Pages

Monday, June 29, 2009

ตั้งปตท.บริการธุรกิจค้าปลีก บริหาร"คน"ทำงานปั๊ม-JIFFY


ตั้งปตท.บริการธุรกิจค้าปลีก บริหาร"คน"ทำงานปั๊ม-JIFFY

ปตท.-จิฟฟี่ ยอดขายพุ่ง PTTRM สั่งบริษัทลูก ปตท.บริการธุรกิจค้าปลีก (PTTRS) รับคนเพิ่ม



นายกฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายหลังจากที่ได้ซื้อร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ (Jiffy) จากบริษัท โคโนโค่ ฟิลิปส์อย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะนี้จึงต้องเร่งรับพนักงานเข้ามาเสริมให้การบริการ กับลูกค้ามากขึ้นภายในร้านสะดวกซื้อ จิฟฟี่ โดยขณะนี้บริษัท ปตท.บริการธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRS



ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก รับพนักงานเพิ่มกว่า 30 คน เพื่อกระจายไปยังสถานีบริการน้ำมัน ปตท.-จิฟฟี่ทั้ง 146 แห่ง ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4,000 คน การรับเข้ามาเพิ่มเติมครั้งนี้เพื่อไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากนี้การที่เปิดร้านจิฟฟี่ เอ็กซ์เพรส (Jiffy Express) ทดลองแห่งแรกที่สถานีบริการน้ำมันบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ก.ม.28 ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจึงมีแผนที่จะขยายไปยังสถานีบริการสาขาอื่นเช่นกัน




"PTTRS เป็นบริษัทลูกของเราที่ PTTRM ถือหุ้น 100% ซึ่งเดิมก็คือ บริษัทเจ็ท จิฟฟี่ แอนด์ช็อป (JET & Jiffy Shop) จะเข้ามาช่วยในการบริหารเด็กปั๊มหน้าลาน พนักงานทั้งในร้าน Jiffy และ Jiffy Express การให้ PTTRS ดูแลจะมีความคล่องตัวมากกว่าที่เราจะทำเอง ในช่วงที่ผ่านมา พนักงานบางส่วนลาออกค่อนข้างเยอะ บางคนเมื่อได้เงินก้อนไปก็ลาออก จึงต้องมาหาคนเพิ่ม เพราะปั๊มเราใหญ่และการทำงานก็แบ่งเป็น 3 กะ จึงต้องรับคนมา รองรับการขยายตัวมากขึ้น"



นายกฤษณะพลกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ ปตท.ซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมันเจ็ท (JET) จากบริษัทโคโนโค่ ฟิลิปส์ ด้วยมูลค่า 9,750 ล้านบาท เพื่อมาบริหารจัดการเองตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ ปตท.-จิฟฟี่ ทั้ง 146 แห่ง มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 15-20 จากเดิมที่จำหน่ายอยู่ 560,000 ลิตร/เดือน/ แห่ง เป็น 680,000 ลิตร/เดือน/แห่ง




Reblog this post [with Zemanta]

โรบินสันเร่งปรับสาขาเพิ่มฐานลูกค้า

โรบินสันเร่งปรับสาขาเพิ่มฐานลูกค้า


นางสาวสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทวางงบฯ 20 ล้านบาทสำหรับรีโนเวตสาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์ Shopping Street พร้อมกับได้เพิ่มพื้นที่ขาย 25% เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าย่านนี้พบว่ากว่า 20% ของฐานลูกค้าและยอดขายมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานและครอบครัวใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ตามกระแสแฟชั่น และมีกำลังซื้อที่ดี โดยคาดว่าจะดึงลูกค้าเข้ามาเพิ่ม 80,000 คนต่อวัน และมีฐานลูกค้าใหม่และลูกค้าเดอะวันการ์ดเพิ่มขึ้นกว่า 20%




Wednesday, June 24, 2009

มัดใจสไตล์ "วิลล่า มาร์เก็ท" "ใครเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด...ก็ได้ใจลูกค้าไป"


"วิลล่า มาร์เก็ท" อาจจะ "โลว์โปรไฟล์" และไม่ค่อยเป็นข่าวนัก แต่จากการเติบโตและการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่มีมาตลอด 35 ปีแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยรายนี้เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว



และดูเหมือนจะยิ่งขยายตัวไปเรื่อยๆ ไม่เพียงกลุ่มลูกค้าคนกรุงในย่านดาวน์ทาวน์เท่านั้นที่สมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้ แต่ "วิลล่า มาร์เก็ท" ยังได้เริ่มขยายธุรกิจออกสู่ต่างจังหวัดด้วยแล้ว ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้าที่รู้จักและคุ้นเคย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนของกลุ่มลูกค้าระดับบน



 




"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ "โสภิศ ภูสนาคม" กรรมการบริหาร ร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ต วิลล่า มาร์เก็ท "คุณเจี้ยบ" ออกตัวว่าไม่ได้เงียบหายไปเสียทีเดียว ที่ผ่านมาก็มีกิจกรรมและทำตลาดกับลูกค้าตลอด เพียงแต่อยู่ในวงเฉพาะกลุ่ม มีกิจกรรมหรือแคมเปญอะไรลูกค้าก็จะบอกปากต่อปากกันไปมากกว่า ที่ผ่านมาร้านยังไม่มีอะไรที่หวือหวา



พร้อมกันนี้ "คุณเจี๊ยบ" ยังสะท้อนภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกอาหาร ว่า ปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งหน้าใหม่-หน้าเก่า กลุ่มโลคอแบรนด์และอินเตอร์ แบรนด์ ล้วนต้องการเข้ามาช่วงชิงลูกค้าและยอดขายมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมดาของการแข่งขัน



ซึ่งจุดแข็งของวิลล่า มาร์เก็ทคือการให้ความสด ใหม่ คุณภาพดี มีสินค้าครอบคลุมทุกอย่างที่ลูกค้าอยากได้



การแข่งขันทำให้ทุกคน ทุกค่ายต่างต้องหาจุดยืนและเลือกเอกลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นตัวเองเพื่อสู้กันให้ได้



แต่ถ้าใครสามารถเข้าถึง consumer need ได้มากที่สุดคนนั้นก็ได้ใจลูกค้าไป



เช่นเดียวกับภาพของการขยายสาขาที่วิลล่า มาร์เก็ท ยังคงต้องเดินหน้าต่อเนื่อง "คุณเจี๊ยบ" บอกว่าปีนี้จะเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ เกษตร-นวมินทร์ ในโครงการของสยามฟิวเจอร์ฯ, ภูเก็ต และราชพฤกษ์ จากที่มี 14 สาขาในปัจจุบัน



ขณะเดียวกันก็ได้เริ่มเข้าไปปักธงสาขาในต่างจังหวัด โดยนำร่องที่หัวหิน ภูเก็ต และพัทยา ก่อนจะขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ อีกในสเต็ปถัดไป



"แม้ว่าเราจะโฟกัสพื้นที่ในกรุงเทพฯมาตลอด แต่ถ้าถามว่าครอบคลุมลูกค้าครบพื้นที่แล้วรึยัง ตอบเลยว่ายัง กรุงเทพฯยังเป็นโอกาสการเติบโตของเราอีกมาก มีดีมานด์ของลูกค้าอีกเยอะที่เรายังเข้าไปไม่ถึง"



ด้วยโพซิชันนิ่งของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในไทย ปัญหาเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ทำให้ใครต่อใครปวดหัว กลับไม่มีผลต่อยอดสเปนดิ้งของร้านซูเปอร์สายพันธุ์ไทยรายนี้



ด้วยเหตุผลที่ว่ากลุ่มสินค้าอาหารเป็น สิ่งที่ลูกค้าไม่ยอมประหยัด แต่ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งอาจมีพฤติกรรมในแง่ของการลดการทานนอกบ้าน การเที่ยวนอกบ้าน เมื่ออยู่บ้านมากขึ้นก็เลือกจะหาความสุขภายในบ้านและทำอาหารทานกันเอง ที่สำคัญลูกค้าวิลล่า มาร์เก็ทมีกำลังซื้อและเลือกที่จะซื้อสินค้าที่คุณภาพดี ไม่เกี่ยงราคา เน้นความสดใหม่ และสินค้าสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศที่มีความหลากหลาย มีทุกอย่างที่อยากได้



ล่าสุด "วิลล่า มาร์เก็ท" ได้เปิดตัวร้าน The Gastro Cooking Studio by Villa Market กลางซอยสุขุมวิท 31 สาขาเรือธงในการสร้างยอดขาย



เมื่อมองผิวเผินคุกกิ้ง สตูดิโอนี้อาจเป็นเหมือนคอร์สสอนทำอาหารทั่วไป แต่วิลล่า มาร์เก็ทเติมความพิเศษและสร้างความแตกต่างให้ร้านเดอะ แกสโทรฯเป็นมากกว่านั้น



"คุณเจี๊ยบ" เล่าว่า การเปิดร้านเดอะ แกสโทรฯเป็นไอเดียขอคุณพ่อ (สุรพงศ์ ภูสนาคม-ซีอีโอ) ที่อยากเปิดคุกกิ้งคอร์สมานานแล้วเพื่อตอบแทนลูกค้าและจะได้มีกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน รวมทั้งเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกอย่างหนึ่งด้วย



วิลล่า มาร์เก็ทต้องการจะให้คุกกิ้งสตูดิโอนี้แตกต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งจะเป็นคอร์สสั้นๆ ที่รองรับเพียง 30-40 คน เน้นอาหารไทยและนานาชาติโดยเฉพาะลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารและไวน์ ที่สำคัญยังได้ดึง "โอบอุ้ม จูตระกูล" หรือ "มินี่ ซี" "เซเลบริตี้เชฟ" ที่มีชื่อเสียงในแวดวงและเชี่ยวชาญในเรื่องอาหารมาเป็นที่ปรึกษา และเชฟกิตติมศักดิ์ให้กับเดอะ แกสโทรฯ



"แกสโทร แปลว่า อาหารการกินอยู่แล้ว และเป็นชื่อที่สื่อตรงถึงวิลล่า มาร์เก็ท ด้วย จึงอยากให้สตูดิโอนี้เป็นรูปแบบคุกกิ้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คนที่ชอบเหมือนกันมาเจอกัน"



ที่นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นสตูดิโอสอนทำอาหารเท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถเข้ามาทำกิจกรรมหรือใช้พื้นที่ทำอีเวนต์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำกิจกรรมเฉพาะในกลุ่มเพื่อนๆ ครอบครัว รวมถึงเป็นแหล่งนัดพบสังสรรค์กันในกลุ่มเพื่อนๆ และเดอะ แกสโทรฯจะเปิดที่สาขาสุขุมวิท 31 แห่งเดียว เพื่อเป็นจุดรวมการพบเจอของลูกค้าทุกสาขาของวิลล่า มาร์เก็ท



ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเคล็ดลับมัดใจลูกค้าตลอด 35 ปี ของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ซูเปอร์มาร์เก็ตสายพันธุ์ไทย




ทุนใหม่-เก่าแห่ลุยคอมมิวนิตี้มอลล์ "ปัญญา-จุฬางกูร-อินเตอร์แฟค"รับดีมานด์ทะลัก


กลุ่มทุนเก่า-ใหม่ดาหน้าบุกคอมมิวนิตี้มอลล์ "ปัญญา ควรตระกูล" คัมแบ็ก ซุ่มเงียบเปิด "ปัญญาวิลเลจ" ยึดทำเลทองบนถนนรามอินทรา ก.ม.9 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการกรกฎาคมนี้ เผยดีมานด์เหลือเฟือ ร้านค้าหาพื้นที่ขยายสาขา-ผู้บริโภคเน้นสะดวกสบายใกล้บ้าน ชุมชนใหม่-ชานเมืองทำเลฮอต



นอกจากการทยอยเปิดตัวโครงการ คอมมิวนิตี้มอลล์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายสยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ (เอสเอฟ) ที่จะเปิดสาขาเกษตร-นวมินทร์ เฟสแรก ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ หรือเซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น (ซีอาร์ซี) ที่จะเปิดโฮมเวิร์ค สาขาราชพฤกษ์ ในปลายเดือนนี้ และถัดไปก็จะเป็นโฮมเวิร์ค ศรีนครินทร์






ขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจที่กำลังจะกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง




ปัญญาวิลเลจยึดทำเลทองรามอินทรา



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เร็วนี้ๆ กลุ่มปัญญาพร็อพเพอร์ตี้ ของนายปัญญา ควรตระกูล นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มี แลนด์แบงก์อยู่ในมือมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้ชะลอการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์มาประมาณ 4-5 ปี ได้กลับคืนสู่วงการอีกครั้ง โดยเตรียมจะเปิดโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ในชื่อของปัญญาวิลเลจ ที่ถนนรามอินทรา ก.ม.9 เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นกลุ่มครอบครัวในย่านดังกล่าว



จากเดิมที่กลุ่มนี้จะเน้นเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรระดับบน และสนามกอล์ฟ



จากการสอบถามไปยังโครงการปัญญา วิลเลจ บริษัท ปัญญาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้รับการชี้แจงว่า บริษัทได้เปิดโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้



โดยภายในโครงการจะมีทั้งซูเปอร์ มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านเสริมความงาม สปา โรงเรียนกวดวิชา สถาบันสอนภาษา ภายใต้คอนเซ็ปต์ "แหล่งรวมความสุขใกล้บ้านคุณ"



ทั้งนี้โครงการปัญญาวิลเลจ อยู่ห่างจากศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ประมาณ 1-2 กิโลเมตร แบ่งอาคารให้บริการเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่เช่าสำหรับร้านต่างๆ มีลักษณะเป็น 2 อาคารที่ชั้นบนเชื่อมต่อกัน ขณะนี้ชั้นล่างดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชั้นบนอยู่ระหว่างการตกแต่ง



ชั้นล่างเป็นร้านที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ อาทิ เคเอฟซี พิซซ่าสกูซี่ เย็นตาโฟคอร์เนอร์ ร้านอาหารต่างประเทศ แว่นกรุงไทย ธนาคารกรุงไทย เดลี่ฟาร์ม ร้านหนังสือ ร้านขายยา ร้าน Ka-nom ฯลฯ ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ของซูเปอร์มาร์เก็ต แม็กซ์แวลู ร้านขนมปังยามาซากิ ส่วนพื้นที่ชั้นบน หลักๆ เป็นโรงเรียนกวดวิชา ร้านสุขภาพความงาม คลินิก ร้านขายสินค้าตกแต่งบ้าน ฯลฯ



ผู้บริหารระดับสูง บริษัท อิออน ไทยแลนด์ จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ต แม็กซ์แวลู กล่าวว่า บริษัทได้เปิดให้บริการในโครงการปัญญาวิลเลจมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ายอดซื้อโดยเฉลี่ยต่อบิลของสาขานี้สูงกว่าสาขาอื่นๆ มาก เนื่องจากโครงการนี้อยู่ใกล้ที่พักอาศัยที่มีกำลังซื้อ






เผยความต้องการเพียบ



แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีกกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันคอมมูนิตี้มอลล์ยังเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการในหลายๆ ธุรกิจที่ต้องการจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงในแง่ของดีมานด์หรือความต้องการของผู้ประกอบการร้านค้าปลีกต่างๆ ที่ต้องการ จะหาพื้นที่หรือทำเลในการเปิดสาขาเพิ่ม



เนื่องจากปัจจุบันศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่เปิดใหม่มีไม่มากนัก ที่สำคัญศูนย์เหล่านั้นคิดีค่าเช่าที่สูง จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้ที่มีความพร้อมทั้งทำเลและเงินทุนหันมาลงทุนกับธุรกิจนี้มากขึ้น



"โดยเทรนด์แล้วคอมมิวนิตี้มอลล์จะขยายตัวออกไปตามชุมชนเกิดใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะชานเมืองและปริมณฑลที่เป็นย่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ไม่ชอบเดินทางไกล และต้องการความสะดวกสบาย"



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารคอมมิวนิตี้มอลล์เพียวเพลส ก็ได้เปิดตัวโครงการใหม่ เพียวเพลส รามคำแหง หลังจากที่โครงการแรก เพียวเพลส รังสิต คลอง 2 ประสบความสำเร็จด้วยดี โครงการใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ บริเวณหน้าหมู่บ้านสัมมากร บางกะปิ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในละแวกรามคำแหง และสุขาภิบาล 3 ด้วยงบฯลงทุน 350 ล้านบาท และเริ่มก่อสร้างแล้ว



นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ของทายาทตระกูลจุฬางกูร เจ้าของบริษัทซัมมิท คอร์ปอเรชั่น ในเครือซัมมิทกรุ๊ป ในนามของบริษัท เจแม็กซ์ โมโนโพลี จำกัด กับคอมมิวนิตี้มอลล์ โมโนโพลี พาร์ค บนถนนพระราม 3 ที่จะเปิดในคอนเซ็ปต์แหล่งพักผ่อน แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งพบปะสังสรรค์แห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ



ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนราวๆ 500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 70% และคาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาสที่ 4 นี้



หน้าใหม่ร่วมวง-ลุยชุมชนชานเมือง



นายชาญ เลิศประเสริฐภากร ประธานบริหาร บริษัท โตโยต้า ทีบีเอ็น จำกัด ผู้บริหารไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์ เดอะ พาซิโอ (The Paseo) สวนหลวง กล่าวว่า จากเทรนด์ของคอมมิวนิตี้มอลล์ที่ได้รับความสนใจและได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ตอนนี้ยังมีผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจที่สนใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้น และไม่จำกัดแค่ผู้ประกอบการค้าปลีกเท่านั้น



สำหรับบริษัทก็มีแผนจะเปิดคอมมิวนิตี้มอลล์แห่งที่ 2-3 ในจังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี เน้นจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบีขึ้นไปเช่นเดียวกับโครงการแรก ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด หากไม่มีปัจจัยลบเกิดขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในสิ้นปี



สำหรับ เดอะ พาซิโอ สวนหลวง หลังจากที่เปิดบริการก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีกว่าที่คาดไว้ ที่ผ่านมายังมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้ามากขึ้น เช่น การเพิ่ม pet shop และ plantation



รวมถึงการพัฒนาบริการของ car care ให้สมบูรณ์ขึ้น อย่างไรก็ตามแม็กเนตหลักๆ ของเดอะ พาซิโอ ยังอยู่ที่ร้านอาหาร ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาเพิ่มร้านใหม่ๆ เข้ามาอีก



ขณะที่ ดร.ศรายุธ เล็กผลิผล ผู้จัดการแผนกพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท อินเตอร์แฟค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า นอกจากการบริหารโครงการค้าปลีก ซิตี้พลาซ่า ที่ดินแดง และโครงการวิคตอรี โมนูเมนต์ บริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2-3 ราย เพื่อจะลงทุนในโครงการสเปเชียลตี้มอลล์ ที่มีคอนเซ็ปต์ คล้ายๆ กับเซ็นเตอร์พอยท์ ที่จะเน้นดนตรี กีฬา และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในวัยทำงานและครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ



ส่วนโลเกชั่นโฟกัสทำเลชุมชนใหม่ อาทิ เลียบทางด่วน ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ บางนา ฯลฯ หรือทำเลที่อยู่ใกล้ศูนย์การค้า หรือคอมมิวนิตี้มอลล์ ที่มีอยู่เดิม เพราะคอนเซ็ปต์เกื้อกูลกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้






Reblog this post [with Zemanta]

Thursday, June 18, 2009

สมรภูมิศูนย์การค้าอุดรเดือด UD Town ปรับแผนสู่ประตูอินโดจีน โดย สุดารัตน์ ภูตาไสย



UD town



ความร้อนแรงของสนามธุรกิจการค้าใน จ.อุดรธานี นับวันยิ่งดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันของค้าปลีก-ค้าส่ง ทั้งทุนท้องถิ่นอย่างตั้งงี่สุนและเซฟมาร์ทที่ต้องสู้กับทุนต่างถิ่นที่เข้ามายึดหัวหาดกันครบทุกค่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแม็คโคร บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส และคาร์ฟูร์ ซึ่งต่างพยายามแย่งส่วนแบ่งการตลาดกันอุตลุด


นอกจากนี้ โลตัส พลัส ก็กำลังก่อสร้างอีกฟากหนึ่งของเมืองในฝั่งทิศตะวันตก โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.นี้ อีกทั้งยังมีการเข้ามายึดครองศูนย์การค้า ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดของกลุ่มเซ็นทรัล แม้แต่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันก็ต้องพยายามจัดงานอีเวนต์สู้ทุกเดือน เพื่อไม่ให้ตนเองตกอันดับ และยิ่งมี กระแสข่าวว่า The Mall เข้าเจรจาซื้อที่ดินหลายแปลงในจังหวัดแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นเรื่อยๆ

"วรพล วีรชาติยานุกูล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารโครงการ UD Town บนที่ดินทำเลทองริมทางรถไฟใน จ.อุดรธานี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์จาก UD Town The Lifestyle Destination มาเป็น "UD Town The New Leisure Experience" ซึ่งหมายถึงสถานที่ที่มี ความรื่นรมย์ รู้สึกผ่อนคลาย สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการช็อปปิ้ง พักผ่อนพบปะสังสรรค์ และใช้เวลาว่างที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนช็อปปิ้งสตรีต ดังๆ ระดับโลก

ขณะที่ "UD Town" ศูนย์การค้ารูปแบบโอเพ่นแอร์ ก็กำลังเดินหน้าก่อสร้างก้าวหน้าไปแล้วกว่า 70% ส่วนสินค้าแบรนด์ดังจากกรุงเทพฯและอินเตอร์แบรนด์ก็พาเหรดเข้าร่วมแล้วกว่า 80% แนวโน้ม การแข่งขันที่รุนแรง จึงต้องมีการปรับแผนสู้ทั้งการวางเป้าหมายและการวางคอนเซ็ปต์ให้แตกต่าง ซึ่งผู้บริหาร

UD Town เชื่อว่าจะเปิดบริการได้อย่างแน่นอนในเดือน พ.ย.นี้
เป้าหมายที่วางไว้คือกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนทำงาน กลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความทันสมัย นอกจากนี้ยังหมายมั่นปั้นมือว่า UD Town จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าฝั่ง สปป.ลาวด้วย รวมทั้งกลุ่มลูกค้าและนักท่องเที่ยวในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว หรือเวียดนาม รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในแถบนี้อย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย

วรพลย้ำว่า UD Town พร้อมเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมแห่งภูมิภาค อินโดจีนอย่างเต็มภาคภูมิ มีการออกแบบให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคทั้งคนในพื้นที่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว เน้นความร่มรื่นของธรรมชาติ ยกระดับคุณภาพชีวิตเทียบเท่าเมืองระดับโลก


UD Town ตั้งอยู่บนที่ดิน 14 ไร่ ใจกลางเมืองอุดร มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 28,000 ตารางเมตร ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง มีการจัดสรรพื้นที่ต้นไม้ สวน น้ำพุ และพื้นที่พักผ่อน เพื่อให้ UD Town เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ พักผ่อน ช็อปปิ้งที่ใกล้ชิดธรรมชาติชั้นนำของภูมิภาคอินโดจีน












Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, June 2, 2009

ค้าปลีกชลบุรีระอุ...! ทุนไทย-เทศปักธงรบเต็มเมือง - Retail in Chonburi

Central Plaza Chonburi

ระยะทางเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตรจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดชลบุรี หัวเมืองใหญ่ในภาคตะวันออกที่เนืองแน่นไปด้วยการลงทุนมากมายไม่แพ้เมืองหลวง นอกจากเป็นเมืองอุตสาหกรรม เมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงแล้ว ยังเป็นทำเลทองของการค้า การลงทุนอีกด้วย

ปัจจุบันมีกลุ่มค้าปลีกทั้งทุนต่างชาติ ทุนต่างถิ่น และในท้องถิ่นแห่ปูพรมผุดสาขาครอบคลุมรอบเมือง การแข่งขันในพื้นที่จึงดุเดือดอย่างยิ่งในเวลานี้

เริ่มจากสมรภูมิการค้าภายในเมืองพัทยา จากถนนสุขุมวิทสายหลัก ตัดถนนแยกเข้าพัทยาตั้งแต่พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ เทพประสิทธิ์ ถนนสายรองอย่างพัทยาสาย 2 และพัทยาสาย 3 กลุ่มโมเดิร์นเทรดได้เข้าไปยึดทำเลทองไว้หมดแล้ว ประกอบด้วย 3 ค่ายหลัก คือ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และคาร์ฟูร์ รวมถึงศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง เซ็นทรัลด้วย


blank_page

การรุกคืบเข้ามายึดหัวหาดในพัทยานั้น เริ่มจาก "เทสโก้ โลตัส" ที่เปิดสาขาแรกริมถนนสุขุมวิท ตัดถนนเทพประสิทธิ์ ที่เข้ามาบุกพัทยาสาขาแรก จากนั้น "บิ๊กซี" ก็ตามมาโดยการยึดรวมพื้นที่กับ "ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เซ็นเตอร์ พัทยา" บริเวณพัทยาเหนือ วันนี้แม้อาคารจะดูเก่าทรุดโทรมแต่ก็ยังมีลูกค้าเข้าออกอย่างหนาตา

จากนั้นมาเทสโก้ โลตัส ก็เปิดสาขาที่ 2 ในพัทยา หลังจากสาขาแรกเปิดบริการได้กว่า 5 ปี สิ่งสำคัญคือ เทสโก้ โลตัส เลือกทำเลที่ถนนพัทยาเหนือเช่นกัน เมื่อบิ๊กซีถูกโลตัสบีบซ้ายขวา จึงเปิดสาขาใหม่เป็นสาขาที่ 2 บนถนนสุขุมวิท ก่อนถึงโลตัสสาขาแรกไม่ถึง 1 กิโลเมตรเช่นกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 ยังมีการเปิดตลาดโลตัสอีก 1 เป็นสาขาที่ 3 บริเวณถนนสุขุมวิทขาเข้าอีกด้วย

ในช่วงที่สองรายนี้กำลังยึดครองพื้นที่นั้น บิ๊กค้าปลีกรายที่ 3 อย่าง "คาร์ฟูร์" ก็เข้ามาเปิดสาขาที่ถนนพัทยากลาง ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองพัทยาก็ว่าได้ ทำให้พัทยาเมืองที่ขึ้นชื่อว่า "ไม่เคยหลับ" มีดิสเคานต์สโตร์ขนาดใหญ่ผุดถึง 6 สาขาแล้ว

หากโฟกัสไปที่ธุรกิจศูนย์การค้าในเมืองพัทยาก็มี "รอยัล การ์เด้น พลาซ่า" ของกลุ่มไมเนอร์เปิดให้บริการมาแล้วหลายสิบปีในพัทยาใต้ รวมถึงห้างสรรพสินค้าทุน ท้องถิ่นอย่าง "ไมค์ ช้อปปิ้งมอลล์" ของกลุ่มบริษัทไมค์ จํากัด ที่อยู่คู่เมืองพัทยา มาหลายปีเช่นกัน

ขณะที่ทุนใหญ่จากกรุงเทพฯ "กลุ่มเซ็นทรัล" ก็เข้าไปปักธงศูนย์การค้าริมหาด พัทยากลาง ลงทุนกว่า 4 พันล้านบาท เนรมิตอาณาจักรช็อปปิ้งริมหาด ภายใต้ชื่อ "เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช" หวังให้เป็นศูนย์การค้าครบวงจร มีทั้งศูนย์การค้าและโรงแรมริมทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศของแถบนี้ด้วย โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นปี 2552 ทำให้ทุนท้องถิ่นต้องปรับตัวรับมือกันขนานใหญ่ ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว

ในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง "ท็อปส์" เริ่มเปิดสาขาแรกที่ถนนพัทยากลาง อยู่ห่างจากคาร์ฟูร์ประมาณ 1 กิโลเมตร และจากนั้นก็เปิดสาขา 2 ที่ตึกคอม บนถนนพัทยาใต้

ขยับออกไปนอกเมือง แถวๆ แหลมฉบัง นักธุรกิจท้องถิ่น "กลุ่มแหลมทอง" ก็จับมือกับเทสโก้ โลตัส เปิด "ศูนย์การค้า ฮาร์เบอร์มอลล์" ไปเมื่อปลายปี 2551 รองรับกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่น เกาหลีที่ทำงานย่านอีสเทิร์นซีบอร์ด

หากเลียบเลาะเส้นสุขุมวิทไปเรื่อยๆ จนถึงตัวเมืองศรีราชา ก็มีศูนย์การค้า แปซิฟิค พาร์ค และห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ศรีราชา ยึดพื้นที่ในแถบนี้ไว้หลายปีแล้ว และต่อเนื่องไปยังบางแสน ก่อนเข้าตัวเมืองชลก็มีทั้งแม็คโคร เทสโก้ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี ปักธงตระหง่านทั้ง 2 ข้างทางริมถนน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2552 ที่ผ่านมา ค่ายเซ็นทรัลเขย่าตลาดค้าปลีกและช็อปปิ้งมอลล์จังหวัดชลบุรีอีกครั้งด้วยการเปิดบริการ "ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี" พ่วงด้วยโรบินสัน และคาร์ฟูร์ในพื้นที่เดียวกันนี้

สมรภูมิค้าปลีกชลบุรีร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางวิกฤตกำลังซื้อที่ทุกค่ายต้องฟันฝ่า

โดย วิชชุดา ชาญณรงค์

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails