Pages

Showing posts with label Supermarket. Show all posts
Showing posts with label Supermarket. Show all posts

Wednesday, November 30, 2011

GREEN GROCER


Photo Source: bangkokpost


Tesco Lotus opened Thailand’s and Asia’s first zero-carbon store in the Bang Phra area of Chon Buri last Friday. The store, which emits net zero carbon dioxide, demonstrates the hypermarket chain’s commitment to the environment. Features include lower-watt LED lighting, hydrocarbon refrigerators and rammed-earth walls; a wind turbine and solar cells power the store. Rainwater will be collected for car washing and to flush store toilets.

Monday, October 10, 2011

CP REVIVING SUPERMARKETS


Work is nearly complete at the first CPFood Market, with 300 square metres of retail space, which will open atCPTower 3onPhaya ThaiRoad by the middle of this month.

The retail venture will not only draw on the strong market for necessary daily goods, but will also be a distribution channel for the group's food products, says Supat Srithanathorn, senior vice-president of Charoen Pokphand Foods Plc (CPF), the group's SET-listed flagship.

CP earlier operated Sunny Supermarket on Srinakarin Road, which was sold a decade ago because of poor performance.

The first branch of CP Food Market, with 300 square metres of retail space, will open at CP Tower 3 on Phaya Thai Road by the middle of this month.

The second branch of the same size is scheduled to open late this month at Fortune Tower on Ratchadapisek Road.

Tuesday, August 9, 2011

THE MALL LAUNCHING SUPERMARKETS OUTSIDE ITS OWN COMPLEXES


The Mall Group plans to open supermarkets in shopping complexes outside its own.
The move is in line with the boom in community and neighbourhood malls, which have been opening rapidly in certain locations in Bangkok and other cities.

Tuesday, August 24, 2010

JIFFY ปูพรมโมเดลใหม่ ปั้นแบรนด์"SUPERMARKET-ร้านอาหาร"บุกค้าปลีก


ปตท.ขยับตัวครั้งใหญ่ เปิดตัวธุรกิจค้าปลีกโมเดลใหม่ ส่ง "จิฟฟี่ มาร์เก็ต" ลุยซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมเปิด "จิฟฟี่ บิสโตร" บริการอาหารจานร้อน เปิดร้านคอนเซ็ปต์สแตนด์อะโลน-ไม่ยึดติดปั๊ม ล่าสุดทดลอง เปิดคอนวีเนี่ยนสโตร์แบรนด์ใหม่ "จอย" ในปั๊มแก๊ส "พงษ์เพชร-เอกชัย" พร้อมเผยเตรียมประมูลเปิดคีออสก์ขายสินค้าบนสถานีแอร์พอร์ตลิงก์

หลังจาก ปตท. ซื้อร้านสะดวกซื้อ "จิฟฟี่" ที่มีอยู่ 146 สาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งได้ทยอยรีโนเวตสาขาต่าง ๆ พร้อมกับมีการปรับระบบการดำเนินงานและระบบไอที พร้อมมองหาร้านค้าปลีกโมเดลใหม่มาเสริม เพื่อสร้างให้ธุรกิจค้าปลีกเป็นอีกขาหนึ่ง ที่ช่วยทำรายได้ให้กับบริษัท ล่าสุด ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก บริษัทในเครือ ปตท. ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ เตรียมจะเปิดตัว 2 ธุรกิจใหม่ "จิฟฟี่ มาร์เก็ต-จิฟฟี่ บิสโตร" ในรูปแบบสะแตนด์อะโลนที่อาคารเอ็นเนอร์จี้ คอมเพล็กซ์ ตึกเอ ที่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ปตท. จากก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่า ปตท.กำลังศึกษาเพื่อจะซื้อกิจการของคาร์ฟูร์


ซุ่มเงียบเปิด 2 โมเดลใหม่


แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด บริษัทในเครือ ปตท. เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สำหรับคอนเซ็ปต์ของจิฟฟี่ มาร์เก็ต และ จิฟฟี่ บิสโตร จะเป็นร้านค้าที่ไม่ยึดติดกับการเปิดในปั๊มน้ำมันของ ปตท.เสมอไป และมีความยืดหยุ่นที่จะสามารถเปิดได้ในหลากหลายพื้นที่ตามความเหมาะสม

โดยในส่วนของจิฟฟี่ มาร์เก็ต เบื้องต้นจะเป็นร้านค้าปลีกคล้าย ๆ กับร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไป แต่จะมีอาหารสด เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ ฯลฯ เข้ามาจำหน่ายร่วมด้วย มีพื้นที่ประมาณ 400 ตารางเมตร ขณะที่จิฟฟี่ บิสโตร เป็นร้านอาหารที่เน้นการซื้อกลับ (take away) พร้อมบริการส่งในอาคาร ปตท. และมีที่นั่งให้รับประทาน14 ที่นั่ง ด้วยเมนูอาหารนานาชาติหลากสไตล์ทั้งสไตล์ตะวันออก เช่น อาหารไทย ผัดไทยกุ้งสด อาหารญี่ปุ่น ยากิโซบะหมู และสไตล์ตะวันตก เช่น ชุดอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน ทูน่าสลัด ฯลฯ ที่ปรุงและเสิร์ฟตาม ออร์เดอร์

ส่งแบรนด์ "จอย" เจาะปั๊มก๊าซ

แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากการเปิดร้านค้าปลีกและร้านอาหารโมเดลใหม่ดังกล่าว ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยใช้แบรนด์ใหม่คือ "จอย" (Joy) ในปั๊มแก๊สของ ปตท. ซึ่งเบื้องต้นเพิ่งเปิดไป 2 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ที่สี่แยกพงษ์เพชร ส่วนอีกแห่งเปิดที่ย่านเอกชัย

สินค้าที่จำหน่ายเน้นสินค้าที่เป็นเครื่องดื่ม กาแฟสด หนังสือพิมพ์ ขนมขบเคี้ยว อาหารว่าง ฯลฯ ที่เป็นการย่อส่วนมาจากร้านสะดวกซื้อ และเน้นจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนขับแท็กซี่ หรือผู้ที่เข้ามาใช้บริการในปั๊มก๊าซ

"เหตุผลที่ต้องตั้งแบรนด์ใหม่ขึ้นมา เนื่องจากไม่ต้องการจะทำให้กระทบกับแบรนด์จิฟฟี่"

ขณะที่แหล่งข่าวจาก ปตท.ฯ อีก รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาบริษัทยังได้ร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้วยการใช้แบรนด์จิฟฟี่ เปิดเป็นคีออสก์บนสถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ เน้นขายเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ และได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ แต่เนื่องจากคีออสก์ที่เปิดบนสถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ (พญาไท) ซึ่งมีเพียงแห่งเดียว เป็นการเปิดให้บริการชั่วคราว หากมีการเปิดประมูลพื้นที่อย่างเป็นทางการ บริษัทก็สนใจจะเข้าร่วมประมูลด้วย

ขณะที่จิฟฟี่ภายใต้การบริหารของ ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จะอยู่ระหว่างการปลุกปั้นร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการมีโมเดลใหม่มาเสริม ในส่วนของร้านเซเว่น อีเวฟเว่น ที่เวลานี้มีสาขาประมาณ 5,500 แห่งทั่วประเทศ หรือแฟมิลีมาร์ท ที่มีจำนวนสาขาประมาณ 500 แห่ง ได้มีการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ด้วยการให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มอาหารมากขึ้น

เปิดสาขามี พท.เช่า สร้างรายได้

แหล่งข่าวจาก ปตท.ฯกล่าวว่า ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีกยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาสาขาที่มีพื้นที่ใหญ่ให้เป็นพื้นที่เช่า สำหรับสาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ด้วยการเปิดสาขาในรูปแบบที่เรียกว่า Platinum Gas Station ที่มีลักษณะเป็นวันสต็อปเซอร์วิส ที่นอกจากจะมีปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่แล้ว ภายในพื้นที่สาขาดังกล่าวยังมีร้านค้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งร้านอาหารและบริการทางการเงินเปิดให้บริการด้วย

ตอนนี้เปิดไปแล้ว 6-7 แห่ง สาขาล่าสุดคือ สมุทรสาคร-พระราม 2 ก.ม.35 จากก่อนหน้านี้ที่ทยอยเปิดไปแล้วตั้งแต่ปี 2552 เช่น รามอินทรา 1 รามอินทรา 2 นครปฐม ก.ม.26 สุพรรณบุรี ก.ม.28 สระบุรี-แก่งคอย 1อยุธยา-วังน้อย และขณะนี้บริษัทยังมองที่จะหาพื้นที่เพื่อเปิดสาขาในลักษณะนี้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า การเปิดสาขาในรูปแบบนี้น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ ปตท.ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นรูปแบบที่สามารถทำรายได้และมีมาร์จิ้นที่ดี โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้พันธมิตรหรือผู้สนใจเข้ามาเช่า



Thursday, June 3, 2010

Tesco Lotus opens new supermarket in Udon Thani


Tesco Lotus has opened its first 2,000 square metre supermarket in UD Town in Udon Thani, which is twice as big as its existing supermarket stores. Tesco Lotus Supermarket Operations Director Tanatat Veeravitayases said the new market will feature products like in Tesco Lotus hypermarkets.


To underscore its commitment to the community, Tesco Lotus announced that 60 of the store's 65 staff (over 90 per cent) were hired locally. The company will also be paying property taxes and signage taxes into the local community of over Bt1.5 million per year. Tesco Lotus employs over 36,000 people nationwide

Monday, April 26, 2010

3 ยักษ์ค้าปลีก" ปักธงรบ ผุดไซซ์ 2 พัน ตร.ม.ขยายสาขา


ยังคงพยายามหาโมเดลใหม่ ๆ มาให้บริการอย่างต่อเนื่อง สำหรับค้าปลีกรายใหญ่ที่วันนี้การขยับขยายสาขาเต็มรูปแบบทำได้ยากขึ้น ทั้งจากปัจจัยจากกฎหมายผังเมือง และการหาพื้นที่ขนาดใหญ่ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและหัวเมืองหลัก

นอกการพยายามหาช่องว่างและใช้โมเดลใหม่ ไซซ์ใหม่ ลงไปเจาะในหลาย ๆ พื้นที่แล้ว ทุกค่ายต่างเร่งปรับตัวด้วยการเริ่มพุ่งเป้าไปยังหัวเมืองระดับรองมากขึ้นแล้ว พร้อมเปิดกว้างในหลาย ๆ รูปแบบ เพื่อให้เปิดสาขาใหม่ได้ง่ายขึ้น

และถึงขณะนี้ดูเหมือนว่า ไซซ์ที่หลายค่ายให้ความสนใจมากขึ้น ก็คือซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร
"สิทธิศักดิ์ วงศ์สมุทร" ผู้จัดการฝ่าย อสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เพื่อเปิดให้บริการ "เทสโก้ โลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต แอท ยูดี ทาวน์" (Tesco Lotus Supermarket @ UD Town) ขนาดพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรูปแบบ "เทสโก้ โลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต" ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปลายเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายนนี้

ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองอุดรฯจะมีสินค้ากว่า 17,000 รายการ รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเน้นกลุ่มอาหารสด, อาหารพร้อมปรุง, อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเพิ่มสินค้าในหมวดเสื้อผ้า สินค้าสำหรับเด็กเล็ก เครื่องมือ เครื่องใช้ รวมถึงเครื่องเขียน

ที่ผ่านมา ทั้ง เทสโก้ โลตัส และคาร์ฟูร์ต่างให้ความสนใจที่จะเข้ามาเช่าพื้นที่ของ ยูดี ทาวน์ และก่อนหน้านี้มีกระแสค่อนข้างแรงว่า คาร์ฟูร์จะได้สิทธิในการเช่า แต่ท้ายที่สุด เทสโก้ โลตัส ก็คว้าพื้นที่ทำเลทองของยูดี ทาวน์ มาครองสำเร็จ

ส่วนค่ายคาร์ฟูร์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทดลองเปิดโมเดลคาร์ฟูร์ ซิตี้ ที่เออเบิ้น สแควร์ ตอนนี้มีนโยบายชัดเจนว่าจะยังไม่ขยายโมเดลนี้เพิ่ม แต่จะมาให้น้ำหนักกับโมเดลที่เรียกว่า "คาร์ฟูร์ มาร์เก็ต"

"ภูมิศักดิ์ พาทัน" ผู้จัดการฝ่ายคัดเลือกสินค้า ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด คาร์ฟูร์ได้ปรับยุทธศาสตร์การลงทุนและการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยจะหันกลับมาขยายสาขา ในเขตกรุงเทพฯ เน้นย่านชานเมืองและ ปริมณฑลเป็นหลัก โดยได้เตรียมเปิดอีก 4 สาขาภายในปีนี้

ล่าสุดเพิ่งเปิดสาขาหทัยราษฎร์ คลองสามวา ถนนสุวินทวงศ์ ในรูปแบบคาร์ฟูร์ มาร์เก็ต แห่งแรก ขนาด 2,465 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท จำหน่ายสินค้าประเภทอาหารสด สินค้า อุปโภคบริโภคกว่า 15,000 รายการ เน้นของสดและสิ่งของจำเป็น

เพื่อรองรับพฤติกรรมการจับจ่ายของ ผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้าใกล้บ้าน หรือย่านที่พักอาศัยมากขึ้น ถัดไปจะเปิดสาขาเคหะร่มเกล้า สาขาสายไหม และสาขาสุขาภิบาล 5

พร้อมกันนี้เขาให้เหตุผลว่า การเปิดสาขาขนาดประมาณ 2,000 ตารางเมตร จะทำได้ง่ายและเร็วในแง่การก่อสร้าง และสามารถคืนทุนได้เร็วกว่าโมเดลขนาดใหญ่

จากโมเดลใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้คาร์ฟูร์มีร้านค้าปลีก 4 รูปแบบ คือ สาขาขนาด 6,000 ตารางเมตรขึ้นไป สาขาขนาด 4,000 ตารางเมตร สาขาขนาด 2,000 ตารางเมตร หรือคาร์ฟูร์ มาร์เก็ต นอกจากนี้ ยังมีคาร์ฟูร์ ซิตี้ 300 ตารางเมตร

ก่อนหน้านี้ "รำภา คำหอมรื่น" รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มโอกาสการเปิดสาขาในจังหวัดรอง ๆ บริษัททดลองสร้างสาขารูปแบบใหม่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก มีพื้นที่ 2,000 ตร.ม. พร้อมพื้นที่เช่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเลือกสินค้าประเภทใดไปจำหน่ายบ้าง

โดยหลัก ๆ จะเน้นกลุ่มอาหารและของใช้ทั่วไป ปีนี้บิ๊กซีเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา ภาคกลาง 3 สาขา และอีสาน 1 สาขา เป็นสาขากลางและเล็กที่ใช้งบฯลงทุน 200-600 ล้านบาท

ปัจจุบันบิ๊กซีมีสาขา 3 รูปแบบ ได้แก่สแตนดาร์ด 10,000 ตร.ม. คอมแพ็กต์ 6,000 ตร.ม. และมินิคอมแพ็กต์ 4,500 ตร.ม.

นอกจากค้าปลีกไซซ์ 2,000 ตารางเมตร ที่ทั้ง 3 ค่ายใหญ่ต่างให้ความสำคัญในขณะนี้แล้ว เชื่อว่าอีกในอนาคต เราคงจะมีโมเดลใหม่ ไซซ์ใหม่ ๆ ตามออกมาอีกเป็นระลอก

Monday, March 29, 2010

THE MALL ชูธงรุกซูเปอร์มาร์เก็ต เปิด K VILLAGE



"เดอะมอลล์" เปิดแผน 5 ปี ขยายธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตรูปแบบใหม่ เปิดกว้างพร้อมลงทุนนอกค่าย "กูร์เมต์ มาร์เก็ต" สาขาเค วิลเลจ เป็น business model ขับเคลื่อนธุรกิจ เล็งทุกพื้นที่เจาะตรงทาร์เก็ตพรีเมี่ยม เตรียมปรับโพซิชันนิ่ง แบรนด์ใหม่ โฟกัสกลุ่มอาหารสดเพิ่มมาร์จิ้น-ขายความต่างหนีคู่แข่ง






การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศที่เคลื่อนทัพเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า การปรับตัวของธุรกิจจึงต้องรวดเร็วและเป็นเชิงรุกเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด เช่นเดียวกับ "เดอะมอลล์" ที่ได้ปรับนโยบายการลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งภาพที่เห็นในขณะนี้ก็คือ การใช้ซูเปอร์ มาร์เก็ตเป็นหัวหอกนำร่องในการขยายสาขาออกไป โดยที่ไม่ผูกติดอยู่กับสาขาของเครือเดอะมอลล์



ล่าสุด เดอะมอลล์ได้ใช้งบฯลงทุน 80 ล้านบาท เปิด "กูร์เมต์ มาร์เก็ต" สาขา เค วิลเลจ คอมมิวนิตี้มอลล์ของกลุ่มคณานันต์ ที่สุขุมวิท 26



ก่อนหน้านี้นโยบายของเดอะมอลล์จะใช้โฮมเฟรชมาร์ทเป็น loss leader เพื่อเป็นแม่เหล็กเข้ามาจับจ่ายในศูนย์การค้าของเดอะมอลล์ ทำให้ที่ผ่านมาค้าปลีกค่ายนี้ ไม่ได้ทุ่มโหมไปกับการขยายสาขาซูเปอร์ มาร์เก็ต




เดอะมอลล์เปิดเกมรุกซูเปอร์มาร์เก็ต



นายพีระ อัศวาภิรมย์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต กูร์เมต์ มาร์เก็ตและโฮมเฟรชมาร์ท บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาเค วิลเลจ ถือเป็นสแตนด์อะโลนสาขาแรกของกลุ่ม และจะเป็นสาขานำร่องของการขยายซูเปอร์มาร์เก็ตออกนอกศูนย์การค้าของกลุ่มในอนาคต 3-5 ปี และจะเป็น prototype ในการเป็นบิสซิเนสโมเดล สำหรับการขยายสาขาอื่น ๆ ของซูเปอร์มาร์เก็ตของกลุ่มเดอะมอลล์ ไม่ว่าจะเป็นโฮมเฟรชมาร์ทหรือกูร์เมต์ มาร์เก็ต






การขยายสาขาดังกล่าวจะเปิดกว้างรับพันธมิตรและคู่ค้าที่จะขยายสาขาร่วมกันในหลากหลายรูปแบบ ทั้งศูนย์การค้าหรือคอมมิวนิตี้มอลล์ และต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 1,000 ตร.ม.ขึ้นไป แต่จะไม่ขยายในลักษณะสแตนด์อะโลนหรือคอนวีเนี่ยนสโตร์ เนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ที่มีการแข่งขันรุนแรง และปัจจุบันตลาดมีทางเลือกจากผู้ประกอบการหลากหลายค่ายอยู่แล้ว



"สาขาใหม่ที่เปิดนอกศูนย์การค้าของกลุ่มจะสามารถไปได้ทั้งโฮมเฟรชมาร์ท และกูร์เมต์ มาร์เก็ต แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาความพร้อมทั้งด้านทำเลที่ตั้ง กลุ่มลูกค้า และคอนเซ็ปต์ของธุรกิจ และทุกสาขาที่จะไปเดอะมอลล์ต้องเป็น anchor tenant ซึ่งปัจจุบันได้วางตำแหน่งแบรนด์ โฮมเฟรชมาร์ท เพื่อเจาะกลุ่มทาร์เก็ตครอบครัวผ่านทางศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และกูร์เมต์ มาร์เก็ต เจาะทาร์เก็ตพรีเมี่ยมในศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน"



ปั้น "กรูเมต์ มาร์เก็ต" นำร่อง



ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสเดอะมอลล์ อธิบายคอนเซ็ปต์ของกูร์เมต์ มาร์เก็ตสาขาเค วิลเลจว่า เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสไตล์ยุโรป gourmet marche boutique มีพื้นที่ 1,500 ตร.ม. แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าโกรเซอรี่, ตลาด สดและอาหารนานาชาติ โดยจัดโซนสินค้าและคัดจากทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นโซนญี่ปุ่นและเกาหลี เพื่อรองรับเทรนด์ด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าย่านสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ที่มีการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าระดับบนสูงต่อเนื่อง



โดยเฉพาะผู้พักอาศัยและครอบครัวในคอนโดมิเนียมบนถนน 2 เส้นนี้ รวมกว่า 3 หมื่นยูนิต และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่กว่า 30 อาคาร สอดคล้องกับทาร์เก็ตของกูร์เมต์ มาร์เก็ต รวมทั้งเป็นการเพิ่มการจับจ่ายของกลุ่มลูกค้าจากเดิมที่ต้องรอซื้อในช่วงเวลาที่ศูนย์การค้าเปิดในช่วง 10.00 น. แต่กูร์เมต์ มาร์เก็ต เปิดให้บริการตั้งแต่ 08.00-22.00 น.



"แม้เค วิลเลจจะใกล้กับดิ เอ็มโพเรียม แต่เราจะจับลูกค้าที่ค่อนข้างกว้างกว่า ส่วนคาร์ฟูร์ก็เชื่อว่าลูกค้าจะเป็นคนละกลุ่มกัน จึงค่อนข้างมั่นใจ และในปีแรก (เมษายน 2553-เมษายน 2554) ตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 300 ล้านบาท"



K Village by The Mall
เดินหน้ายกระดับหนีคู่แข่ง



นายพีระกล่าวด้วยว่า ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว จากนี้ไปทั้งกูร์เมต์ มาร์เก็ตและโฮมเฟรชมาร์ท จะเน้นนโยบายเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยจะให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มที่เป็นอาหารสด เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าหรืออาหารเพื่อสุขภาพ และออร์แกนิกที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอยˆางต่อเนื่อง



ขณะเดียวกันก็จะมีการปรับบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านใหมˆ รวมทั้งการเพิ่มสินค้าไพรเวตแบรนด์ที่บริษัทเป็นผู้นำเข้ามาทำตลาดเอง ซึ่งปัจจุบันมี 6 แบรนด์ มากกว่า 500 รายการ และจะเพิ่มอีก 200 รายการ



อาหารสดเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มสินค้าที่เป็นอาหารสด แม้จะคอนโทรลยากแต่ก็เป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ปัจจุบันกลุ่มอาหารสดมีสัดส่วนประมาณ 30% จากรายได้รวม 12,000 ล้านบาท จากซูเปอร์มาร์เก็ตทั้ง 2 แบรนด์ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนอาหารสดเป็น 50% ในอนาคตอันใกล้



"ที่ผ่านมาเราได้เริ่มยกระดับทั้งโฮมเฟรชมาร์ทในบางสาขาไปบ้าง เช่น บางแค และตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มพื้นที่สาขาโคราช นอกจากนี้ยังมีแผนจะปรับและขยายพื้นที่กูร์เมต์ มาร์เก็ตที่สยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียมด้วย"



ตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตที่ผ่านมามีท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นหัวขบวน มียอดขายใน ปีที่ผ่านมาประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนรายอื่น ๆ อาทิ ฟู้ดแลนด์ วิลล่ามาร์เก็ต ฯลฯ อย่างไรก็ตามการขยายสาขาในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์ทำให้โอกาสการขยายสาขาของซูเปอร์มาร์เก็ตมีมากขึ้นด้วย




Reblog this post [with Zemanta]

Monday, November 23, 2009

CARREFOUR TO JOIN PARADISE PARK "THE NEW SERI CENTER"



"CARREFOUR" จับมือสยามพิวรรธน์-เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ร่วมขบวนศูนย์การค้า "PARADISE PARK" เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเสียบแทน "กูเมต์ มาร์เก็ต" จากค่าย "เดอะมอลล์" ที่ขอถอนตัว วางคอนเซ็ปต์ระดับพรีเมี่ยม มัดใจ พร้อมเปิดตามแผนมีนาคมปีหน้า



หลังกลุ่มสยามพิวรรธน์และ MBK CENTER เข้าไปซื้อศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ และได้เริ่มแปลงโฉมเพื่อเปลี่ยนเป็น "PARADISE PARK" ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในย่านกรุงเทพฯตะวันออก ด้วยงบฯลงทุนก้อนโต 2,000 ล้านบาท และตามแผนจะแล้วเสร็จและเปิดในเดือนมีนาคมปีหน้า




ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในกลุ่มพื้นที่เช่าและพันธมิตรที่ได้ตกลงเช่าไปแล้วกว่า 70% ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ในพื้นที่ชั้นกราวนด์ จากเดิมพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ได้วางให้เป็นซูเปอร์ มาร์เก็ตระดับพรีเมี่ยม ตามแผนได้เตรียมจะนำ "กูร์เมต์ มาร์เก็ต" ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิด 2 สาขา ที่ SIAM PARAGON และ THE EMPORIUM และเตรียมจะเปิดอีก 1 แห่ง ปลายปีนี้ ที่คอมมิวนิตี้มอลล์ เค-วิลเลจ (สุขุมวิท 26) เข้ามาเปิดเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าระดับบน



ทั้งนี้ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเดอะมอลล์และสยามพิวรรธน์ที่ถือหุ้นคนละครึ่ง แต่ล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ถอนตัวออกไป และมีไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ เข้ามาบริหารในพื้นที่ดังกล่าวแทน



นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ยอมรับว่า ได้คุยกับคาร์ฟูร์เพื่อทาบทามให้เข้ามาร่วมเปิดในศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค และบริหารพื้นที่ในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว ส่วนรายละเอียดการตกแต่งรวมทั้งคอนเซ็ปต์การวางสินค้าต้องไปถามทางคาร์ฟูร์ซึ่งจะตอบได้ชัดเจนมากกว่า



ก่อนหน้านี้ในงานเปิดตัวโครงการพาราไดซ์พาร์ค เพื่อชักชวนให้นักลงทุนค้าปลีกและซัพพลายเออร์คู่ค้าเข้ามาร่วมนั้น ศูนย์วางรูปแบบชั้นกราวนด์ให้เป็นสวรรค์ของ นักชิม ที่มีศูนย์อาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรวบรวมสินค้ากลุ่มอาหารสด โกรเซอรีส์ และอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าย่านศรีนครินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง



โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ 1.พื้นที่ 5,000 ตร.ม. สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต 2.เสรีมาร์เก็ต และฟู้ด คอร์ต ที่รวบรวมอาหารสดในรูปแบบตลาดนัดติดแอร์และร้านอาหารชื่อดังมารวมกันบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. และ 3.พื้นที่สำหรับฟู้ด บาซาร์ที่รวมร้านอาหารเทคโฮมและเบเกอรี่กว่า 100 ร้านค้า



ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังคาร์ฟูร์ โดยผู้บริหารจากบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการประชุมเพื่อสรุปแผนการขยายสาขาในปีหน้า เบื้องต้นโดยส่วนตัวยังไม่ทราบว่าจะมีการรวมแผนเรื่องการเปิดสาขาใหม่ที่ พาราไดซ์พาร์ค เข้าไปด้วยหรือไม่ คงต้องรอให้การเจรจาเสร็จสิ้นก่อน



ปัจจุบันการเปิดสาขาของคาร์ฟูร์มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่เฉลี่ย 6,500 ตารางเมตร คอมแพ็กต์ 4,000 ตารางเมตร มินิคาร์ฟูร์ 2,000 ตารางเมตร รวม 38 สาขา และได้เริ่มทดลองเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ คาร์ฟูร์ซิตี้ ขนาด 300 ตารางเมตร 1 แห่ง



ด้านแหล่งข่าวค้าปลีกรายหนึ่งให้เหตุผลถึงการที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต ถอนตัวออกจากโครงการพาราไดซ์ พาร์ค ว่าที่ผ่านมา คอนเซ็ปต์การเปิดกูร์เมต์ฯเพื่อดึงคนเข้ามาในห้างและจับจ่ายต่อเนื่องไปยังส่วนของดีพาร์ตเมนต์ แต่รูปแบบของพาราไดซ์ พาร์คเป็นศูนย์การค้าอย่างเดียว จึงไม่ตรงกับแนวทางการทำธุรกิจของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่จะเปิดเดี่ยว ๆ แบบสแตนด์อะโลน



ล่าสุด นางชฎาทิพ จูตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์พาร์ค จำกัด ได้เซ็นสัญญากับ นางณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ กรรมการ บริษัท ดาวคอฟฟี่บีนส์ จำกัด สำหรับการเช่าพื้นที่ชั้น 3 ของศูนย์ พาราไดซ์พาร์ค เพื่อเปิดร้านคอฟฟี่บีนส์ บายดาว (Coffee Beans By Dao) ร้านเบเกอรี่และอาหารในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรก ด้วยงบฯลงทุน 15 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ที่อาศัยในโซนกรุงเทพฯตะวันออก ซึ่งเป็นทาร์เก็ตระดับกลาง-บนที่มีกำลังซื้อสูง



Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, November 10, 2009

พันธกิจ...รวมตัวค้าปลีกไทย จุดยืน "เชนสโตร์-โชห่วย" ผลประโยชน์ใคร ?

A 7-Eleven outlet in Singapore.Image via Wikipedia


และแล้ว "CP 7ELEVEN" ได้กลายเป็นตัวแปรใหม่ที่สร้างความสงสัยอย่างกว้างขวางให้เกิดขึ้นกับแวดวงค้าปลีกไทย



พลันที่ "ซี.พี.ออลล์" นำทีมผู้ประกอบการค้าปลีกไทย อาทิ ตั้งฮั่วเส็ง-HOMEPRO-VILLA MARKET-ช้อยส์ มินิสโตร์ (กลุ่มตันตราภัณฑ์เชียงใหม่ ผู้ดำเนินธุรกิจเซเว่น อีเลฟเว่นในเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน รวม 160 สาขา) และอื่น ๆ รวม 20 ราย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตั้ง "สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย" (The Development of Thai Capital Retailers Association หรือ DTRA) ขึ้นมา ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 4 พฤศจิกายนนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา




เป็นการแยกวงจากที่เคยสังกัดอยู่ในสมาคมผู้ค้าปลีกไทย


เช้าวันเดียวกับที่มีแถลงข่าวเปิดตัวนั้น สมาคมผู้ค้าปลีกไทยที่ปัจจุบัน "ธนภณ ตังคณานันท์" ผู้บริหารจากเครือเซ็นทรัล สวมหมวกเป็นประธานต่อเนื่องสมัยที่ 2 ได้เรียกประชุมสมาชิก แม้จะออกตัวว่ายังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสมาชิกที่แตกตัวออกไปตั้งสมาคมใหม่


"ธนภณ" สงวนท่าทีกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งยังมองว่าการรวมกลุ่มกันเป็นเรื่องที่ดีแต่ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของการทำงาน


ขณะที่ "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นายกสมาคม DTRA สด ๆ ร้อน ๆ ระบุว่า ยังคงเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ค้าปลีกอยู่ แต่อาจต้องลดบทบาทและการทำงานลงเพื่อมาดูแลสมาคมใหม่นี้อย่างเต็มตัวและเต็มเวลา


สุวิทย์แจกแจงว่า การทำงานหลัก ๆ สมาคมจะเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ อบรมความรู้และเทคนิคการบริหารร้านรูปแบบต่าง ๆ แก่สมาชิกกลุ่มค้าปลีก สายพันธุ์ไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) กว่า 4 แสนรายทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อต่อสู้และรับมือการแข่งขัน


ทั้งยังให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการรวมกลุ่มระหว่างผู้ประกอบการค้าปลีกที่เป็น "ทุนของคนไทย" อย่างชัดเจน ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ต้องการให้มีสมาคมที่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือด้านการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการค้าปลีกทุนไทยโดยเฉพาะ และได้กำหนดคุณสมบัติของสมาชิกว่าจะต้องเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีคนไทยเป็น "ผู้ถือหุ้นใหญ่" เท่านั้น


เทียบกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยที่ไม่ได้มีข้อกำหนดนี้


จะเป็นทุนไทย หรือร่วมทุนไทย-เทศ หรือทุนต่างประเทศล้วน ๆ สามารถเป็นสมาชิกสมาคมผู้ค้าปลีกได้ทั้งสิ้น


เมื่อมีข้อกำหนดว่าต้องเป็น "ทุนไทย" อย่างชัดแจ้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ย่อมมีคำถามตามมาว่า การก่อตั้งสมาคมใหม่นี้เกี่ยวข้องกับกระแส "ต่อต้านค้าปลีกต่างชาติ" ใช่หรือไม่


คำถามนี้แจ่มชัดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อ "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ภารกิจแรกของ DTRA คือจะเข้าร่วมนำร่องประชาพิจารณ์ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันแถงข่าวเปิดตัวแค่วันเดียว เพื่อแสดงบทบาทและสะท้อนความต้องการที่เป็นกลุ่มก้อนในฐานะค้าปลีกไทย


หัวขบวนใหม่ผู้นี้ยังมองว่า ร่าง พ.ร.บ. ค้าปลีกฯดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลาย ๆ ประเด็น และเนื้อหาส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มโมเดิร์นเทรด แต่ไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีกรายเล็กที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด


อย่างไรก็ตาม ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯที่กำลังแก้ไขกันอยู่นี้ ไม่ได้มีการแยกระหว่าง "ทุนไทย" และ "ทุนต่างประเทศ"


หากแยกระหว่าง "ค้าปลีกสมัยใหม่-โมเดิร์นเทรด" กับ "ค้าปลีกดั้งเดิม-โชห่วย" เป็นประเด็นหลัก


เมื่อดูจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ย่อมทำให้ "7ELEVEN" ถูกเหมารวมอยู่ในซีก คอนวีเนี่ยนสโตร์ เฉกเช่นเดียวกับ "TESCO LOTUS EXPRESS"


เป็นยักษ์ใหญ่ที่รุมรังแกโชห่วย


ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นFOODLAND GET-IT SUPERMARKETของตั้งฮั่วเส็ง หรือVILLA MARKET ย่อมไม่ต่างอะไรจาก "ตลาดโลตัส"


ย้อนกลับไปที่ประเด็น "ทุนไทย" "ทุนต่างประเทศ" ยังเป็นข้อสังเกตว่า ในกรณีตั้งฮั่วเส็ง-โฮมโปร-วิลล่า มาร์เก็ท คงไม่น่ามีปัญหาสำหรับการนิยามตัวเองว่าเป็นค้าปลีกสายพันธุ์ไทย แต่สำหรับสถานภาพ ของคอนวีเนี่ยนสโตร์ "เซเว่นอีเลฟเว่น" ที่ยังคงต้องเสียค่าไลเซนส์ให้กับต่างชาติ อยู่นั้นจะอยู่ในนิยามจุดยืนสายพันธุ์ไทยหรือไม่


ขณะเดียวกันถ้าจะเปรียบ "CP ALL" กับ "BIG C" ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯทั้งคู่ มีผู้ถือหุ้นทั้งไทย-เทศ ผสมปนเปกัน


ประกอบกับเมื่อไล่ย้อนดูบทบาทของ "ซี.พี.ออลล์" เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการส่งตัวแทนไปนั่งเป็นประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมาแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกสายตาย่อมเพ่งมองไปที่การเล่นบท "หัวหอก" ของ ซี.พี.ออลล์ ด้วยแววตาที่สงสัยยิ่ง


กระนั้นก็ตาม หาก "CP ALL" สามารถพิสูจน์ตัวเองว่า ทำเพื่อโชห่วย จริง ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง


ผลจากการกระทำย่อมเป็นตัวชี้เจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้






Reblog this post [with Zemanta]

Monday, August 31, 2009

TOPS INVEST 600 MILLION NEXT YEAR



"ท็อปส์"ย้ำกิจกรรมมัดใจลูกค้าเดิม เผยแผนปีหน้าเทงบ600ล.ปูพรมสาขามุ่งไซซ์"มินิ"


"ท็อปส์" เปิดตัวเอ็มดีใหม่ เปิดแผนลงทุนปีหน้าทุ่มอีกกว่า 600 ล้าน ปูพรมสาขาเน้นโมเดลท็อปส์ เดลี่ ชูสปอต มันนี่ แบ็ค มัดใจลูกค้า ลั่นปีนี้-ปีหน้ากำไรพุ่ง



นายเอียน ไพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวในโอกาสที่จะเกษียณจากตำแหน่งและมอบตำแหน่งให้ผู้บริหารคนใหม่ว่า จากนี้ไปบริษัทจะยังเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยปีหน้าจะลงทุน 500-600 ล้านบาท ซึ่งลดจากปีนี้ทั้งปีที่ใช้งบฯลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท โดยงบฯดังกล่าวจะใช้เพื่อเปิดสาขาใหม่ 400 ล้านบาท ในการเปิดท็อปส์ มาร์เก็ต 3 สาขา ท็อปส์ ซูเปอร์ 2 สาขา และท็อปส์ เดลี่ 40 สาขา ส่วนอีก 200 ล้านบาท จะใช้เพื่อปรับปรุงสาขา 17 สาขา รวมถึงสาขาสุขุมวิท 19 และเซ็นทรัล ลาดพร้าว และจะปรับท็อปส์มาร์เก็ตที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ให้เป็นเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์


สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วบริษัทเปิดตัวโปรแกรม สปอต มันนี่ แบ็ค ก่อนหน้าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีแผนเปิดตัวลอยัลตี้โปรแกรมเหมือนกัน ด้วยการแจกคูปองเงินสดและส่วนลดมูลค่า 250 ล้านบาท เพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาช็อปที่ท็อปส์ โดยเฉพาะลูกค้าท็อปสเปนเดอร์ที่มีอยู่มากกว่า 4 แสนคน เพื่อช่วยสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ซึ่งวัดได้จากยอดซื้อที่มาจากลูกค้าสมาชิกที่มีสัดส่วน 82-83% จากยอดสมาชิกทั้งหมด 4.1 ล้านคน โดยท็อปส์จะมีการ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าทุกสัปดาห์เพื่อสร้างแผนงานรองรับ


"พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปตั้งแต่ปลายปี แม้ว่าปีที่แล้วบริษัทจะเติบโต 8-9% แต่เมื่อดูยอดจริงๆ จะพบว่าลูกค้าชะลอการจับจ่ายลง และนิยมซื้อสินค้าราคาถูก ทำให้ปริมาณสินค้าที่ขายออกมีเพิ่มขึ้นแต่มูลค่ากลับน้อยลง"


นายเอียน ไพย์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกว่า บริษัททำกำไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ กระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ยอดขายเริ่มฟื้นตัว ทำให้ปัจจุบันมียอดขายเติบโตขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และหวังว่าไตรมาส 3-4 เป็นต้นไปผลประกอบการจะกลับมาดีขึ้น ตั้งเป้าตลอดทั้งปีจะมียอดขายเติบโต 5-6% หรือมีมาร์เก็ตแชร์ 8.6-10% ในเซ็กเมนต์ ซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเปอร์มาร์เก็ต คิดเป็นมูลค่าราว 22,000 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะมียอดขาย 24,000 ล้านบาท


"ตั้งแต่ปี 2543-2546 เราขาดทุนมาตลอด เพิ่งจะมาเท่าทุนเมื่อปี 2547 และหลังจากนั้นก็เริ่มมีกำไร แต่กำไรก็เริ่มลดลงมาบ้างเมื่อปี 2549-2550 เนื่องจากมีการลงทุนมาก กระทั่งปี 2551 กำไรก็พุ่งขึ้น และคาดว่าตลอดปีนี้จนถึงปีหน้าบริษัทจะทำกำไรได้มากกว่าเดิม"



ด้านนายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ ว่าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลฯ กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่งซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป จะสานต่อวิสัยทัศน์เดิมของ นายเอียน ไพย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเฮาส์แบรนด์ หรือการจัดซื้อ แต่อาจมีการปรับกลยุทธ์บางส่วน โดยเฉพาะการเพิ่มระบบไอทีในแผนกจัดซื้อซึ่งจะช่วยให้ลูกค้า ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น และย่นระยะเวลาการทำงานระหว่างฝ่ายจัดซื้อกับซัพพลายเออร์



"เนื่องจากธุรกิจฟู้ดรีเทลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือคู่แข่ง แนวทางการทำงานของตนหลักๆ จะสปีดให้เร็วกว่าคู่แข่งและเป็นผู้นำอยู่ตลอดเวลา" นายอลิสเตอร์กล่าว




Tuesday, August 18, 2009

MAX VALU Plan to Launch Small Format


ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ญี่ปุ่น "แม็กซ์แวลู" เดินหน้ารีโนเวตสาขาหลักสี่เน้น ครบเครื่อง เผยพื้นที่ขนาดใหญ่หายากเล็งย่อส่วน เตรียมผุดไซซ์ 300 ตร.ม.สู้ศึกค้าปลีก พร้อมสู้ค่ายใหญ่ด้วยกลยุทธ์ราคาชนคู่แข่งเป็นรายสาขา



นายเออิจิ ชิบาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตแม็กซ์แวลูหรือจัสโก้เดิม เปิดเผยว่า หลังกฎหมายผังเมืองเริ่มบังคับใช้ ตั้งแต่ปี 2549 ประกอบกับพื้นที่ใหญ่ๆ ขนาด 4,000 ตร.ม.ในกรุงเทพฯและปริมณฑลหายากขึ้น ทำให้ทุกห้างต่างหันมาให้ความสำคัญกับการขยายสาขาในขนาดเล็กลง ส่วนมากเป็นขนาด 300-1,000 ตร.ม. และพยายามนำสินค้ามาจำหน่ายให้ครบไลน์มากที่สุด



สำหรับแนวทางการขยายสาขาของแม็กซ์แวลูหลักๆ เน้น 2 ฟอร์แมตคือ ขนาด 1,000 ตร.ม. และ 2,000 ตร.ม. และเนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ขนาดดังกล่าวเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจึงมีแนวคิดจะ ขยายสาขาขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณ 300 ตร.ม.ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนเป็นรูปธรรม






"เดิมบริษัทตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 26 สาขาภายในปี 2553 แต่จากปัจจัยและสถานการณ์หลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้ไซต์งานที่ดีลงานอยู่บางส่วนเกิดปัญหาติดขัด ตอนนี้ได้มีการปรับแผนใหม่ โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่เพียง 2 สาขา จากที่วางแผนจะเปิด 8 สาขา ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเปิดให้ได้ 10 สาขา ดังนั้นกว่าที่จะมีสาขาครบ 26 แห่งอาจจะต้องล่าช้าออกไปอีก 1-1 ปีครึ่ง"



นายชิบาตะให้ข้อมูลต่อไปว่า สาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดคือ หลักสี่ มีพื้นที่ขนาด 9,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นสาขาเดิมที่มีใบอนุญาตอยู่แล้วเพียงแต่ได้ปิดเพื่อปรับปรุงไประยะหนึ่ง และบริษัทคาดหวังว่าสาขานี้จะเป็นสาขาที่ช่วยสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่แล้วยังเป็นสาขาที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด และมีจุดเด่นในเรื่องของอาหารสดและอาหารพร้อมรับประทานที่มีคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งกับคู่แข่งได้



พร้อมกันนี้นายชิบาตะยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า โดยรวมมีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจและยอดขายมีการเติบโตขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว และเพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกำลังซื้อที่คาดว่าจะลดลงในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการจะให้น้ำหนักกับสินค้าราคาถูกควบคู่ความสะดวกสบาย และจะเน้นการลดราคาเพื่อสู้กับคู่แข่งเป็นรายสาขา ซึ่งคู่แข่งที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับสาขาของแม็กซ์แวลู ได้แก่ คาร์ฟูร์ ท็อปส์ และเทสโก้ โลตัส ซึ่งที่ ผ่านมาบริษัทก็เริ่มใช้กลยุทธ์ดังกล่าวมาบ้างแล้วและก็ได้ผลการตอบดีโดยวัดจากผลประกอบการรายสาขาที่ดีขึ้น



"เป้าหมายในปีนี้เราวางแผนในแง่ของการเติบโตไว้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังค่อนข้างรุนแรง แต่หากรวมการเติบโตของสาขาใหม่เข้าไปด้วยตัวเลขการเติบโตก็จะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสาขาหลักสี่ที่บริษัทคาดหวังค่อนข้างมาก" นายชิบาตะกล่าว


Thursday, August 13, 2009

TOPS FOCUS AT VALUE AND QUALITY

Inside a T&T Supermarket.Image via Wikipedia


"เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล" โฟกัสการสร้าง แบรนด์มุ่งครองใจลูกค้า เผยเดินเกมจัดกิจกรรม เน้นคุ้มค่า-คุณภาพ ยึดสโตร์ฟอร์แมตเป็นที่ตั้ง พร้อมชูความหลากหลาย-ประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่หวั่น คู่แข่งโดดลุยบัตรสมาชิก มั่นใจ "สปอต รีวอร์ดการ์ด" เจ๋ง เก็บดาต้ามา 5 ปี อินไซต์คอนซูเมอร์เพียบ



 



นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ และท็อป เดลี่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคาและคุณภาพ บริษัทจะโฟกัสเรื่องการสร้างแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อทำให้ท็อปส์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในใจของลูกค้าตลอดเวลาผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีคุณภาพ แคมเปญการตลาดและการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน มีประสบการณ์ในการช็อปปิ้งที่แปลกใหม่



สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาด ท็อปส์จะเน้นการนำเสนอมาร์เก็ตติ้งแคมเปญที่ดีที่สุดให้ลูกค้าในแต่ละสโตร์ฟอร์แมตซึ่งมีความแตกต่างกัน เช่น บางฟอร์แมตลูกค้าต้องการโปรโมชั่นราคาแรงๆ อย่างซื้อ 1 แถม 1 หรือบางฟอร์แมตที่ต้องการสินค้าใหม่ มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาหารต่างชาติ ซึ่งท็อปส์จัดให้เป็นพิเศษสำหรับลูกค้าเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ปีละ 6 ครั้ง



"ความพิเศษของการจัดเทศกาลอาหารในปีนี้คือ การนำอาหารนานาชาติมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเลือกซื้ออาหาร และหลังจากงานเทศกาลอาหารนานาชาติก็จะมีงานเทศกาลอาหารของประเทศอื่นๆ ตามมา เช่น ออสเตรเลีย เยอรมนี ซึ่งทำให้ลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติรับรู้ว่าท็อปส์เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่นำเสนอสินค้าต่างประเทศ จนทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่เมืองนอก"



นางสาวภัทรพรกล่าวว่า ควบคู่กับแนวทางดังกล่าวท็อปส์จะมีโปรโมชั่นรูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าสมาชิกมียอดซื้อต่อบิลมากขึ้น มีอัตราการเติบโตที่ดี



ล่าสุดได้จัดโปรโมชั่นเรดฮอตกับ แชมพู ขนม และข้าวสาร ก็ทำให้ยอดขายสูงขึ้นถึง 300-400% ส่วนสินค้าในประเทศที่ขายดีคือสินค้าทั่วไปอย่างน้ำมัน ข้าวสาร นอกจากนี้ยังมีสินค้าในประเทศเกรดส่งออกที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่สินค้าต่างประเทศพบว่าที่ขายดีมากคือสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นกับคนไทยมีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน



ในแง่การแข่งขันกับห้างอื่นๆ ท็อปส์มีเครื่องมือการตลาดที่สำคัญ ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ บัตรสปอต รีวอร์ดการ์ด ที่ทำมานานกว่า 5 ปี และมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างละเอียด แล้วนำมาวิเคราะห์หา customer insight เพื่อสร้าง action plan สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มเพื่อให้สอดคล้องกับ ความต้องการกับของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด เพื่อดึงให้เขาเป็นลูกค้าท็อปส์ต่อไปนานๆ



"ปัจจุบันการที่คู่แข่งหลายๆ ค่ายจะให้ความสำคัญกับการใช้บัตรสมาชิกมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ลูกค้าเข้าใจเรื่องลอยัลตี้โปรแกรมมากขึ้น และยิ่งมีคนเข้ามาเล่นมากก็ยิ่งทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบได้ว่าบัตรใดคือบัตรที่ทำให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด ที่สำคัญคือในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (ซีอาร์ซี) เรามีหลายธุรกิจที่สามารถจับมือเพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันได้"





Reblog this post [with Zemanta]

Monday, August 10, 2009

THE MALL LAUNCH NEW MODEL

The Mall GroupImage via Wikipedia

"เดอะมอลล์" เปิดสมรภูมิรบค้าปลีกรอบใหม่ หนีภาพกรอบลงทุนเดิมๆ ส่งโมเดล รูปแบบใหม่ไซซ์ขนาดย่อม 2 พันตารางเมตร ยึดย่านดาวน์ทาวน์สุขุมวิท 26 นำร่องยก "ซูเปอร์มาร์เก็ต" ผนึกร้านค้าพันธมิตรออกนอกศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก รองรับทาร์เก็ตไฮโซฯ-เอ็กแพต ดีเดย์พร้อมเปิดโฉมปลายปี



การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกได้มีความเคลื่อนไหวระลอกใหม่ที่แวดวงค้าปลีก เมืองไทยต้องหันกลับมามอง ล่าสุดกลุ่มเดอะมอลล์ที่บริหารศูนย์การค้า 3 แห่ง คือเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน ในรูปแบบของศูนย์การค้าขนาดใหญ่มาตลอดกว่า 20 ปีนั้น ได้เพิ่มแนวทางการขยายธุรกิจด้วยการชิมลางเปิดการลงทุนโมเดลใหม่บนพื้นที่ 2000 ตารางเมตร ใจกลางย่านถนนสายธุรกิจซอยสุขุมวิท 26



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเดอะมอลล์ได้เข้าไปเช่าพื้นที่โครงการ K-Village ซึ่งเป็นเนเบอร์ฮู้ดไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกลุ่มตระกูลอรรถกวีสุนทร บริหารในนามบริษัท คณานันต์ จำกัด ที่พร้อมจะเปิดโปรเจ็กต์ใหม่แห่งนี้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีนี้ โดยกลุ่มเดอะมอลล์ได้เข้าไปเช่าพื้นที่จำนวน 2 พันตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ 1 หมื่นตารางเมตร เพื่อเปิดเป็นโมเดลการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ของกลุ่มเดอะมอลล์และเป็นหนึ่งในแม็กเนตสำคัญของไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งนี้



โดยคอนเซ็ปต์นั้นกลุ่มเดอะมอลล์จะทำเป็นพื้นที่รูปแบบขนาดย่อมที่เลือกมาเฉพาะร้านค้าและสินค้าที่พิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะ เก๋ไก๋ และตรงกับทาร์เก็ตของกลุ่มลูกค้าย่านนี้ที่เป็นบ้านหรู คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ รองรับทาร์เก็ตกลุ่มลูกค้าระดับเอและชาวต่างชาติที่ทำงานและพักอาศัยในเมืองไทย (expat) โดยจะมีซูเปอร์มาร์เก็ตในระดับเดียวกับกูเม่ต์มาร์เก็ตที่เปิดในสยามพารากอนและดิ เอ็มโพเรียม บนพื้นที่ประมาณ 300-400 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ที่เหลือเดอะมอลล์จะแบ่งให้ร้านค้าที่คัดเลือกว่าตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในรูปแบบต่างๆ เข้ามาเปิดร่วมกัน

แหล่งข่าวระดับสูงในวงการค้าปลีกให้รายละเอียดว่า โมเดลใหม่ของเดอะมอลล์นี้จะเป็นอีกภาพการขยายตัวของกลุ่มเดอะมอลล์ที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะนอกจากจะมีความคล่องตัวสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังสอดคล้องกับรูปแบบไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในตลาดที่เปลี่ยนไป ซึ่งคอมมิวนิตี้มอลล์หรือเนเบอร์ฮู้ดไลฟ์สไตล์ต่างได้รับความนิยมมากขึ้น

ก่อนหน้านี้คุณแอ้ว ศุภลักษณ์ อัมพุช หัวเรือใหญ่กลุ่มเดอะมอลล์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการขยายธุรกิจของกลุ่มไว้ว่า แนวทางหลักยังคงเป็นการลงทุนด้วย รูปแบบสาขาขนาดใหญ่และต้องเป็น talk of the town ซึ่งเป็นโมเดลที่เดอะมอลล์เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปิดโอกาสการลงทุนในคอนเซ็ปต์ ใหม่ๆ เพราะถ้าจะเป็นโครงการขนาดเล็กแต่เก๋ไก๋ ไม่เหมือนใคร และเป็น unique "คุณแอ้ว" ก็พร้อมที่จะลงทุน

อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากลุ่มเดอะมอลล์จะโฟกัสขยายสาขาในรูปแบบนี้ต่อเนื่อง หรือเป็นเพียงแค่การทดลองโมเดลค้าปลีกรูปแบบใหม่ๆ ในห้วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่กลุ่มเดอะมอลล์มีความชำนาญ ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่า กลุ่มเดอะมอลล์ได้เริ่มพูดคุยและชักชวนซัพพลายเออร์ในหลายๆ กลุ่มสินค้าให้คัดเลือกสินค้าเพื่อวางในโมเดลใหม่นี้แล้ว

ที่ผ่านมานอกจากกลุ่มสยามฟิวเจอร์ที่ถือว่าเป็นผู้นำโมเดลคอมมิวนิตี้ในเมืองไทยแล้วนั้น กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ แลนด์ลอร์ด รวมทั้งกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายๆ รายต่างให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนในเซ็กเมนต์คอมมิวนิตี้อย่างต่อเนื่อง ไล่เรียงตั้งแต่กลุ่มเซ็นทรัลรีเทลที่เริ่มเปิดคอมมิวนิตี้มอลล์ในหลายๆ จุด โดยมีโฮมเวิร์คและท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเรือธงในแต่ละสาขา ด้วยเหตุผลที่สามารถขยายตัวได้คล่องกว่าที่จะรอไปในรูปแบบศูนย์การค้าขนาดใหญ่ รวมทั้งการลงทุนแต่ละแห่งใช้งบประมาณไม่สูงนัก นอกจากนี้ยังมีตระกูลเจ้าของที่ดินกระโดดเข้ามาทำเอง อาทิ จุฬางกูร ควรตระกูล และคอมมิวนิตี้มอลล์ของโครงการเพียวเพลส โมโนโพลี เออร์เบิล สแควร์ และเดอะ พาซิโอ เป็นต้น
Reblog this post [with Zemanta]

Wednesday, June 24, 2009

มัดใจสไตล์ "วิลล่า มาร์เก็ท" "ใครเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด...ก็ได้ใจลูกค้าไป"


"วิลล่า มาร์เก็ท" อาจจะ "โลว์โปรไฟล์" และไม่ค่อยเป็นข่าวนัก แต่จากการเติบโตและการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่มีมาตลอด 35 ปีแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยรายนี้เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว



และดูเหมือนจะยิ่งขยายตัวไปเรื่อยๆ ไม่เพียงกลุ่มลูกค้าคนกรุงในย่านดาวน์ทาวน์เท่านั้นที่สมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้ แต่ "วิลล่า มาร์เก็ท" ยังได้เริ่มขยายธุรกิจออกสู่ต่างจังหวัดด้วยแล้ว ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้าที่รู้จักและคุ้นเคย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนของกลุ่มลูกค้าระดับบน



 




"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ "โสภิศ ภูสนาคม" กรรมการบริหาร ร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ต วิลล่า มาร์เก็ท "คุณเจี้ยบ" ออกตัวว่าไม่ได้เงียบหายไปเสียทีเดียว ที่ผ่านมาก็มีกิจกรรมและทำตลาดกับลูกค้าตลอด เพียงแต่อยู่ในวงเฉพาะกลุ่ม มีกิจกรรมหรือแคมเปญอะไรลูกค้าก็จะบอกปากต่อปากกันไปมากกว่า ที่ผ่านมาร้านยังไม่มีอะไรที่หวือหวา



พร้อมกันนี้ "คุณเจี๊ยบ" ยังสะท้อนภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกอาหาร ว่า ปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งหน้าใหม่-หน้าเก่า กลุ่มโลคอแบรนด์และอินเตอร์ แบรนด์ ล้วนต้องการเข้ามาช่วงชิงลูกค้าและยอดขายมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมดาของการแข่งขัน



ซึ่งจุดแข็งของวิลล่า มาร์เก็ทคือการให้ความสด ใหม่ คุณภาพดี มีสินค้าครอบคลุมทุกอย่างที่ลูกค้าอยากได้



การแข่งขันทำให้ทุกคน ทุกค่ายต่างต้องหาจุดยืนและเลือกเอกลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นตัวเองเพื่อสู้กันให้ได้



แต่ถ้าใครสามารถเข้าถึง consumer need ได้มากที่สุดคนนั้นก็ได้ใจลูกค้าไป



เช่นเดียวกับภาพของการขยายสาขาที่วิลล่า มาร์เก็ท ยังคงต้องเดินหน้าต่อเนื่อง "คุณเจี๊ยบ" บอกว่าปีนี้จะเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ เกษตร-นวมินทร์ ในโครงการของสยามฟิวเจอร์ฯ, ภูเก็ต และราชพฤกษ์ จากที่มี 14 สาขาในปัจจุบัน



ขณะเดียวกันก็ได้เริ่มเข้าไปปักธงสาขาในต่างจังหวัด โดยนำร่องที่หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา ก่อนจะขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ อีกในสเต็ปถัดไป



"แม้ว่าเราจะโฟกัสพื้นที่ในกรุงเทพฯมาตลอด แต่ถ้าถามว่าครอบคลุมลูกค้าครบพื้นที่แล้วรึยัง ตอบเลยว่ายัง กรุงเทพฯยังเป็นโอกาสการเติบโตของเราอีกมาก มีดีมานด์ของลูกค้าอีกเยอะที่เรายังเข้าไปไม่ถึง"



ด้วยโพซิชันนิ่งของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในไทย ปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ทำให้ใครต่อใครปวดหัว กลับไม่มีผลต่อยอดสเปนดิ้งของร้านซูเปอร์สายพันธุ์ไทยรายนี้



ด้วยเหตุผลที่ว่ากลุ่มสินค้าอาหารเป็น สิ่งที่ลูกค้าไม่ยอมประหยัด แต่ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งอาจมีพฤติกรรมในแง่ของการลดการทานนอกบ้าน การเที่ยวนอกบ้าน เมื่ออยู่บ้านมากขึ้นก็เลือกจะหาความสุขภายในบ้านและทำอาหารทานกันเอง ที่สำคัญลูกค้าวิลล่า มาร์เก็ทมีกำลังซื้อและเลือกที่จะซื้อสินค้าที่คุณภาพดี ไม่เกี่ยงราคา เน้นความสดใหม่ และสินค้าสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศที่มีความหลากหลาย มีทุกอย่างที่อยากได้



ล่าสุด "วิลล่า มาร์เก็ท" ได้เปิดตัวร้าน The Gastro Cooking Studio by Villa Market กลางซอยสุขุมวิท 31 สาขาเรือธงในการสร้างยอดขาย



เมื่อมองผิวเผินคุกกิ้ง สตูดิโอนี้อาจเป็นเหมือนคอร์สสอนทำอาหารทั่วไป แต่วิลล่า มาร์เก็ทเติมความพิเศษและสร้างความแตกต่างให้ร้านเดอะ แกสโทรฯเป็นมากกว่านั้น



"คุณเจี๊ยบ" เล่าว่า การเปิดร้านเดอะ แกสโทรฯเป็นไอเดียขอคุณพ่อ (สุรพงศ์ ภูสนาคม-ซีอีโอ) ที่อยากเปิดคุกกิ้งคอร์สมานานแล้วเพื่อตอบแทนลูกค้าและจะได้มีกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน รวมทั้งเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกอย่างหนึ่งด้วย



วิลล่า มาร์เก็ทต้องการจะให้คุกกิ้งสตูดิโอนี้แตกต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งจะเป็นคอร์สสั้นๆ ที่รองรับเพียง 30-40 คน เน้นอาหารไทยและนานาชาติโดยเฉพาะลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารและไวน์ ที่สำคัญยังได้ดึง "โอบอุ้ม จูตระกูล" หรือ "มินี่ ซี" "เซเลบริตี้เชฟ" ที่มีชื่อเสียงในแวดวงและเชี่ยวชาญในเรื่องอาหารมาเป็นที่ปรึกษา และเชฟกิตติมศักดิ์ให้กับเดอะ แกสโทรฯ



"แกสโทร แปลว่า อาหารการกินอยู่แล้ว และเป็นชื่อที่สื่อตรงถึงวิลล่า มาร์เก็ท ด้วย จึงอยากให้สตูดิโอนี้เป็นรูปแบบคุกกิ้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คนที่ชอบเหมือนกันมาเจอกัน"



ที่นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นสตูดิโอสอนทำอาหารเท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถเข้ามาทำกิจกรรมหรือใช้พื้นที่ทำอีเวนต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำกิจกรรมเฉพาะในกลุ่มเพื่อนๆ ครอบครัว รวมถึงเป็นแหล่งนัดพบสังสรรค์กันในกลุ่มเพื่อนๆ และเดอะ แกสโทรฯจะเปิดที่สาขาสุขุมวิท 31 แห่งเดียว เพื่อเป็นจุดรวมการพบเจอของลูกค้าทุกสาขาของวิลล่า มาร์เก็ท



ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเคล็ดลับมัดใจลูกค้าตลอด 35 ปี ของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ซูเปอร์มาร์เก็ตสายพันธุ์ไทย




LinkWithin

Related Posts with Thumbnails