จดปากกาเซ็นสัญญาซื้อกิจการระหว่างบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กับ คาร์ฟูร์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย ไปเมื่อวันก่อน (15 พ.ย. 2553) ด้วยมูลค่า 868 ล้านยูโร โดยมูลค่านี้เทียบเป็น 120% ของยอดขายสุทธิและเป็น 13.0 X EBITDA สูงกว่าที่นักการตลาดหลายคนประมาณการไว้
"คาสิโน กรุ๊ป" ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกจากประเทศฝรั่งเศส และผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจัดเป็นธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 2 ในประเทศไทย แสดงความสนใจเข้าร่วมประมูลซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในตัวเก็งประกบคู่กับ "เบอร์ลี่ยุคเกอร์" คอนซูเมอร์ยักษ์ใหญ่ในเครือของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อเบียร์ช้าง
ล่าสุดการประกาศซื้อกิจการคาร์ฟูร์ ด้วยเม็ดเงิน 35,500 ล้านบาท จะส่งผลให้บิ๊กซีมีสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตเขยิบขึ้นมาเป็น 103 สาขา (ปัจจุบันบิ๊กซีมีไฮเปอร์มาร์เก็ต 69 แห่ง และคาร์ฟูร์มี 34 แห่ง) ไล่บี้จี้ติดเทสโก้ โลตัส แบรนด์ไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในเมืองไทย ที่มีอยู่ 116 สาขา ซึ่งแน่นอนว่าช่องว่างของการแข่งขันย่อมลดลง จากที่ตลาดเมืองไทยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 ราย
เพราะการขยายสาขาใหม่ของบิ๊กซี โดยเฉพาะในฟอร์แมตไฮเปอร์มาร์เก็ตในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาทำได้ยาก เนื่องจากกฎหมายผังเมือง ขณะที่เทสโก้ โลตัส ปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว โดยใช้แผนการเข้าซื้อกิจการของผู้ประกอบการดั้งเดิมแทน การซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ จึงเปรียบเหมือนเส้นทางลัดที่ทำให้บิ๊กซี มีสาขาขนาดใหญ่เกิดขึ้นทีเดียว 34 แห่ง ครอบคลุมทำเลทองที่บิ๊กซีขาดหาย
"บิ๊กซี มียอดขายสุทธิ 1.7 พันล้านยูโร ขณะที่คาร์ฟูร์มียอดขายสุทธิ 723 ล้านยูโร เมื่อทั้งสองรวมกันย่อมเสริมให้บิ๊กซีมีศักยภาพมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งจากฐานลูกค้าคาร์ฟูร์ที่มีอยู่" รายงานข่าวจากคาสิโน กรุ๊ป ระบุ
ดังนั้นเมื่อรวมกิจการเข้าด้วยกันคาดว่าจะมีรายได้รวมถึง 100,000 ล้านบาทสำหรับปีนี้ ทำให้บิ๊กซีมีสาขาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเพิ่มขึ้นเท่าตัว และตอกย้ำการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการค้าปลีกต่างส่งสัญญาณในเชิงบวก เมื่อดีลนี้ปิดฉากลง โดยเฉพาะเรื่องของการแข่งขันในไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่แม้จะรุนแรงมากขึ้น และอำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์ที่สูงขึ้น แต่เชื่อว่าด้วยกลไกตลาดจะสามารถควบคุม และทำให้ผลประโยชน์ต่างๆเกิดขึ้นกับผู้บริโภคได้มากขึ้น จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย