Pages

Showing posts with label Boots. Show all posts
Showing posts with label Boots. Show all posts

Wednesday, April 4, 2012

บู๊ทส์เปิดแผนสู่เบอร์หนึ่งความงาม ดึงพันธมิตรเปิดตลาดใหม่มั่นใจศก.ไทยลงทุนเพิ่ม


อลิอันซ์ บู๊ทส์ เปิดยุทธศาสตร์ผู้นำตลาดค้าปลีกสุขภาพความงาม เร่งผสานการเติบโตในองค์กร เฟ้นหาพันธมิตร เปิดตลาดใหม่ เข้าซื้อกิจการ มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง หลังบู๊ทส์ไทยฝ่าวิกฤต มีอัตราการเติบโต 15% เดินหน้าลุยขยายการลงทุนต่อเนื่อง คาดอีก 2-3 ปี ครบ 300 สาขา

Friday, November 27, 2009

BOOTS REPOSITIONING

Alliance BootsImage via Wikipedia

ภายหลังจาก "สเตฟาโน เพซซินา" ผู้บริหารชาวอิตาเลียน ร่วมกับโคลห์เบิร์ก คราวิส โรเบิร์ตส์ แอนด์ โค (เคเคอาร์) เข้าซื้อกิจการของ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" เชนร้านขายยาที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในทวีปยุโรปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา "เพซซินา" ในฐานะประธานของอัลไลแอนซ์ บู๊ทส์ ต้องการปรับเปลี่ยนบู๊ทส์จากธุรกิจร้านขายยาสัญชาติอังกฤษ ไปสู่การเป็นบริษัทด้านสุขภาพและความงามระดับโลก



โดยอาศัย 2 เครื่องมือหลักเพื่อบรรลุภารกิจดังกล่าว นั่นคือ การเดินหน้าซื้อกิจการทั้งขนาดเล็กและใหญ่ และการขยายธุรกิจ "ครีมลดริ้วรอย"



วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ครีมบำรุงผิวภายใต้แบรนด์ "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่บู๊ทส์จะสร้างความสำเร็จในทวีปยุโรป เหมือนกับ "บู๊ทส์ นัมเบอร์ 7" ที่สำเร็จในอังกฤษมาแล้ว โดย "บู๊ทส์ แลบอราทอรีส์ เซรั่ม 7" ถือเป็นไลน์สินค้าใหม่ ซึ่งรวมไปถึงครีมบำรุงผิวที่ปัจจุบันมีจำหน่ายในร้านขายยาในฝรั่งเศสและโปรตุเกสเท่านั้น




แต่ในไม่ช้าแบรนด์ดังกล่าวจะสามารถหาซื้อได้อย่างกว้างขวางในทวีปยุโรป ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเพซซินาที่จะต้องการทำให้เป็นไลน์สินค้าที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ในอนาคต



เพซซินา ประธานบริหารของอัลไลแอนซ์ บู๊ทส์ กล่าวว่า หนึ่งในโครงการหลักสำหรับอนาคตคือสร้างบู๊ทส์ให้เป็นอินเตอร์แบรนด์ โดยขายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ออกไปนอกประเทศอังกฤษ



หลังจากการซื้อขายหุ้นในปี 2550 บริษัทจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์ใน 15 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเปิดร้านขายยาในหลายประเทศ ตั้งแต่เนเธอร์แลนด์จนถึงประเทศไทย และจัดหายาให้กับแพทย์กว่า 140,000 คน รวมถึงร้านขายยาและโรงพยาบาลทั่วโลก



อานิสงส์จากธุรกิจดูแลผิวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือมียอดเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 9 พันล้านปอนด์ หรือราว 15 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 6 เดือนนับถึงวันที่ 30 กันยายน



แต่สำหรับ "เพซซินา" มองว่ายังเป็นการเติบโตที่ไม่มากนัก โดยเขาเชื่อว่าในไม่ช้าบริษัทต้องเผชิญกับการเติบโตที่จำกัด ซึ่งต้องพยายามทุ่มเทเวลาเพื่อจะซื้อกิจการที่ส่งผลต่ออนาคตของบริษัท



"เพซซินา" กล่าวว่า ยังมีดีลควบรวมกิจการที่มีศักยภาพอีกมาก ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการซื้อ กิจการของบู๊ทส์อยู่ในยุโรป



อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ความพยายามเหล่านี้จะสำเร็จด้วยดีทั้งหมด อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ล้มเหลวในการเจรจาซื้อกิจการบางส่วนของ "Apoteket" ร้านขายยาที่ดำเนินกิจการแบบผูกขาดในสวีเดน และรัฐบาลสวีเดนนำออกประมูล แต่ดีลนี้กลับสร้างความเสี่ยงต่อบู๊ทส์มากกว่าการเข้าซื้อกิจการร้านขายยาในนอร์เวย์เมื่อปี 2543 ดังนั้น เสนอซื้อกิจการใด ๆ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง



"ถ้าเราพบร้านขายยาในราคาที่เหมาะสม ก็จะซื้อกิจการ แต่หากต้องจ่ายแพงเกินไป เหมือนกรณีที่สวีเดน เราก็คงไม่"



ขณะนี้คู่แข่งในธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจสุขภาพกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของ "เพซซินา" หลังการเข้าซื้อ "อัลไลแอนซ์ บู๊ทส์" ร่วมกับเคเคอาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของเขาเพื่อต้องการแยกสินทรัพย์ออกเป็นส่วน ๆ หรือมุ่งมั่น จะดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตในระยะยาว



อย่างไรก็ตาม "เพซซินา" ยืนยันว่า เป้าหมายของเขาคือต้องการให้บริษัทดำรงอยู่ได้ในระยะยาว โดยพยายามไล่ซื้อกิจการร้านขายยา เปิดตัวผลิตภัณฑ์และนำเสนอบริการ ซึ่งสะท้อนถึงแผนระยะยาว



"ลูก้า โซลก้า" นักวิเคราะห์ด้านรีเทลของอัลไลแอนซ์ เบิร์นสไตน์ในลอนดอน มองว่า บู๊ทส์มีโอกาสสูงในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ในยุโรป สิ่งที่เพซซินาเข้าใจคือ บรรดาเภสัชกรต้องการแบรนด์ร้านขายยาที่แข็งแกร่ง ที่สามารถจำหน่ายสินค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อต่อกรกับบรรดาร้านขายยาในซูเปอร์มาร์เก็ต





Reblog this post [with Zemanta]

Thursday, November 19, 2009

Boots prioritises Thai branch expansion

Boots GroupImage via Wikipedia

Thailand is a key market for Boots International's expansion plans next year.

The firm also became the first major retail chain to get clearance from the Food and Drug Administration to sell erectile dysfunction drugs.

Gordon Farquhar, managing director of Boots International, said it would continue to invest in Thailand, the US, the Netherlands and Norway.

"Thailand is a very important market and contributes about half of our global sales," he said, while in Bangkok yesterday.

Boots, which opened its first branch in Thailand at SCB Park in Bangkok 12 years ago, now has 160 stores nationwide.

"Thailand is the best place to continue our expansion. However, we will expand step-by-step with the right products and services," said Mr Farquhar.

Ian Hunter, managing director of Boots Retail (Thailand), the local operator, said the company plans to open 10 new stores next year, bringing the total outlets to 176 in its 2010 financial year, which starts April 1.

The expansion will help sales grow by double-digits next year, he said.

Yesterday, the company announced it had received approval from the Food and Drug Administration to sell erectile dysfunction pills to men with a doctor's prescription for the drug. Some 121 Boots outlets are certified to sell the medicine.

After getting the FDA approval, Boots will become the biggest retail chain to sell the drug, with the potential to gain a 50% market share in the future.

Currently, there are about 350 certified pharmacies nationwide that can sell the drug. The market for erectile dysfunction pills in Thailand is valued at about 300 million baht.
Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, October 20, 2009

HOUSEBRAND เขย่าบัลลังก์แบรนด์หลัก ทุบตลาดกระจาย...จากโนเนมสู่พรีเมี่ยม


tesco house brand



ถ้าพูดถึง "สินค้าเฮาส์แบรนด์" ในสายตาคนทั่ว ๆ ไปมักถูกมองว่าเป็นสินค้าราคาถูก ไม่ค่อยมีคุณภาพ และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเท่าที่ควร แต่ค่ายค้าปลีกหลายรายที่ปลุกปั้นสินค้ากลุ่มนี้มานานนับ 10 ปี ก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคงเดินหน้า ส่งสินค้าใหม่ ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง


ทั้งเทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, คาร์ฟูร์, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แม็คโครรวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามทั้งวัตสัน และบู๊ทส์ ต่างก็มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ออกมารับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเช่นกัน


จากสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่กี่รายการ น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำปลา ซอส ปลากระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ฯลฯ ก็ค่อย ๆ ขยายไลน์สินค้าออกมายัง ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เครื่องสำอาง สกินแคร์ เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์ประดับยนต์ อาหารพร้อมรับประทาน ฯลฯ


ถึงวันนี้ สินค้าเฮาส์แบรนด์ในมุมมองของ ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป และเป็นการเปลี่ยนไปในทิศทางบวก และเริ่มกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจฝืด กำลังซื้อตกเช่นในปัจจุบัน



"กวิน สัณฑกุล" กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส ย้ำว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองของเฮาส์แบรนด์ เพราะลูกค้าเริ่ม ปรับพฤติกรรมมาใช้เฮาส์แบรนด์มากขึ้น ที่น่าสนใจคือเป็นผู้บริโภคทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีกำลังซื้อน้อย ๆ เท่านั้น


สอดคล้องความเห็นของค่ายบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ โดย "จริยา จิราธิวัฒน์" รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องว่า ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ได้รับความนิยม จากผู้บริโภคมากขึ้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคหันมาหาทางเลือกที่ประหยัดกว่า


ที่น่าสนใจคือวันนี้ สินค้าเฮาส์แบรนด์เริ่มทำรายได้ให้แต่ละค่ายอย่างเป็นกอบเป็นกำ และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตมากขึ้น อย่างกรณีของเทสโก้ โลตัส ที่มีสินค้ามากกว่า 9,000 รายการ สามารถทำยอดขายได้คิดเป็น 10% จากยอดขายรวม


หรือคาร์ฟูร์ ที่ปัจจุบันมีสินค้าเฮาส์แบรนด์อยู่ราว ๆ 5,000 รายการ คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็นเกือบ 6,000 รายการ จากปีที่แล้ว 3,000 รายการ ก็ทำรายได้เป็นสัดส่วนถึง 12% จากยอดขายรวม จากปีก่อนหน้านี้ที่ทำยอดขายได้เป็นสัดส่วน ประมาณ 10%



house brand



ส่วนของค่ายท็อปส์ ก่อนหน้านี้ผู้บริหารก็ระบุว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์ สามารถทำรายได้เป็นสัดส่วน 30% และคาดว่าสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 40%



ชูคุณภาพ-ราคาเดินหน้าบูมตลาด


เมื่อผู้บริโภคยอมรับกับสินค้าเหล่านี้มากขึ้น หลาย ๆ ค่ายจึงไม่รอช้าที่จะเปิดเกมรุก เพื่อต่อยอดให้สินค้าเฮาส์แบรนด์สามารถครองใจผู้บริโภคและขยายตัวออกไปในวงกว้าง ที่น่าจับตามากก็เห็นจะเป็นค่ายยักษ์ เทสโก้ โลตัส ที่ให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ถึงขนาดว่าตั้ง"ศูนย์สาธิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์" ขึ้นมาเพื่อดูแลสินค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ และช่วงหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้ศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ (Tesco Research Centre) ทำหน้าที่ในการประเมินการยอมรับคุณภาพของเฮาส์แบรนด์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และทดสอบความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่


แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือในแง่ของการแข่งขันที่มีดีกรีความรุนแรงขึ้นแต่ หลาย ๆ ค่ายเริ่มใส่งบฯการตลาดและการทำกิจกรรมทางการตลาดกับสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมการเปิดตัวสินค้าการเปิดบูทชงชิมสำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร การใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นตัวดึงดูด


"กวิน" แห่งค่ายเทสโก้ โลตัส ย้ำว่าจะเกาะติดเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ ๆ มากขึ้น ผ่านการเก็บฐานข้อมูลจากบัตรคลับการ์ดที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยเฉพาะสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน และบริษัทยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มนี้ได้อีกมาก



"เทสโก้ในอังกฤษมีเฮาส์แบรนด์ถึง 40% ส่วนเมืองไทยยังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีเพียง 2 แบรนด์หลัก คือ เทสโก้ และคุ้มค่า ในอนาคตจะนำเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยม "ไฟน์เนสส์" เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก"


ไม่หยุดเพียงเท่านี้ ปีหน้า เทสโก้ โลตัส มีแผนจะนำเข้าเสื้อผ้า เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ "เอฟแอนด์เอฟ" เข้ามาทำตลาดเพิ่ม และเพื่อรองรับการรุกตลาดแฟชั่นดังกล่าว ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็ได้เริ่มทยอยปรับภาพลักษณ์โซนเสื้อผ้าแฟชั่นบ้างแล้ว


ยิ่งไปกว่านั้น ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้าจะเปิดตัวหนังโฆษณาของสินค้าเฮาส์แบรนด์โดยเฉพาะ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค



ก่อนหน้านี้ บิ๊กซี ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่เพิ่มดีกรีการบุกสินค้าเฮาส์แบรนด์ มาอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีการเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "แฮปปี้บาท" สินค้าอุปโภค สินค้าบริโภค และสินค้าอาหารสด ซึ่งมีราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไปโดยเฉลี่ยถึง 40% โดยบิ๊กซีจะทยอยเปิดตัวประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกไลน์อย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะมีสินค้าตรา "แฮปปี้บาท" ไม่ต่ำกว่า 200 รายการ นอกจากลูกค้าทั่ว ๆ ไปแล้ว "แฮปปี้บาท" ยังเน้นจับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและภัตตาคาร ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี



ส่วนบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตได้วางทิศทางการดำเนินนโยบายสินค้าเฮาส์แบรนด์จากนี้ไปว่า จะมุ่งพัฒนาสินค้าให้กลายเป็นสินค้าที่ดีที่สุดในหมวดหมู่นั้น ๆ และโฟกัสที่อิมเมจของสินค้าเป็นหลัก โดยวางโพซิชันนิ่งของเฮาส์แบรนด์เป็นสินค้าที่มี ความหลากหลายและมีคุณภาพดี โดยให้ความสำคัญกับขั้นตอน การผลิตที่มีคุณภาพ ขนาดของผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ และรสชาติ



เป้าหมายเพื่อทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ "ท็อปส์" กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดบนเชลฟ์ และวางแผนเพิ่มจำนวนสินค้าให้ได้ 700 รายการ ภายในสิ้นปี



ขณะที่คาร์ฟูร์ให้ความสำคัญกับสินค้าเฮาส์แบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง "ประภาพรรณ พลอยแสงงาม" ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกสินค้า บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารห้างคาร์ฟูร์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าสินค้าเฮาส์แบรนด์จะได้รับการยอมรับมากขึ้น และได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ แต่คาร์ฟูร์จะไม่เน้น การเพิ่มจำนวนสินค้าเฮาส์แบรนด์มากนัก แต่จะพยายามเพิ่มยอดขายของเฮาส์แบรนด์ที่มีอยู่ให้มากกว่าโดยเน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ เทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำในราคาถูกกว่า 20%



เขย่าบัลลังก์แบรนด์หลัก



การเติบใหญ่ของสินค้าเฮาส์แบรนด์ในวันนี้แม้ว่าอาจจะยังไม่หวือหวานัก หากเมื่อเทียบกับสินค้าที่เป็นสินค้าแบรนด์หลัก ๆ ที่วางจำหน่ายในตลาด แต่ด้วยปัจจัยในแง่ของกำลังซื้อที่ไม่ดีนักคุณภาพของเฮาส์แบรนด์ที่ได้มีการพัฒนาในแง่คุณภาพที่ผู้บริโภคยอมรับได้และราคาที่ต่ำกว่าสินค้าแบรนด์หลัก 20-40% ก็เป็นสิ่งจูงใจ ให้ผู้บริโภค รวมถึงร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางจำนวนไม่น้อยที่หันมาใช้สินค้าเหล่านี้ มากขึ้น เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ช่วยลดรายจ่าย ลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี



โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องอาศัย เรื่องหน้าตาหรืออิมเมจ กะปิ น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำตาล กระดาษทิสชู ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน ฯลฯ



แม้แต่แหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภคก็ยอมรับว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์หลาย ๆ อย่าง ผู้บริโภคมีการซื้อหาจับจ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพืช น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก ฯลฯ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่พฤติกรรมการบริโภคไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ และมองในแง่ของราคาเป็นตัวตั้ง



หากมองอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่า นี่คือเกมการแข่งขันที่ส่งผลกระทบกับแบรนด์สินค้าของซัพพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าออกวางจำหน่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้



นักการตลาดผู้คร่ำหวอดในวงการค้าปลีก กลยุทธ์การทำตลาดสินค้า เฮาส์แบรนด์เริ่มจากการทำให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้า โดยอาศัยแพ็กเกจจิ้ง คุณภาพและราคา เป็นตัวดึงดูดใจ และสเต็ปต่อไปคือการทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำ ดังนั้นยุทธศาสตร์แรกของสินค้าเฮาส์แบรนด์ก็คือ การใช้แพ็กเกจจิ้งและสีสัน ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด



นักการตลาดรายนี้ยกตัวอย่างถึงกรณีของผงซักฟอก "พลัส" เฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัส ที่เริ่มส่งออกวางตลาดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งหากสังเกต จะเห็นว่าสีสันของแพ็กเกจจิ้ง ตัวอักษร สีที่ใช้กับตัวอักษร จะมีความคล้ายคลึงกับผงซักฟอกแบรนด์หลักในตลาดมาก และหากไม่พิจารณา ในรายละเอียดก็จะไม่รู้ว่าเป็นผงซักฟอกเฮาส์แบรนด์


อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ทางการตลาดที่ซัพพลายเออร์หลาย ๆ ค่าย นำออกมาใช้ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่เอื้อในยามนี้ก็คือ การงัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม มาจูงใจผู้บริโภค โดยอาศัยความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เป็นทุนเดิมเป็นตัวตั้ง


นี่อาจจะเป็นเพียงจุดเริ่ม ต้นของการแข่งขันระหว่างเฮาส์แบรนด์กับสินค้าแบรนด์หลัก และเกมนี้คงจะไม่จบลงง่าย ๆ และต้องดูกันไปอีกหลายยก



Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, August 18, 2009

BOOTS LAUNCHES PRIVATE LABEL



"บู๊ทส์" ปิ๊งไอเดียเพิ่มช่องทางใหม่-เพิ่มรายได้ ขนทัพสินค้า "เฮลท์แคร์-ไพรเวท แบรนด์" ขึ้นเชลฟ์คาร์ฟูร์ แก้ปมพื้นที่ เปิดร้านหายาก หลังซุ่มเงียบมาพักใหญ่พบเวิร์ก เพราะต้นทุนน้อย-ดำเนินการได้เร็ว-ทราฟฟิกมาก คุ้มแสนคุ้ม



ความเคลื่อนไหวของร้านสเปเชียลตี้สโตร์ ประเภทร้านเพื่อสุขภาพและความงามที่น่าจับตาในขณะนี้ นอกจากการจัดแคมเปญ หรือการมอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตร ยังมีกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางจำหน่ายบนเชลฟ์ตามห้างในลักษณะช็อปอินช็อป เพื่อเพิ่มโอกาสขายมากขึ้น จากเดิมที่จะ เน้นเฉพาะการเปิดสาขาสแตนด์อะโลน ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเปิดสาขาใหม่ๆ ของดิสเคานต์สโตร์ที่ชะลอตัวลง โดยร้านสเปเชียลตี้สโตร์ที่รุกคืบไปบนเชลฟ์ห้างอย่างชัดเจน ได้แก่ร้านบู๊ทส์






"บู๊ทส์" ยกสินค้าขึ้นเชลฟ์ดิสเคานต์สโตร์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด บู๊ทส์ได้เตรียมนำสินค้าไปวางจำหน่ายบนเชลฟ์ที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขาพระราม 2 ขณะนี้ได‰ปิดประกาศแจ้งลูกค้าที่เดินผ่านเชลฟ์ว่าจะมีสินค้าของบู๊ทส์มาวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้




แหล่งข่าวจากบริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านบู๊ทส์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บู๊ทส์ได้เริ่มทดลองเพิ่มช่องทางจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่าช็อปอินช็อปมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2550 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายและการให้บริการแก่ลูกค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันก็จะช่วย ให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าออกไปยังกลุ่มใหม่ๆ รวมทั้งการเพิ่มการเติบโตให้บริษัทด้วย



"การคัดเลือกสินค้าที่นำไปวางจำหน่ายในห้างบู๊ทส์ ได้นำสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์เฮลท์แคร์และสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ"



นอกจากการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในดิสเคานต์สโตร์ในลักษณะดังกล่าวแล้ว ที่ผ่านมา บู๊ทส์ยังเคยทดลองเปิดสาขา ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม. จำนวน 15 สาขา เน้นลูกค้ากลุ่มคนเมือง ออฟฟิศ จำหน่ายสินค้ากลุ่มเฮลท์แคร์เป็นหลัก และวางขายสินค้าตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ง่ายขึ้น



ห้างใหม่เปิดน้อย-พื้นที่หายาก



ผู้บริหารดิสเคานต์สโตร์รายใหญ่ รายหนึ่งกล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร้านสเปเชียลตี้สโตร์หันมาเช่าพื้นที่บนเชลฟ์ของดิสเคานต์สโตร์ สาเหตุหลักมาจากการที่ค้าปลีกรายใหญ่เปิดสาขาใหม่น้อยลง การแย่งชิงพื้นที่เช่าสำหรับสแตนด์อะโลนช็อปจึงมีสูง ประกอบกับการรุกเพิ่มสาขาของวัตสัน คู่แข่งสำคัญของบู๊ทส์ ยิ่งเป็นตัวเร่งให้บู๊ทส์ต้องเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ ดังกล่าว



"การเช่าพื้นที่เชลฟ์เพื่อวางสินค้ามีต้นทุนน้อยกว่าสแตนด์อะโลน และใช้เวลาการดำเนินงานสั้นกว่า ที่สำคัญคือทราฟฟิกลูกค้ามีมาก และโอกาสที่ร้านสเปเชียลตี้สโตร์จะขยายสาขาให้ครอบคลุมเป็นเรื่องยาก สู้เอาสินค้าไปวางขายตามห้างที่เปิดอยู่แล้วน่าจะง่ายกว่า กลยุทธ์นี้ถือ เป็นหลักการเดียวกับการทำตลาดสินค้า คอนซูเมอร์ เป็น Survival Strategy ที่บู๊ทส์นำมาใช้"



จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน บู๊ทส์มีช่องทางจำหน่ายที่เป็นในลักษณะช็อป อินช็อป ซึ่งมีเฉพาะในคาร์ฟูร์ มีรวมประมาณ 21 สาขา ขณะที่ร้านที่เป็นสแตนด์อะโลนมีประมาณ 150 สาขา ส่วนวัตสันมีจำนวนสาขาทั้งหมดประมาณ 150 สาขา และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ขอนแก่น และอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกทำเลอีก 1-2 แห่ง จากปีที่แล้วเปิดสาขาไป 8 แห่ง เน้นตามห้างและไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดใหม่



อัดโปรโมชั่นในร้านดุเดือด



นอกจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ดังกล่าวแล้ว กลยุทธ์ทางการตลาดที่บู๊ทส์ให้ความสำคัญมากขึ้น คือการให้น้ำหนักกับบัตรสมาชิกบู๊ทส์ เฮลท์ คลับ โดยจับมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ เช่น ร.พ.กรุงเทพ ร.พ.บีเอ็นเอช ร.พ.สมิติเวช ฟิตเนสเฟิร์ส และอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. มอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกบัตร รวมทั้งการเพิ่มโปรแกรมซีอาร์เอ็ม ผ่านการทำโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การจับมือกับลอรีอัลจัดรายการลดราคาสินค้าลอรีอัลสูงสุดถึง 300 บาท เฉพาะที่ร้านบู๊ทส์ และลดเพิ่มอีก 5% สำหรับสมาชิกบู๊ทส์ เฮลท์ คลับ



รวมถึงโปรโมชั่นที่บู๊ทส์ใช้เรียกลูกค้าในปัจจุบัน คือโปรโมชั่นเบสต์ แวลู ราคาสุดคุ้ม แลกซื้อสินค้า ในราคา 69 บาท หรือซื้อสินค้า 2 ชิ้น ในราคา 96 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม



ด้านวัตสันก็เน้นกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ด้วยการใช้บัตรสมาชิกวัตสัน เมมเบอร์ชิพ การ์ด เป็นตัวกระตุ้น ด้วยการมอบส่วนลดโปรแกรมสะสมแต้ม และส่วนลดค่าตรวจรักษาโรงพยาบาลพญาไท



BIG C-เซเว่นฯ ซุ่มเปิดสเปเชียลตี้สโตร์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ร้านสเปเชียลตี้สโตร์กำลังปรับตัวด้วยการพยายามหาช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เข้ามาเสริมเพื่อเป็นการเติบโตอีกทางหนึ่ง ทางฟากฝั่งผู้ประกอบการค้าปลีกก็อยู่ระหว่างการทดลองโมเดลร้านสเปเชียลตี้สโตร์ โดยเซเว่นอีเลฟเว่นที่ซุ่มทดลองโมเดลร้านขายยาและสินค้าเพื่อสุขภาพ ภายใต้ชื่อ "เอ็กซ์ตร้า" ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบันมี 4-6 สาขา ขณะที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ก็เปิดร้านสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในชื่อของ "เพรียว" ตอนนี้มี 7 สาขา โดยเปิดอยู่ในบิ๊กซี 6 สาขา และ เอสพละนาด 1 สาขา และขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้สมัครสมาชิกพนักงานเพื่อเตรียมขยายสาขา และมีการเปิดรับสมาชิกบัตรเพรียว แวลู การ์ด ผ่านทางเว็บไซต์




LinkWithin

Related Posts with Thumbnails