป็นฐานหลัก ครอบคลุมทั้งรีโนเวตพื้นที่ใหม่ภายในศูนย์ ขยายลานจอดรถรองรับทราฟฟิก และปรับลานด้านหน้าศูนย์ให้ทันสมัยและสวยงาม ซึ่งจะเริ่มในครึ่งปีหลัง

เมื่อก้าวข้ามขึ้นปี 2554 ความพร้อมของแม็กเนตทั้ง 2 ฟากฝั่งชานเมืองกรุงเทพฯที่กลุ่มทุน "ซอโสตถิกุล" เตรียมสร้างกระแสและเป็นสีสันให้กับวงการค้าปลีกจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เรียงกัน ไม่ว่าจะเป็น "ซีคอนสแควร์" ย่านศรีนครินทร์ และโฉมใหม่ "ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" น้องใหม่ฝั่งธนบุรี

Thursday, December 10, 2009

Power Mall รับบอลโลกปรับ4สาขาชูพรีเมี่ยมเน้นโซลูชั่น



"Power Mall" เตรียมแผนบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับโฉม 4 สาขา "งามวงศ์วาน-ดิ เอ็มโพเรียม-บางแค-บางกะปิ" ยกระดับสินค้าเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมผ่านคอนเซ็ปต์โซลูชั่น คาดบอลโลกดันทีวีโต กระฉูด 30-50% มั่นใจสิ้นปีผ่านวิกฤตตลาดซบดันยอด 7.7 พันล้าน





นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดในปีหน้าจะเน้นในเรื่องของการรีโนเวตสาขาให้ทันสมัย เพื่อวางสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยทยอยนำร่องใน 4 สาขาหลัก คืองามวงศ์วาน ดิ เอ็มโพเรียม บางแค และบางกะปิ ซึ่งรูปแบบของร้าน หลังจากปรับโฉมใหม่ Power Mall ได้โฟกัสไปที่กลุ่มสินค้าระดับHi-End ด้วยการจัดดิสเพลย์ โชว์การใช้งานสินค้าที่เชื่อมโยงกัน และให้ลูกค้าได้เห็นภาพการทำงานจริง




รวมทั้งได้เพิ่มพื้นที่สำหรับสินค้ากลุ่มไอทีมากขึ้น เนื่องจากเป็นเทรนด์ของตลาดกระแสหมวดสินค้าไอที-ดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่กับสินค้ากลุ่มจอภาพ ซึ่งได้ปรับพื้นที่วางสินค้าที่เป็นจอบางขนาดใหญ่ ทั้งLCD LED และPlasma TV ให้เป็นตัวหลักขับเคลื่อนยอดขาย ซึ่งนอกจากการจัดวางสินค้าแบบใหม่แล้ว การปรับโฉมสาขาใหม่ จะรองรับภาพการแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของเพาเวอร์มอลล์ได้ดี



นอกจากนี้ ช่วงกลางปีหน้าจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ผู้บริหารสินค้าร้านเพาเวอร์มอลล์ มองว่าจะมีส่วนสำคัญเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างหวังอานิสงส์จากฟุตบอลโลกมาช่วยสร้างยอดขายและเพิ่ม Market Share โดยเฉพาะตลาดทีวีจอบางที่เป็นไฮไลต์หลัก โดยประเมินว่าจะสามารถขยายตัวได้กว่า 30-50% ตลอดช่วงก่อนเริ่มแข่งขัน



"ทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ตลาดจะขยายตัวจากปกติถึง 30-50% ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ที่เปลี่ยนไปคือตลาดกลุ่ม ทีวีจอบางจะขายดี ทั้งแอลซีดีและพลาสม่าทีวี แต่ละค่ายจะเร่งดีมานด์ลูกค้าให้เปลี่ยนจากจอแบนแฟลตทีวีเป็นจอบาง"



นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแอลซีดีทีวีได้รับการเอดูเคตจากผู้ประกอบการแต่ละค่ายมานานแล้ว ขณะที่โครงสร้างราคาที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตอบรับของลูกค้ามีมากขึ้น ทั้งจากการซื้อ ทีวีใหม่เพิ่มขึ้นอีกตัวภายในบ้าน หรือเปลี่ยนจากซีอาร์ทีเป็นจอบาง นอกจากนี้ เพาเวอร์มอลล์ได้เตรียมกิจกรรมเพื่อตอบรับกระแสฟุตบอลโลกครั้งนี้ในหลากหลายรูปแบบ



อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลอดทั้งปีนี้ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาลงและส่งผลกระทบตรงต่อการเติบโตของเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ผู้บริหารร้านเพาเวอร์มอลล์ ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 7,700 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว

Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชน SF



Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชนเอสเอฟ


"Tesco Lotus" ปลื้ม โมเดลพลัส ช็อปปิ้งมอลล์ เปิดแผนรีโนเวตสาขาเดิมต่อเนื่อง ปีหน้าประเดิมที่สาขา "รามอินทรา" เพิ่มพื้นที่จาก 2,000 ตร.ม. เป็น 10,000-15,000 ตร.ม. รองรับกำลังซื้อบีบวก ชูความครบครันและไฮเปอร์มาร์เก็ต ชน Crystal Park -นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว



นางวีณา อรัญญเกษม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารพื้นที่เช่าและสื่อโฆษณา บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าบริษัทจะเดินหน้ารีโนเวตสาขาเดิมที่มีศักยภาพให้เป็นช็อปปิ้งมอลล์อีกหลายสาขา ที่สรุปแล้ว ได้แก่ สาขารามอินทรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาคอนเซ็ปต์ที่เหมาะสม เบื้องต้นจะมีการเพิ่มพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์ให้ใหญ่ขึ้น จากเดิมมีอยู่ 2,000 ตารางเมตร เป็น 10,000-15,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ขายหรือไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีขนาด 8,000-10,000 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง หรือลูกค้าที่อยู่ในระดับบีบวกย่านรามอินทรา




"คอนเซ็ปต์ของสาขารามอินทรา จะขึ้นอยู่กับผลสำรวจประชากร (Market survey)ในพื้นที่เป็นหลัก สำหรับสาเหตุที่บริษัทมั่นใจไปเปิดช็อปปิ้งมอลล์ในย่านนี้ ทั้งๆ ที่มีคอมมิวนิตี้มอลล์เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทั้ง The Crystal Park และ นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว (สยามฟิวเจอร์ฯ) เพราะของเราเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีไฮเปอร์มาร์เก็ตในย่านนั้น"



นางวีณากล่าวด้วยว่า หลังเปิดตัว พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ ศรีนครินทร์ และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ชลบุรีไปแล้ว พบว่าได้รับผลตอบรับดีมาก มีรายได้จากพื้นที่ขายและพื้นที่เช่าเป็นที่น่าพอใจ คีย์ซักเซสอยู่ที่การหาสินค้าและบริการที่โดนใจลูกค้าในพื้นที่และการวาง Positioning เป็นทาวน์เซ็นเตอร์ ทั้งในเรื่องอาหารและความบันเทิง โดยเฉพาะที่อมตะที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นพนักงานในโรงงานมากกว่า 90,000 คน



"Tesco มีสาขาหลายแห่งที่มีศักยภาพมากพอที่จะรีโนเวตเป็นช็อปปิ้งมอลล์ และปีหน้าเราจะทยอยรีโนเวตสาขาเดิมให้ครบก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดโมเดลช็อปปิ้งมอลล์ สาขาใหม่ได้ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป" นางวีณากล่าว



ก่อนหน้านี้ นายสตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่าวาง Strategy เปิด พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ 2-3 สาขาต่อปี ทั้งนี้รูปแบบพลัสฯจะเป็นสาขาที่มีพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์มากกว่าพื้นที่ขายของTesco Lotus ที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้ว เช่น บางกะปิ ศาลายา กระบี่ เพชรบูรณ์ นวนคร ปิ่นเกล้า สมุย ซึ่งสาขาเดิมเหล่านี้ก็มีศักยภาพที่จะรีแบรนด์เป็นพลัสฯได้ในอนาคต



"เป้าหมายในการเปิดสาขาในรูปแบบพลัสฯ เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากเดิมนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว ก็มีกลุ่มที่ชอบเดินดูสินค้ามากขึ้น รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมีความ ยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากกว่าโมเดลอื่น ๆ"



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสำเร็จของพลัสฯยังเกิดจากการสร้าง Brand ผ่านอีเวนต์ที่อินเทรนด์ มีความหลากหลายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องความบันเทิง ดนตรี หรือกีฬา ดีไซน์ให้อีเวนต์แต่ละครั้งตอบสนองกลุ่ม เป้าหมายต่างกัน เช่น อีเวนต์สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น เพื่อให้เกิดกระแสปาก ต่อปาก รวมถึงการอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จอดรถ หรือการวางเลย์เอาต์พื้นที่ให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าได้ง่าย



นางวีณายังกล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในฟู้ดคอร์ตของTesco Lotus Plus ตั้งแต่วันนี้จนถึง 3 ม.ค. ได้จัดโปรโมชั่น พลัส มอลล์ ชวนอร่อยลุ้นทองส่งท้ายปี โดยลูกค้าที่ซื้อบัตรในชนิดไม่แลกคืนทุก 70 บาท ในศูนย์อาหาร มีสิทธิ์รับคูปองชิงโชค ลุ้นรับสร้อยคอทองคำและรางวัลอื่น ๆ อาทิ รถจักรยาน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และพัดลม รวมมูลค่า 1 ล้านบาท



"เราตั้งเป้าการเติบโตจากโปรโมชั่น ดังกล่าว 10-15% จากที่ผ่านมาศูนย์อาหารมีการเติบโตอยู่ที่ 5%"




Reblog this post [with Zemanta]

Friday, November 27, 2009

BOOTS REPOSITIONING

Alliance BootsImage via Wikipedia

ภายหลังจาก "สเตฟาโน เพซซินา" ผู้บริหารชาวอิตาเลียน ร่วมกับโคลห์เบิร์ก คราวิส โรเบิร์ตส์ แอนด์ โค (เคเคอาร์) เข้าซื้อกิจการของ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" เชนร้านขายยาที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในทวีปยุโรปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา "เพซซินา" ในฐานะประธานของอัลไลแอนซ์ บู๊ทส์ ต้องการปรับเปลี่ยนบู๊ทส์จากธุรกิจร้านขายยาสัญชาติอังกฤษ ไปสู่การเป็นบริษัทด้านสุขภาพและความงามระดับโลก



โดยอาศัย 2 เครื่องมือหลักเพื่อบรรลุภารกิจดังกล่าว นั่นคือ การเดินหน้าซื้อกิจการทั้งขนาดเล็กและใหญ่ และการขยายธุรกิจ "ครีมลดริ้วรอย"



วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ครีมบำรุงผิวภายใต้แบรนด์ "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่บู๊ทส์จะสร้างความสำเร็จในทวีปยุโรป เหมือนกับ "บู๊ทส์ นัมเบอร์ 7" ที่สำเร็จในอังกฤษมาแล้ว โดย "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" ถือเป็นไลน์สินค้าใหม่ ซึ่งรวมไปถึงครีมบำรุงผิวที่ปัจจุบันมีจำหน่ายในร้านขายยาในฝรั่งเศสและโปรตุเกสเท่านั้น




แต่ในไม่ช้าแบรนด์ดังกล่าวจะสามารถหาซื้อได้อย่างกว้างขวางในทวีปยุโรป ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเพซซินาที่จะต้องการทำให้เป็นไลน์สินค้าที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ในอนาคต



เพซซินา ประธานบริหารของอัลไลแอนซ์ บู๊ทส์ กล่าวว่า หนึ่งในโครงการหลักสำหรับอนาคตคือสร้างบู๊ทส์ให้เป็นอินเตอร์แบรนด์ โดยขายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ออกไปนอกประเทศอังกฤษ



หลังจากการซื้อขายหุ้นในปี 2550 บริษัทจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ใน 15 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเปิดร้านขายยาในหลายประเทศ ตั้งแต่เนเธอร์แลนด์จนถึงประเทศไทย และจัดหายาให้กับแพทย์กว่า 140,000 คน รวมถึงร้านขายยาและโรงพยาบาลทั่วโลก



อานิสงส์จากธุรกิจดูแลผิวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือมียอดเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 9 พันล้านปอนด์ หรือราว 15 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนนับถึงวันที่ 30 กันยายน



แต่สำหรับ "เพซซินา" มองว่ายังเป็นการเติบโตที่ไม่มากนัก โดยเขาเชื่อว่าในไม่ช้าบริษัทต้องเผชิญกับการเติบโตที่จำกัด ซึ่งต้องพยายามทุ่มเทเวลาเพื่อจะซื้อกิจการที่ส่งผลต่ออนาคตของบริษัท



"เพซซินา" กล่าวว่า ยังมีดีลควบรวมกิจการที่มีศักยภาพอีกมาก ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการซื้อ กิจการของบู๊ทส์อยู่ในยุโรป



อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความพยายามเหล่านี้จะสำเร็จด้วยดีทั้งหมด อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ล้มเหลวในการเจรจาซื้อกิจการบางส่วนของ "Apoteket" ร้านขายยาที่ดำเนินกิจการแบบผูกขาดในสวีเดน และรัฐบาลสวีเดนนำออกประมูล แต่ดีลนี้กลับสร้างความเสี่ยงต่อบู๊ทส์มากกว่าการเข้าซื้อกิจการร้านขายยาในนอร์เวย์เมื่อปี 2543 ดังนั้น เสนอซื้อกิจการใด ๆ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง



"ถ้าเราพบร้านขายยาในราคาที่เหมาะสม ก็จะซื้อกิจการ แต่หากต้องจ่ายแพงเกินไป เหมือนกรณีที่สวีเดน เราก็คงไม่"



ขณะนี้คู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจสุขภาพกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของ "เพซซินา" หลังการเข้าซื้อ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ร่วมกับเคเคอาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของเขาเพื่อต้องการแยกสินทรัพย์ออกเป็นส่วน ๆ หรือมุ่งมั่น จะดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตในระยะยาว



อย่างไรก็ตาม "เพซซินา" ยืนยันว่า เป้าหมายของเขาคือต้องการให้บริษัทดำรงอยู่ได้ในระยะยาว โดยพยายามไล่ซื้อกิจการร้านขายยา เปิดตัวผลิตภัณฑ์และนำเสนอบริการ ซึ่งสะท้อนถึงแผนระยะยาว



"ลูก้า โซลก้า" นักวิเคราะห์ด้านรีเทลของอัลไลแอนซ์ เบิร์นสไตน์ในลอนดอน มองว่า บู๊ทส์มีโอกาสสูงในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ในยุโรป สิ่งที่เพซซินาเข้าใจคือ บรรดาเภสัชกรต้องการแบรนด์ร้านขายยาที่แข็งแกร่ง ที่สามารถจำหน่ายสินค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อต่อกรกับบรรดาร้านขายยาในซูเปอร์มาร์เก็ต





Reblog this post [with Zemanta]

Monday, November 23, 2009

CENTRAL ยื่นแผนรถไฟฯทุ่ม2.4พันล้านปรับโฉมสาขาลาดพร้าวหลังต่อสัญญา20ปี เล็งปิดซ่อมยาว1ปี



ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก"เซ็นทรัล"ยื่นแผนการรถไฟฯหลังต่อสัญญาเช่าอีก 20 ปี กางแผนลงทุนขยายฐานธุรกิจเต็มสูบ ทุ่ม 2.4 พันล้านบาท รีโนเวต"เซ็นทรัล ลาดพร้าว-โรงแรม" แบบยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งภายนอก-ภายใน ชี้โมเดิร์นไม่น้อยหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แย้มอาจปิดห้างชั่วคราว 1 ปี หวังให้เบ็ดเสร็จภายในครั้งเดียว



แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะยังชะลอตัวแต่ยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัลของตระกูล "จิราธิวัฒน์" ยังขยับรุกด้วยการเคลื่อนไหวลงทุนต่อเนื่อง โดยฉวยจังหวะขยายธุรกิจรอรับเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังติดเบรกเรื่องการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง ล่าสุดนอกจากจะวาดแผนรีโนเวตศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ที่ต่อสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อีก 20 ปี โดยจะปรับโฉมใหม่ทั้งหมด บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ "โฮมเวิร์ค" เตรียมเปิดตัวสโตร์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งรูปแบบใหม่ (New Format Store) แย่งเค้กตลาดวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งเพิ่มขึ้นด้วย





@ เล็งปิด "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" 1 ปี รีโนเวต

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังบริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด ได้ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ 47.22 ไร่ ออกไปอีก 20 ปี โดยให้ผลตอบแทน ร.ฟ.ท.รวม 21,298 ล้านบาท ซึ่งเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ปัจจุบันเซ็นทรัลฯได้เริ่มปรับปรุงบูรณะพัฒนา (Renovation) พื้นที่ โดยจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 2,400 ล้านบาท เฉพาะในส่วนโรงแรมก่อนซึ่งคืบหน้าไปมาก สำหรับศูนย์การค้าได้ส่งแบบการปรับปรุงพื้นที่มาให้การรถไฟฯพิจารณาแล้ว"

โดยเซ็นทรัลฯต้องการจะปรับปรุงสาขาลาดพร้าวใหม่ทั้งหมดให้สมบูรณ์แบบและทันสมัย โมเดิร์นมากขึ้นทั้งภายใน-ภายนอก รูปแบบจะคล้ายกับเซ็นทรัลเวิลด์




ตามสัญญาเซ็นทรัลฯจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จบางส่วนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เว้นในส่วนที่ต้องยื่นแบบต่อส่วนราชการพิจารณา และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี หลังได้รับอนุมัติ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2556

ในส่วนของศูนย์การค้านั้น แหล่งข่าวระบุว่า เซ็นทรัลฯต้องการจะปิดให้บริการเพื่อปรับปรุง ระยะเวลาประมาณ 1 ปี เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ภายในครั้งเดียว เนื่องจากเฉพาะส่วนห้างคาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงกว่า 7 เดือนจะแล้วเสร็จ แทนที่จะทยอยปิดเป็นช่วง ๆ ภายในเวลา 5 ปี ตามที่เสนอไว้แต่ต้น เพราะประเมินแล้ว หากเปิดให้บริการระหว่างปรับปรุงอาจมีปัญหาเรื่องเสียง ฝุ่นละออง ฯลฯ การปิดให้บริการชั่วคราวน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า




แหล่งข่าวซัพพลายเออร์รายใหญ่กล่าวว่า เซ็นทรัลได้แจ้งให้ทราบแล้ว ว่าจะมีการรีโนเวตห้างครั้งใหญ่ แต่จะเริ่มเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งให้ทราบ สำหรับบริการด้านความสวยความงาม เบื้องต้นทราบแต่เพียงว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่โซนออฟฟิศ




"ตอนนี้ทางห้างยังไม่ได้แจ้งว่าจะรีโนเวตพื้นที่ทั้งหมดพร้อมกันหรือจะทยอยทำทีละส่วน แต่ส่วนตัวคิดว่าหากต้องปิดห้างพร้อมกันทั้งหมด หน้าร้านต่าง ๆ คงไม่ยอม เพราะต้องขาดรายได้ครั้งใหญ่ เว้นเสียแต่จะมีดีลพิเศษให้ เช่น การเว้นค่าเช่าในช่วงเดือนแรก ๆ หลังรีโนเวตเสร็จ"

จากการสอบถามร้านเช่าในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว พบว่าส่วนใหญ่ทราบเรื่องที่เซ็นทรัลจะรีโนเวตห้างแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งว่าเมื่อใด หลายร้านทราบคร่าว ๆ แล้วว่า จะต้องมีการย้ายตำแหน่งร้าน เพื่อจัดเป็นโซนต่าง ๆ เช่น โซนแฟชั่นที่ต้องย้ายไปอยู่ชั้น 1




รายงานข่าวจากกลุ่มเซ็นทรัลระบุว่า แนวโน้มรูปแบบของการรีโนเวตสาขาลาดพร้าวอาจจะเปลี่ยนเป็นการปิดทั้งศูนย์ จากแผนงานเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้จะทยอยปรับเป็นส่วน ๆ และยังคงเปิดให้บริการตามเดิมซึ่งอาจต้องจะใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ปี ก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นการปรับครั้งใหญ่เพื่อยกระดับศูนย์ลาดพร้าวเป็น "นิวลุก" เทียบเท่ากับ "เซ็นทรัลเวิลด์"




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มบอร์ดผู้บริหารระดับสูงกลุ่มเซ็นทรัลได้ประชุมพร้อมกันที่พัทยาเพื่อสรุปแผนงานพร้อมวางแนวทางธุรกิจสำหรับชี้แจงให้แต่ละหน่วยธุรกิจของเซ็นทรัลได้แจ้งต่อคู่ค้าและพันธมิตรได้รับทราบนโยบายในลำดับต่อไป




@ ยกชั้นโรงแรมเป็น 5 ดาวเต็มรูปแบบ

แหล่งข่าวจากโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพ เปิดเผยว่า การปรับปรุงโรงแรมครั้งนี้จะเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมไปสู่โรงแรมระดับ 5 ดาวเต็มรูปแบบ ในสไตล์ฮิปโฮเต็ล คอนเทมโพรารี ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท ใช้เวลาการปรับปรุง 2 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2552 เสร็จสิ้นปี 2554




โฉมใหม่ โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ จะปรับผังใหม่หมด จัดโซนนิ่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ มีการติด Wi-Fi ทุกจุด ในส่วนห้องพักจะปรับจำนวนให้ลดลงแต่หรูหราขึ้น โดยจะยกเลิกห้องซูพีเรียร์ทั้งหมด มีแต่ห้องระดับเดอลุกซ์ขึ้นไป ตกแต่งแบบโมเดิร์นคอนเทมโพรารี ในส่วนนี้อยู่ระหว่างปรับแบบยกทั้งฟลอร์ ส่วนห้องประชุม สัมมนา และห้องอาหาร จะเริ่มดำเนินการปีหน้า โดยจะเพิ่มส่วนสกายเลานจ์ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และเซ็นทาราสปาในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมทั้งปรับพื้นที่ใช้สอยด้านนอก และที่จอดรถให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น




ส่วนห้องบางกอกคอนเวนชั่นฮอลล์ที่อยู่บนชั้น 4-5 ของห้างสรรพค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว จะปิดการให้บริการราว 1 ปี เพื่อปรับปรุง โดยจะเริ่มในปีหน้า หลังงานประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเสร็จสิ้นลง



Reblog this post [with Zemanta]

7ELEVEN จับมือซัพพลายเออร์ พัฒนาสินค้าย้ำอิ่มสะดวก-ติดโลโก้การันตีคุณภาพ



"เซเว่นฯ" จับมือซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้า-ทุ่มโฆษณา ดึงคนเข้าร้าน ทยอยแปะโลโก้เซเว่นฯรับรองคุณภาพ-ความสะอาด ประเดิมที่อาหารกล่องก่อนขยายผลไปสู่ เบเกอรี่ ตั้งเป้าปีหน้าการันตี 100 เอสเคยู เผยหลังปรับเป็นร้านอิ่มสะดวก ข้าวกล่องวิ่งฉิวกวาดนิ่ม ๆ 5 ล้าน/เดือน






นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อดึงลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น บริษัทจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้าร่วมกัน ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคว่าสินค้ามีวางจำหน่ายในเซเว่นฯผ่านสื่อทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มใช้กลยุทธ์นี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และพบว่าช่วยเพิ่มยอดขายให้ซัพพลายเออร์ได้เป็นจำนวนมาก




ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้นำโลโก้ของเซเว่นฯมาใส่เพิ่มในบรรจุภัณฑ์ เพื่อรับประกันเรื่องคุณภาพและความสะอาดแก่ลูกค้า เบื้องต้นเป็นกลุ่มสินค้าพร้อมดื่มและพร้อมรับประทาน เช่น อาหารกล่องแช่แข็ง ต่อไปคือกลุ่มเบเกอรี่



"ปัจจุบันสินค้าที่มีโลโก้ของเซเว่นฯปิดอยู่บนแพ็กเกจมีประมาณ 20 เอสเคยู และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มอีกไม่เกิน 100 เอสเคยู จากจำนวนสินค้าในร้านทั้งหมด 2,000-2,200 เอสเคยู"



ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะเพิ่มสินค้า โอนลี่แอต (only @) หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯโดยเฉพาะ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเฟิรสต์ (first) หรือสินค้าที่ขายในเซเว่นฯเป็นที่แรก เช่น ไอศกรีมวอลล์ ชาเขียว มัทฉะ และเร็ว ๆ นี้กำลังจะเปิดตัวทิสชูของแบรนด์คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งสินค้าเฟิรสต์ในปีหน้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องดื่ม เพื่อให้สอดคล้องกับอากาศร้อนของเมืองไทย



นายยุทธศักดิ์ยังกล่าวด้วยว่า การสร้างคอนเซ็ปต์ร้านอิ่มสะดวกของเซเว่นฯ ขณะนี้ถือว่าผ่านช่วงแนะนำไปแล้ว และกำลังอยู่ในระยะเติบโต โดยเฉพาะอาหารกล่องมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 5 ล้านกล่อง แบ่งเป็นอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน 4 ล้านกล่อง และอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน 1 ล้านกล่อง ปัจจุบันมีสินค้าประเภทอาหาร 75% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 80% ภายใน 3-5 ปี



สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งงบฯการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ วางแผนขยายสาขาอีก 450 แห่ง ซึ่ง 10 เดือนที่ผ่านมา เซเว่นฯเติบโตทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 5-10% แม้แต่สาขาที่อยู่ในย่านโรงงานซึ่งยอดขายเคยตกไป 5-10% ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นติดลบอยู่เพียง 2% โดยผลดำเนินงานในไตรมาส 3 มีรายได้ 28,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% และมีผลกำไร 1,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน" นายยุทธศักดิ์กล่าว




LinkWithin

Related Posts with Thumbnails