Thursday, November 10, 2011
โอกาสทอง "แบรนด์รอง" ยี่ห้อท้องถิ่น-ค่ายเล็กยึดเชลฟ์
Sunday, February 13, 2011
"ROLLBACK" อาวุธหลัก TESCO ลดแล้วลดอีก...มัดแม่บ้าน
Thursday, November 11, 2010
INDEX ดึงเซเลปร่วมออกแบบสินค้าแต่งบ้าน
Tuesday, November 2, 2010
CARREFOUR EXPANDS OWN DISCOUNT LABEL RANGE
The company announced late last week (28 October) it would begin offering 30 new products under the Discount brand, including sausages, minced beef, breaded fish, salmon, prawns, mussels, fruit and vegetables, Freshplaza.com reports.
Carrefour said that according to Nielsen studies, almost one in two French households have bought at least one Carrefour Discount product and that the “success” of the range has led to the move into fresh produce.
The launches will be accompanied by a national ad campaign.
Monday, January 11, 2010
Big C"กระหน่ำอีเวนต์สู้ศึกค้าปลีก เน้นเพิ่มความถี่-โปรโมชั่นราคาเอาใจลูกค้าแมส
Image via Wikipedia
"Big C" ประกาศกระหน่ำอีเวนต์พ่วง โปรโมชั่นรับตลาดค้าปลีกเพิ่มดีกรีการแข่งขัน เผยทิศแต่ละค่ายเตรียมต่อยอดบัตรสมาชิก พร้อมเน้นกิจกรรมCSRสร้างความผูกพันกับลูกค้า ซุ่มวางแผนลุยแผนกอาหาร พร้อมเพิ่มความหลากหลายสินค้าเฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท-Big C แบรนด์"
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท Big C ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่มีค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สำหรับBig Cปีนี้หลัก ๆ จะเน้นการจัดอีเวนต์มากขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยจะเน้นอีเวนต์ที่มีความสนุกสนาน อนุรักษ์วัฒนธรรม ส่งเสริมสินค้าในชุมชน พร้อมโปรโมชั่นที่เป็นทีมเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่ได้ต้อง การซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่อยากได้รับประสบการณ์จากการช็อปปิ้งควบคู่ไปด้วย
นางสาวจริยากล่าวว่า การจัดอีเวนต์ของBig Cมีความแตกต่างจากห้างอื่น ๆ เพราะเราให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและลูกค้า ล่าสุดช่วงวันเด็กที่ผ่านมาBig Cได้ร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดกิจกรรมวันเด็กที่สอดแทรกวัฒนธรรมไทย รวมถึงการจัดซุ้ม แจกขนม ขบวนพาเหรด ฯลฯ มีการทำโปรโมชั่นกับสินค้าเด็ก ทั้งซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคา 50% นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ เสื้อผ้าแฟชั่นเด็กลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ของดิสนีย์
"ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว Big Cจะให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือCSRมากขึ้น การทำซีเอสอาร์ของ Big Cเราหวังผลระยะยาวที่มุ่งให้ลูกค้าผูกพันกับแบรนด์ และรู้สึกว่าBig Cเป็นเหมือนเพื่อน"
นางสาวจริยากล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปคาดว่าการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกจะยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการมอบสิทธิพิเศษผ่านบัตรสมาชิก ซึ่งทุกค่ายได้เริ่มเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว และการแข่งขันที่มากขึ้นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ก็คือ ลูกค้าที่จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้น
นางสาวจริยากล่าวอีกว่า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของBig Cเป็นกลุ่มแมส ดังนั้นกลยุทธ์ราคาจึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันBig Cมีฐานสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ดเกือบ 4,000,000 คน และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ 600 ร้านทั่วประเทศ มอบส่วนลดพิเศษให้สมาชิก บิ๊กการ์ด เช่น เคเอฟซี มิสเตอร์โดนัท ฯลฯ ตั้งเป้าให้แต่ละสาขามีพาร์ตเนอร์ไม่ต่ำกว่า 50 ร้าน"
สำหรับสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่Big Cมีอยู่ 2 แบรนด์ ได้แก่ แฮปปี้บาท และBig C แบรนด์ นางสาวจริยากล่าวว่า ปีนี้จะยังไม่เพิ่มแบรนด์ใหม่ แต่จะเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ซึ่งลูกค้ามีความถี่ในการซื้อมากกว่าสินค้าทั่วไป บริษัทกำลังวางแผนการตลาดและจะให้ น้ำหนักกับสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการดำเนินงานของBig Cในช่วงไตรมาส 3 ปี 2552 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ายอดขายลดลงอัตรา 4.5% หรือคิดเป็น 16,184 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปี 2551 จำนวน 759 ล้านบาท เป็นผลเนื่องมาจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การระบาดของไข้หวัด 2009 และอุทกภัยในหลายพื้นที่ ขณะที่มีรายได้จากค่าเช่า 1,045 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 8.2% และมีกำไร 478 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันในปี 2551 ที่มีกำไร 565 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารBig C เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมงบประมาณการลงทุนภายใน 3 ปีนี้ จำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ได้ 12 สาขา ตั้งเป้าขยายสาขาเฉลี่ย 4 สาขาต่อปี ขณะที่ในปี 2551 เป็นปีที่Big Cมีการขยายสาขามากสุดถึง 12 สาขา และคาดการว่าเศรษฐกิจในปีนี้เริ่มมีทิศทางดีขึ้น ดูจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับราคาขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหลักของBig Cมีกำลังซื้อตามไปด้วย
Monday, December 28, 2009
TESCO LOTUS เต็มร้อย HOUSEBRAND ย้ำ "ราคา-คุณภาพ" กระตุ้นทดลองใช้

ขณะนี้แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์ เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันที่กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้น ฯลฯ ล้วนทำให้ ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ และยังระมัดระวังการจับจ่าย
อาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือ โอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการปลุกปั้น สินค้าHousebrandของบรรดาธุรกิจretailรายใหญ่ ตลอดปีที่กำลังจะจบลงไปที่แต่ละค่ายได้ทยอยส่งสินค้ากลุ่มนี้เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคชนิดเต็มอัตราศึก
ทุ่มงบฯโฆษณารายตัว
หลังจากที่Tesco Lotusได้ส่งสินค้าHousebrandในCategoryต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันมีสินค้าHousebrandไม่ต่ำกว่า 9,000 รายการ โดยวางจำหน่ายตามสาขา แต่จะให้น้ำหนักมากที่สุดกับสาขาที่เป็นโมเดลตลาดสด ซึ่งมีสินค้าเกือบครบทุกCategory ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู ผงปรุงรส โลชั่น ครีมอาบน้ำ ผ้าอนามัยเครื่องสำอาง จานกระดาษ ไม้จิ้มฟัน แปรงสีฟัน เครื่องนอน ผงซักฟอก ฯลฯ และให้พื้นที่ในการจัดวางสินค้าค่อนข้างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา Tesco Lotusได้เริ่มทยอยทุ่มงบฯโฆษณากับสินค้าHousebrandผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ โดยได้เริ่มทยอยโฆษณา สินค้าHousebrandเป็นรายตัว ทั้งกาแฟสำเร็จรูป ผงซักฟอก นอกจากรูปสินค้าการสื่อในเรื่องของราคาและโปรโมชั่นแล้ว โฆษณาดังกล่าวยังสื่อถึงคุณภาพ ทั้งวัตถุดิบและผู้ผลิตซึ่งเป็นรายเดียวกับที่ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ชั้นนำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
จากเดิมที่ผ่านมาจะมีเฉพาะค่ายCarrefourที่ขึ้นคัตเอาต์ขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งเพื่อสื่อให้เห็นภาพรวมของสินค้าHousebrandของตัวเอง
ชูภาพผู้ผลิตแถวหน้าการันตีคุณภาพ
ล่าสุดกับโฆษณากระดาษชำระ โฆษณาได้ให้ข้อมูลโดยระบุว่าผลิตโดยบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เซลล็อกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษชำระเซลล็อกซ์ รวมถึงสัญลักษณ์รับประกันคุณภาพ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน
นี่คือการเปิดเกมรุกรอบใหม่ของค่ายretailกับสินค้าHousebrandที่มีการทุ่มงบฯการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาทดลองใช้
ด้วยราคาและการันตีด้วยคุณภาพ ที่มีผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับเป็นตัวยืนยัน
เป็นการเดินทางลัดเพื่อให้สู่เป้าหมายเร็วขึ้น
คล้ายกับกรณีของFamily Martที่รุกตลาดข้าวกล่องแช่แข็งพร้อมรับประทาน กับแบรนด์ "ควิกเซิร์ฟ" ซึ่งระบุว่า พรานทะเล เป็นบริษัทแถวหน้าที่แข็งแกร่งในตลาดข้าวกล่องแช่แข็งพร้อมรับประทาน เป็นผู้ผลิตให้และมีการโปรโมตสินค้าร่วมกัน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้ซัพพลายเออร์ต้องหันกลับมามองและจับตาสินค้าHousebrandของค่ายretailมากขึ้น
ซัพพลายเออร์ระทึกหวั่นกระทบ
ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดรายใหญ่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า จากนี้ไปค่ายretailจะหันมาให้น้ำหนักกับสินค้าHousebrandมากขึ้น อย่างกรณีของน้ำมันปาล์มบรรจุขวด นอกจากสินค้าเฮาส์ แบรนด์ของค่ายต่าง ๆ ที่มีวางจำหน่ายอยู่แล้ว บางค่ายก็มีแผนจะเพิ่มน้ำมันปาล์มHousebrandที่เป็นแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก และคาดว่าจะเห็นภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
นอกจากราคาที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของHousebrandแล้ว แต่ละค่ายจะมุ่งไปที่เรื่องของโปรโมชั่นที่แรงขึ้น รวมทั้งการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในแง่ของมาตรฐานการผลิตที่จะมีให้เห็นมากขึ้น
เขายอมรับว่า หากretailรายใหญ่ใส่งบฯการตลาดกับสินค้าHousebrandมากขึ้น อย่างกรณีของTesco Lotusที่ได้ทยอยโฆษณาสินค้าHousebrandผ่านสื่อเป็นรายตัว จะมีผลกระทบกับแบรนด์หลัก ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะแบรนด์ที่ไม่ใช่แบรนด์อันดับต้น ๆ ของสินค้านั้น
"ระยะสั้น ๆ ผลกระทบอาจมีไม่มากนัก แต่หากค่ายretailยังมีการทุ่มงบฯการตลาด งบฯโฆษณาประชาสัมพันธ์ กับสินค้าHousebrandอย่างต่อเนื่องในระยะยาวถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว และยอมรับว่าจะส่งผลกระทบกับแบรนด์หลัก ๆ ได้เช่นกัน"
ผู้บริหารTesco Lotusยอมรับว่า ปีนี้ตัวเลขสินค้าHousebrandเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด ที่ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับแบรนด์ และจะดู จากเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคาในการตัดสินใจ จากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าของเทสโก้ฯ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เริ่มกล้าใช้สินค้าเฮาส์ แบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องนอน อุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำมัน ซีอิ๊ว ซอส ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ น้ำยาล้างจาน ฯลฯ
นอกจากการเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแล้ว เทสโก้ฯยังพยายามสื่อสารให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่าและคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตั้งศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ เพื่อดูแลสินค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
แห่ปูพรมHousebrandเพื่อทางเลือก
ส่วนความเคลื่อนไหวของretailรายอื่น ๆ ก็มีไม่น้อยหน้ากัน โดยมีแผนจะเปิดตัวสินค้าHousebrandเพื่อเพิ่มทางเลือกในยุคเศรษฐกิจไม่ดี เริ่มตั้งแต่ต้นปี Big C เปิดตัวHousebrandใหม่ใช้ชื่อว่าBig C แบรนด์และแฮปปี้บาท และOnly @ Big C ด้านCarrefourก็เดินหน้าส่งสินค้าHousebrandในชื่อCarrefourเข้ามามากขึ้น จาก 3,000 รายการ เพิ่มเป็น 6,000 รายการ ชูจุดเด่นที่ราคา ซึ่งถูกกว่าHousebrandของห้างอื่น ๆ 17-20%
ส่วนTops มีแผนเปิดตัวสินค้าown brand ถึง 1,500 รายการในปีหน้า ปีนี้มียอดขายจาก own brand ถึง 450 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะทำรายได้สูงถึง 750 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 80-100% ฟาก สเปเชียลตี้สโตร์ Watsons ปีนี้มีการปรับภาพลักษณ์สู่ร้านค้าแห่งความงามอย่างชัดเจน และเน้นทำตลาดสินค้าHousebrandอย่างจริงจัง ปัจจุบันมีHousebrandจำหน่ายในร้าน 700 รายการ
นอกจากเรื่องราคาที่เป็นจุดเด่นของHousebrandแล้ว ห้างต่าง ๆ ยังเพิ่มความแรงด้วยการทำโปรโมชั่นเสริมเข้าไปด้วย ทั้งTesco Lotus Big C และCarrefour ต่างมีการ โปรโมชั่นที่มีทั้งการลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อ 2 ชิ้นถูกกว่าเป็นระยะ ๆ หรือหากเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม-อาหาร ก็จะมีการเปิดบูทชงชิม เพื่อให้ลูกค้าทดลองและให้ พนักงานเป็นผู้ให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
Saturday, November 7, 2009
Tops exports house brands

The operator of Tops Supermarkets plans to export its house-brand consumer goods to Asian and Western retail chains next year.
Central Food Retail Con (CFR) expects to export its two brands, Cooking for Fun and My Choice, to chains in the United Kingdom, Singapore, Belgium and Hong Kong, said Nick Reitmeier, the company's vice-president for product buying. CFR is negotiating details now.
Mr Reitmeier said its brands were interesting to foreign chains because they meet international standards and the packaging is stylish. Moreover, the price is attractive, with an item costing 95 baht compared to almost 300 baht for a similar item in Hong Kong.
Another brand is called Tops, which is mainly for general necessity items such as rice, eggs, paper towels, dried fruit, cleaning products and a wide variety of housewares. Tops brand products are available at all branches of Tops Market, Tops Super and Tops Daily.
Cooking for Fun offers ingredients, ready-to-cook items and kitchen utensils, and is available only at Central Food Hall and Tops Market. My Choice provides consumer items and ready-to-eat meals and is available at Central Food Hall and Tops Market.
The company has budgeted 90 million baht to develop its branded products by next year. It has 1,000 own-brand items available now, rising to 1,500 next year.
Brand sales are expected to achieve 750 million baht next year, up from 450 million this year.
The market value of house-brand products available at modern food retail outlets in Thailand is estimated at between 5.7 billion and 9.6 billion baht per year, with annual growth of 20-25%.
Tuesday, October 20, 2009
HOUSEBRAND เขย่าบัลลังก์แบรนด์หลัก ทุบตลาดกระจาย...จากโนเนมสู่พรีเมี่ยม
ถ้าพูดถึง "สินค้าเฮาส์แบรนด์" ในสายตาคนทั่ว ๆ ไปมักถูกมองว่าเป็นสินค้าราคาถูก ไม่ค่อยมีคุณภาพ และไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเท่าที่ควร แต่ค่ายค้าปลีกหลายรายที่ปลุกปั้นสินค้ากลุ่มนี้มานานนับ 10 ปี ก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคงเดินหน้า ส่งสินค้าใหม่ ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งเทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, คาร์ฟูร์, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แม็คโครรวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามทั้งวัตสัน และบู๊ทส์ ต่างก็มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ออกมารับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเช่นกัน
จากสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่กี่รายการ น้ำมันพืช น้ำตาล น้ำปลา ซอส ปลากระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ฯลฯ ก็ค่อย ๆ ขยายไลน์สินค้าออกมายัง ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เครื่องสำอาง สกินแคร์ เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์ประดับยนต์ อาหารพร้อมรับประทาน ฯลฯ
ถึงวันนี้ สินค้าเฮาส์แบรนด์ในมุมมองของ ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป และเป็นการเปลี่ยนไปในทิศทางบวก และเริ่มกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจฝืด กำลังซื้อตกเช่นในปัจจุบัน
"กวิน สัณฑกุล" กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส ย้ำว่า ปีนี้ถือเป็นปีทองของเฮาส์แบรนด์ เพราะลูกค้าเริ่ม ปรับพฤติกรรมมาใช้เฮาส์แบรนด์มากขึ้น ที่น่าสนใจคือเป็นผู้บริโภคทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีกำลังซื้อน้อย ๆ เท่านั้น
สอดคล้องความเห็นของค่ายบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ โดย "จริยา จิราธิวัฒน์" รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องว่า ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ได้รับความนิยม จากผู้บริโภคมากขึ้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคหันมาหาทางเลือกที่ประหยัดกว่า
ที่น่าสนใจคือวันนี้ สินค้าเฮาส์แบรนด์เริ่มทำรายได้ให้แต่ละค่ายอย่างเป็นกอบเป็นกำ และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตมากขึ้น อย่างกรณีของเทสโก้ โลตัส ที่มีสินค้ามากกว่า 9,000 รายการ สามารถทำยอดขายได้คิดเป็น 10% จากยอดขายรวม
หรือคาร์ฟูร์ ที่ปัจจุบันมีสินค้าเฮาส์แบรนด์อยู่ราว ๆ 5,000 รายการ คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็นเกือบ 6,000 รายการ จากปีที่แล้ว 3,000 รายการ ก็ทำรายได้เป็นสัดส่วนถึง 12% จากยอดขายรวม จากปีก่อนหน้านี้ที่ทำยอดขายได้เป็นสัดส่วน ประมาณ 10%
ส่วนของค่ายท็อปส์ ก่อนหน้านี้ผู้บริหารก็ระบุว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์ สามารถทำรายได้เป็นสัดส่วน 30% และคาดว่าสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 40%
ชูคุณภาพ-ราคาเดินหน้าบูมตลาด
เมื่อผู้บริโภคยอมรับกับสินค้าเหล่านี้มากขึ้น หลาย ๆ ค่ายจึงไม่รอช้าที่จะเปิดเกมรุก เพื่อต่อยอดให้สินค้าเฮาส์แบรนด์สามารถครองใจผู้บริโภคและขยายตัวออกไปในวงกว้าง ที่น่าจับตามากก็เห็นจะเป็นค่ายยักษ์ เทสโก้ โลตัส ที่ให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ ถึงขนาดว่าตั้ง"ศูนย์สาธิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์" ขึ้นมาเพื่อดูแลสินค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ และช่วงหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้ศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ (Tesco Research Centre) ทำหน้าที่ในการประเมินการยอมรับคุณภาพของเฮาส์แบรนด์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และทดสอบความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่
แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือในแง่ของการแข่งขันที่มีดีกรีความรุนแรงขึ้นแต่ หลาย ๆ ค่ายเริ่มใส่งบฯการตลาดและการทำกิจกรรมทางการตลาดกับสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมการเปิดตัวสินค้าการเปิดบูทชงชิมสำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร การใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นตัวดึงดูด
"กวิน" แห่งค่ายเทสโก้ โลตัส ย้ำว่าจะเกาะติดเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคใหม่ ๆ มากขึ้น ผ่านการเก็บฐานข้อมูลจากบัตรคลับการ์ดที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยเฉพาะสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน และบริษัทยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มนี้ได้อีกมาก
"เทสโก้ในอังกฤษมีเฮาส์แบรนด์ถึง 40% ส่วนเมืองไทยยังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีเพียง 2 แบรนด์หลัก คือ เทสโก้ และคุ้มค่า ในอนาคตจะนำเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยม "ไฟน์เนสส์" เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก"
ไม่หยุดเพียงเท่านี้ ปีหน้า เทสโก้ โลตัส มีแผนจะนำเข้าเสื้อผ้า เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ "เอฟแอนด์เอฟ" เข้ามาทำตลาดเพิ่ม และเพื่อรองรับการรุกตลาดแฟชั่นดังกล่าว ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็ได้เริ่มทยอยปรับภาพลักษณ์โซนเสื้อผ้าแฟชั่นบ้างแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้าจะเปิดตัวหนังโฆษณาของสินค้าเฮาส์แบรนด์โดยเฉพาะ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค
ก่อนหน้านี้ บิ๊กซี ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่เพิ่มดีกรีการบุกสินค้าเฮาส์แบรนด์ มาอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีการเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "แฮปปี้บาท" สินค้าอุปโภค สินค้าบริโภค และสินค้าอาหารสด ซึ่งมีราคาถูกกว่าสินค้าทั่วไปโดยเฉลี่ยถึง 40% โดยบิ๊กซีจะทยอยเปิดตัวประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกไลน์อย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะมีสินค้าตรา "แฮปปี้บาท" ไม่ต่ำกว่า 200 รายการ นอกจากลูกค้าทั่ว ๆ ไปแล้ว "แฮปปี้บาท" ยังเน้นจับกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและภัตตาคาร ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี
ส่วนบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตได้วางทิศทางการดำเนินนโยบายสินค้าเฮาส์แบรนด์จากนี้ไปว่า จะมุ่งพัฒนาสินค้าให้กลายเป็นสินค้าที่ดีที่สุดในหมวดหมู่นั้น ๆ และโฟกัสที่อิมเมจของสินค้าเป็นหลัก โดยวางโพซิชันนิ่งของเฮาส์แบรนด์เป็นสินค้าที่มี ความหลากหลายและมีคุณภาพดี โดยให้ความสำคัญกับขั้นตอน การผลิตที่มีคุณภาพ ขนาดของผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ และรสชาติ
เป้าหมายเพื่อทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ "ท็อปส์" กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดบนเชลฟ์ และวางแผนเพิ่มจำนวนสินค้าให้ได้ 700 รายการ ภายในสิ้นปี
ขณะที่คาร์ฟูร์ให้ความสำคัญกับสินค้าเฮาส์แบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง "ประภาพรรณ พลอยแสงงาม" ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกสินค้า บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารห้างคาร์ฟูร์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าสินค้าเฮาส์แบรนด์จะได้รับการยอมรับมากขึ้น และได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ แต่คาร์ฟูร์จะไม่เน้น การเพิ่มจำนวนสินค้าเฮาส์แบรนด์มากนัก แต่จะพยายามเพิ่มยอดขายของเฮาส์แบรนด์ที่มีอยู่ให้มากกว่าโดยเน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ เทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำในราคาถูกกว่า 20%
เขย่าบัลลังก์แบรนด์หลัก
การเติบใหญ่ของสินค้าเฮาส์แบรนด์ในวันนี้แม้ว่าอาจจะยังไม่หวือหวานัก หากเมื่อเทียบกับสินค้าที่เป็นสินค้าแบรนด์หลัก ๆ ที่วางจำหน่ายในตลาด แต่ด้วยปัจจัยในแง่ของกำลังซื้อที่ไม่ดีนักคุณภาพของเฮาส์แบรนด์ที่ได้มีการพัฒนาในแง่คุณภาพที่ผู้บริโภคยอมรับได้และราคาที่ต่ำกว่าสินค้าแบรนด์หลัก 20-40% ก็เป็นสิ่งจูงใจ ให้ผู้บริโภค รวมถึงร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางจำนวนไม่น้อยที่หันมาใช้สินค้าเหล่านี้ มากขึ้น เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ช่วยลดรายจ่าย ลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องอาศัย เรื่องหน้าตาหรืออิมเมจ กะปิ น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำตาล กระดาษทิสชู ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน ฯลฯ
แม้แต่แหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภคก็ยอมรับว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์หลาย ๆ อย่าง ผู้บริโภคมีการซื้อหาจับจ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพืช น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก ฯลฯ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่พฤติกรรมการบริโภคไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ และมองในแง่ของราคาเป็นตัวตั้ง
หากมองอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่า นี่คือเกมการแข่งขันที่ส่งผลกระทบกับแบรนด์สินค้าของซัพพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าออกวางจำหน่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
นักการตลาดผู้คร่ำหวอดในวงการค้าปลีก กลยุทธ์การทำตลาดสินค้า เฮาส์แบรนด์เริ่มจากการทำให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้า โดยอาศัยแพ็กเกจจิ้ง คุณภาพและราคา เป็นตัวดึงดูดใจ และสเต็ปต่อไปคือการทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำ ดังนั้นยุทธศาสตร์แรกของสินค้าเฮาส์แบรนด์ก็คือ การใช้แพ็กเกจจิ้งและสีสัน ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด
นักการตลาดรายนี้ยกตัวอย่างถึงกรณีของผงซักฟอก "พลัส" เฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ โลตัส ที่เริ่มส่งออกวางตลาดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งหากสังเกต จะเห็นว่าสีสันของแพ็กเกจจิ้ง ตัวอักษร สีที่ใช้กับตัวอักษร จะมีความคล้ายคลึงกับผงซักฟอกแบรนด์หลักในตลาดมาก และหากไม่พิจารณา ในรายละเอียดก็จะไม่รู้ว่าเป็นผงซักฟอกเฮาส์แบรนด์
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ทางการตลาดที่ซัพพลายเออร์หลาย ๆ ค่าย นำออกมาใช้ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่เอื้อในยามนี้ก็คือ การงัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม มาจูงใจผู้บริโภค โดยอาศัยความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เป็นทุนเดิมเป็นตัวตั้ง
นี่อาจจะเป็นเพียงจุดเริ่ม ต้นของการแข่งขันระหว่างเฮาส์แบรนด์กับสินค้าแบรนด์หลัก และเกมนี้คงจะไม่จบลงง่าย ๆ และต้องดูกันไปอีกหลายยก
Tuesday, August 18, 2009
BOOTS LAUNCHES PRIVATE LABEL

"บู๊ทส์" ปิ๊งไอเดียเพิ่มช่องทางใหม่-เพิ่มรายได้ ขนทัพสินค้า "เฮลท์แคร์-ไพรเวท แบรนด์" ขึ้นเชลฟ์คาร์ฟูร์ แก้ปมพื้นที่ เปิดร้านหายาก หลังซุ่มเงียบมาพักใหญ่พบเวิร์ก เพราะต้นทุนน้อย-ดำเนินการได้เร็ว-ทราฟฟิกมาก คุ้มแสนคุ้ม
ความเคลื่อนไหวของร้านสเปเชียลตี้สโตร์ ประเภทร้านเพื่อสุขภาพและความงามที่น่าจับตาในขณะนี้ นอกจากการจัดแคมเปญ หรือการมอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตร ยังมีกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางจำหน่ายบนเชลฟ์ตามห้างในลักษณะช็อปอินช็อป เพื่อเพิ่มโอกาสขายมากขึ้น จากเดิมที่จะ เน้นเฉพาะการเปิดสาขาสแตนด์อะโลน ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเปิดสาขาใหม่ๆ ของดิสเคานต์สโตร์ที่ชะลอตัวลง โดยร้านสเปเชียลตี้สโตร์ที่รุกคืบไปบนเชลฟ์ห้างอย่างชัดเจน ได้แก่ร้านบู๊ทส์
"บู๊ทส์" ยกสินค้าขึ้นเชลฟ์ดิสเคานต์สโตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด บู๊ทส์ได้เตรียมนำสินค้าไปวางจำหน่ายบนเชลฟ์ที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขาพระราม 2 ขณะนี้ได‰ปิดประกาศแจ้งลูกค้าที่เดินผ่านเชลฟ์ว่าจะมีสินค้าของบู๊ทส์มาวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากบริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านบู๊ทส์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บู๊ทส์ได้เริ่มทดลองเพิ่มช่องทางจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่าช็อปอินช็อปมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2550 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายและการให้บริการแก่ลูกค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันก็จะช่วย ให้สามารถขยายกลุ่มลูกค้าออกไปยังกลุ่มใหม่ๆ รวมทั้งการเพิ่มการเติบโตให้บริษัทด้วย
"การคัดเลือกสินค้าที่นำไปวางจำหน่ายในห้างบู๊ทส์ ได้นำสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์เฮลท์แคร์และสินค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ"
นอกจากการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในดิสเคานต์สโตร์ในลักษณะดังกล่าวแล้ว ที่ผ่านมา บู๊ทส์ยังเคยทดลองเปิดสาขา ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม. จำนวน 15 สาขา เน้นลูกค้ากลุ่มคนเมือง ออฟฟิศ จำหน่ายสินค้ากลุ่มเฮลท์แคร์เป็นหลัก และวางขายสินค้าตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ง่ายขึ้น
ห้างใหม่เปิดน้อย-พื้นที่หายาก
ผู้บริหารดิสเคานต์สโตร์รายใหญ่ รายหนึ่งกล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร้านสเปเชียลตี้สโตร์หันมาเช่าพื้นที่บนเชลฟ์ของดิสเคานต์สโตร์ สาเหตุหลักมาจากการที่ค้าปลีกรายใหญ่เปิดสาขาใหม่น้อยลง การแย่งชิงพื้นที่เช่าสำหรับสแตนด์อะโลนช็อปจึงมีสูง ประกอบกับการรุกเพิ่มสาขาของวัตสัน คู่แข่งสำคัญของบู๊ทส์ ยิ่งเป็นตัวเร่งให้บู๊ทส์ต้องเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ ดังกล่าว
"การเช่าพื้นที่เชลฟ์เพื่อวางสินค้ามีต้นทุนน้อยกว่าสแตนด์อะโลน และใช้เวลาการดำเนินงานสั้นกว่า ที่สำคัญคือทราฟฟิกลูกค้ามีมาก และโอกาสที่ร้านสเปเชียลตี้สโตร์จะขยายสาขาให้ครอบคลุมเป็นเรื่องยาก สู้เอาสินค้าไปวางขายตามห้างที่เปิดอยู่แล้วน่าจะง่ายกว่า กลยุทธ์นี้ถือ เป็นหลักการเดียวกับการทำตลาดสินค้า คอนซูเมอร์ เป็น Survival Strategy ที่บู๊ทส์นำมาใช้"
จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน บู๊ทส์มีช่องทางจำหน่ายที่เป็นในลักษณะช็อป อินช็อป ซึ่งมีเฉพาะในคาร์ฟูร์ มีรวมประมาณ 21 สาขา ขณะที่ร้านที่เป็นสแตนด์อะโลนมีประมาณ 150 สาขา ส่วนวัตสันมีจำนวนสาขาทั้งหมดประมาณ 150 สาขา และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่ขอนแก่น และอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกทำเลอีก 1-2 แห่ง จากปีที่แล้วเปิดสาขาไป 8 แห่ง เน้นตามห้างและไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดใหม่
อัดโปรโมชั่นในร้านดุเดือด
นอกจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ดังกล่าวแล้ว กลยุทธ์ทางการตลาดที่บู๊ทส์ให้ความสำคัญมากขึ้น คือการให้น้ำหนักกับบัตรสมาชิกบู๊ทส์ เฮลท์ คลับ โดยจับมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพ เช่น ร.พ.กรุงเทพ ร.พ.บีเอ็นเอช ร.พ.สมิติเวช ฟิตเนสเฟิร์ส และอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. มอบสิทธิพิเศษแก่สมาชิกบัตร รวมทั้งการเพิ่มโปรแกรมซีอาร์เอ็ม ผ่านการทำโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การจับมือกับลอรีอัลจัดรายการลดราคาสินค้าลอรีอัลสูงสุดถึง 300 บาท เฉพาะที่ร้านบู๊ทส์ และลดเพิ่มอีก 5% สำหรับสมาชิกบู๊ทส์ เฮลท์ คลับ
รวมถึงโปรโมชั่นที่บู๊ทส์ใช้เรียกลูกค้าในปัจจุบัน คือโปรโมชั่นเบสต์ แวลู ราคาสุดคุ้ม แลกซื้อสินค้า ในราคา 69 บาท หรือซื้อสินค้า 2 ชิ้น ในราคา 96 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม
ด้านวัตสันก็เน้นกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ด้วยการใช้บัตรสมาชิกวัตสัน เมมเบอร์ชิพ การ์ด เป็นตัวกระตุ้น ด้วยการมอบส่วนลดโปรแกรมสะสมแต้ม และส่วนลดค่าตรวจรักษาโรงพยาบาลพญาไท
BIG C-เซเว่นฯ ซุ่มเปิดสเปเชียลตี้สโตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ร้านสเปเชียลตี้สโตร์กำลังปรับตัวด้วยการพยายามหาช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เข้ามาเสริมเพื่อเป็นการเติบโตอีกทางหนึ่ง ทางฟากฝั่งผู้ประกอบการค้าปลีกก็อยู่ระหว่างการทดลองโมเดลร้านสเปเชียลตี้สโตร์ โดยเซเว่นอีเลฟเว่นที่ซุ่มทดลองโมเดลร้านขายยาและสินค้าเพื่อสุขภาพ ภายใต้ชื่อ "เอ็กซ์ตร้า" ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบันมี 4-6 สาขา ขณะที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ก็เปิดร้านสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามในชื่อของ "เพรียว" ตอนนี้มี 7 สาขา โดยเปิดอยู่ในบิ๊กซี 6 สาขา และ เอสพละนาด 1 สาขา และขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้สมัครสมาชิกพนักงานเพื่อเตรียมขยายสาขา และมีการเปิดรับสมาชิกบัตรเพรียว แวลู การ์ด ผ่านทางเว็บไซต์
Saturday, May 30, 2009
HOUSE BRAND IN THAILAND
ยักษ์ค้าปลีกเพิ่มดีกรีกระหน่ำเฮาส์แบรนด์ สบช่องลูกค้ากระเป๋าแฟบเดินหน้าปูพรมปั้นสินค้าใหม่จูงใจ พร้อมแผนแทรกซึมสินค้าลงตลาด ทำแพ็กเกจละม้ายแบรนด์ผู้นำ "บรีส-เนสกาแฟ-ซิล์ค" ตั้งราคาแสนจูงใจ "โลตัส" เปิดเกมดึงลูกค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ด้วยแผนทดลองสินค้า พร้อมใบการันตีคุณภาพ ขณะที่ "บิ๊กซี" เอาดีสินค้าโอท็อป ผนึกกำลังซัพพลายเออร์ท้องถิ่น ดึงหมวดอาหารเสริมทัพ
แนวรบสินค้าเฮ้าส์แบรนด์กลับมาได้รับการจับตามองจากแวดวงสินค้าอุปโภคบริโภคอีกครั้งเมื่อยักษ์ใหญ่ค้าปลีก อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ ฯลฯ ต่างให้น้ำหนักกับสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสินค้าที่ออกสู่ท้องตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงแพคเกจจิ้งสินค้าที่ละม้ายกับสินค้ากลุ่มเจ้าตลาด แต่เมื่อเทียบราคากันแล้วต่ำกว่าร่วมๆ ครึ่ง
สบช่องบูมเฮาส์แบรนด์
จากการสำรวจการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ของห้างค้าปลีกในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าห้างค้าปลีกต่างให้พื้นที่โฆษณาแก่สินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น โดยเริ่มเปิดฉากด้วย "บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์" ที่มีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 กับโปรโมชั่นฟันราคากับสินค้า เฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท" ที่เน้นกลุ่มเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ขณะที่ "เทสโก้ โลตัส" ก็รุกทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์ ภายใต้คำโฆษณาที่ว่า ราคาถูกกว่า แค่เปลี่ยน...คุณก็ประหยัด มุ่งให้ลูกค้าหันมาใช้เฮาส์แบรนด์แทนแบรนด์ทั่วไป
ปัจจุบันเฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ฯมีกว่า 8,000 รายการ ครอบคลุม 67 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งจากแบรนด์เทสโก้ และแบรนด์คุ้มค่า โดยแบรนด์คุ้มค่านั้นจะเน้นผลิตสำหรับลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุด ส่วนแบรนด์เทสโก้ เน้นทำตลาดในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์ชั้นนำอยู่เป็นประจำ แต่ขายในราคาที่ประหยัดกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจของบิ๊กซีพบว่าความนิยมของลูกค้าที่มีต่อเฮาส์แบรนด์มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ย 5% และปีนี้บิ๊กซีวางแผนเปิดตัวเฮาส์แบรนด์ให้ครบ 200 รายการ ขณะที่ คาร์ฟูร์ซึ่งเพิ่งเริ่มลอนช์สินค้าเฮาส์แบรนด์เมื่อเดือน เมษายนปีที่แล้ว ปัจจุบันมีรายได้จากเฮาส์แบรนด์คิดเป็น 5% จากยอดขายรวม จะเพิ่มน้ำหนักสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าอีกอย่างน้อย 10-15% ด้านเทสโก้ฯวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเฮาส์แบรนด์อยู่กว่า 8,000 รายการ
ท้าชนแบรนด์ดังเจ้าตลาด
ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากเทสโก้ฯให้ข้อมูลว่า จากปัจจัยเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์แทน แบรนด์หลักในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารรายย่อยอย่างร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่งที่นิยมใช้สินค้าโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นแบรนด์มากนัก เช่น กระดาษทิสชู น้ำยาล้างจาน น้ำมันพืช ฯลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เทสโก้ฯได้เปิดตัวผงซักฟอกแบรนด์ "พลัส" พร้อมๆ กัน 2 สูตร คือสแตนดาร์ด พลัส และคัลเลอร์ พลัส ราคาถูกกว่าแบรนด์ทั่วไปเกือบ 50% สำหรับแพ็กเกจผงซักฟอก "พลัส" ในแง่การจัดวางตัวอักษร และสีของตัวอักษรจะคล้ายคลึงกับ "บรีส"
นอกจากนี้ ยังมีเทสโก้ กาแฟสำเร็จรูป ที่ออกมาชนกับเนสกาแฟ เรดคัพ ด้วยการใช้ภาพแก้วกาแฟสีแดงกับกาแฟที่มีไอร้อนลอยเหนือแก้ว หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มเทสโก้ ที่ใช้แพ็กเกจสีชมพู พื้นหลังเป็นดอกกุหลาบคล้ายๆ กับน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท ขณะที่ห้างคาร์ฟูร์มีกระดาษชำระเฮาส์แบรนด์ที่มีแพ็กเกจสีเขียวใกล้เคียงกับแบรนด์กระดาษชำระซิลค์ หากไม่สังเกต ผู้บริโภคจะไม่รู้เลยว่าสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าเฮาส์แบรนด์
ด้านความเคลื่อนไหวของห้างคาร์ฟูร์มีรายงานแจ้งมาว่า ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมถึง 11 มิถุนายน คาร์ฟูร์จะนำสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง รวมทั้งสินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ มากกว่า 100 รายการ มาจัดโปรโมชั่นในรายการ "ลดยิ่งใหญ่ครึ่งปี ครึ่งราคา"
เพิ่มน้ำหนักบูม "เฮาส์แบรนด์"
นางสาวฤดี เอื้อจงประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อน จนถึงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บิ๊กซีให้ความสำคัญกับสินค้าเฮาส์แบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยลอนช์สินค้าไอเท็มใหม่ๆ เพิ่มอีก 32 รายการ รวมปัจจุบันมีกว่า 100 รายการ เน้นกลุ่มอาหารและของใช้ในครัวเรือนและจากนี้ไปจะพยายามลอนช์สินค้าใหม่ ทุกไตรมาส โดยเฉพาะสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น เครื่องแกง ขนม น้ำพริก ฯลฯ
ขณะที่นายคริสต๊อป เอชีวาร์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์สินค้าบริโภค เทสโก้ โลตัส ให้ข้อมูลกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ในฐานะผู้นำด้านสินค้าเฮาส์แบรนด์ เทสโก้ฯจะมุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพที่หลากหลายครอบคลุม ในราคาประหยัด เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าแบรนด์ชั้นนำเฉลี่ย 20%
สร้างภาพผู้นำ "ราคา"
นางสาวฤดีกล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย บิ๊กซีจะให้ความสำคัญกับเฮาส์แบรนด์มากขึ้น เนื่องจากจุดแข็งเรื่องราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ทั่วไป 20-40% ประกอบกับโปรโมชั่นจูงใจจะช่วยลูกค้าที่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจเปิดใจให้เฮาส์แบรนด์มากขึ้นในช่วงนี้
"ขณะนี้ทุกห้างต่างแข่งขันกันเรื่องความเป็นผู้นำด้านราคา และกลยุทธ์หลักที่นำมาใช้ก็คือสินค้าเฮาส์แบรนด์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ต้องลงทุนเรื่องการทำตลาด จึงมีราคาถูกกว่าแบรนด์ทั่วไป เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ที่ต้องการความประหยัดในภาวะนี้"
นายคริสต๊อปกล่าวว่า ปีนี้บริษัทมุ่งสื่อสารให้ลูกค้าทราบถึงความคุ้มค่าและคุณภาพของสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น เน้นกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และให้ข้อมูลความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ลองใช้สินค้าและสัมผัสถึงคุณภาพด้วยตัวเอง โดยมีแผนจะจัดบูททดลองสินค้าภายในเทสโก้ฯ เพื่อให้ลูกค้าได้ชิม สัมผัส และทดลองสินค้า นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในทุกสัปดาห์และทุกเดือนอีกด้วย
"บางประเทศ เรานำเสนอสินค้าเฮาส์แบรนด์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ไฟเนสส์ ในอนาคตเมื่อตลาดเฮาส์แบรนด์ในไทยเติบโตมากกว่านี้ เราจะนำเข้ามาทำตลาด"
ด้านความเคลื่อนไหวของห้างคาร์ฟูร์มีรายงานแจ้งมาว่า ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมถึง 11 มิถุนายน คาร์ฟูร์จะนำสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง รวมทั้งสินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ มากกว่า 100 รายการ มาจัดโปรโมชั่นในรายการ "ลดยิ่งใหญ่ครึ่งปี ครึ่งราคา"
ชูคุณภาพเรียกความเชื่อมั่นลูกค้า
นอกจากเทสโก้ฯจะชูภาพความเป็นห้างที่จำหน่ายสินค้าราคาถูกแล้ว เทสโก้ฯเริ่มให้ความสำคัญกับการชูภาพสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล โดยแบ่งพื้นที่โฆษณาส่วนหนึ่งเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าเฮาส์แบรนด์จากใบรับรองคุณภาพของสถาบันต่างๆ เช่น จีเอ็มพี ไอเอพี ฯลฯ
นายคริสต๊อปให้ข้อมูลว่า ได้ลงทุนไปถึง 50 ล้านบาทในทุกๆ ปี เพื่อผลิตสินค้าทุกชิ้นให้ได้ตามมาตรฐาน และยังลงทุนอีก 30 ล้านบาทต่อปีในกระบวนการควบคุมคุณภาพสินค้า
ขณะที่นางสาวฤดีกล่าวว่า ก่อนที่สินค้าเฮาส์แบรนด์แต่ละตัวจะออกสู่ตลาด ต้องผ่านการการันตีคุณภาพจาก อย.อยู่แล้ว และแต่ละแบรนด์ก็จะมีระบบคิวซี (Quality Control) ของตัวเอง ทั้งนี้การนำเสนอภาพลักษณ์สินค้าคุณภาพมีเป้าหมายเพื่อซื้อใจลูกค้าให้กล้าเปลี่ยนมาใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์ทดแทนแบรนด์หลักมากขึ้น
Monday, May 18, 2009
โลตัสปั้นผงซักฟอก"พลัส"เขย่าบัลลังก์"บรีส"
"เฮาส์แบรนด์" ตบเท้ารุกคืบสินค้าคอนซูเมอร์ "เทสโก้ โลตัส" ขย่มหนัก ส่งผงซักฟอก "พลัส" ชนแบรนด์ดัง แถมตั้งราคาแสนถูก หวังจูงใจ ขณะที่ "บิ๊กซี" เร่งบูม "แฮปปี้บาท" ชูโปรโมชั่นราคาลดกระหน่ำ 40%
ที่ผ่านมาแม้ว่าสัดส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่วางตามช่องทางที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่จะมียอดขายไม่ถึง 10% ของยอดขายรวม และหลักๆ เป็นกลุ่มน็อนฟู้ด (nonfood) ที่ลูกค้าสามารถซื้อมาใช้ได้อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นแบรนด์มากนัก แต่ด้วยแรงหนุนจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้สินค้าเฮาส์แบรนด์ไม่รอช้าที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือก แก่ผู้บริโภค โดยรุกคืบมาสู่ตลาดคอนซูเมอร์ โปรดักต์มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเทสโก้ โลตัสได้ขยับตัวครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวผงซักฟอกภายใต้แบรนด์ "พลัส" พร้อมๆ กัน 2 สูตร คือ สแตนดาร์ด พลัส สำหรับผ้าขาว มี 3 ขนาด 650 กรัม ราคา 29 บาท, 1,000 กรัม ราคา 45 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 152 บาท และคัลเลอร์ พลัส ขนาด 500 กรัม ราคา 25 บาท, 1,000 กรัม ราคา 48 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 159 บาท ผลิตโดยบริษัท บุญโชติ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทำความสะอาดให้กับคาร์ฟูร์ บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส
เมื่อเปรียบเทียบราคากับแบรนด์หลักๆ ในตลาด พบว่าผงซักฟอกพลัสมีราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง เช่น ขนาด 1,000 กรัม พลัส จำหน่ายราคา 45-48 บาท ขณะที่แบรนด์หลักในตลาดจำหน่ายราคา 90-100 บาท
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับแพ็กเกจของผงซักฟอกน้องใหม่ดังกล่าว ในแง่ของสีสันและตัวอักษร สีของตัวอักษรจะมีความคล้ายคลึงกับผงซักฟอกแบรนด์ หลักๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นบรีส โอโม หรือเปา มองผ่านๆ แทบไม่รู้เลยว่าเป็นเฮาส์แบรนด์
ปัจจุบันตลาดรวมของผงซักฟอกมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท และมียูนิลีเวอร์เป็นผู้ครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุดมากกว่า 60% ได้แก่ บรีสและโอโม ตามมาด้วยแอทแทค เปา และแฟ้บ
ก่อนหน้านี้นายกวิณ สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส ให้สัมภาษณ์ว่า การทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์เป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่งของเทสโก้ฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้วเทสโก้ โลตัสทยอยเปิดสินค้าเฮาส์แบรนด์ ใหม่ๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังจำกัดตัวเองไว้ที่สินค้าทั่วไปและน็อนฟู้ด อาทิ กลุ่มเครื่องนอน เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องเขียน สินค้าแม่และเด็ก อุปกรณ์ทำความสะอาด อาหารสุนัข ฯลฯ
ความเคลื่อนไหวของห้างอื่นก็ไม่น้อยหน้า เริ่มที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ประกาศให้น้ำหนักสินค้าเฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท" ตั้งแต่ช่วงต้นปี เป็นสินค้าราคาประหยัดกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 40% ประกอบด้วยสินค้าอุปโภค (nonfood) สินค้าบริโภค (dry food) และสินค้าอาหารสด (fresh food) โดยทยอยเปิดตัวประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกไลน์อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะมีสินค้าตราแฮปปี้บาท 200 รายการ
การทำตลาดสินค้าตราแฮปปี้บาทนั้นจะเน้นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ลูกค้าร้านอาหารและภัตตาคาร ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีและแม่บ้านทั่วไป เมื่อเร็วๆ นี้บิ๊กซียังดัมพ์ ราคาเฮาส์แบรนด์ด้วยโปรโมชั่นฟันราคา ลดราคาสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ถูกอยู่แล้วให้ถูกลงอีก โดยลดลงตั้งแต่ 1-29 บาท อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำปลา ข้าวขาว ซอสหอยนางรม ฯลฯ
ขณะที่ท็อปส์ก็ได้ประกาศรีลอนช์ สินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์, คุกกิ้ง ฟอร์ ฟัน และมาย ช้อยส์ เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ในขั้นการกำหนด โพซิชันนิ่งของแต่ละแบรนด์ และภายใน 2-3 เดือนนี้จะมีการเปิดตัวน้ำแร่มาย ช้อยส์ ชูจุดเด่นด้านแพ็กเกจที่มีความโดดเด่น จากแบรนด์ทั่วไป ปัจจุบันท็อปส์มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์อยู่แล้ว 300-400 รายการ