Pages

Thursday, October 14, 2010

ดีลิเวอรี่กระหน่ำแคมเปญชิงลูกค้า THE PIZZA ชูคุ้มค่า

เดอะพิซซ่า คอมปะนี ปลื้มยอดขาย 9 เดือนแรกโต 15-20% เฉพาะดีลิเวอรี่โต 30% ลุยส่งโปรโมชั่นกระตุ้นยอดโค้งท้าย พร้อมชูนวัตกรรมสินค้าพร้อมจุดขาย "คุ้มค่า" ระบุตลาดดีลิเวอรี่เดือด ด้านพิซซ่าฮัทยังไม่หวือหวา ทยอยส่งโปรโมชั่น ดีลิเวอรี่ ท้าชิง ลุยจัดทัพลงตัวก่อนรุกจริง

ตลาดพิซซ่าจากที่เคยต่อสู้กันอย่างดุเดือด มาปีนี้แม้ยังเห็นการออกโปรโมชั่นและเมนูใหม่มาช่วงชิงลูกค้าในช่วง "ฟุตบอลโลก" แต่หากดูในแง่สีสันต้องยอมรับว่า ไม่ได้ดุเด็ดเผ็ดมันเหมือน 1-2 ปีก่อนที่ทั้งผู้นำอย่าง "เดอะพิซซ่า คอมปะนี" และผู้ตามระดับโลกอย่าง "พิซซ่าฮัท" มีการขับเคี่ยวในทุกแง่มุม ทั้งเมนูใหม่ ๆ และโปรโมชั่นที่แข่งกันบลัฟแหลก อาจเรียกได้ว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาจากทางฝั่ง "พิซซ่าฮัท" ผู้นำอันดับ 1 ของโลก อยู่ใน ช่วงการปรับกระบวนทัพ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงในตัวผู้บริหารระดับสูง รวมถึงทีมงานด้านการสื่อสารการตลาด ซึ่งพร้อมจะกลับมารุกอย่างหนักในอนาคต

ขณะที่เดอะพิซซ่า คอมปะนี จากค่าย "ไมเนอร์ ฟู้ด" ก็ยังคงสไตล์ "รุกหนัก" ไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง โดยใช้กลยุทธ์ผู้นำเดินหน้าปรับโฉมร้าน ยกระดับไปสู่ความเป็นร้านอาหารอิตาเลียน ลบภาพความเป็นฟาสต์ฟู้ด หรือ Casual Dining เพื่อยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้นหนึ่ง



ตลาดพิซซ่าเติบโต 8%-ดีลิเวอรี่เดือด

นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี (ประเทศไทย) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ 9 เดือนที่ผ่านมาของตลาดพิซซ่าโดยรวมมีการเติบโตขึ้นตลอด โดยเฉพาะในไตรมาส 3 เติบโตจากไตรมาส 2 ถึง 8% ซึ่งเป็นผลจากพิซซ่าทั้ง 2 แบรนด์ใหญ่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เดอะพิซซ่า คอมปะนี สามารถทำยอดขายโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตถึง 15-20% โดยเฉพาะตลาดรับประทานในร้าน (Dine In) และดีลิเวอรี่ โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาตลาดดีลิเวอรี่ขยับเติบโตขึ้นถึง 30% ในส่วนของการแข่งขันในตลาดพิซซ่าปัจจุบัน มองว่ามีการเกิดขึ้นของร้านพิซซ่าเล็ก ๆ หลายร้าน และดูเหมือนว่าทุกร้านจะมุ่งไปที่ตลาดดีลิเวอรี่เป็นหลักเช่นกัน

สำหรับดีลิเวอรี่นั้นเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังเป็นผู้นำซึ่งไม่เฉพาะแค่ในธุรกิจพิซซ่าเท่านั้น แต่เป็นในภาพรวมทั้งหมดของตลาดดีลิเวอรี่ ซึ่งบริษัทเชื่อมั่น ว่าจะยังรักษาความเป็นผู้นำ ต่อไป ล่าสุดกับโปรโมชั่นสั่ง 500 จ่าย 300 เป็นอีกโปรโมชั่นเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ชอบรับประทานอาหารที่สามารถเลือกเองได้ และไม่ชอบสั่งแบบ combo set meal ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าประเภทนี้อย่างดี โดยบริษัทใช้วิธีส่งจดหมายไปตามบ้านเพื่อประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นดังกล่าว

"สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำให้ลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่บริการของเราได้รับข้อมูลโปรโมชั่น และสามารถใช้บริการของเราได้ทั่วถึง"

ล่าสุดได้ร่วมกับบัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ทำโปรโมชั่นรับปิดเทอม เพิ่มขนาดพิซซ่าถาดกลางเป็นถาดใหญ่ฟรี เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ แฟมิลี่ พลัส สำหรับการรับประทานในร้านเดอะพิซซ่าฯ พร้อมรับเงินคืน 1% ทุกการใช้จ่าย จนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งถือว่าการรุกตลาดดีลิเวอรี่ของเดอะพิซซ่าฯนั้น Aggressive ที่สุดในบรรดาร้านอาหารด้วยกันก็ว่าได้

เบอร์ 2 รุกหนักมุ่งผู้นำ "ดีลิเวอรี่"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของพิซซ่าฮัท แม้ในแง่โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จะเงียบ เหงาไปหลังจากการปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหารคนไทยตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว จาก "ศรัณย์ สมุทรโคจร" ที่ปัจจุบันกำลังซุ่มเงียบทำ โปรเจ็กต์ใหม่กับเครือล็อกซเล่ย์ โดยมีนาย "มิลินด์ พันท์" ผู้บริหารสูงสุดสายการตลาดจากอินเดีย เข้ามาทำหน้าที่แทน ปัจจุบันยักษ์ใหญ่รายนี้อยู่ระหว่างปรับระบบงานและองค์กรใหม่ โดยใช้กลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งเรื่องระบบพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งเมนู การบริการ การปฏิบัติการ ฯลฯ

ที่ผ่านมา พิซซ่าฮัทเน้นการออกเมนูใหม่ โดยเฉพาะช่องทางดีลิเวอรี่ที่ออกมาเกาะกระแสฟุตบอลโลก ล่าสุดก็จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดของดีลิเวอรี่ต่อเนื่อง อาทิ "เต็ม ๆ กับ 12 คัพ 2 รสชาติในถาดเดียว" ราคา 299 บาท หรืออร่อยคุ้มกับ 2 ถาด 2 หน้า 198 บาท และกับกิมมิกที่ใช้เป็นประจำโดยอิงกับเบอร์ 1150 คือ ลด 50% กับ 11 เมนู เมื่อต้องสั่งพิซซ่า 1 ถาดหรือข้าวอบ/พาสต้า 3 จานขึ้นไป ทั้งนี้ถือเป็นเป้าหมายของ "พิซซ่าฮัท" ที่ต้องการขึ้นเป็นผู้นำในดีลิเวอรี่ ตามคำกล่าวของ "นงนุช บูรณะเศรษฐกุล" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดพิซซ่าฮัท ก่อนหน้านี้ว่า นโยบายจากนี้คือ ผลักดันให้พิซซ่าฮัทเป็นผู้เชี่ยว ชาญดีลิเวอรี่ หลังจากมีความพร้อมด้านเมนูที่หลากหลายมากกว่าพิซซ่า

การมุ่งไปที่ช่องทางดีลิเวอรี่ของพิซซ่าฮัท ส่วนหนึ่งด้วยจำนวนสาขาที่น้อยกว่าเดอะพิซซ่า คอมปะนี กว่าเท่าตัว ซึ่งถือเป็นจุดเสียเปรียบในการเข้าถึงลูกค้า การเปิดเกมรุกในตลาดดีลิเวอรี่จึงเป็นคำตอบที่สำคัญในการแข่งขันของเบอร์ 2 รายนี้ ที่ปัจจุบันยังมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 30% ตามหลังเดอะพิซซ่า คอมปะนี ที่ 70% จากมูลค่าตลาดพิซซ่า 4,500 ล้านบาท

เดอะพิซซ่าปรับสู่ร้านอาหารอิตาเลียน

ทั้งนี้หลังจากการปรับโฉมร้านที่ล่าสุดมีการรีโนเวตไปทั้งสิ้น 8 สาขา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการปรับปรุงรูปโฉมร้านช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านของเรา นอกจากนี้การเพิ่มที่นั่งภายในร้านก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี สามารถเติบโตในแง่ยอดขายได้โดยเฉลี่ยประมาณ 20% และบางร้านโต ขึ้นถึง 40% ที่สำคัญด้วยรูปโฉมใหม่นี้ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ว่า เราเป็นร้านอาหารอิตาเลียนอย่างแท้จริง

"การปรับอิมเมจร้านที่ชูความเป็นอิตาเลียนมากขึ้น ผลตอบรับขณะนี้ทางเรายังไม่ได้ทำรีเสิร์ช แต่หากดูจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นถึง 30% ทำให้เราเชื่อมั่นว่า การปรับรูปโฉมใหม่นี้ได้รับการตอบรับที่ดี และจากนี้จะเดินหน้าปรับปรุงรูปโฉมใหม่ของร้าน และคาดว่าจะทำให้ครบทุกร้านภายในสิ้นปี 2553 นี้ เพื่อให้ทันกับเทศกาลฉลองปีใหม่ที่จะมาถึง"

ส่วนไฮไลต์ไตรมาสสุดท้ายปีนี้จะเน้นนำเสนอความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ในแง่การนำเสนอเมนูใหม่ ๆ ที่คุ้มค่า (Value Innovation) ขณะเดียวกันยังมีชุดอาหารที่เป็น "คอมโบเซต" ที่นำเสนอเรื่องความคุ้มค่า คุ้มราคาให้กับลูกค้า ทั้งนี้ถือเป็นโพซิชันนิ่งของแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนี ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails