Thursday, May 10, 2012
50 NEW BRANDS TO DEBUT IN BANGKOK
Thursday, April 12, 2012
เปิดพิมพ์เขียว "เอ็มโพเรียม 2" กลุ่มเดอะมอลล์เทงบฯหมื่นล้านปั้นอาณาจักร "Emquatier" 4 แสน ตร.ม.
Thursday, March 15, 2012
THE MALL GROUP BLUEPRINTS 1BN FASHION FACELIFT
Wednesday, February 1, 2012
THE MALL ANNOUNCES 1BN MAKEOVER FOR TWO BRANDS
Tuesday, January 17, 2012
MALL BATTLE ROYALE FOR CHINESE NEW YEAR
![]() |
Photo Source: www.samuiontour.com |
Monday, January 16, 2012
ศูนย์การค้าเขย่าพท.รับแบรนด์หรู กลุ่มหลุยส์วิตตองขนแบรนด์ในเครือยึดทำเลทอง
Monday, December 12, 2011
SIAM PARAGON ปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ เติม30แบรนด์ใหม่ ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็ว
![]() |
Photo Source:http://www.bangkok.com |
"สยามพารากอน"
เตรียมปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ ขน 30 แบรนด์ใหม่ เติมแม็กเนตมาครบ ทั้ง
"แบรนด์ดัง-ซูเปอร์แบรนด์"
ย้ำภาพผู้นำศูนย์รวมช็อปปิ้งทุกระดับสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง
ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็วจากแรงกระตุ้นรัฐ-เอกชน บวกสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
ห่วงกำลังซื้อระดับกลาง-แมสชะงัก
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ
ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน
กล่าวถึงทิศทางธุรกิจต่อจากนี้ว่า
บริษัทเตรียมปรับพื้นที่ภายในศูนย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับแบรนด์สินค้าและแฟชั่นที่จะเข้ามาเปิดให้บริการ
โดยใน ปีหน้าจะมีมากกว่า 30 แบรนด์ใหม่เข้ามาสร้างสีสัน
และเป็นแม่เหล็กเติมเต็มภายในศูนย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสยามพารากอน
ซึ่งทาร์เก็ตหลักเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นสินค้าและบริการสำหรับไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัยในครอบครัว
Monday, November 7, 2011
ศูนย์การค้าหงอยขาช็อปหมด"มู้ด" กระทบชิ่งทุกธุรกิจสินค้าหรู-ร้านอาหารยอดร่วง
Thursday, October 21, 2010
SIAM PARAGON - CENTRAL ซื้อใจคู่ค้า ยกระดับแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก
Thursday, September 9, 2010
Krispy Kreme ปักธงในไทย ชูราคาคุ้มค่าเจาะตลาดแมส
"อุษณีย์" เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบโดนัทคริสปี้ ครีม มาตั้งแต่อยู่ที่ อเมริกาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอกลับมาที่ประเทศไทยโอกาสจะได้ลิ้มรสคริสปี้ ครีมก็ต่อเมื่อสามีซึ่งทำงานที่ฟิลิปปินส์ต้องหิ้วกลับมาให้ ในที่สุดสามีจึงตัดสินใจไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่เข้ามาให้ตนเป็นผู้บริหาร ถือเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เธอเล่าว่า ตามแผนเดิมแล้วภายในปีนี้จะมีการเปิดสาขา 3 แห่ง แต่ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้แผน ดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป
Thursday, August 19, 2010
FEEL THE DIFFERENCE AT PARADISE PARK

ถ้าหากว่า 24 สิงหาคมนี้เป็นวัน "แกรนด์โอเพนนิ่ง" ศูนย์การค้า "พาราไดซ์พาร์ค" ก็คงถือเป็นการปิดฉาก...ปิดตำนาน ของศูนย์การค้า "เสรีเซ็นเตอร์" ที่ให้บริการมาตลอด 15 ปีอย่างเต็มตัว
การแปลงโฉม "เสรีเซ็นเตอร์" ที่เรียบง่าย นิ่ง ไม่หวือหวา ให้กลายเป็นสวนสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งของกรุงเทพฯย่านตะวันออก ไม่ได้กลายเป็นโจทย์การทำงานเดียวที่ท้าทาย "ชฎาทิพ จูตระกูล" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์เท่านั้น แต่ยังมีอีก 2 ภารกิจสำคัญ คือการปรับโพซิชันนิ่ง "สยามเซ็นเตอร์" ครั้งใหญ่ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งมือให้พร้อม เพื่อลอนช์แม็กเนตสำคัญ ที่จะเข้ามาเติมเต็ม "สยามดิสคัฟเวอรี่" สู้ศึกการแข่งขันค้าปลีกกลางเมืองที่ดุเดือด
พันธกิจที่ว่า เมื่อไปที่ไหน เมื่อทำอะไร ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" เสมอ ทำให้ Look ใหม่ของทั้ง 3 ศูนย์การค้ากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเชื่อมโยง "อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต" สอดคล้องกับกลยุทธ์การแปลงโฉมด้วยแนวทาง "Before & After" ของกลุ่ม "สยามพิวรรธน์" ตลอดกว่า 25 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องดีกว่าเก่า
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องสลัดคราบไคลเดิม ๆ ที่เคยจดจำ
เมื่อเปลี่ยนแล้ว ผู้ใช้บริการต้องสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
หนึ่งในภารกิจ "Before & After" ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการลบภาพของเสรีเซ็นเตอร์ ที่ลูกค้าต่างซึมซาบว่าเป็นห้างของคนสูงอายุ ขายอาหาร-สินค้าสุขภาพ พูดถึงทีไร มักมีใบหน้าของมหาจำลอง ศรีเมือง หรือคุณชายถนัดศรีลอยมา แต่ตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ที่ "ชฎาทิพ" พา "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจทุกซอกทุกมุมของเสรีเซ็นเตอร์ ศูนย์ภายใต้ชื่อใหม่ "พาราไดซ์พาร์ค" เห็นได้ชัดถึงความ แตกต่าง ทันสมัย รวมทั้งสินค้า ร้านค้า ไม่ต่างไปจาก "ห้างกลางเมือง"
ด้วยพื้นที่เช่า 9 หมื่น ตร.ม. มี 700 ร้านค้าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นวิลล่า มาร์เก็ต ซูเปอร์ มาร์เก็ตพรีเมี่ยมสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, เสรีมาร์เก็ต ตลาดอาหารสดสไตล์ไทยโบราณ, แหล่งรวมแฟชั่นมาจากย่านสยาม ทั้ง แบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศกว่า 100 ยี่ห้อ,
![]() |
สินค้าร้านลอฟท์กว่า 1 แสนชิ้น, เครื่องสำอางแบรนด์ดัง, ร้านสปอร์ตเวิลด์, แหล่งรวมร้านไอที, โฮมโปร และโรงหนังเครือเมเจอร์ฯ 900 ที่นั่ง ฯลฯ
เทียบกับเมื่อครั้งยังเป็นเสรีเซ็นเตอร์ ที่ภาพดูทะมึนทึม ขาดซึ่งความสดใส
เป็นผลจากการลงมือสำรวจความต้องการผู้บริโภคในย่านนี้อย่างละเอียดยิบ
"เดี๋ยวนี้ การใช้ความรู้สึกในการ ตัดสินใจ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว"
ผลสำรวจดังกล่าว กลายเป็นคัมภีร์ชี้ว่า พาราไดซ์พาร์ค จะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เป็นคัมภีร์อ้างอิงให้ร้านค้าต่าง ๆ ตัดสินใจร่วมธุรกิจ
การสยายปีกออกนอกพื้นที่กลางเมืองที่คุ้นเคย นอกเหนือจากสร้างรายได้-กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจตลอดทั้งย่านปทุมวัน-ราชประสงค์ แข่งขันกันรุนแรง "ชฏาทิพ" ยังมองเห็นโอกาสของทำเล "ศรีนครินทร์" ที่กลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อไม่ได้ด้อยไปกว่าทาร์เก็ต กลางเมือง
ยิ่งเมื่อนับรวมปัจจัยทางการเมือง ที่มีเหตุให้ต้องปิดศูนย์การค้าอยู่เนือง ๆ ไม่เว้นแต่ละปี ทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ต่างยึดพื้นที่ย่านใจกลางเมืองเป็นทำเลทองและจุดรวมพล ล้วนเป็นเหตุผลที่ต้องมองหาศูนย์นอกพื้นที่กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ
กลายเป็นความลงตัว ที่ "เอ็มบีเคเซ็นเตอร์" ชักชวนมาลงทุนพาราไดซ์ พาร์ค
"อิมเมจใหม่" "โจทย์ใหม่" ของผู้บริหารสยามพิวรรธน์คนนี้ หลังแปลงโฉม ต้องทำให้ลูกค้ามองพาราไดซ์พาร์ค เป็นภาพเคน ธีรเดช หล่อ ฉลาด และรักครอบครัว แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งลูกค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม เพราะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ การออกแบบ จึงเป็นศูนย์เทเลอร์เมดสำหรับชุมชนจริง ๆ รัศมีครอบคลุม 10-20 ก.ม.
"การเปิดศูนย์การค้าใหม่ ทุกอย่างจะเป็นการตื่นเต้น คาดหวังตั้งแต่ตอนที่เปิดประตู และก้าวแรกที่เดินเข้าไป แต่สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่ของศูนย์ กลายเป็นความท้าทายไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะลูกค้าจะเห็นการเปรียบเทียบ การคาดหวัง Before & After จึงสำคัญมาก"
ที่สำคัญ ทำอย่างไรหลังจากเปิดห้างใหม่ หรือรีโนเวตไปแล้วนั้นจะไม่ใช่แค่ "ฮันนี่มูนพีเรียด"
ทำอย่างไรให้ศูนย์ติดตลาดและลูกค้าเข้ามาจับจ่ายต่อเนื่องด้วยเป้าหมาย 1.5 แสนคนต่อวัน จากเดิม 7 หมื่นคนต่อวัน
"หลังเปิดบริการ จากนั้นคือบทพิสูจน์ ผู้บริโภคจะเป็นผู้ให้คำตอบเรา"
"ชฎาทิพ" ชี้ภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกว่า เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ที่จะสื่อถึงลูกค้าและบอกกับตลาดว่ามาศูนย์เพื่อซื้อของและมีสินค้าอะไรบ้าง แต่การเป็นศูนย์เทเลอร์เมดจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างด้วยร้านค้ากว่า 80% ไม่เคยเปิดในย่านกรุงเทพฯตะวันออกมาก่อน รวมทั้งการสื่อถึงกลุ่มลูกค้าพาราไดซ์พาร์ค จะผ่านข้อความเดียว คือเป็นศูนย์ของชุมชน...มาแล้วมีความสุข เพราะเชื่อว่าทุกคนอยาก รับรู้แต่เรื่องดี ๆ ข่าวดี ๆ
ทำให้การทำงานทุกขั้นทุกตอน "ชฎาทิพ" ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้เป็นสวนสวรรค์ของการช็อปปิ้งจริง ๆ จึงไม่แปลก ที่งบฯการลงทุนรีโนเวตครั้งนี้จะบานปลายจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีอายุสัญญาการเช่าที่ดิน 2.9 แสน ตร.ม.แห่งนี้เหลืออีก 15 ปีเท่านั้น
"ต้องใส่ Value เข้าไปทุกมุม ต้องใช้ความละเอียดมาก" ชฎาทิพสำทับ
ที่สำคัญ ถ้าการรีโนเวตไม่เจ๋ง ไม่โดดเด่น ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้ว ยิ่งถ้าซีคอนสแควร์ หรือเซ็นทรัลบางนา ทุ่มงบฯปรับโฉม ครั้งใหญ่ ก็คงเป็นการยาก ที่จะแจ้งเกิด
แต่ด้วยโจทย์ที่ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" รูปแบบการทำงานจึงต้องทุ่มเทและตั้งใจ ซึ่งหลังจากเปิดพาราโดซ์พาร์คแล้วนั้น ต้นเดือนกันยายน "ชฎาทิพ" เตรียมที่จะแปลงโฉมสยามเซ็นเตอร์ เพื่อตอกย้ำโลโก้ "แฟชั่นและเทรนด์เซตเตอร์" อีกรอบ
"การทำธุรกิจรีเทลที่ต้องเรียนรู้ทุก ๆ วัน เนื่องจากตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนมีคู่แข่งเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศูนย์ต้องเติม แม็กเนตใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเดิม การรีโนเวตศูนย์ จะทิ้งช่วงประมาณ 7 ปี แต่ตอนนี้ 3-4 ปี ก็ต้องคิด ต้องทำแล้ว"
ซึ่งแนวทางใหม่ จะปั้นสยามเซ็นเตอร์ เพื่อเป็น "แฟลกชิปสโตร์" ของแต่ละสินค้า ซึ่งแม้ว่าแบรนด์จะไม่ต่างจากศูนย์อื่น แต่ไลน์อัพและคอลเล็กชั่นสินค้า จะเป็นจุดขาย สร้างความแตกต่าง
ขณะเดียวกัน โดยโพซิชันนิ่งของสยามเซ็นเตอร์ จะปรับเปลี่ยนไปบ้าง
จากเดิม คนมองว่า สยามเซ็นเตอร์คือวัยรุ่น ก้าวไปสู่ใครก็ได้ ที่ young @ heart
รูปลักษณ์ใหม่ของ "สยามเซ็นเตอร์" เป็นการศึกษาจากเทรนด์ของศูนย์การค้าต่างประเทศที่กำลังนิยม ใช้โทนสี แสงสร้างความต่างของอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแต่ละชั้นจะไม่เหมือนกัน รวมถึงโซนด้านหน้า จะปรับพื้นที่ลานด้านหน้าและบันได ที่เป็นสัญลักษณ์ของสยามเซ็นเตอร์ในรูปแบบใหม่ พร้อม ๆ กับ "สยามดิสคัฟเวอรี่" ที่ลงทุน 1 พันล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 8 พัน ตร.ม.ในชั้น 6-7-8 เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ, ลานสเกตไอซ์แพลเนต และร้านอาหาร 40 แห่ง ที่จะเข้ามาแทน "Multi-Purpose Hall" ฮอลล์อีเวนต์ ที่วางไว้เดิม และเลื่อนไปเปิดตัวช่วงต้นปีหน้า
ก้าวย่างตลอด 25 ปี ของ "สยามพิวรรธน์" จากสยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน สู่พาราไดซ์ พาร์ค แม้ว่าจะไม่มากในแง่ปริมาณ แต่สำหรับ "คุณภาพ" แล้วนั้น เป้าหมายการ ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ผู้นำ "เทรนด์ เซตเตอร์" คงยากที่ใครจะปฏิเสธ
Monday, December 7, 2009
กลยุทธ์ "ห้างหรู" มัดใจคนรวย บ่งบอกตัวตนและอภิสิทธิ์ชน
Image via Wikipedia
ด้วยภาพที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลักมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น 12 ปีที่เปิดศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม หรือล่าสุดครบรอบ 4 ขวบของสยามพารากอน นอกเหนือจาก "สินค้าและบริการ" การสร้างความใกล้ชิดและสนิทเหมือนเพื่อนจะเข้ามาเพิ่มเป็นแรงหนุนให้ 2 ห้างหรูฉีกหนีจากคู่แข่ง
"เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ" ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม เล่าถึงการเปิดตัว "บัตรเอ็มแพลตตินั่ม" อาวุธใหม่ที่จะเข้ามาสร้างกระแสและมัดใจกลุ่มลูกค้าคนรวยต่อจากนี้
แม้ว่าบัตรสมาชิกแพลตตินั่มตัวนี้ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างลูกค้าระดับบนกับศูนย์การค้ามายาวนานแต่ครั้งนี้จะให้มากกว่า หลังทุ่มงบฯกว่า 80 ล้านบาท พัฒนาระบบไอที เพื่อสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันจำนวนสมาชิกที่ถือบัตรมี 20,000 ราย และกว่า 90% มีการใช้จ่ายผ่านบัตรแพลตตินั่มต่อเนื่อง และศูนย์จะไม่มีการเพิ่มจำนวนไปมากกว่านี้แล้ว
"เกรียงศักดิ์" ชี้ว่า จำนวน 2 หมื่นรายนี้ถือว่าเหมาะและพอดีแล้ว เพราะเป็น 2 หมื่นรายที่เป็นลูกค้าชั้นครีมจริง ๆ มีอำนาจซื้อมากในตลาด ที่สำคัญ กลุ่มนี้เป็นลูกค้าที่ศูนย์การค้าคัดเลือกและเชิญมาเป็นสมาชิก การดูแลจึงต้องพิเศษและใส่ใจ จากการเก็บข้อมูลพบว่าทาร์เก็ตนี้มียอดการใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่า 2-3 หมื่นบาทต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7-10 เท่า และเฉลี่ยทุกเดือน กลุ่มนี้จะมาช็อปปิ้งประมาณ 3 ครั้ง
ที่ผ่านมา หลาย ๆ ครั้ง การทำซีอาร์เอ็มกับลูกค้ามักพบว่าไม่ตรงจุดและตรงใจกับลูกค้า รีเวิร์ด หรือของรางวัลก็มักไม่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาทิ แจกหม้อหุงข้าว-ตู้เย็นให้ลูกค้าผู้ชาย แจกไม้ตีกอล์ฟให้กับลูกค้าผู้หญิง แต่รูปโฉมใหม่ของเอ็มแพลตตินั่มจะตรงจุด รู้ใจ และเป็นเหมือนเพื่อนสำหรับลูกค้า จากดาต้าที่มี ทำให้ศูนย์การค้ารู้ว่า รางวัลที่ทาร์เก็ตคนรวยเหล่านี้อยากได้มากที่สุดคือไมล์แลกตั๋วเครื่องบิน รวมถึงกิจกรรมและ อีเวนต์ที่เงินไม่อาจซื้อได้ เพื่อสะท้อนตัวตนและความเป็นอภิสิทธิ์ชนของคนเหล่านี้
นั่นทำให้ "เอ็มแพลตตินั่ม" จับมือกับการบินไทย รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โรงแรม รีสอร์ต โรงพยาบาล และสถานบันเทิง เพื่อตอบโจทย์ตลาด โดยลูกค้าสามารถช็อปปิ้งและสะสมแต้มจากร้านค้ากว่า 100 แบรนด์ในศูนย์การค้าที่เข้าร่วมได้ นอกเหนือจากดีพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมทั้งกลุ่มแฟชั่น ลักเซอรี่ ตกแต่งบ้าน และ รถซูเปอร์คาร์ ที่ไม่เคยเข้าร่วมกับใคร มาก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาพูดจากันเป็นปี อาทิ Burberry, Bally, Coach, BMW, Lamborghini, Pendulum, Time Midas, Barbara Barry และ Casabella By Modernform เป็นต้น ทุก 25 บาท จะกลายเป็นคะแนนสะสม 4 คะแนน นั่นหมายความว่า 4 คะแนน สามารถแลกไมล์บินได้ 1 ไมล์ ยังไม่นับกิจกรรมและอีเวนต์เด็ด ๆ ที่จะมาเซอร์ไพรส์ต่อเนื่อง
"ไม่มีใครให้มากกว่านี้อีกแล้ว"
คำยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจของ "เกรียงศักดิ์" ที่เชื่อว่าบัตรอภิสิทธิ์ชนนี้จะกลายเป็นกลยุทธ์มัดใจกลุ่มลูกค้าคนรวย ที่สร้างรายได้ให้กับศูนย์การค้ากว่า 10% จากรายได้รวมทั้งหมด และหลังจากรีเฟรชบัตรครั้งใหม่นี้ กลุ่มครีม 2 หมื่นคนนี้จะเร่ง ยอดขายให้ขยับได้ถึง 30% กันเลยทีเดียว