Wednesday, July 6, 2011
CRG "ปรับใหญ่มุ่งโตก้าวกระโดด สปีดเพิ่ม"แบรนด์-สาขา"หวังขึ้นแท่นผู้นำร้านอาหาร
Monday, May 16, 2011
A&W PLANS 100 OUTLETS IN 4 YEARS
Wednesday, April 6, 2011
FUJI TO OPEN 12 BRANCHES THIS YEAR
Monday, November 29, 2010
"ช้าแต่ชัวร์" สไตล์ MK SUKI โตแบบ "ฤทธิ์" โตแบบ "ธรรมชาติ ๆ"
![]() |
ฤทธิ์ ธีระโกเมน กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ จำกัด Photo Source: Brandage |
Monday, October 25, 2010
CHESTER'S GRILL ส่ง'อาหารเช้า-เรดดี้มีล'เพิ่มโอกาสโต
Thursday, October 21, 2010
S & P AIMS TO REBRANDING
![]() |
นายวิทูร ศิลาอ่อน รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจอาหารในประเทศ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) |
Thursday, October 14, 2010
ดีลิเวอรี่กระหน่ำแคมเปญชิงลูกค้า THE PIZZA ชูคุ้มค่า
Thursday, April 8, 2010
SWENSEN'S TO FOCUS EXISTING BRANCHES -เดินหน้ารีโนเวตเฟ้นยอดร้านเดิม

สเวนเซ่นส์ปรับยุทธศาสตร์ไม่เร่งเปิดสาขาใหม่ หันโฟกัสสาขาเดิม เฟ้นการเติบโตทุกร้าน ลุยรีโนเวต 20 แห่งปีนี้ ชูคอนเซ็ปต์ใหม่ คลาสสิก มีสไตล์ ลดสีสันจัดจ้าน ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เปิดตัว เมนูมะม่วงช่วงซัมเมอร์ หวังโต 8% คาดทั้งปีโต 7%
มร. ปีเตอร์ คิง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ ไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลยุทธ์หลักของสเวนเซ่นส์ในปีนี้จะกลับมาโฟกัสที่สาขาเดิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แต่ละสาขาและสร้างการเติบโตด้านยอดขายของ same store ไม่เพียงเป็นการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ ๆ จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสเวนเซ่นส์มีการเปิดสาขาอย่างรวดเร็วมาก โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาประมาณ 10 สาขา น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีการขยาย 15 สาขา ขณะที่ปีก่อนหน้านี้จะเน้นขยายสาขาปีละ 30 สาขา
ทั้งนี้ จะเป็นการอัพเกรดสาขาที่มีอยู่ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ามากขึ้น โดยปัจจุบัน สเวนเซ่นส์มีสาขาถึง 220 แห่ง คาดว่าจะรีโนเวตสาขาปีนี้รวม 20 สาขา โดยจะเป็นดีไซน์ใหม่ คือจะเน้นอัพเกรดดีไซน์ให้มีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นในสไตล์ที่เรียกว่า "Urban eco chic" ที่เน้นความมีสไตล์และคลาสสิกมากขึ้น ลดสีสันที่จัดจ้านลงเพื่อตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันมีสาขาที่รีโนเวตแล้ว 5 สาขา อาทิ เซ็นทรัล พระราม 3, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยสามารถเพิ่มฐานลูกค้าและมียอดขายเพิ่มขึ้น 10%
"เราต้องการทำให้แน่ใจว่าแต่ละร้านยังคงดึงดูดลูกค้าได้ ร้านยังทันสมัย และมีบรรยากาศที่ดี ลูกค้าแฮปปี้เมื่อเข้ามาใช้บริการ ปัจจุบันบางสาขาเก่ามากจำเป็นต้องปรับปรุง ขณะเดียวกันเมื่อมีการเปิดสาขาอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แต่ละร้านอยู่ในทำเลที่ใกล้เคียงกัน เราจึงต้องกลับมาพิจารณาในเรื่องนี้ และทำให้ทุกสาขาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
มร.คิง กล่าวว่า ปัจจุบันโอกาสการขยายสาขายังมีอีกมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ขณะที่ในกรุงเทพฯบริษัทก็มองว่ายังมีโอกาสเช่นเดียวกัน ขณะนี้มีห้าง ศูนย์การค้า และทำเลต่าง ๆ ในกรุงเทพฯที่บริษัทมองว่ามีศักยภาพในการเปิดสาขา 6-7 สาขา อย่างไรก็ตาม แนวทางจากนี้จะไม่ได้เน้นขยายรวดเร็วเหมือนสมัยก่อน แต่จะมีความรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น
"เราจะเซ็กเมนต์ลูกค้าตามโลเกชั่นที่สาขานั้น ๆ ตั้งอยู่ ที่เห็นชัดคือฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตซึ่งมีการรีโนเวตดีไซน์ใหมโดยเน้นจับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มคนเริ่มทำงาน ขณะที่ชั้น 3 ซึ่งใกล้โรงหนังก็จะเน้นกลุ่มวัยรุ่น"
ปัจจุบันตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยมมีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท สเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่งถึง 80% แต่ก็ไม่ได้ประมาทกับบรรดาคู่แข่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาด แต่เน้นพัฒนาเรื่องต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันสเวนเซ่นส์ถือเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดร้านอาหารประเภทไลต์ฟู้ด หรือร้านในกลุ่มเบเกอรี่, กาแฟ ฯลฯ ในแง่ของความแข็งแกร่งของแบรนด์
ล่าสุดในช่วงซัมเมอร์นี้ได้เปิดตัว โปรโมชั่นมะม่วงในปีนี้แตกต่างจากปีก่อน ซึ่งได้มีการเพิ่มวาไรตี้ทั้งรสชาติมะม่วง นอกจากไอศกรีมซันเดย์ ซัมเมอร์ บรีซ แมงโก้ ยังเพิ่มทาโร แมงโก้ ไอศกรีมมะม่วงเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวม่วง เผือกกรอบ โรยด้วยซอสเผือก แตกต่างจากทุกปี ตั้งเป้าเติบโตในช่วงมีนาคม-เมษายน อยู่ที่ 8%
นอกจากนี้ ยังมี 2 ไซซ์ในราคา 59 บาท และ 79 บาท ตอบโจทย์กำลังซื้อที่แตกต่างกัน จากปีก่อนที่บริษัทใช้กลยุทธ์ราคาที่ 49 บาท จากเศรษฐกิจที่ซบเซาส่วนปีนี้เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้น โดยเน้นเรื่องความคุ้มค่า คุ้มราคามากกว่าลดราคาสินค้าอย่างเดียว
มร. คิงกล่าวทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ปีที่แล้วในช่วงครึ่งปีแรกไม่ดีนักจากสถานการณ์ปิดสนามบินและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่กลับมากระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 โดยปีที่แล้วสเวนเซ่นส์มีฐานลูกค้าที่เข้ามารับประทานไอศกรีมถึง 34 ล้านคน และมียอดขายภาพรวมเติบโตขึ้น 9-10% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 7% เพราะไม่เน้นการขยายเชิงรุก โดย 2 เดือนแรกที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดีมาก ต่อเนื่องมาถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมที่เติบโตถึง 20% แต่เริ่มลดลงเมื่อมีปัจจัยลบต่าง ๆ โดยเฉพาะการชุมนุมของเสื้อแดงที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเดือนมีนาคม
Tuesday, March 30, 2010
Yum! Opens First Taco Bell in India
Image via Wikipedia
"We're delighted to be offering Taco Bell to consumers in India, a key growth market in our global portfolio," said Graham Allan, president, Yum! Restaurants International. "Based on customer feedback so far, we expect it will become extremely popular, just as it is in the United States. The Mexican-style food is perfect for the Indian taste palate and we will be offering a variety of vegetarian meals as well so that everyone can enjoy it."
Yum!'s new Taco Bell international restaurant, located in Bangalore, India, is the country's first experience with the Mexican-inspired quick-service restaurant brand. Taco Bell's "Think Outside the Bun" positioning and brand essence is expected to resonate extremely well with India's young population. The new Taco Bell India menu features tacos, burritos, nachos, quesadillas and Crunchwraps, including spicier products tailored to the Indian market. The menu offers breakthrough value priced items starting at 35 cents. In addition, fifty percent of the menu features a vegetarian range of products specially created for Indian consumers including potato paneer burritos and crunchy potato tacos, among others.
"We are confident that Taco Bell will redefine the eating-out market in India with incredible taste catering to many consumer segments, day parts and occasions at an unmatched price," said Niren Chaudhary, managing director, Yum! Restaurants International India. "We are excited to be opening the first Taco Bell in India and we plan to expand it nationally as an incredibly vibrant and youthful brand."
Yum! Brands is focused on developing Taco Bell into its third global brand after KFC and Pizza Hut. Taco Bell is the second most profitable brand in the United States. Over the past few years, the Company has expanded Taco Bell beyond Canada and Puerto Rico to other markets including Guatemala, Costa Rica, Panama, Dominican Republic, Guam, Iceland, Philippines, Dubai, Spain and Cyprus. Yum! is optimistic about the long-term potential of growing Taco Bell internationally. As of year-end 2009, there are more than 250 Taco Bell restaurants outside of the United States.
India is a key growth market for Yum! Brands due to its extremely young and large population of 1.1 billion people, growing middle class and emerging economy. Over the past 12 years, Yum! has become the largest and fastest growing restaurant company in India by successfully developing a strong infrastructure, highly-skilled workforce focused on providing outstanding customer service and innovative, localized menus offering value options. By 2015, the Company expects to have at least 1,000 restaurants in India, up from 230 restaurants as of year-end 2009.
KFC is the fastest growing quick-service restaurant brand in India with 72 restaurants in 13 cities as of year-end 2009. Yum! opened 27 new KFC restaurants in India in 2009, which is among the highest number of store openings in the country's quick-service restaurant industry. KFC is a young, vibrant brand in India from its contemporary restaurant designs featuring bold colors, open seating areas for large groups and flat-panel televisions to innovative marketing programs to unique signature products, including vegetarian items. Last year, the Company opened its first KFC Krushers beverage bar and store design in India highlighting YRI's popular new line of yogurt and fruit smoothies, dairy-based and soda-based drinks and teas.
Pizza Hut has been named the "Most Trusted Food Service Brand" in India for the fifth year by The Economic Times (India), ahead of all other Indian and global brands, demonstrating its popularity in the country. As of year-end 2009, there are 158 Pizza Huts in 34 cities offering a range of localized products including masala pizza, chicken tikka appetizers and spicy Indian drinks.
YRI is the largest division of Yum! Brands with more than 13,000 restaurants outside the U.S. and China Division. One of Yum! Brands' four key business strategies is to drive aggressive international expansion and build strong brands everywhere. In 2009, operating profit for YRI was $491 million. The year 2009 also marked the tenth year that YRI has opened more than 700 new restaurants outside the U.S. and China.
Yum! Brands, Inc., based in Louisville, Ky., is the world's largest restaurant company in terms of system restaurants with more than 37,000 restaurants in more than 110 countries and territories. The company is ranked #239 on the Fortune 500 List, with revenues of nearly $11 billion in 2009. Four of the company's restaurant brands - KFC, Pizza Hut, Long John Silver's and Taco Bell - are the global leaders of the chicken, quick-service seafood, pizza and Mexican-style food categories. A&W Restaurants is the longest running quick-service franchise chain in America. Outside the United States, Yum! Brands system opened more than four new restaurants each day of the year, making it a leader in international retail development.
Tuesday, November 10, 2009
การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา MK

สุกี้MK เป็นหนึ่งในองค์กรต้นแบบ จากความสำเร็จในเชิงธุรกิจที่เริ่มต้นจาก ร้านสุกี้ก่อนพัฒนาขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารระดับภูมิภาคในปัจจุบัน ฤทธิ์ ธีรโกเมน ประธานกรรมการ บริษัท MK เรสโตรองต์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงทิศทาง และเบื้องหลังความสำเร็จของMK
ทิศทางของMK?
กับทิศทางของMK ฤทธิ์ บอกว่า ปัจจุบัน MKมีสาขาราว 300 แห่ง และบริษัทประเมินว่า เมื่อขยายถึง 500 แห่ง ตลาดในไทยคงอิ่มตัว "เราก็คิดว่าต้องไปต่างประเทศ" เขากล่าว
"ปัจจุบัน MKมีสาขา 18 แห่งในญี่ปุ่น และจะเปิดสาขาแรก ในเวียดนาม เดือนธันวาคมนี้ คือ ทิศทางต่อไปคือไปต่างประเทศ เพราะระบบที่เราพัฒนาขึ้นมาเป็นมาตรฐานโลก ทำให้MKสามารถมี ที่ไหนก็ได้ จะส่งอาหารจากเมืองไทยไปก็ได้ สามารถผ่านการตรวจสอบของสำนักงานอาหารและยา ของประเทศนั้นๆ ได้" ฤทธิ์ขยายความ
ระบบของMK
ประธานกรรมการMK บอกว่า MKเริ่มพัฒนาระบบในการบริหารองค์กรตั้งแต่สาขาเพิ่มเป็น 70-80 แห่ง ซึ่งถือว่ามากสำหรับธุรกิจร้านอาหารในไทยขณะนั้น อีกทั้ง คนไทยยังไม่มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นมาก่อน จากโจทย์ที่ว่า เราจึงมองว่าหากจะพัฒนาต้องให้เทียบชั้น มาตรฐานโลกเหมือนนักกีฬา ถ้าระดับโลกต้องโอลิมปิก
หนึ่งในประสบการณ์สู่มาตรฐานโลกของMK คือ การสร้างโรงงานอาหาร
"ตอนนั้นก็ปิดโรงงานเก่า และสร้างโรงงานที่สอง ออกแบบใหม่หมด ใช้มาตรฐานโลก พอเสร็จแล้วให้พวกตรวจสอบมาตรฐานโรงงานอาหารมาตรวจสอบว่า เทียบเท่า ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ ได้หรือไม่ เชิญเพื่อนที่ทำแมคโดนัลด์ หรือเคเอฟซี มาดูโรงงานบ้าง เขาบอกว่าเทียบเขาได้" ฤทธิ์เล่าตอนหนึ่ง และต่อว่า ต่อจากนั้น MKค่อยๆ พัฒนาระบบต่างๆ เช่น การฝึกอบรม และอื่นๆ โดยยึดเกณฑ์เดียวกัน คือ "ต้องมาตรฐานโลก"
การตัดสินใจยึดมาตรฐานโลกในการพัฒนาองค์กร ทำให้MKสามารถยืนหยัดได้อย่างสบาย เมื่อสาขาเพิ่มเป็น 200 แห่ง " เป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะหากเราไม่วางมาตรฐานตอนนั้น (ช่วงที่มีสาขา 70-80 แห่ง) ตอนขยายมาเป็น 200 สาขา เราคงมีปัญหามาก"
เปิดแผนโกอินเตอร์
เช่นที่กล่าวถึงข้างต้นว่า วิสัยทัศน์ของผู้บริหารMKในการนำพาองค์กรให้เติบโตต่อไป คือ มุ่งตลาดต่างประเทศ ฤทธิ์ ขยายความกลยุทธ์ว่า MKจะจับมือกับพันธมิตรต่างแดน เพื่อประสานความชำนาญในการรุก เขากล่าวถึง ร้านอาหารยาโยอิ พันธมิตรรายแรกของMKที่MKถึงเข้ามาขยายสาขาในไทย 3 ปีแล้ว และในขณะเดียวกัน MKได้ใช้สายสัมพันธ์กับยาโยอิ ในการขยายสาขาMKที่ญี่ปุ่นเช่นกัน
"ต่อไปเรากับยาโยอิ จะบุกไปต่างประเทศด้วยกัน แบบเปิดเป็นร้านคู่ ซึ่งเมืองไทยเราเปิดคู่หลายแห่งแล้ว เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกัน เป็นโค แบรนด์ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือก เวลาเบื่ออาหารร้านใดร้านหนึ่ง" ประธานกรรมการ MK เล่าก่อนปิดท้ายแผนรุกของMKว่า
มีเป้าขยายร้านอาหารไทย ณ สยาม ซึ่งถือเป็นมรดกตกทอดจากคุณแม่ ซึ่งเดิมเปิดร้านอาหารไทยชื่อ MKอยู่บริเวณสยาม สแควร์ ต่อมาเมื่อทางครอบครัวตัดสินรุกธุริกจสุกี้ จึงเลือกใช้แบรนด์MKกับร้านสุกี้ และสร้างแบรนด์ ณ สยาม สำหรับร้านอาหารไทย เพื่อไม่ให้ลูกค้าสับสน
ถึงวันนี้สุกี้MK กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นธุรกิจระดับภูมิภาค ด้วยการขยายสาขาในต่างประเทศ
อะไรคือ กุญแจดอกสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรธุรกิจแห่งนี้
ฤทธิ์ตอบคำถามนี้อย่างมั่นใจ "เพราะเราชอบเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา" เขายกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนเล็ก แต่เป็นจุดเปลี่ยนของร้านสุกี้MK เช่น ตัดสินเปลี่ยนมาใช้เตาไฟฟ้า หรือ การทดลองทำชามใส่อาหารทรงเหลี่ยม เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะ และที่กำลังทำอยู่เวลานี้ คือ เปลี่ยนประเภทตะเกียบ ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายของMKมาก
เนื่องจากตะเกียบไม้ ที่ใช้ปัจจุบัน แม้ไปได้ดีกับอาหารหม้อร้อน แต่สวนทางกับกระแสโลกที่มุ่งอนุรักษ์ "การหาสิ่งทดแทนตะเกียบไม้ยากมาก เพราะในหม้อร้อน เราคิดหลายทางถ้าจะมาแทนต้องแก้ปัญหาให้จบ ล่าสุดลองเอาสเตนเลสส์มาแทนแบบเกาหลี ตอนนี้กำลังทดลองอยู่"
เขาบอกว่า หลักคิดในการบริหารของMK ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง เราคิดว่า "ถ้ามีประโยชน์กับลูกค้า แม้แต่เพียงนิดเดียว เราจะทดลองทำทันที"
นอกจากพฤติกรรมองค์กร ที่ไม่หยุดนิ่งแล้ว ฤทธิ์ บอกว่า เบื้องหลังความสำเร็จของMKนั้น มาจากวัฒนธรรม 14 ข้อ ซึ่งติดอยู่ในทุกหน่วยงาน ซึ่ง ฤทธิ์ บอกว่า เป็นการแปรเอาคุณค่าจากยุคของคุณแม่ ที่มักทักทายกับลูกค้า และพร้อมจะทำใหม่ให้ ถ้าหากไม่อร่อย มาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของMK ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่นำความสำเร็จมาสู่MK
Monday, September 14, 2009
MK Suki Launches Small Size
Image via Wikipedia
เอ็มเคสุกี้เล็งเปิดสาขาไซซ์เล็ก
นายสมชาย หาญจิตต์เกษม รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสาขา บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทวางแผนเปิดสาขาใหม่ 20 สาขา ในรูปแบบร้านขนาดเล็ก 25-30 โต๊ะ ใช้งบประมาณร้านละ 7-8 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของเอ็มเคปัจจุบัน รักษาการเติบโตไว้ได้ 8-10% จากการขยายสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่แผนการสื่อสารการตลาดเชิงรุก เพื่อย้ำภาพลักษณ์ร้านอาหารของครอบครัวและกลุ่มเพื่อน รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ และได้ใช้งบประมาณลงทุน 20 ล้านบาท สำหรับทำหนังโฆษณาชุดใหม่ตอกย้ำแนวคิดที่ว่า อยากให้คนไทยมีสุขภาพดี พร้อมทั้งเตรียมขยายธุรกิจร้านอาหารที่มีโอกาสและเหมาะกับความชำนาญของบริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายสมชายกล่าวต่อไปว่า สำหรับปีนี้เอ็มเคตั้งเป้าหมายยอดขายตลอดทั้งปีเติบโต 5% หรือประมาณ 8,800 ล้านบาท นอกจากนี้ล่าสุดในโอกาสครบ 300 สาขา เอ็มเคได้จัดแคมเปญภายใต้แนวคิด มีชีวิตชีวาขึ้นเสมอที่เอ็มเค ประกอบด้วยกิจกรรมอิ่มท้อง ลุ้นอิ่มทอง ให้ลูกค้าลุ้นรับของรางวัลทุกๆ เดือน
Mc Donalds Launches M Park
Image via Wikipedia
แมคโดนัลด์พลิกโฉมฟาสต์ฟู้ดเตรียมเผยโฉม "เอ็มพาร์ค" ซูเปอร์คอนวี่เนียนแห่งแรก พ.ย.นี้ หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบรนด์ "แมคโดนัลด์" ให้แข็งแกร่ง ตั้งเป้าปีละ 1-2 โครงการ พร้อมเดินหน้าสร้าง strong community ผ่านกีฬา-กิจกรรมสังคม เดินหน้าปั้นเฮลตี้ไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าแบรนด์ในดวงใจอีก 3 ปี
แมคโดนัลด์แบรนด์อาหารจานด่วน หรือ QSR (quick service restaurant) ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ถึงวันนี้เรียกว่ามีการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ หลังเข้ามาอยู่ภายใต้การบริหารของ "วิชา พูลวรลักษณ์" เครือเมเจอร์ เจ้าพ่อไลฟ์สไตล์ในยุคนี้ ซึ่งทำให้แมคโดนัลด์ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มีการเติม "ไลฟ์สไตล์" ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดยืนทั้งเรื่องความสะดวกที่ให้กับผู้บริโภค และไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ควบคู่กันไป
ไทยขึ้นแท่นเทรนด์เซตเตอร์เอเชีย
เฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากการดำเนินการมา 3 ปี ปัจจุบันแมคโดนัลด์ ประเทศไทยถือเป็นผู้นำเทรนด์ (trend setter) ให้กับแมคโดนัลด์ในเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาจากการประชุมกับแมคโดนัลด์ในโซนอาเซียน, จีน และตะวันออกกลาง ประเทศไทยก็ได้รับเลือกให้เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับ development strategy ให้กับแมคโดนัลด์ในเอเชีย
อาทิ การทำ care mobile หน่วยบริการตรวจสายตาและสุขภาพเคลื่อนที่ มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ หรือแมคคาเฟ่ ที่ประสบความสำเร็จมากและสามารถเปิดได้อย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน 48 สาขา เพียงปีแรกสามารถเปิดได้ถึง 17 สาขา ขณะที่ประเทศอื่นๆ อาทิ สิงคโปร์ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีในการเปิด 33 สาขา ที่สำคัญสามารถพลิกโฉมอิมเมจของแมคโดนัลด์ จากเพียง QSR สู่ความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ รวมถึงการตกแต่งที่แตกต่าง ฯลฯ
"ปัจจุบันแมคโดนัลด์อื่นๆ ในเอเชียต้องมาดูงานที่เราว่าทำได้อย่างไรใน 3 ปี มาจากการเชื่อในระบบที่เราสร้างมาอย่างดี ปัจจุบันแมคฯในไทยเป็นผู้นำในเรื่องการพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ รวมถึงแนวคิดการลดต้นทุน"
ผุด "เอ็มพาร์ค" ตอบโจทย์
ไลฟ์สไตล์แบรนด์
นายเฮสเตอร์กล่าวอีกว่า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบรนด์มากขึ้น ในเดือนพฤศจิกายนนี้จะเปิดตัว "เอ็มพาร์ค" อย่างเป็นทางการในย่านคลอง 3 นครนายก บนพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง ถือเป็นการพลิกบทบาทจาก QSR สู่การเป็นผู้พัฒนาพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดต่างๆ ให้ลงตัว คาดว่าจะเป็น business impact ได้เป็นอย่างดี โดยจะเหมาะกับทำเลที่มีหมู่บ้านตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก
รูปแบบจะเป็น super convenience โดยร้านค้าอื่นๆ ที่เข้ามาเปิดจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในแต่ละวัน (daily use) ถือเป็นคอนวี่เนียนแม็กเนต อย่างไรก็ตาม รูปแบบดังกล่าวจะไม่ซ้ำซ้อนกับคอนเซ็ปต์ของสยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (เอสเอฟ) ซึ่งเป็นมอลล์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างชัดเจน
"เราคิดว่าทำได้ อยากจะลองดู แต่ไม่ได้หมายความว่าแมคโดนัลด์เปลี่ยนกลยุทธ์ "เอ็มพาร์ค" เป็นการซัพพอร์ตแบรนดิ้งให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น วันนี้แมคโดนัลด์ยังเป็น QSR เหมือนเดิม และคอนเซ็ปต์จากนี้ที่เราจะเน้นเปิดไม่ใช่เอ็มพาร์คต่อปี คาดว่าจะเปิดเพียง 1-2 แห่ง แต่สิ่งที่เน้นคือคอนเซ็ปต์ไดรฟ์ทรูที่ตั้งเป้าเปิดที่ 7-8 สาขาต่อปี"
ลุยสาขา "สแตนด์อะโลน" บิวต์แบรนด์
สำหรับทิศทางการขยายสาขาของแมคโดนัลด์ จากนี้จะเน้นไปที่สแตนด์อะโลน นั่นคือสาขาที่ให้บริการไดรฟ์ทรูเป็นหลัก ซึ่งจะใช้พื้นที่อย่างน้อย 1 ไร่ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 18 สาขา โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีแมคโดนัลด์จะเปิดสาขาอีก 80-90 สาขา และ 50% จะเป็นรูปแบบไดรฟ์ทรู จากปัจจุบันแมคโดนัลด์มีทั้งสิ้น 120 สาขา จะเพิ่มอีก 8-9 สาขาภายในสิ้นปีนี้
"กลยุทธ์ของเราไม่ได้เน้นที่ต้องมีสาขาจำนวนมาก เข้าไปทุกทำเล หรือต้องย่อไซซ์ร้านเพื่อบุกต่างจังหวัด แต่เน้นทำเลที่ดีที่ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าธุรกิจ QSR สามารถทำร้านให้สวยได้ ทำให้เกิดฟิลลิ่งได้ เราจะสร้างร้านให้เป็นเหมือนบิลบอร์ดที่โฆษณาแบรนด์แมคโดนัลด์ไปในตัวตลอด 24 ชั่วโมง"
ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจร้านอาหารไม่ใช่ ฟังก์ชั่นนอลอย่างเดียว แต่ต้องเติมเรื่องอื่นๆ เข้าไปด้วย ซึ่งเป้าหมายแมคโดนัลด์ต้องการเป็น lifestyle destination ที่ผ่านมาจึงมีการทยอยปรับโฉมสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องไปแล้วถึง 70%
เดินหน้าสร้าง "เฮลตี้ไลฟ์สไตล์"
ซีอีโอแมคโดนัลด์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการตลาดด้วยการเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ ทำให้กิจกรรมต่างๆ ของแมคโดนัลด์จะลิงก์กับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ภายใน 3 ปี สิ่งที่แมคโดนัลด์เมืองไทยจะมุ่งไปจากนี้คือสร้าง strong community image โดยมุ่งไปที่ 2 กิจกรรมหลัก กิจกรรมเพื่อสังคมและกีฬา ซึ่งทั้งคู่สามารถเข้าถึงคนได้มหาศาล
โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬาที่ยังตอบโจทย์ความเป็น "เฮลตี้ไลฟ์สไตล์" ของแมคโดนัลด์ ซึ่งต้องการสร้างให้เกิดขึ้นอย่างชัดเจนจากนี้ โดยในวันที่ 5 ตุลาคมนี้จะเปิดตัวกิจกรรมใหญ่ที่เกี่ยวกับกีฬา จากที่ผ่านมามีกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวบ้าง อาทิ วิ่งมาราธอน หรือโครงการ WOW Police... ตำรวจฟิต พิชิตไขมัน ฯลฯ
"นโยบายบริษัทแม่เห็นชัดในเรื่องการสนับสนุนด้านกีฬาที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับโอลิมปิก และปีหน้ากับเวิรลด์คัพ ซึ่งแมคโดนัลด์ในแต่ละประเทศก็จะนำไป ประยุกต์กิจกรรมด้านกีฬาที่ตอบโจทย์ในประเทศนั้นๆ"
นายเฮสเตอร์กล่าวถึงเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้า ว่า แมคโดนัลด์ต้องการเป็น แบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบ หรือ brand for me สามารถตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนทางรายได้และกำไรไม่ได้ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุด เพราะปัจจุบันเคเอฟซีถือเป็นผู้นำด้านนี้ แต่ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงกว่าผู้นำ คือ เคเอฟซีในทุกปี ที่สำคัญคือโตมากกว่าตลาด