Thursday, April 5, 2012
ไรมอน แลนด์เปิดตัว "วิว" บูติกชอปปิ้งมอลล์สไตล์ฟิวชั่นย่านเจริญนคร จ้างดัชช์ "อีซีซีกรุ๊ป" บริหาร
Thursday, November 10, 2011
โอกาสทอง "แบรนด์รอง" ยี่ห้อท้องถิ่น-ค่ายเล็กยึดเชลฟ์
Monday, September 5, 2011
MAXVALU THINKING SMALLER
![]() |
Because the minimarkets cover as little as 300 square metres, it’s easier for Aeon to find good sites in neighbourhoods all over the city, especially near masstransit lines. |
Sunday, July 31, 2011
CP BIG C ส่งโมเดลใหม่ฮุบค้าปลีก "ขาใหญ่" เร่งเครื่องเติมช่องว่างเพิ่มอำนาจต่อรอง
Friday, November 12, 2010
TESCO ชื่อโผล่ประมูลรอบสอง CARREFOUR ไทยชิงดำ 4 ราย
Thursday, September 2, 2010
"ธนิยะ"ทุ่ม2.5พันล้านบุกคอมมิวนิตี้มอลล์ ชูความต่างหนีคู่แข่งทำเล"ศรีนครินทร์"

กลุ่มทุน "ธนิยะ" ขยายการลงทุนบุกตลาดค้าปลีก เทงบฯ 2,500 ล้าน เปิดคอมมิวนิตี้ย่านศรีนครินทร์ พื้นที่ 7 หมื่น ตร.ม. กางคอนเซ็ปต์ใหม่ "ช็อป...ใกล้ชิดธรรมชาติ" สร้างความต่างหนีคู่แข่ง เปิดเซ้งยาว 15 ปี เจาะกลุ่มแมส-บี แกรนด์โอเพนนิ่งธันวาคม 2554
ชี้หากผลตอบรับเวิร์กเตรียมขยับเปิดตลาดย่านเพลินจิต เผยแลนด์แบงก์ผืนงามแล้ว นางสุนันทา สมบุญธรรม ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธนิยะ ผู้บริหารอาคารธนิยะพลาซา ในย่านสีลม กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ศึกษาแนวทางการขยายธุรกิจด้วยโมเดลคอมมิวนิตี้มอลล์ เนื่องจากมองว่าเป็นรูปแบบที่เหมาะกับเมืองไทยซึ่งรถติดและชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่รอบเมือง ประกอบกับบริษัทมีที่ดินที่ซื้อไว้ตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ในย่านศรีนครินทร์-พัฒนาการ ซึ่งมีศักยภาพและดีมานด์สูง จึงตัดสินใจทุ่มงบฯ 2,500 ล้านบาท เพื่อเปิดคอมมิวนิตี้มอลล์อย่างเต็มตัวในชื่อ "ธัญญะ ช็อปปิ้ง พาร์ค"
โครงการนี้จะเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ครบวงจร เพื่อรองรับกำลังซื้อของลูกค้าย่านกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก บนพื้นที่โครงการ 7 หมื่น ตร.ม. แยกเป็น 6 อาคารเชื่อมกันในแนวพื้นราบไม่สูง คือ 2 ชั้น บวกชั้นใต้ดินสำหรับจอดรถยนต์ 700 คัน และชั้นกราวนด์ และเป็นการขายความต่างจากคู่แข่งในย่านเดียวกัน ด้วยคอนเซ็ปต์แหล่งช็อปปิ้งใกล้บ้านในบรรยากาศธรรมชาติอย่างแท้จริง "พื้นที่ 7 หมื่น ตร.ม.จะเป็นพื้นที่รีเทลเพียง 2 หมื่น ตร.ม. ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนและลานพักผ่อน โดยต้องการเป็นศูนย์การค้าในบรรยากาศสวน พร้อมดีไซน์อาคารในแบบธรรมชาติภูเขาและก้อนหิน จะเริ่มก่อสร้างต้นปีหน้าและพร้อมเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน"
ทั้งนี้ร้านค้าและสินค้าภายในศูนย์จะมีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการไลฟ์สไตล์ทุกช่วงอายุ ด้วยจำนวนร้านค้ากว่า 700 แห่ง ครอบคลุมซูเปอร์มาร์เก็ต, ตลาดสด, ร้านอาหารและศูนย์อาหาร, ธนาคาร, โรงเรียนเสริมทักษะ, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน, อุปกรณ์กีฬา, สปา, ร้านเสริมสวยและโซนแฟชั่น และกว่า 80% ของร้านค้าในศูนย์จะเป็นรูปแบบการเซ้งระยะยาว 15 ปี "แม้ว่าย่านนี้จะมีศูนย์การค้าหลายแห่งทั้งใหม่และเก่าที่เป็นทางเลือกให้กับลูกค้า แต่ส่วนตัวมองว่าทำเลย่านศรีนครินทร์ยังเป็นตลาดที่เปิดสำหรับทุกคน เป็นย่านที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับรายได้ดี แนวคิดของโครงการจึงวางกว้างเพื่อสามารถตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และสามารถเดินทางมายังโครงการได้ง่าย"
นางสุนันทาชี้ว่า จากการเก็บตัวเลขในพื้นที่โดยรอบโครงการและบริเวณใกล้เคียง อาทิ เขตประเวศ, สวนหลวง, พระโขนง, วัฒนา, บางนา, บางกะปิ, ห้วยขวาง พบว่ามีหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมมากกว่า 200 โครงการ พร้อมทั้งบริษัทห้างร้านกว่า 45,000 บริษัท โรงเรียนและมหาวิทยาลัยรวมกว่า 70 แห่ง นอกจากศักยภาพด้านกำลังซื้อแล้ว ที่ตั้งโครงการอยู่บนทำเลที่เดินทางสะดวก ห่างจากสี่แยกพัฒนาการ-ศรีนครินทร์เพียง 1 ก.ม. ห่างจากแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีหัวหมาก 1.4 ก.ม. และอยู่ห่างจากทางด่วนไปมอเตอร์เวย์ 1.5 ก.ม. ตลอดจนเป็นเส้นทางผ่านก่อนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีถนนสายหลักเชื่อมถึงคือ ถนนสุขุมวิท, ถนนเพชรบุรีตัดใหม่, ถนนเอกมัย-ทองหล่อ, ถนนพระรามที่ 9, ถนนลาดพร้าว และถนนรามคำแหง
ส่วนการจะขยับขยายโมเดลค้าปลีกรูปแบบนี้ไปยังที่อื่น ๆ เพิ่มหรือไม่ นางสุนันทาชี้ว่า ทำเลย่านเพลินจิตมีความเป็นไปได้ที่จะขยายในสเต็ปถัดไป เนื่องจากบริษัทมีแลนด์แบงก์ผืนใหญ่ที่ซื้อเก็บไว้นานแล้ว แต่อย่างไรก็คงต้องดูการตอบรับของกลุ่มลูกค้าและพฤติกรรมของลูกค้า ว่าคอนเซ็ปต์การลงทุนจะเป็นรูปแบบไหน เพราะแต่ละพื้นที่มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกัน
Monday, September 14, 2009
วัดกำลังค้าปลีก "ชานเมือง" ขาใหญ่เดินหน้า...ลงทุนไม่อั้น
Image via Wikipedia
เม็ดเงินสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและกระตุ้นกำลังซื้อใช่ว่าจะกระจุกตัวอยู่แต่กลางเมืองและย่านธุรกิจเท่านั้น ภาพเด่นชัดของการลงทุนศูนย์การค้าใหม่ๆ ขนาดใหญ่ตามแนวชานเมืองรอบนอกที่คึกคักและต่อเนื่องตลอดช่วง 1-2 ปีท่ามกลางภาวะการลงทุน ที่ซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นตัวสะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งของตลาดค้าปลีกได้เป็นอย่างดี
ทุกค่ายในวงการค้าปลีกต่างเคลื่อนทัพเข้าไปจับจองและลงทุนพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯแล้วทั้งนั้น อาทิ ไล่เรียงมาตั้งแต่แจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน ที่เป็นการประชันศึกศักดิ์ศรีของเดอะมอลล์เจ้าถิ่นและกลุ่มเซ็นทรัล ราชพฤกษ์ พระราม 5 มีโฮมโปรชนโฮมเวิร์ค, บางนาที่กลุ่มสยามฟิวเจอร์ลงทุนเตรียมเปิดโครงการขนาดใหญ่ "เมกะบางนา", ย่านรามอินทราที่มี 1 เดียวของศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ลงทุน 600 ล้านบาทปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 13 ปีตั้งแต่ทำธุรกิจมา
แต่ที่ขาดไม่ได้คือพื้นที่ย่านกรุงเทพฯตะวันออกตลอดเส้น "ศรีนครินทร์" ที่นักพัฒนาธุรกิจค้าปลีกแต่ละค่ายไม่ยอมตกขบวนด้วยถนนในรัศมี 10-15 กิโลเมตร
ตลอดเส้นถนนศรีนครินทร์กลายเป็นแหล่งรวมของพื้นที่ค้าปลีกแทบทุกค่าย นอกเหนือจากเจ้าถิ่นดั้งเดิมอย่างศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ แล้วยังมีบิ๊กซี, แม็คโคร, คาร์ฟูร์, เทสโก้ โลตัส, แม็กซ์แวลู (จัสโก้) และพาราไดส์ พาร์ค โครงการใหม่บนพื้นที่เสรีเซ็นเตอร์เดิมที่กลุ่มเอ็มบีเค-สยามพิวรรธน์ วางงบฯ 2,000 ล้านบาท
รวมทั้งกลุ่มเซ็นทรัลที่เตรียมเปิดรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์โดยมีโฮมเวิร์คและกลุ่มบียูเซ็นทรัลรีเทลเป็นแม่เหล็ก ทั้งหมดล้วนต่างขยับตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ตลอดทั้งปีนี้กลุ่มทุนค้าปลีกจะซึมซับถึงกำลังซื้อที่ลดลงได้เป็นอย่างดี แต่กลับยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่-รีโนเวตปรับโฉมสาขาเดิมเพื่อรอตลาดในอนาคตที่ตั้งความหวังว่าอีก 1-3 ปีข้างหน้า...น่าจะดีขึ้น
ความน่าสนใจของทำเลแถบชานเมืองเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มลูกค้าหลักของค้าปลีกขยายตัวออกไปตามเมืองและชุมชนใหม่ที่ออกไปสู่รอบนอกต่อเนื่อง โซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่มีศูนย์การค้าใหม่เกิดขึ้นมาเลยโดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่พื้นที่ตั้งแต่ 1 หมื่น ตร.ม.ขึ้นไปนั้นมีเพียง 3 ค่ายหลัก คือ ซีคอนสแควร์, เซ็นทรัล และเสรีเซ็นเตอร์ ประกอบกับพื้นที่นี้ติดโซนสีส้ม ทำให้โครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้นั้นจึงมักอยู่ในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์
การก้าวเข้ามาลงทุนของกลุ่มสยามพิวรรธน์และเอ็มบีเคเพื่อเปิด "พาราไดส์ พาร์ค" จึงกลายเป็นโอกาส "ชฎาทิพ จูตระกูล" หนึ่งในผู้ถือหุ้นโครงการนี้ ชี้ว่า โจทย์สำคัญของการแปลงโฉมให้เป็นห้างแห่งใหม่ที่ทันสมัย เป็นความท้าทายของการทำธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์แข่งขันอยู่ใจกลางเมืองเป็นหลัก ขั้นตอนตัดสินใจต้องรอบคอบเพื่อให้ได้มาตรฐานแบบศูนย์การค้าที่สมบูรณ์แบบใจกลางเมือง
ด้าน "เซ็นทรัล บางนา" ตั้งเป้าขยายลูกค้าฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก ด้วยการลงทุน 300 ล้านบาท ปรับใหญ่โดยตกแต่งภายใน ขยายพื้นที่เพิ่มแผนกและแบรนด์ใหมˆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การสำรวจผ่านบริษัทวิจัยที่ทำแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่พักอาศัยในย่านกรุงเทพฯตะวันออกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าการขยายตัวของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลจากการเพิ่มของจำนวนโครงการหมู่บ้านจัดสรรในระดับราคาปานกลาง-ราคาสูงกว่า 70 โครงการ
และพบว่ารายได้ต่อครัวเรือนในพื้นที่ ดังกล่าวกว่า 43% มีสูงกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะที่ครัวเรือนทั่วทั้งกรุงเทพฯมีสัดส่วนเพียง 20% และมีครอบครัวถึง 2.8 หมื่นครอบครัว มีรายได้สูงกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายที่ชี้ว่าอันดับแรกของพฤติกรรมลูกค้าตอนนี้ คือเลือกซื้อสินค้าอาหารเข้าบ้าน 2.ออกไปทานอาหารนอกบ้าน และ 3.ช็อปปิ้งเสื้อผ้า แฟชั่นและแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ เป็นต้น
เช่นเดียวกับโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก ศูนย์การค้าไม่ได้ตั้งเป้าเพียงเพื่อเจาะทาร์เก็ตย่านแจ้งวัฒนะ-งามวงศ์วานเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้ากินอาณาเขตไกลถึง นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา และสุพรรณบุรี
กลายเป็นทำเลทองหลังภาครัฐพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์ราชการ ซึ่งการขยายเมืองส่งผลให้เกิดชุมชนใหม่ๆ โดยเฉพาะหมู่บ้านเกรดเอกว่า 50 หมู่บ้าน อาทิ นิชาดา, Grand Cannel, ลัดดาวัลย์, เศรษฐสิริ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น ISB, Harrow, เซนต์ฟรังฯ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของศูนย์การค้า
"ชำนาญ เมธปรีชากุล" ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด เดอะมอลล์ กรุ๊ปชี้ว่า จำนวนหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปการเพิ่มขึ้นของประชากรไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
ขนานไปกับเส้น "ราชพฤกษ์-พระราม 5" เป็นอีกหนึ่งทำเลทองที่กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกจับจ้อง ความเคลื่อนไหวของค้าปลีกย่านนี้คือสงครามแย่งชิงกลุ่มลูกค้าที่มีเงินหนาและกำลังซื้อสูง โดยเซ็นทรัลเปิดตัวในรูปแบบสแตนด์อะโลน โดยมีโฮมเวิร์คพร้อมเพาเวอร์บาย-ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็น แม่เหล็ก ห่างออกไปเพียง 1.5 ก.ม.เจ้าถิ่น"โฮมโปร" ได้ซื้อพื้นที่เพิ่มและยกระดับ ศูนย์เป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ด้วยการดึง "วิลล่า มาร์เก็ท" ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมี่ยมมาร่วม
ภาพความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนค้าปลีกที่เทน้ำหนักรุกลูกค้าชานเมืองรอบด้านล้วนเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อลูกค้าของกลุ่มใหม่ระหว่างรอเศรษฐกิจมากระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าเดิมกลับมา เป็นตัวสะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งและไม่ยอมจำนนต่อปัจจัยลบของกลุ่มทุนค้าปลีกได้เป็นอย่างดี
Tuesday, August 18, 2009
MAX VALU Plan to Launch Small Format

ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ญี่ปุ่น "แม็กซ์แวลู" เดินหน้ารีโนเวตสาขาหลักสี่เน้น ครบเครื่อง เผยพื้นที่ขนาดใหญ่หายากเล็งย่อส่วน เตรียมผุดไซซ์ 300 ตร.ม.สู้ศึกค้าปลีก พร้อมสู้ค่ายใหญ่ด้วยกลยุทธ์ราคาชนคู่แข่งเป็นรายสาขา
นายเออิจิ ชิบาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตแม็กซ์แวลูหรือจัสโก้เดิม เปิดเผยว่า หลังกฎหมายผังเมืองเริ่มบังคับใช้ ตั้งแต่ปี 2549 ประกอบกับพื้นที่ใหญ่ๆ ขนาด 4,000 ตร.ม.ในกรุงเทพฯและปริมณฑลหายากขึ้น ทำให้ทุกห้างต่างหันมาให้ความสำคัญกับการขยายสาขาในขนาดเล็กลง ส่วนมากเป็นขนาด 300-1,000 ตร.ม. และพยายามนำสินค้ามาจำหน่ายให้ครบไลน์มากที่สุด
สำหรับแนวทางการขยายสาขาของแม็กซ์แวลูหลักๆ เน้น 2 ฟอร์แมตคือ ขนาด 1,000 ตร.ม. และ 2,000 ตร.ม. และเนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ขนาดดังกล่าวเริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจึงมีแนวคิดจะ ขยายสาขาขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณ 300 ตร.ม.ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนเป็นรูปธรรม
"เดิมบริษัทตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 26 สาขาภายในปี 2553 แต่จากปัจจัยและสถานการณ์หลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะจากปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้ไซต์งานที่ดีลงานอยู่บางส่วนเกิดปัญหาติดขัด ตอนนี้ได้มีการปรับแผนใหม่ โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่เพียง 2 สาขา จากที่วางแผนจะเปิด 8 สาขา ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเปิดให้ได้ 10 สาขา ดังนั้นกว่าที่จะมีสาขาครบ 26 แห่งอาจจะต้องล่าช้าออกไปอีก 1-1 ปีครึ่ง"
นายชิบาตะให้ข้อมูลต่อไปว่า สาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดคือ หลักสี่ มีพื้นที่ขนาด 9,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นสาขาเดิมที่มีใบอนุญาตอยู่แล้วเพียงแต่ได้ปิดเพื่อปรับปรุงไประยะหนึ่ง และบริษัทคาดหวังว่าสาขานี้จะเป็นสาขาที่ช่วยสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่แล้วยังเป็นสาขาที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด และมีจุดเด่นในเรื่องของอาหารสดและอาหารพร้อมรับประทานที่มีคุณภาพและราคาที่สามารถแข่งกับคู่แข่งได้
พร้อมกันนี้นายชิบาตะยังกล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า โดยรวมมีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจและยอดขายมีการเติบโตขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว และเพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกำลังซื้อที่คาดว่าจะลดลงในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการจะให้น้ำหนักกับสินค้าราคาถูกควบคู่ความสะดวกสบาย และจะเน้นการลดราคาเพื่อสู้กับคู่แข่งเป็นรายสาขา ซึ่งคู่แข่งที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับสาขาของแม็กซ์แวลู ได้แก่ คาร์ฟูร์ ท็อปส์ และเทสโก้ โลตัส ซึ่งที่ ผ่านมาบริษัทก็เริ่มใช้กลยุทธ์ดังกล่าวมาบ้างแล้วและก็ได้ผลการตอบดีโดยวัดจากผลประกอบการรายสาขาที่ดีขึ้น
"เป้าหมายในปีนี้เราวางแผนในแง่ของการเติบโตไว้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังค่อนข้างรุนแรง แต่หากรวมการเติบโตของสาขาใหม่เข้าไปด้วยตัวเลขการเติบโตก็จะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสาขาหลักสี่ที่บริษัทคาดหวังค่อนข้างมาก" นายชิบาตะกล่าว