Monday, February 6, 2012
HOMEPRO รุกหวังกวาดยอด2.8หมื่นล้าน บุก8สาขาตจว.-ขายวัสดุผ่านเว็บ
Tuesday, November 29, 2011
HOMEPRO รับมือซ่อมบ้าน7แสนยูนิต ค่ายเฟอร์ฯแบรนด์ดังเทใจจัดแคมเปญช่วยน้ำท่วม
Thursday, November 10, 2011
ดับฝันไฮซีซั่น"โฮมโปร-อินเด็กซ์" ยักษ์"วัสดุ-เฟอร์นิเจอร์"อดใจรอโกยยอดหลังน้ำลด
Monday, August 22, 2011
HOMEPRO อัด600ล.กระตุกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง
Monday, August 15, 2011
HOMEPRO โชว์กำไรครึ่งปี 54 โต 24.67% สร้างยอดขายทะลุ 13,000 ล้านบาท
Monday, June 20, 2011
HOMEPRO ทุ่ม 110 ล้าน ปรับโฉมใหญ่ “สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์” รับทางเชื่อม Promenade มอบส่วนลดของแถมอีกอื้อ
Monday, January 10, 2011
เปิดพื้นที่"ค้าปลีก"ใหม่6แสนตร.ม. "ROBINSON"ร่วม"MEGA BANGNA"ลุยโมเดลห้างขนาดย่อม
Monday, October 25, 2010
CENTRAL กางโรดแมป 'โฮมเวิร์ค-ไทวัสดุ' ไต่เพดานบิน... 2 ปีดับเบิลสาขาเท่าตัว
![]() |
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ |
Wednesday, October 20, 2010
CRC POWER RETAIL SEEK 100% GROWTH
![]() |
Suthisarn Chirathivat, President for CRC Power Retail Co., Ltd. and Power Buy Ltd. |
Friday, October 8, 2010
HOMEPRO AIMS REGIONAL TRADE : MALAYSIA IS FIRST PRIORITY
Tuesday, August 24, 2010
IKEA ไทยแลนด์จะเป็นนัมเบอร์ 1

ในที่สุดวันที่ "อิเกีย" (IKEA) เมกะสโตร์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งยักษ์ใหญ่สัญชาติสวีเดน ที่มียอดขาย (ก่อนหักภาษี) ในปีที่ผ่านมา 22,700 ล้านยูโร เบิกฤกษ์ประกาศความพร้อมเปิดให้บริการเมกะสโตร์สาขาแรกในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อโครงการ "เมกา บางนา" (Mega Bangna) บนที่ดินผืนใหญ่ 254 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด ก.ม.8
โดยกำหนดเปิดบริการในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งเลื่อนขึ้นเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย จากเดิมที่ตั้งใจจะเปิดบริการวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 (11-11-2011)
การเข้ามาลงทุนในเมืองไทยครั้งนี้ลงทุนผ่าน "อิคาโน่" (IKANO) บริษัทลูกของ "อินเตอร์ อิเกีย ซิสเต็ม" ที่ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ 3 ประเทศ ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ตัดสินใจจับมือกับ "สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์" ยักษ์ใหญ่คอมมิวนิตี้มอลล์เมืองไทย และ "เอส.พี.เอส.โกลเบิลเทรด" (กลุ่ม ส.ประภาศิลป์) ในฐานะซัพพลายเออร์หลักในประเทศไทย ร่วมทุนในนามกิจการร่วมค้า "เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์" ในสัดส่วนถือหุ้น 49 : 49 : 2 ตามลำดับ
โครงการนี้ใช้งบฯลงทุนสูงถึง 12,000 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่อิเกียสโตร์ 40,000 ตารางเมตร พื้นที่ให้เช่ากว่า 200,000 แสนตารางเมตร ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่จอดรถ 8,000 คัน และอื่น ๆ
ล่าสุดอิเกียได้จัดงานเปิดตัวผู้เช่าพื้นที่หลักอย่าง "โฮมโปร-เมเจอร์-บิ๊กซี" รวม 90,000 ตารางเมตร และเซ็นสัญญากู้เงินจากแบงก์ไทยพาณิชย์และกสิกรไทยจำนวน 6,500 ล้านบาท โดยมี "ทอม ฮูเซล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิคาโน่ จำกัด ในฐานะคีย์แมนอิเกียให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงแผนธุรกิจที่วางไว้
- เป้าหมายอิเกียสาขาแรก
ถ้าในแง่จำนวนคนเข้ามาสโตร์ เราคาดหวังว่าจะสามารถเป็น "อันดับ 1" ได้โดยปัจจุบันสโตร์ที่มีจำนวนลูกค้าเข้าร้านสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน 6 ล้านคนต่อปี 2) เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 5.9 ล้านคนต่อปี และ 3) เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 5.8 ล้านคนต่อปี เชื่อว่าในเมืองไทยน่าจะมีจำนวนลูกค้าเข้าร้านไม่น้อยกว่าที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสามารถขยับขึ้นมาเป็น อันดับ 1 ได้ในอนาคต
เพราะในช่วงที่ผ่านมา เอเชียเป็นโซน ที่กำลังซื้อขยายตัวเฉลี่ยสาขาของอิเกียในเอเชียมีอัตราลูกค้าเข้าร้านเติบโตกว่า 2 หลัก หรือมากกว่า 10% ขึ้นไปต่อปี
- ศักยภาพตลาดเมืองไทย
อิเกียสาขาแรกในเมืองไทยเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นสโตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการเมกา บางนาเป็นรูปแบบการลงทุนขนาดใหญ่ มีอิเกียสโตร์ที่รายล้อมด้วยพื้นที่เช่าแบบ "คลัสเตอร์" ซึ่งเหมาะกับเมืองขนาดใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ประกอบกับโดยไลฟ์สไตล์กรุงเทพฯเชื่อว่าเป็นเมืองแฟชั่นมากกว่ากัวลาลัมเปอร์อีก
โมเดลแบบนี้เป็นลักษณะเดียวกับที่อิเกียลงทุนในรัสเซีย และประเทศในแถบยุโรปตะวันออก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีเพราะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการดึงลูกค้าที่อยู่ไกลออกไปในรัศมี 50-120 กิโลเมตร ครอบคลุมจังหวัดใกล้เคียงชลบุรี สระบุรี และสมุทรสาคร
สำหรับพฤติกรรมคนไทยที่ไม่คุ้นเคย กับเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งแบบ ดี.ไอ.วาย. (Do it Yourself) หรือซื้อไปประกอบเองในช่วงที่เปิดสโตร์ในประเทศต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ จีน อเมริกา หรือแม้แต่สวีเดน ตอนแรกก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่หลังจากเปิดบริการแล้วกลายเป็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่ชอบสินค้าแบบ ดี.ไอ.วาย. สนุกกับการประกอบสินค้าเอง ข้อดีคือ ขายได้ราคาต่ำกว่าสินค้าแบบเดียวกัน ที่ต้องมีค่าแรงประกอบ 10-20%
- มอง "อินเด็กซ์-เอส.บี." อย่างไร
ทั้ง 2 แบรนด์เป็นแบรนด์ท้องถิ่น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนเราใช้เวลาศึกษาตลาดมานานทราบอยู่แล้วว่าใครบ้างที่เป็น คู่แข่ง เหมือนในประเทศอื่น ๆ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมากมาย สำหรับอิเกียก็คือผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามา แชร์ตลาด และข้อดีก็จะตกอยู่กับผู้บริโภคเพราะแบรนด์อื่น ๆ ก็ต้องแข่งขันกับเรา เช่น ลดราคาสินค้าลงมา
- คีย์ซักเซสของอิเกีย
สินค้าบางยี่ห้ออาจขายถูกแต่ฟังก์ชั่นไม่ดี หรือดีไซน์ดีแต่ราคาสูง แต่อิเกียมีครบ ส่วนเรื่องควอลิตี้เราส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมคิวซีที่โรงงานซัพพลายเออร์ทุกแห่ง ประกอบกับเราอยู่ในธุรกิจนี้มา 40-50 ปี ปัจจุบันเรามีสาขาทั่วโลก 301 แห่ง ใน 36 ประเทศ มีลูกค้าเข้าร้านรวม 660.1 ล้านคนต่อปี ทำให้เรามั่นใจว่าประสบความสำเร็จแน่
- แผนขยายสาขาในอนาคต
เราตั้งเป้าไว้ 3 สาขา ภายใน 10 ปี นับจากนี้โฟกัสเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ จากปัจจุบันเตรียมเปิดสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก เป้าหมายต่อไปเรามองไปที่โซนเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้
ส่วนระยะเวลายังไม่ได้กำหนด ขึ้นอยู่กับผลตอบรับสาขาแรกที่บางนา ภายใต้สมมติฐานว่าในปีแรกที่เปิดบริการ มีลูกค้าเข้าร้านสูงกว่า 5 ล้านคน ก็จะพิจารณาแผนการลงทุนสาขา 2 ต่อทันที
ส่วนในแง่พาร์ตเนอร์เราไม่ได้ปิดกั้น ปัจจุบันมีสยามฟิวเจอร์ฯ และ เอส.พี.เอส. โกลเบิลเทรด สาขาที่ 2-3 อาจเป็นพาร์ตเนอร์รายเดิมหรือมีรายใหม่เข้ามาเสริมก็ได้
Wednesday, July 28, 2010
HOMEPRO ยึดโคราชเปิดสาขา3รายได้ทะลุเป้า

นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร เปิดเผยว่า โฮมโปร สาขานครราชสีมาแห่งใหม่ บริเวณถนนบายพาส ซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ใน จ.นคราชสีมา และเป็นสาขาที่ 37 พร้อมจะเปิดเป็นทางการในวันที่ 31 ก.ค. นี้ ใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ เป็นพื้นที่ขายของโฮมโปรกว่า 7,900 ตารางเมตร
นอกจากมีสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านที่ครบวงจรแล้ว ยังได้เพิ่มจุดให้บริการด้านศูนย์รวมภาพและเสียง "The Power" ด้วย และยังมีพื้นที่ร้านค้าให้เช่าอีก 7 ร้าน เช่น ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังกาย ร้านอาหารนานาชาติ เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 280 คัน
นางสาวอรพิน ศิริจิตเกษม ผู้จัดการทั่วไป สายพัฒนาการตลาดลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลถึงการเปิดสาขาแห่ง ที่ 3 ว่า เนื่องจากโคราชเป็นจังหวัดใหญ่และมีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก เป็นศูนย์การค้าการลงทุนที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อีกทั้งยังเป็นประตูทางผ่านไปยัง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโฮมโปร นครราชสีมา จะเป็นกลุ่มเจ้าของบ้านกว่า 80% ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าบ้านเก่า มากถึง 70% และบ้านใหม่ 30%
นอกจากนี้ ตลาดธุรกิจบ้านจัดสรรก็กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มเขยฝรั่งถือเป็นแรงจูงใจที่ทำให้โฮมโปร ต้องเพิ่มจุดให้บริการ และเพิ่มความหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งเห็นได้จากยอดขายสินค้าของ โฮมโปรที่สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา และสาขาเขาใหญ่ ที่อำเภอปากช่อง มียอดจำหน่ายทะลุเป้าทุกเดือน เดือนละมากกว่า 30 ล้านบาท ในวันเปิดให้บริการวันที่ 31 ก.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายวันแรกไว้ที่ 3.5 ล้านบาท และตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 432 ล้านบาท หรือเดือนละ 36 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์ครึ่งปีหลังของธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้มีการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความ ไม่สงบ แต่สินค้าที่เกี่ยวกับบ้านไม่ได้รับ ผลกระทบมากนัก เนื่องจากบ้านถือเป็นปัจจัย 4 ทำให้ตลาดเดินหน้าไปได้ดี
ในปีนี้โฮมโปรมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา คือ สาขาลำลูกกา และสาขา ร่มเกล้า รวมถึงเตรียมแผนที่จะขยายสาขาไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
Thursday, December 10, 2009
HOME PRO ขนเครื่องมือการตลาดดึงลูกค้าช็อปดันยอดขายโต10%

นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มการตลาด บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร"โฮมโปร" กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้โฮมโปรจัด 2 แคมเปญใหญ่ ได้แก่ แคมเปญ "โฮมโปรซูเปอร์ช็อคเซล" ลดราคาสินค้าสูงสุด 70% และHome Pro Living Gift Fest 2010 นำของตกแต่งและเครื่องใช้ในบ้านมาจัดเป็นแพ็กเกจของขวัญปีใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 10% โดย 9 เดือนแรกที่ผ่านมามียอดขายรวม 1.45 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท
"บรรยากาศโดยรวมตอนนี้ถือว่าดีขึ้นนะ ดังนั้นมั่นใจว่าทั้ง 2 แคมเปญน่าจะช่วย ผลักดันยอดขายปีนี้ได้ตามเป้า อย่างงาน Home Pro Expo ล่าสุดเราได้ยอดขาย 720 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาท"
นายณัฏฐ์กล่าวต่อว่า ปีหน้าเตรียมงบฯ Marketing 440 ล้านบาท หรือประมาณ 2% จากเป้าหมายยอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาท โดยยังคงเน้นการจัดแคมเปญใหญ่ตลอด ทั้งปี อาทิ แคมเปญซูเปอร์ช็อค งานมหกรรมโฮมโปรเอ็กซ์โป ฯลฯ เพื่อกระตุ้นการขาย
ทั้งนี้โฮมโปรจะให้ความสำคัญกับการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.shop.homepro.co.th มากขึ้น หลังเริ่มนำร่องเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์รวมทั้งสิ้น 8 กลุ่ม อาทิ เฮาส์แวร์ โฮมเดคอร์ ฯลฯ รวมประมาณ 600 รายการ โดยจับมือกับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยเป็นตัวกลางในการชำระเงิน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าว่าจะต้องเพิ่มรายการสินค้าเป็น 1,500 รายการ และใช้กลยุทธ์การตั้งราคาต่ำกว่าสินค้ารายการเดียวกันในแต่ละสาขา เพื่อดึงดูดลูกค้าใช้บริการ รวมถึงมีสินค้าบางรายการที่ไม่มี จำหน่ายในสโตร์ของโฮมโปร
ส่วนแผนการขยายสาขาของโฮมโปร ในปีหน้าจะเปิดสาขาใหม่ 5 แห่ง รวมแล้วจะมีสาขาทั้งสิ้น 40 แห่ง ที่สรุปแล้ว คือ สาขานครปฐม คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553
Tuesday, November 10, 2009
พันธกิจ...รวมตัวค้าปลีกไทย จุดยืน "เชนสโตร์-โชห่วย" ผลประโยชน์ใคร ?
Image via Wikipedia
และแล้ว "CP 7ELEVEN" ได้กลายเป็นตัวแปรใหม่ที่สร้างความสงสัยอย่างกว้างขวางให้เกิดขึ้นกับแวดวงค้าปลีกไทย
พลันที่ "ซี.พี.ออลล์" นำทีมผู้ประกอบการค้าปลีกไทย อาทิ ตั้งฮั่วเส็ง-HOMEPRO-VILLA MARKET-ช้อยส์ มินิสโตร์ (กลุ่มตันตราภัณฑ์เชียงใหม่ ผู้ดำเนินธุรกิจเซเว่น อีเลฟเว่นในเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน รวม 160 สาขา) และอื่น ๆ รวม 20 ราย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตั้ง "สมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย" (The Development of Thai Capital Retailers Association หรือ DTRA) ขึ้นมา ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 4 พฤศจิกายนนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
เป็นการแยกวงจากที่เคยสังกัดอยู่ในสมาคมผู้ค้าปลีกไทย
เช้าวันเดียวกับที่มีแถลงข่าวเปิดตัวนั้น สมาคมผู้ค้าปลีกไทยที่ปัจจุบัน "ธนภณ ตังคณานันท์" ผู้บริหารจากเครือเซ็นทรัล สวมหมวกเป็นประธานต่อเนื่องสมัยที่ 2 ได้เรียกประชุมสมาชิก แม้จะออกตัวว่ายังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสมาชิกที่แตกตัวออกไปตั้งสมาคมใหม่
"ธนภณ" สงวนท่าทีกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ ทั้งยังมองว่าการรวมกลุ่มกันเป็นเรื่องที่ดีแต่ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของการทำงาน
ขณะที่ "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) นายกสมาคม DTRA สด ๆ ร้อน ๆ ระบุว่า ยังคงเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ค้าปลีกอยู่ แต่อาจต้องลดบทบาทและการทำงานลงเพื่อมาดูแลสมาคมใหม่นี้อย่างเต็มตัวและเต็มเวลา
สุวิทย์แจกแจงว่า การทำงานหลัก ๆ สมาคมจะเข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ อบรมความรู้และเทคนิคการบริหารร้านรูปแบบต่าง ๆ แก่สมาชิกกลุ่มค้าปลีก สายพันธุ์ไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะค้าปลีกรายย่อย (โชห่วย) กว่า 4 แสนรายทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อต่อสู้และรับมือการแข่งขัน
ทั้งยังให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการรวมกลุ่มระหว่างผู้ประกอบการค้าปลีกที่เป็น "ทุนของคนไทย" อย่างชัดเจน ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ต้องการให้มีสมาคมที่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือด้านการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการค้าปลีกทุนไทยโดยเฉพาะ และได้กำหนดคุณสมบัติของสมาชิกว่าจะต้องเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีคนไทยเป็น "ผู้ถือหุ้นใหญ่" เท่านั้น
เทียบกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยที่ไม่ได้มีข้อกำหนดนี้
จะเป็นทุนไทย หรือร่วมทุนไทย-เทศ หรือทุนต่างประเทศล้วน ๆ สามารถเป็นสมาชิกสมาคมผู้ค้าปลีกได้ทั้งสิ้น
เมื่อมีข้อกำหนดว่าต้องเป็น "ทุนไทย" อย่างชัดแจ้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ย่อมมีคำถามตามมาว่า การก่อตั้งสมาคมใหม่นี้เกี่ยวข้องกับกระแส "ต่อต้านค้าปลีกต่างชาติ" ใช่หรือไม่
คำถามนี้แจ่มชัดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อ "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ภารกิจแรกของ DTRA คือจะเข้าร่วมนำร่องประชาพิจารณ์ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากวันแถงข่าวเปิดตัวแค่วันเดียว เพื่อแสดงบทบาทและสะท้อนความต้องการที่เป็นกลุ่มก้อนในฐานะค้าปลีกไทย
หัวขบวนใหม่ผู้นี้ยังมองว่า ร่าง พ.ร.บ. ค้าปลีกฯดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลาย ๆ ประเด็น และเนื้อหาส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มโมเดิร์นเทรด แต่ไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีกรายเล็กที่เป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯที่กำลังแก้ไขกันอยู่นี้ ไม่ได้มีการแยกระหว่าง "ทุนไทย" และ "ทุนต่างประเทศ"
หากแยกระหว่าง "ค้าปลีกสมัยใหม่-โมเดิร์นเทรด" กับ "ค้าปลีกดั้งเดิม-โชห่วย" เป็นประเด็นหลัก
เมื่อดูจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ย่อมทำให้ "7ELEVEN" ถูกเหมารวมอยู่ในซีก คอนวีเนี่ยนสโตร์ เฉกเช่นเดียวกับ "TESCO LOTUS EXPRESS"
เป็นยักษ์ใหญ่ที่รุมรังแกโชห่วย
ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นFOODLAND GET-IT SUPERMARKETของตั้งฮั่วเส็ง หรือVILLA MARKET ย่อมไม่ต่างอะไรจาก "ตลาดโลตัส"
ย้อนกลับไปที่ประเด็น "ทุนไทย" "ทุนต่างประเทศ" ยังเป็นข้อสังเกตว่า ในกรณีตั้งฮั่วเส็ง-โฮมโปร-วิลล่า มาร์เก็ท คงไม่น่ามีปัญหาสำหรับการนิยามตัวเองว่าเป็นค้าปลีกสายพันธุ์ไทย แต่สำหรับสถานภาพ ของคอนวีเนี่ยนสโตร์ "เซเว่นอีเลฟเว่น" ที่ยังคงต้องเสียค่าไลเซนส์ให้กับต่างชาติ อยู่นั้นจะอยู่ในนิยามจุดยืนสายพันธุ์ไทยหรือไม่
ขณะเดียวกันถ้าจะเปรียบ "CP ALL" กับ "BIG C" ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯทั้งคู่ มีผู้ถือหุ้นทั้งไทย-เทศ ผสมปนเปกัน
ประกอบกับเมื่อไล่ย้อนดูบทบาทของ "ซี.พี.ออลล์" เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการส่งตัวแทนไปนั่งเป็นประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมาแล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกสายตาย่อมเพ่งมองไปที่การเล่นบท "หัวหอก" ของ ซี.พี.ออลล์ ด้วยแววตาที่สงสัยยิ่ง
กระนั้นก็ตาม หาก "CP ALL" สามารถพิสูจน์ตัวเองว่า ทำเพื่อโชห่วย จริง ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ผลจากการกระทำย่อมเป็นตัวชี้เจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้
Thursday, November 5, 2009
7ELEVEN นำทีมค้าปลีกไทยแยกวง ดึง"ตั้งฮั่วเส็ง-โฮมโปร-ช้อยส์มินิสโตร์ "ตั้งสมาคมใหม่
Image by patrikmloeff via Flickr
จับตา "เซเว่นอีเลฟเว่น" หัวขบวนผนึกค้าปลีกพันธุ์ไทย "ตั้งฮั่วเส็ง-โฮมโปร-ช้อยส์มินิสโตร์" ตั้งสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย คาดดัน "สุวิทย์ กิ่งแก้ว" นั่งแท่นนายกฯ ด้านสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังนิ่ง
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ส่งจดหมายไปยังหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ เพื่อแถลงข่าวการจัดตั้งสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย (DTRA) โดยกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง สมาคมในเบื้องต้นประกอบด้วย เซเว่นอีเลฟเว่น, ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง, โฮมโปร และช้อยส์มินิสโตร์ (กลุ่มตันตราภัณฑ์เชียงใหม่ ผู้ดำเนินธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่นในเชียงใหม่)
แหล่งข่าวจากบริษัทที่เข้าร่วมจัดตั้งสมาคมรายหนึ่งกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การตั้งสมาคมขึ้นมาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกที่เป็นของคนไทย เนื่องจากสมาคมกำหนดคุณสมบัติของสมาชิกว่า จะต้องเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกที่มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เท่านั้น
"การหารือในการจัดตั้งสมาคมขึ้นมาใหม่นี้มีบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พยายามผลักดันและดำเนินการ
ส่วนการวางกรอบนโยบายและบทบาทสมาคมที่จะเห็นเป็นรูปธรรมนั้นคงต้องรอการหารือกันในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง"
อย่างไรก็ตามสมาชิกหลักรายอื่น ๆ อาทิ เซ็นทรัล เดอะมอลล์ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ แม็คโคร แฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ ยังเป็นสมาชิกสมาคมผู้ค้าปลีกไทยอยู่เช่นเดิม
แหล่งข่าวรายนี้ยังกล่าวด้วยว่า คาดว่าในช่วงแรกนี้นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จะได้รับการโหวตตำแหน่งนายกสมาคมเป็นวาระแรก
ก่อนหน้านี้นายสุวิทย์รับตำแหน่งรองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย แต่เพิ่งลาออกไปเมื่อไม่นานมานี้เพื่อรับตำแหน่งในองค์กรธุรกิจแห่งใหม่
ขณะที่นายธนภณ ตังคณานันท์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า การรวมกลุ่มกันเป็นเรื่องที่ดี แต่ทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของการทำงาน ตอนนี้ (3 พฤศจิกายน) คงยากที่จะตอบ และคงต้องขอดูรายละเอียดและแนวทางการทำงานของสมาคมนี้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวประกาศจัดตั้งสมาคมดังกล่าวเป็นช่วงที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการเร่งทำประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีก ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลาย ๆ ฝ่ายว่า ร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลาย ๆ ประเด็น และเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การควบคุมโมเดิร์นเทรด แต่ไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านโชห่วยที่เป็นรูปธรรม และการควบคุมการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดอาจจะทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในราคาแพงขึ้น
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การตั้งสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทยที่มีบริษัท ซีพี ออลล์ ผลักดันในครั้งนี้อาจเกิดจากปัญหาโครงสร้างของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยที่มีจำนวนสมาชิกที่หลากหลาย มีทั้งที่เป็นสัญชาติไทยและต่างชาติ ดังนั้นการจะมีมติหรือดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้มีความเป็นเอกภาพจึงเป็นเรื่องที่ยากและไม่ทันกับสถานการณ์