Monday, January 9, 2012
CPALL ทุ่ม 5 พันล.ปี 55 ผุด 7ELEVEN อีก 500 สาขาทั่วไทย
Monday, December 12, 2011
SIAM PARAGON ปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ เติม30แบรนด์ใหม่ ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็ว
![]() |
Photo Source:http://www.bangkok.com |
"สยามพารากอน"
เตรียมปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ ขน 30 แบรนด์ใหม่ เติมแม็กเนตมาครบ ทั้ง
"แบรนด์ดัง-ซูเปอร์แบรนด์"
ย้ำภาพผู้นำศูนย์รวมช็อปปิ้งทุกระดับสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง
ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็วจากแรงกระตุ้นรัฐ-เอกชน บวกสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
ห่วงกำลังซื้อระดับกลาง-แมสชะงัก
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ
ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน
กล่าวถึงทิศทางธุรกิจต่อจากนี้ว่า
บริษัทเตรียมปรับพื้นที่ภายในศูนย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับแบรนด์สินค้าและแฟชั่นที่จะเข้ามาเปิดให้บริการ
โดยใน ปีหน้าจะมีมากกว่า 30 แบรนด์ใหม่เข้ามาสร้างสีสัน
และเป็นแม่เหล็กเติมเต็มภายในศูนย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสยามพารากอน
ซึ่งทาร์เก็ตหลักเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นสินค้าและบริการสำหรับไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัยในครอบครัว
Friday, December 9, 2011
INDEX LIVING MALL The Walk โมเดล “เฟอร์นิเจอร์+คอมมูนิตี้”
![]() |
Story & Photo Source: http://www.positioningmag.com |
SB Furniture ขอเป็น Hub เฟอร์นิเจอร์ไลฟ์สไตล์
![]() |
Story & Photo Source : http://www.positioningmag.com |
Tuesday, April 12, 2011
THAI WATSADU TO OPEN 5 STORES YEARLY
Saturday, December 4, 2010
ใครจะอยู่ใครจะไปในตลาดโดนัท
![]() |
สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้จัดการทั่วไป มิสเตอร์โดนัท Photo Source: Positioning Mag |
Monday, October 25, 2010
Mc Cafe ตอกย้ำไลฟ์สไตล์แบรนด์ ลุยมิวสิกมาร์เก็ตติ้งปีหน้า
Thursday, October 21, 2010
S & P AIMS TO REBRANDING
![]() |
นายวิทูร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจอาหารในประเทศ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) |
Monday, October 18, 2010
'แพลทินั่ม'ชี้พื้นที่ค้าส่งทะลัก ลงทุนร้อยล.เชื่อมสกายวอล์ก
Thursday, October 14, 2010
ดีลิเวอรี่กระหน่ำแคมเปญชิงลูกค้า THE PIZZA ชูคุ้มค่า
FAMILY MART เจาะลึกรายพื้นที่ เพิ่มพันธมิตร'อาหาร'ดันยอด
Friday, October 8, 2010
FASHION ISLAND ได้ฤกษ์เปิด KIDS ISLAND
Thursday, September 30, 2010
CP FRESH MART พลิกตำราดึงลูกค้า ยึดถนนสายหลักผุดสาขาปรับดิสเพลย์เพิ่มเมนูจูงใจ
7ELEVEN ปรับตัวรับตลาดเปลี่ยน เข้มอาหารสุขภาพ-ลดโลกร้อน
Thursday, June 3, 2010
ลบภาพช้ำ ๆ "FUTURE PARK BANGKAE" "ซอโสตถิกุล" ปั้น "แลนด์มาร์ก" ฝั่งธนฯ

การขยายธุรกิจค้าปลีกด้วยโมเดลศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทำได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการติดโซนนิ่งทางกฎหมายหรือการไล่
เก็บซื้อพื้นที่ผืนขนาดใหญ่พอที่จะลงทุนเป็นศูนย์การค้ายุทธศาสตร์ "เทกโอเวอร์-ควบรวมกิจการ" จึงเป็นสูตรที่กลุ่มทุนค้าปลีกใช้เป็นทางลัดสำหรับการขยายกิจการ
และพื้นที่กว่า 3 แสน ตร.ม. ของศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค กลายเป็นกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดสำหรับการแข่งขันในตลาดค้าปลีกของกลุ่มตระกูล "ซอโสตถิกุล" ที่ก้าวข้ามจากศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ย่านศรีนครินทร์ สู่อีกฟากฝั่งมุมเมือง ด้วยงบฯลงทุนที่เดิมพันสูงถึง 2,500 ล้านบาท
ตลอด 14-15 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค ได้ก้าวผ่านความยากลำบากมาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้วยปัญหาภายในโครงสร้างองค์กรเอง หรือแม้แต่การแข่งขันของธุรกิจรีเทลที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตลอดเวลา จากไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในตลาดที่ปรับเปลี่ยนไป
และจากคู่แข่งในพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นทางเลือก อาทิ เดอะมอลล์ ท่าพระ และเดอะมอลล์ บางแค ที่ประกบดักลูกค้าหัวท้ายตลอดเส้นถนนเพชรเกษม และท่าพระ รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 2 และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่อยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตร
"ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" จึงเติบโตอย่างยากลำบาก แม้ว่าแม็กเนตอย่างห้างสรรพสินค้าโรบิน สัน ไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ ที่เข้ามาแทนที่ห้างสรรพสินค้าเยาฮัน และโรงหนังเครืออีจีวี จะปรับตัวเพิ่มกลยุทธ์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อดึงทราฟฟิกให้เข้ามา และวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ยิ่งเป็นเหมือนช่วงเติมเชื้อความยากลำบากมากยิ่งขึ้น "ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการหลายต่อหลายรอบผ่านบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน เกิด "ดีล" กับตระกูลซอโสตถิกุล
"ตะติยะ ซอโสตถิกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เล่าที่มาที่ไปจนนำไปสู่โปรเจ็กต์ลงทุน 2,500 ล้านบาท เพื่อพลิกโฉม ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค เป็น 2 ปี สำหรับ "ดีล" ที่ถือว่าเงียบมาก ไม่มีใครรู้เลย แม้กระทั่งทีมงานในซีคอนสแควร์ด้วยกันยังเพิ่งจะรู้ หลังจากให้ไปเก็บข้อมูลและเซอร์เวย์ตลาดสำหรับปรับโฉมศูนย์ใหม่นี้
และความเงียบของการเจรจานี้เอง ทำให้ไม่มีคู่แข่ง และซื้อได้ในราคาที่ "หัวเรือใหญ่" ซีคอนสแควร์มองว่าน่าพอใจ แม้ว่าจะไม่บอกตัวเลขกลม ๆ ก็ตาม
ด้วยมั่นใจในศักยภาพของทำเลและพื้นที่กว่า 3 แสน ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่รีเทล 1 แสน ตร.ม. และลานจอดรถรองรับถึง 4,000 คัน ยิ่งเมื่อบวกกับการขยายตัวของเมือง ความหนาแน่นของโครงการหมู่บ้านและความหนาแน่นของจำนวนประชากรกว่า 9.2 แสนคนในรอบรัศมี 10 กิโลเมตร รวมทั้งจากรายได้ต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่กำลังก่อสร้าง
ก้าวย่างครั้งนี้ จึงถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของกลุ่มซีคอนฯ ในธุรกิจค้าปลีก นับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์การค้าซีคอนสแควร์มานานกว่า 14 ปี และเป็นครั้งแรกที่ก้าวข้ามมาถึงฝั่งธนฯ ที่แม้แต่ทีมงานยังกล่าวพร้อมเพรียงกันว่า "ใหม่และยังไม่คุ้นชิน"
ซีคอนสแควร์วางเป้าหมายโปรเจ็กต์น้องใหม่นี้ให้เป็น "แลนด์มาร์ก" ฝั่งธนบุรี ยกระดับให้เป็นศูนย์การค้าที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับคู่แข่งในย่านนี้ ซึ่งจะปิดศูนย์ในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้ทันปิดโฉมใหม่ ภาพลักษณ์ใหม่ และชื่อใหม่ ในต้นปีหน้า
ควบคู่กับการเตรียมโปรเจ็กต์ใหม่ ในส่วนของศูนย์ซีคอนสแควร์ ด้วยพื้นที่โครงการกว่า 5 แสน ตร.ม.นั้นยังคงต้องปรับตัวต่อเนื่อง เพื่อรับการแข่งขันของตลาดในย่านศรีนครินทร์ที่ดุเดือด ทั้งจากคู่แข่งเดิมและคู่แข่งใหม่โดยเฉพาะ "พาราไดซ์พาร์ค" ซีคอนสแควร์วางงบฯ 556 ล้านบาท สำหรับการขยายกลุ่มลูกค้าไปที่ระดับบีมากขึ้น เพื่อเสริมจากกลุ่มแมสที่ยังคงเป็นฐานหลัก ครอบคลุมทั้งรีโนเวตพื้นที่ใหม่ภายในศูนย์ ขยายลานจอดรถรองรับทราฟฟิก และปรับลานด้านหน้าศูนย์ให้ทันสมัยและสวยงาม ซึ่งจะเริ่มในครึ่งปีหลัง
เมื่อก้าวข้ามขึ้นปี 2554 ความพร้อมของแม็กเนตทั้ง 2 ฟากฝั่งชานเมืองกรุงเทพฯที่กลุ่มทุน "ซอโสตถิกุล" เตรียมสร้างกระแสและเป็นสีสันให้กับวงการค้าปลีกจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เรียงกัน ไม่ว่าจะเป็น "ซีคอนสแควร์" ย่านศรีนครินทร์ และโฉมใหม่ "ฟิวเจอร์ พาร์ค บางแค" น้องใหม่ฝั่งธนบุรี
Thursday, December 10, 2009
Power Mall รับบอลโลกปรับ4สาขาชูพรีเมี่ยมเน้นโซลูชั่น

"Power Mall" เตรียมแผนบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับโฉม 4 สาขา "งามวงศ์วาน-ดิ เอ็มโพเรียม-บางแค-บางกะปิ" ยกระดับสินค้าเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมผ่านคอนเซ็ปต์โซลูชั่น คาดบอลโลกดันทีวีโต กระฉูด 30-50% มั่นใจสิ้นปีผ่านวิกฤตตลาดซบดันยอด 7.7 พันล้าน
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดในปีหน้าจะเน้นในเรื่องของการรีโนเวตสาขาให้ทันสมัย เพื่อวางสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยทยอยนำร่องใน 4 สาขาหลัก คืองามวงศ์วาน ดิ เอ็มโพเรียม บางแค และบางกะปิ ซึ่งรูปแบบของร้าน หลังจากปรับโฉมใหม่ Power Mall ได้โฟกัสไปที่กลุ่มสินค้าระดับHi-End ด้วยการจัดดิสเพลย์ โชว์การใช้งานสินค้าที่เชื่อมโยงกัน และให้ลูกค้าได้เห็นภาพการทำงานจริง
รวมทั้งได้เพิ่มพื้นที่สำหรับสินค้ากลุ่มไอทีมากขึ้น เนื่องจากเป็นเทรนด์ของตลาดกระแสหมวดสินค้าไอที-ดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่กับสินค้ากลุ่มจอภาพ ซึ่งได้ปรับพื้นที่วางสินค้าที่เป็นจอบางขนาดใหญ่ ทั้งLCD LED และPlasma TV ให้เป็นตัวหลักขับเคลื่อนยอดขาย ซึ่งนอกจากการจัดวางสินค้าแบบใหม่แล้ว การปรับโฉมสาขาใหม่ จะรองรับภาพการแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของเพาเวอร์มอลล์ได้ดี
นอกจากนี้ ช่วงกลางปีหน้าจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ผู้บริหารสินค้าร้านเพาเวอร์มอลล์ มองว่าจะมีส่วนสำคัญเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างหวังอานิสงส์จากฟุตบอลโลกมาช่วยสร้างยอดขายและเพิ่ม Market Share โดยเฉพาะตลาดทีวีจอบางที่เป็นไฮไลต์หลัก โดยประเมินว่าจะสามารถขยายตัวได้กว่า 30-50% ตลอดช่วงก่อนเริ่มแข่งขัน
"ทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ตลาดจะขยายตัวจากปกติถึง 30-50% ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ที่เปลี่ยนไปคือตลาดกลุ่ม ทีวีจอบางจะขายดี ทั้งแอลซีดีและพลาสม่าทีวี แต่ละค่ายจะเร่งดีมานด์ลูกค้าให้เปลี่ยนจากจอแบนแฟลตทีวีเป็นจอบาง"
นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแอลซีดีทีวีได้รับการเอดูเคตจากผู้ประกอบการแต่ละค่ายมานานแล้ว ขณะที่โครงสร้างราคาที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตอบรับของลูกค้ามีมากขึ้น ทั้งจากการซื้อ ทีวีใหม่เพิ่มขึ้นอีกตัวภายในบ้าน หรือเปลี่ยนจากซีอาร์ทีเป็นจอบาง นอกจากนี้ เพาเวอร์มอลล์ได้เตรียมกิจกรรมเพื่อตอบรับกระแสฟุตบอลโลกครั้งนี้ในหลากหลายรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลอดทั้งปีนี้ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาลงและส่งผลกระทบตรงต่อการเติบโตของเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ผู้บริหารร้านเพาเวอร์มอลล์ ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 7,700 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว
Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชน SF

Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชนเอสเอฟ
"Tesco Lotus" ปลื้ม โมเดลพลัส ช็อปปิ้งมอลล์ เปิดแผนรีโนเวตสาขาเดิมต่อเนื่อง ปีหน้าประเดิมที่สาขา "รามอินทรา" เพิ่มพื้นที่จาก 2,000 ตร.ม. เป็น 10,000-15,000 ตร.ม. รองรับกำลังซื้อบีบวก ชูความครบครันและไฮเปอร์มาร์เก็ต ชน Crystal Park -นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว
นางวีณา อรัญญเกษม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารพื้นที่เช่าและสื่อโฆษณา บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าบริษัทจะเดินหน้ารีโนเวตสาขาเดิมที่มีศักยภาพให้เป็นช็อปปิ้งมอลล์อีกหลายสาขา ที่สรุปแล้ว ได้แก่ สาขารามอินทรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาคอนเซ็ปต์ที่เหมาะสม เบื้องต้นจะมีการเพิ่มพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์ให้ใหญ่ขึ้น จากเดิมมีอยู่ 2,000 ตารางเมตร เป็น 10,000-15,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ขายหรือไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีขนาด 8,000-10,000 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง หรือลูกค้าที่อยู่ในระดับบีบวกย่านรามอินทรา
"คอนเซ็ปต์ของสาขารามอินทรา จะขึ้นอยู่กับผลสำรวจประชากร (Market survey)ในพื้นที่เป็นหลัก สำหรับสาเหตุที่บริษัทมั่นใจไปเปิดช็อปปิ้งมอลล์ในย่านนี้ ทั้งๆ ที่มีคอมมิวนิตี้มอลล์เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทั้ง The Crystal Park และ นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว (สยามฟิวเจอร์ฯ) เพราะของเราเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีไฮเปอร์มาร์เก็ตในย่านนั้น"
นางวีณากล่าวด้วยว่า หลังเปิดตัว พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ ศรีนครินทร์ และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ชลบุรีไปแล้ว พบว่าได้รับผลตอบรับดีมาก มีรายได้จากพื้นที่ขายและพื้นที่เช่าเป็นที่น่าพอใจ คีย์ซักเซสอยู่ที่การหาสินค้าและบริการที่โดนใจลูกค้าในพื้นที่และการวาง Positioning เป็นทาวน์เซ็นเตอร์ ทั้งในเรื่องอาหารและความบันเทิง โดยเฉพาะที่อมตะที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นพนักงานในโรงงานมากกว่า 90,000 คน
"Tesco มีสาขาหลายแห่งที่มีศักยภาพมากพอที่จะรีโนเวตเป็นช็อปปิ้งมอลล์ และปีหน้าเราจะทยอยรีโนเวตสาขาเดิมให้ครบก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดโมเดลช็อปปิ้งมอลล์ สาขาใหม่ได้ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป" นางวีณากล่าว
ก่อนหน้านี้ นายสตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่าวาง Strategy เปิด พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ 2-3 สาขาต่อปี ทั้งนี้รูปแบบพลัสฯจะเป็นสาขาที่มีพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์มากกว่าพื้นที่ขายของTesco Lotus ที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้ว เช่น บางกะปิ ศาลายา กระบี่ เพชรบูรณ์ นวนคร ปิ่นเกล้า สมุย ซึ่งสาขาเดิมเหล่านี้ก็มีศักยภาพที่จะรีแบรนด์เป็นพลัสฯได้ในอนาคต
"เป้าหมายในการเปิดสาขาในรูปแบบพลัสฯ เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากเดิมนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว ก็มีกลุ่มที่ชอบเดินดูสินค้ามากขึ้น รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมีความ ยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากกว่าโมเดลอื่น ๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสำเร็จของพลัสฯยังเกิดจากการสร้าง Brand ผ่านอีเวนต์ที่อินเทรนด์ มีความหลากหลายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องความบันเทิง ดนตรี หรือกีฬา ดีไซน์ให้อีเวนต์แต่ละครั้งตอบสนองกลุ่ม เป้าหมายต่างกัน เช่น อีเวนต์สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น เพื่อให้เกิดกระแสปาก ต่อปาก รวมถึงการอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จอดรถ หรือการวางเลย์เอาต์พื้นที่ให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าได้ง่าย
นางวีณายังกล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในฟู้ดคอร์ตของTesco Lotus Plus ตั้งแต่วันนี้จนถึง 3 ม.ค. ได้จัดโปรโมชั่น พลัส มอลล์ ชวนอร่อยลุ้นทองส่งท้ายปี โดยลูกค้าที่ซื้อบัตรในชนิดไม่แลกคืนทุก 70 บาท ในศูนย์อาหาร มีสิทธิ์รับคูปองชิงโชค ลุ้นรับสร้อยคอทองคำและรางวัลอื่น ๆ อาทิ รถจักรยาน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และพัดลม รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
"เราตั้งเป้าการเติบโตจากโปรโมชั่น ดังกล่าว 10-15% จากที่ผ่านมาศูนย์อาหารมีการเติบโตอยู่ที่ 5%"
Friday, November 27, 2009
BOOTS REPOSITIONING
Image via Wikipedia
โดยอาศัย 2 เครื่องมือหลักเพื่อบรรลุภารกิจดังกล่าว นั่นคือ การเดินหน้าซื้อกิจการทั้งขนาดเล็กและใหญ่ และการขยายธุรกิจ "ครีมลดริ้วรอย"
วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ครีมบำรุงผิวภายใต้แบรนด์ "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่บู๊ทส์จะสร้างความสำเร็จในทวีปยุโรป เหมือนกับ "บู๊ทส์ นัมเบอร์ 7" ที่สำเร็จในอังกฤษมาแล้ว โดย "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" ถือเป็นไลน์สินค้าใหม่ ซึ่งรวมไปถึงครีมบำรุงผิวที่ปัจจุบันมีจำหน่ายในร้านขายยาในฝรั่งเศสและโปรตุเกสเท่านั้น
แต่ในไม่ช้าแบรนด์ดังกล่าวจะสามารถหาซื้อได้อย่างกว้างขวางในทวีปยุโรป ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเพซซินาที่จะต้องการทำให้เป็นไลน์สินค้าที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ในอนาคต
เพซซินา ประธานบริหารของอัลไลแอนซ์ บู๊ทส์ กล่าวว่า หนึ่งในโครงการหลักสำหรับอนาคตคือสร้างบู๊ทส์ให้เป็นอินเตอร์แบรนด์ โดยขายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ออกไปนอกประเทศอังกฤษ
หลังจากการซื้อขายหุ้นในปี 2550 บริษัทจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ใน 15 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเปิดร้านขายยาในหลายประเทศ ตั้งแต่เนเธอร์แลนด์จนถึงประเทศไทย และจัดหายาให้กับแพทย์กว่า 140,000 คน รวมถึงร้านขายยาและโรงพยาบาลทั่วโลก
อานิสงส์จากธุรกิจดูแลผิวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือมียอดเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 9 พันล้านปอนด์ หรือราว 15 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนนับถึงวันที่ 30 กันยายน
แต่สำหรับ "เพซซินา" มองว่ายังเป็นการเติบโตที่ไม่มากนัก โดยเขาเชื่อว่าในไม่ช้าบริษัทต้องเผชิญกับการเติบโตที่จำกัด ซึ่งต้องพยายามทุ่มเทเวลาเพื่อจะซื้อกิจการที่ส่งผลต่ออนาคตของบริษัท
"เพซซินา" กล่าวว่า ยังมีดีลควบรวมกิจการที่มีศักยภาพอีกมาก ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการซื้อ กิจการของบู๊ทส์อยู่ในยุโรป
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความพยายามเหล่านี้จะสำเร็จด้วยดีทั้งหมด อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ล้มเหลวในการเจรจาซื้อกิจการบางส่วนของ "Apoteket" ร้านขายยาที่ดำเนินกิจการแบบผูกขาดในสวีเดน และรัฐบาลสวีเดนนำออกประมูล แต่ดีลนี้กลับสร้างความเสี่ยงต่อบู๊ทส์มากกว่าการเข้าซื้อกิจการร้านขายยาในนอร์เวย์เมื่อปี 2543 ดังนั้น เสนอซื้อกิจการใด ๆ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง
"ถ้าเราพบร้านขายยาในราคาที่เหมาะสม ก็จะซื้อกิจการ แต่หากต้องจ่ายแพงเกินไป เหมือนกรณีที่สวีเดน เราก็คงไม่"
ขณะนี้คู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจสุขภาพกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของ "เพซซินา" หลังการเข้าซื้อ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ร่วมกับเคเคอาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของเขาเพื่อต้องการแยกสินทรัพย์ออกเป็นส่วน ๆ หรือมุ่งมั่น จะดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม "เพซซินา" ยืนยันว่า เป้าหมายของเขาคือต้องการให้บริษัทดำรงอยู่ได้ในระยะยาว โดยพยายามไล่ซื้อกิจการร้านขายยา เปิดตัวผลิตภัณฑ์และนำเสนอบริการ ซึ่งสะท้อนถึงแผนระยะยาว
"ลูก้า โซลก้า" นักวิเคราะห์ด้านรีเทลของอัลไลแอนซ์ เบิร์นสไตน์ในลอนดอน มองว่า บู๊ทส์มีโอกาสสูงในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ในยุโรป สิ่งที่เพซซินาเข้าใจคือ บรรดาเภสัชกรต้องการแบรนด์ร้านขายยาที่แข็งแกร่ง ที่สามารถจำหน่ายสินค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อต่อกรกับบรรดาร้านขายยาในซูเปอร์มาร์เก็ต
Monday, November 23, 2009
CENTRAL ยื่นแผนรถไฟฯทุ่ม2.4พันล้านปรับโฉมสาขาลาดพร้าวหลังต่อสัญญา20ปี เล็งปิดซ่อมยาว1ปี

ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก"เซ็นทรัล"ยื่นแผนการรถไฟฯหลังต่อสัญญาเช่าอีก 20 ปี กางแผนลงทุนขยายฐานธุรกิจเต็มสูบ ทุ่ม 2.4 พันล้านบาท รีโนเวต"เซ็นทรัล ลาดพร้าว-โรงแรม" แบบยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งภายนอก-ภายใน ชี้โมเดิร์นไม่น้อยหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แย้มอาจปิดห้างชั่วคราว 1 ปี หวังให้เบ็ดเสร็จภายในครั้งเดียว
แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะยังชะลอตัวแต่ยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัลของตระกูล "จิราธิวัฒน์" ยังขยับรุกด้วยการเคลื่อนไหวลงทุนต่อเนื่อง โดยฉวยจังหวะขยายธุรกิจรอรับเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังติดเบรกเรื่องการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง ล่าสุดนอกจากจะวาดแผนรีโนเวตศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ที่ต่อสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อีก 20 ปี โดยจะปรับโฉมใหม่ทั้งหมด บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ "โฮมเวิร์ค" เตรียมเปิดตัวสโตร์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งรูปแบบใหม่ (New Format Store) แย่งเค้กตลาดวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งเพิ่มขึ้นด้วย
@ เล็งปิด "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" 1 ปี รีโนเวต
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังบริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด ได้ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ 47.22 ไร่ ออกไปอีก 20 ปี โดยให้ผลตอบแทน ร.ฟ.ท.รวม 21,298 ล้านบาท ซึ่งเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ปัจจุบันเซ็นทรัลฯได้เริ่มปรับปรุงบูรณะพัฒนา (Renovation) พื้นที่ โดยจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 2,400 ล้านบาท เฉพาะในส่วนโรงแรมก่อนซึ่งคืบหน้าไปมาก สำหรับศูนย์การค้าได้ส่งแบบการปรับปรุงพื้นที่มาให้การรถไฟฯพิจารณาแล้ว"
โดยเซ็นทรัลฯต้องการจะปรับปรุงสาขาลาดพร้าวใหม่ทั้งหมดให้สมบูรณ์แบบและทันสมัย โมเดิร์นมากขึ้นทั้งภายใน-ภายนอก รูปแบบจะคล้ายกับเซ็นทรัลเวิลด์
ตามสัญญาเซ็นทรัลฯจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จบางส่วนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เว้นในส่วนที่ต้องยื่นแบบต่อส่วนราชการพิจารณา และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี หลังได้รับอนุมัติ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2556
ในส่วนของศูนย์การค้านั้น แหล่งข่าวระบุว่า เซ็นทรัลฯต้องการจะปิดให้บริการเพื่อปรับปรุง ระยะเวลาประมาณ 1 ปี เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ภายในครั้งเดียว เนื่องจากเฉพาะส่วนห้างคาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงกว่า 7 เดือนจะแล้วเสร็จ แทนที่จะทยอยปิดเป็นช่วง ๆ ภายในเวลา 5 ปี ตามที่เสนอไว้แต่ต้น เพราะประเมินแล้ว หากเปิดให้บริการระหว่างปรับปรุงอาจมีปัญหาเรื่องเสียง ฝุ่นละออง ฯลฯ การปิดให้บริการชั่วคราวน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
แหล่งข่าวซัพพลายเออร์รายใหญ่กล่าวว่า เซ็นทรัลได้แจ้งให้ทราบแล้ว ว่าจะมีการรีโนเวตห้างครั้งใหญ่ แต่จะเริ่มเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งให้ทราบ สำหรับบริการด้านความสวยความงาม เบื้องต้นทราบแต่เพียงว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่โซนออฟฟิศ
"ตอนนี้ทางห้างยังไม่ได้แจ้งว่าจะรีโนเวตพื้นที่ทั้งหมดพร้อมกันหรือจะทยอยทำทีละส่วน แต่ส่วนตัวคิดว่าหากต้องปิดห้างพร้อมกันทั้งหมด หน้าร้านต่าง ๆ คงไม่ยอม เพราะต้องขาดรายได้ครั้งใหญ่ เว้นเสียแต่จะมีดีลพิเศษให้ เช่น การเว้นค่าเช่าในช่วงเดือนแรก ๆ หลังรีโนเวตเสร็จ"
จากการสอบถามร้านเช่าในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว พบว่าส่วนใหญ่ทราบเรื่องที่เซ็นทรัลจะรีโนเวตห้างแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งว่าเมื่อใด หลายร้านทราบคร่าว ๆ แล้วว่า จะต้องมีการย้ายตำแหน่งร้าน เพื่อจัดเป็นโซนต่าง ๆ เช่น โซนแฟชั่นที่ต้องย้ายไปอยู่ชั้น 1
รายงานข่าวจากกลุ่มเซ็นทรัลระบุว่า แนวโน้มรูปแบบของการรีโนเวตสาขาลาดพร้าวอาจจะเปลี่ยนเป็นการปิดทั้งศูนย์ จากแผนงานเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้จะทยอยปรับเป็นส่วน ๆ และยังคงเปิดให้บริการตามเดิมซึ่งอาจต้องจะใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ปี ก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นการปรับครั้งใหญ่เพื่อยกระดับศูนย์ลาดพร้าวเป็น "นิวลุก" เทียบเท่ากับ "เซ็นทรัลเวิลด์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มบอร์ดผู้บริหารระดับสูงกลุ่มเซ็นทรัลได้ประชุมพร้อมกันที่พัทยาเพื่อสรุปแผนงานพร้อมวางแนวทางธุรกิจสำหรับชี้แจงให้แต่ละหน่วยธุรกิจของเซ็นทรัลได้แจ้งต่อคู่ค้าและพันธมิตรได้รับทราบนโยบายในลำดับต่อไป
@ ยกชั้นโรงแรมเป็น 5 ดาวเต็มรูปแบบ
แหล่งข่าวจากโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพ เปิดเผยว่า การปรับปรุงโรงแรมครั้งนี้จะเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมไปสู่โรงแรมระดับ 5 ดาวเต็มรูปแบบ ในสไตล์ฮิปโฮเต็ล คอนเทมโพรารี ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท ใช้เวลาการปรับปรุง 2 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2552 เสร็จสิ้นปี 2554
โฉมใหม่ โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ จะปรับผังใหม่หมด จัดโซนนิ่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ มีการติด Wi-Fi ทุกจุด ในส่วนห้องพักจะปรับจำนวนให้ลดลงแต่หรูหราขึ้น โดยจะยกเลิกห้องซูพีเรียร์ทั้งหมด มีแต่ห้องระดับเดอลุกซ์ขึ้นไป ตกแต่งแบบโมเดิร์นคอนเทมโพรารี ในส่วนนี้อยู่ระหว่างปรับแบบยกทั้งฟลอร์ ส่วนห้องประชุม สัมมนา และห้องอาหาร จะเริ่มดำเนินการปีหน้า โดยจะเพิ่มส่วนสกายเลานจ์ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และเซ็นทาราสปาในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมทั้งปรับพื้นที่ใช้สอยด้านนอก และที่จอดรถให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ส่วนห้องบางกอกคอนเวนชั่นฮอลล์ที่อยู่บนชั้น 4-5 ของห้างสรรพค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว จะปิดการให้บริการราว 1 ปี เพื่อปรับปรุง โดยจะเริ่มในปีหน้า หลังงานประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเสร็จสิ้นลง
7ELEVEN จับมือซัพพลายเออร์ พัฒนาสินค้าย้ำอิ่มสะดวก-ติดโลโก้การันตีคุณภาพ

"เซเว่นฯ" จับมือซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้า-ทุ่มโฆษณา ดึงคนเข้าร้าน ทยอยแปะโลโก้เซเว่นฯรับรองคุณภาพ-ความสะอาด ประเดิมที่อาหารกล่องก่อนขยายผลไปสู่ เบเกอรี่ ตั้งเป้าปีหน้าการันตี 100 เอสเคยู เผยหลังปรับเป็นร้านอิ่มสะดวก ข้าวกล่องวิ่งฉิวกวาดนิ่ม ๆ 5 ล้าน/เดือน
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อดึงลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น บริษัทจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้าร่วมกัน ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคว่าสินค้ามีวางจำหน่ายในเซเว่นฯผ่านสื่อทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มใช้กลยุทธ์นี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และพบว่าช่วยเพิ่มยอดขายให้ซัพพลายเออร์ได้เป็นจำนวนมาก
ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้นำโลโก้ของเซเว่นฯมาใส่เพิ่มในบรรจุภัณฑ์ เพื่อรับประกันเรื่องคุณภาพและความสะอาดแก่ลูกค้า เบื้องต้นเป็นกลุ่มสินค้าพร้อมดื่มและพร้อมรับประทาน เช่น อาหารกล่องแช่แข็ง ต่อไปคือกลุ่มเบเกอรี่
"ปัจจุบันสินค้าที่มีโลโก้ของเซเว่นฯปิดอยู่บนแพ็กเกจมีประมาณ 20 เอสเคยู และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มอีกไม่เกิน 100 เอสเคยู จากจำนวนสินค้าในร้านทั้งหมด 2,000-2,200 เอสเคยู"
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนจะเพิ่มสินค้า โอนลี่แอต (only @) หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯโดยเฉพาะ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเฟิรสต์ (first) หรือสินค้าที่ขายในเซเว่นฯเป็นที่แรก เช่น ไอศกรีมวอลล์ ชาเขียว มัทฉะ และเร็ว ๆ นี้กำลังจะเปิดตัวทิสชูของแบรนด์คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งสินค้าเฟิรสต์ในปีหน้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องดื่ม เพื่อให้สอดคล้องกับอากาศร้อนของเมืองไทย
นายยุทธศักดิ์ยังกล่าวด้วยว่า การสร้างคอนเซ็ปต์ร้านอิ่มสะดวกของเซเว่นฯ ขณะนี้ถือว่าผ่านช่วงแนะนำไปแล้ว และกำลังอยู่ในระยะเติบโต โดยเฉพาะอาหารกล่องมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 5 ล้านกล่อง แบ่งเป็นอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน 4 ล้านกล่อง และอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน 1 ล้านกล่อง ปัจจุบันมีสินค้าประเภทอาหาร 75% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 80% ภายใน 3-5 ปี
สำหรับปีหน้า บริษัทตั้งงบฯการตลาดใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ วางแผนขยายสาขาอีก 450 แห่ง ซึ่ง 10 เดือนที่ผ่านมา เซเว่นฯเติบโตทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 5-10% แม้แต่สาขาที่อยู่ในย่านโรงงานซึ่งยอดขายเคยตกไป 5-10% ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นติดลบอยู่เพียง 2% โดยผลดำเนินงานในไตรมาส 3 มีรายได้ 28,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% และมีผลกำไร 1,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน" นายยุทธศักดิ์กล่าว