ในวงการธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า กล่าวได้ว่า ตระกูลจิราธิวัฒน์ ผู้บุกเบิกและก่อตั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยังไม่มีใครสามารถล้มแชมป์ลงได้ เห็นได้จากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีการขยายการลงทุนแตกสาขาใหม่ ๆ กระจายครอบคลุมทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดจำนวนนับไม่ถ้วน
แต่เมื่อแตกไลน์ธุรกิจมาเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ด้วยการปั้นแบรนด์ "โฮมเวิร์ค" ขึ้นมาต่อกรกับเจ้าตลาดเดิม "โฮมโปร" ในกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่บุกตลาดนี้มาก่อนล่วงหน้า เห็นได้ชัดว่า การทำตลาดของโฮมเวิร์คในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังเป็นรองค่ายคู่แข่งอยู่หลายขุม
ล่าสุด ตระกูลจิราธิวัฒน์ตัดสินใจอีกรอบด้วยการชูแบรนด์ใหม่ "ไทวัสดุ" ขึ้นมาเจาะตลาดวัสดุก่อสร้าง โฟกัสไปที่กลุ่มผู้รับเหมา สถาปนิก วิศวกร และลูกค้ารายย่อยระดับกลาง-ล่าง โดยยึดหัวหาดทำเลย่านบางบัวทองเป็นฐานที่มั่นแห่งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน และเปิดสาขาแห่งที่ 2 เพิ่มในทำเลสุขาภิบาล 3 และสาขาแห่งที่ 3 ย่านบางนา ที่เพิ่งตัดริบบิ้นเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 900 ล้านบาท
จากผลตอบรับค่อนข้างดีเกินคาด ทำให้ "ไทวัสดุ" กลายเป็น "หัวรบ" ธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มเซ็นทรัลที่จะส่งมาแย่งเค้กก้อนโตในตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 50,000 ล้านบาท
"สุทธิสาร จิราธิวัฒน์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ระบุว่า มีเป้าหมายเปิดสาขาเพิ่ม 3-5 สาขาต่อปีในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองใหญ่และรองที่มีศักยภาพทั่วประเทศ สเกลการลงทุนแต่ละสาขาจะต้องมีขนาดพื้นทกว่า 30,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท
หากเป็นไปตามแผน คาดว่าภายใน 10-15 ปีจากนี้ จำนวนสาขาของร้านไทวัสดุทั่วประเทศจะมีไม่ต่ำกว่า 60 สาขา ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด