Pages

Showing posts with label Siam Paragon. Show all posts
Showing posts with label Siam Paragon. Show all posts

Thursday, May 10, 2012

50 NEW BRANDS TO DEBUT IN BANGKOK



Two long-awaited international fashion brands _ Ralph Lauren and H&M _ are ready to debut in Thailand soon.

The American Ralph Lauren brand will open its first flagship store in Thailand at Central Embassy, the new complex at the Phloenchit intersection.

The H&M clothing chain, which has more bargain offerings, will anchor its first store with a two-storey unit at Siam Paragon in October.

Thursday, April 12, 2012

เปิดพิมพ์เขียว "เอ็มโพเรียม 2" กลุ่มเดอะมอลล์เทงบฯหมื่นล้านปั้นอาณาจักร "Emquatier" 4 แสน ตร.ม.


เปิดพิมพ์เขียว "เอ็มโพเรียม 2" กลุ่มเดอะมอลล์เทงบฯหมื่นล้านปั้นอาณาจักร "Emquatier" 4 แสน ตร.ม. เปิดย่านค้าปลีกแห่งใหม่ดึงแบรนด์ดังระดับโลกร่วมขบวน ชูกลยุทธ์เชิญคู่ค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟจองพื้นที่ ชี้ตลาดแข่งขันแรงช่วงชิงความโดดเด่นทำเล-ดีไซน์-ลูกค้า ดีเดย์พร้อมอวดโฉม 2014


แม้ว่าจะไม่เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ แต่การซุ่มก่อสร้างเอ็มโพเรียม 2 ของกลุ่มเดอะมอลล์กลับรุดหน้าและมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงสร้างอาคารและแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่จะเข้ามาเป็นแม่เหล็กสำคัญ เพื่อเปิดให้ทันปี 2014 โดยเฉพาะการปั้นโปรเจ็กต์ยักษ์ 4 แสน ตร.ม.ให้เป็นย่านค้าปลีกแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ "เอ็มควอเทียร์" EMQUARTIER หรือ EMPORIUM QUARTIER

Thursday, March 15, 2012

THE MALL GROUP BLUEPRINTS 1BN FASHION FACELIFT


The Mall Group will spend 1 billion baht over the next three years to rejuvenate the fashion departments in its stores.

Some 200 million baht will be used to renovate the fashion zone in Siam Paragon Department Store, 140-160 million baht for The Mall Bang Kapi and the remaining 640-660 million baht for the renovation of other branches of The Mall, said Cherngchai Poovaviranon, the general manager for merchandise.

Wednesday, February 1, 2012

THE MALL ANNOUNCES 1BN MAKEOVER FOR TWO BRANDS


The Mall Group plans to spend 1 billion baht this year on a major facelift for two of its shopping-centre brands: The Mall and Siam Paragon.

Some 400 million baht each is slated for renovating both The Mall Ngam Wong Wan and Bang Kae.

The remaining 200 million baht will be spent at Siam Paragon and The Mall Bang Kapi.

Vice-chairman Supaluck Umpujh said The Mall Bang Kapi will be made more trendy to serve customer lifestyles in the area.

The group plans to bring more international brands to the Bang Kapi branch to service customers' higher purchasing power. High-end fashion brands such as Louis Vuitton will be added at Siam Paragon along with Kidsania, an education centre for kids.

The Mall Ngam Wong Wan will expand its retail space by 40,000 square metres, bringing its total to 240,000 sq m.

Ms Supaluck said total sales at The Mall department stores were better than expected last year, despite its Bang Kae branch closing for over one month for the floods.

"We expect total revenue of 50 billion baht this year, up from 44 billion last year," she said.

Ms Supaluck added that the retail industry expects promising growth this year.

Tuesday, January 17, 2012

MALL BATTLE ROYALE FOR CHINESE NEW YEAR


Photo Source: www.samuiontour.com
Retail competition will heat up this week as giant retailers try to entice shoppers during Chinese New Year celebrations.

Central Department Store (CDS), The Mall Group, Future Park Rangsit, Big C Supercenter, Siam Piwat and Robinson Department Store will spend combined budgets of 200 million baht on their promotions. It is projected over 10 billion baht will circulate during the festival.

Chamnarn Maytaprechakul, senior chief marketing officer of The Mall, said the group is spending over 50 million baht at its branches (The Mall, The Emporium and Paragon) from Jan 12 to Feb 5. The 25-day event is expected to generate 3.5 billion baht in sales.

Monday, January 16, 2012

ศูนย์การค้าเขย่าพท.รับแบรนด์หรู กลุ่มหลุยส์วิตตองขนแบรนด์ในเครือยึดทำเลทอง


แบรนด์หรูแฟชั่นลักเซอรี่ดาหน้าบุกไทยเบียดชิงพื้นที่ทำเลฮอต ศูนย์การค้าเขย่าพื้นที่รอบใหม่เพิ่ม แบรนด์ดัง-แบรนด์ใหม่เบียดพื้นที่รายเก่า ลือหึ่งกลุ่ม "เซ็นทรัล" ทุ่มซื้อเวอร์ซาเช่-ลาฟลอเรนซ์เสริมทัพต่อกุชชี่ "เอ็มโพเรียม" ปรับ พื้นที่เพิ่มแบรนด์ใหม่รับคอนเซ็ปต์โปรเจ็กต์ใหม่ ด้าน "พารากอน" ทำเลทองแบรนด์ดังหลายค่ายส่อหลุดหลังกลุ่มหลุยส์ วิตตอง ขนทัพจองพื้นที่


สมรภูมิตลาดสินค้าลักเซอรี่ในปีนี้น่าจะดุเดือดตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากมีศูนย์การค้าเปิดใหม่อีกหลายแห่ง ขณะที่ศูนย์การค้าที่เป็นจุดหมายของแบรนด์เนมหรูได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่มีอยู่เดิม เพื่อรองรับแบรนด์เนมใหม่ ๆ ที่จะดาหน้าเข้ามาอีกไม่น้อย เฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์เนมจากยุโรปที่เรียงแถวเข้ามาเปิดตลาดในภูมิภาคเอเชียและเมือง ไทยอย่างต่อเนื่องหลังเศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกาเริ่มมีปัญหาด้านกำลังซื้อ

Monday, December 12, 2011

SIAM PARAGON ปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ เติม30แบรนด์ใหม่ ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็ว


Photo Source:http://www.bangkok.com

 

"สยามพารากอน" เตรียมปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ ขน 30 แบรนด์ใหม่ เติมแม็กเนตมาครบ ทั้ง "แบรนด์ดัง-ซูเปอร์แบรนด์" ย้ำภาพผู้นำศูนย์รวมช็อปปิ้งทุกระดับสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็วจากแรงกระตุ้นรัฐ-เอกชน บวกสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ห่วงกำลังซื้อระดับกลาง-แมสชะงัก


นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน กล่าวถึงทิศทางธุรกิจต่อจากนี้ว่า บริษัทเตรียมปรับพื้นที่ภายในศูนย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับแบรนด์สินค้าและแฟชั่นที่จะเข้ามาเปิดให้บริการ โดยใน ปีหน้าจะมีมากกว่า 30 แบรนด์ใหม่เข้ามาสร้างสีสัน และเป็นแม่เหล็กเติมเต็มภายในศูนย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสยามพารากอน ซึ่งทาร์เก็ตหลักเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นสินค้าและบริการสำหรับไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัยในครอบครัว

Monday, November 7, 2011

ศูนย์การค้าหงอยขาช็อปหมด"มู้ด" กระทบชิ่งทุกธุรกิจสินค้าหรู-ร้านอาหารยอดร่วง

น้ำบุกกรุงกระทบศูนย์การค้าถ้วนหน้าทั้งรอบนอก-ใจกลางเมือง เหตุเดินทางลำบาก อารมณ์จับจ่ายหงอย บรรดาขาช็อปเบรกเดินห้างหยุดจับจ่ายซึมไปตามบรรยากาศ อีเวนต์เลื่อนกระจายไปสิ้นปี ส่วนสินค้าหรูเซ็งลูกค้าหนีน้ำ คนเดินห้างน้อย ด้านร้านอาหารโออิชิยอดตุลาคมร่วง 20% คาดพฤศจิกายนแย่กว่าเดิม เหตุน้ำท่วมกรุงแผ่ขยายวงกว้าง เตรียมปรับหมายเป้าสิ้นปี
มวลน้ำจำนวนมหาศาลที่จ่ออยู่ กรุงเทพฯรอบนอกไม่เพียงจะส่งผลกระทบธุรกิจค้าปลีกและกำลังซื้อลูกค้าในพื้นที่นั้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยาลามมาถึงอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคในภาพรวม เมื่อบวกกับการเดินทางที่ยากลำบาก ขณะนี้สังเกตได้ว่าศูนย์การค้าเกือบทุกแห่งทั้งรอบนอกและใจกลางเมืองต่างได้รับผลกระทบ ซึ่งลามไปถึงทุกธุรกิจที่พึ่งพาการเปิดปิดของห้าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม ร้านอาหาร หรืออีเวนต์ของสินค้าต่าง ๆ ที่อาศัยพื้นที่ห้างในการ จัดกิจกรรมกับลูกค้า

Thursday, October 21, 2010

SIAM PARAGON - CENTRAL ซื้อใจคู่ค้า ยกระดับแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก

พารากอน-เซ็นทรัลซื้อใจซัพพลายเออร์ เปิดเวทียกระดับแบรนด์ไทยสู่ตลาดแฟชั่นระดับโลก หวังอานิสงส์ปี 2558 ตลาดเสรี "ซิงเกิลมาร์เก็ต" เซ็นทรัลยึดลานเซ็นทรัลเวิลด์ขนคอลเล็กชั่นปีหน้าโชว์เต็มรูปแบบ ด้าน "สยามพารากอน" เพิ่มพาวเวอร์เสริมเข้าร่วมในงาน BIFW 2010 ผนึก 3 ศูนย์พันธมิตรเปิดรันเวย์โชว์ 19 แฟชั่น

หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย เพื่อยกระดับกรุงเทพฯให้เป็น "ศูนย์กลางแฟชั่นโลกแห่งเอเชีย" ล่าสุด 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน-เซ็นทรัลได้รับลูกด้วยการผนึกซัพพลายเออร์แฟชั่นในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้เปิดพื้นที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ส่งคอนเซ็ปต์ "Gateway World Fashion in Asia" ประชันกับกลุ่มสยามพารากอนผนึกสยามเซ็นเตอร์-ดิ เอ็มโพเรียม ส่ง "High Creative Fashion Fair" เสริมความแรง "สยามพารากอน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น วีค 2010"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชันอีเวนต์ใหญ่ของ 2 ค่ายรีเทลครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการและนักธุรกิจในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยและประเทศ คู่ค้า รวมทั้งนักออกแบบแฟชั่นกว่า 1,000 รายเข้าร่วมงาน ซึ่งวางเป้าหมายให้ธุรกิจแฟชั่นขยายตัวด้วยอานิสงส์ "ตลาดเดียว" จากการเปิดเสรีการค้าในกลุ่มประเทศ ASEAN+6 ซึ่งมีประชากรมากถึง 3,300 ล้านคน ถือว่าเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูงเพียงพอที่จะรองรับการขยายตลาดสินค้าและบริการด้านแฟชั่นของไทยได้อย่างเต็มที่

Thursday, September 9, 2010

Krispy Kreme ปักธงในไทย ชูราคาคุ้มค่าเจาะตลาดแมส

ในที่สุดโดนัทชื่อดังระดับโลกอย่าง "คริสปี้ ครีม" (Krispy Kreme) จากสหรัฐอเมริกา ก็เข้ามาเปิดตลาดในไทยได้สำเร็จ หลังจากอวดโฉมโลดแล่นอยู่ในต่างประเทศมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้แม้จะมีความพยายามจากหลาย ผู้ประกอบการไทยที่ขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จเป็นเรื่องเป็นราว แต่ในที่สุดวันนี้โดนัทสุดฮิตแบรนด์นี้ก็ได้แฟรนไชซีที่เป็นแฟนพันธุ์แท้กับ "อุษณีย์ วรวณิช มหากิจศิริ" 

"อุษณีย์" เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบโดนัทคริสปี้ ครีม มาตั้งแต่อยู่ที่ อเมริกาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอกลับมาที่ประเทศไทยโอกาสจะได้ลิ้มรสคริสปี้ ครีมก็ต่อเมื่อสามีซึ่งทำงานที่ฟิลิปปินส์ต้องหิ้วกลับมาให้ ในที่สุดสามีจึงตัดสินใจไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่เข้ามาให้ตนเป็นผู้บริหาร ถือเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก 


เธอเล่าว่า ตามแผนเดิมแล้วภายในปีนี้จะมีการเปิดสาขา 3 แห่ง แต่ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้แผน ดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป



Thursday, August 19, 2010

FEEL THE DIFFERENCE AT PARADISE PARK


ถ้าหากว่า 24 สิงหาคมนี้เป็นวัน "แกรนด์โอเพนนิ่ง" ศูนย์การค้า "พาราไดซ์พาร์ค" ก็คงถือเป็นการปิดฉาก...ปิดตำนาน ของศูนย์การค้า "เสรีเซ็นเตอร์" ที่ให้บริการมาตลอด 15 ปีอย่างเต็มตัว

การแปลงโฉม "เสรีเซ็นเตอร์" ที่เรียบง่าย นิ่ง ไม่หวือหวา ให้กลายเป็นสวนสวรรค์แห่งการช็อปปิ้งของกรุงเทพฯย่านตะวันออก ไม่ได้กลายเป็นโจทย์การทำงานเดียวที่ท้าทาย "ชฎาทิพ จูตระกูล" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์เท่านั้น แต่ยังมีอีก 2 ภารกิจสำคัญ คือการปรับโพซิชันนิ่ง "สยามเซ็นเตอร์" ครั้งใหญ่ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งมือให้พร้อม เพื่อลอนช์แม็กเนตสำคัญ ที่จะเข้ามาเติมเต็ม "สยามดิสคัฟเวอรี่" สู้ศึกการแข่งขันค้าปลีกกลางเมืองที่ดุเดือด

พันธกิจที่ว่า เมื่อไปที่ไหน เมื่อทำอะไร ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" เสมอ ทำให้ Look ใหม่ของทั้ง 3 ศูนย์การค้ากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเชื่อมโยง "อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต" สอดคล้องกับกลยุทธ์การแปลงโฉมด้วยแนวทาง "Before & After" ของกลุ่ม "สยามพิวรรธน์" ตลอดกว่า 25 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องดีกว่าเก่า

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ต้องสลัดคราบไคลเดิม ๆ ที่เคยจดจำ

เมื่อเปลี่ยนแล้ว ผู้ใช้บริการต้องสัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น






หนึ่งในภารกิจ "Before & After" ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือการลบภาพของเสรีเซ็นเตอร์ ที่ลูกค้าต่างซึมซาบว่าเป็นห้างของคนสูงอายุ ขายอาหาร-สินค้าสุขภาพ พูดถึงทีไร มักมีใบหน้าของมหาจำลอง ศรีเมือง หรือคุณชายถนัดศรีลอยมา แต่ตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ที่ "ชฎาทิพ" พา "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจทุกซอกทุกมุมของเสรีเซ็นเตอร์ ศูนย์ภายใต้ชื่อใหม่ "พาราไดซ์พาร์ค" เห็นได้ชัดถึงความ แตกต่าง ทันสมัย รวมทั้งสินค้า ร้านค้า ไม่ต่างไปจาก "ห้างกลางเมือง"

ด้วยพื้นที่เช่า 9 หมื่น ตร.ม. มี 700 ร้านค้าครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นวิลล่า มาร์เก็ต ซูเปอร์ มาร์เก็ตพรีเมี่ยมสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, เสรีมาร์เก็ต ตลาดอาหารสดสไตล์ไทยโบราณ, แหล่งรวมแฟชั่นมาจากย่านสยาม ทั้ง แบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศกว่า 100 ยี่ห้อ,

















สินค้าร้านลอฟท์กว่า 1 แสนชิ้น, เครื่องสำอางแบรนด์ดัง, ร้านสปอร์ตเวิลด์, แหล่งรวมร้านไอที, โฮมโปร และโรงหนังเครือเมเจอร์ฯ 900 ที่นั่ง ฯลฯ

เทียบกับเมื่อครั้งยังเป็นเสรีเซ็นเตอร์ ที่ภาพดูทะมึนทึม ขาดซึ่งความสดใส

เป็นผลจากการลงมือสำรวจความต้องการผู้บริโภคในย่านนี้อย่างละเอียดยิบ

"เดี๋ยวนี้ การใช้ความรู้สึกในการ ตัดสินใจ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว"

ผลสำรวจดังกล่าว กลายเป็นคัมภีร์ชี้ว่า พาราไดซ์พาร์ค จะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน เป็นคัมภีร์อ้างอิงให้ร้านค้าต่าง ๆ ตัดสินใจร่วมธุรกิจ

การสยายปีกออกนอกพื้นที่กลางเมืองที่คุ้นเคย นอกเหนือจากสร้างรายได้-กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจตลอดทั้งย่านปทุมวัน-ราชประสงค์ แข่งขันกันรุนแรง "ชฏาทิพ" ยังมองเห็นโอกาสของทำเล "ศรีนครินทร์" ที่กลุ่มลูกค้าและกำลังซื้อไม่ได้ด้อยไปกว่าทาร์เก็ต กลางเมือง

ยิ่งเมื่อนับรวมปัจจัยทางการเมือง ที่มีเหตุให้ต้องปิดศูนย์การค้าอยู่เนือง ๆ ไม่เว้นแต่ละปี ทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ต่างยึดพื้นที่ย่านใจกลางเมืองเป็นทำเลทองและจุดรวมพล ล้วนเป็นเหตุผลที่ต้องมองหาศูนย์นอกพื้นที่กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

กลายเป็นความลงตัว ที่ "เอ็มบีเคเซ็นเตอร์" ชักชวนมาลงทุนพาราไดซ์ พาร์ค

"อิมเมจใหม่" "โจทย์ใหม่" ของผู้บริหารสยามพิวรรธน์คนนี้ หลังแปลงโฉม ต้องทำให้ลูกค้ามองพาราไดซ์พาร์ค เป็นภาพเคน ธีรเดช หล่อ ฉลาด และรักครอบครัว แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งลูกค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม เพราะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ การออกแบบ จึงเป็นศูนย์เทเลอร์เมดสำหรับชุมชนจริง ๆ รัศมีครอบคลุม 10-20 ก.ม.

"การเปิดศูนย์การค้าใหม่ ทุกอย่างจะเป็นการตื่นเต้น คาดหวังตั้งแต่ตอนที่เปิดประตู และก้าวแรกที่เดินเข้าไป แต่สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่ของศูนย์ กลายเป็นความท้าทายไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะลูกค้าจะเห็นการเปรียบเทียบ การคาดหวัง Before & After จึงสำคัญมาก"

ที่สำคัญ ทำอย่างไรหลังจากเปิดห้างใหม่ หรือรีโนเวตไปแล้วนั้นจะไม่ใช่แค่ "ฮันนี่มูนพีเรียด"

ทำอย่างไรให้ศูนย์ติดตลาดและลูกค้าเข้ามาจับจ่ายต่อเนื่องด้วยเป้าหมาย 1.5 แสนคนต่อวัน จากเดิม 7 หมื่นคนต่อวัน

"หลังเปิดบริการ จากนั้นคือบทพิสูจน์ ผู้บริโภคจะเป็นผู้ให้คำตอบเรา"

"ชฎาทิพ" ชี้ภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกว่า เป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ที่จะสื่อถึงลูกค้าและบอกกับตลาดว่ามาศูนย์เพื่อซื้อของและมีสินค้าอะไรบ้าง แต่การเป็นศูนย์เทเลอร์เมดจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างด้วยร้านค้ากว่า 80% ไม่เคยเปิดในย่านกรุงเทพฯตะวันออกมาก่อน รวมทั้งการสื่อถึงกลุ่มลูกค้าพาราไดซ์พาร์ค จะผ่านข้อความเดียว คือเป็นศูนย์ของชุมชน...มาแล้วมีความสุข เพราะเชื่อว่าทุกคนอยาก รับรู้แต่เรื่องดี ๆ ข่าวดี ๆ

ทำให้การทำงานทุกขั้นทุกตอน "ชฎาทิพ" ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้เป็นสวนสวรรค์ของการช็อปปิ้งจริง ๆ จึงไม่แปลก ที่งบฯการลงทุนรีโนเวตครั้งนี้จะบานปลายจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีอายุสัญญาการเช่าที่ดิน 2.9 แสน ตร.ม.แห่งนี้เหลืออีก 15 ปีเท่านั้น

"ต้องใส่ Value เข้าไปทุกมุม ต้องใช้ความละเอียดมาก" ชฎาทิพสำทับ

ที่สำคัญ ถ้าการรีโนเวตไม่เจ๋ง ไม่โดดเด่น ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้ว ยิ่งถ้าซีคอนสแควร์ หรือเซ็นทรัลบางนา ทุ่มงบฯปรับโฉม ครั้งใหญ่ ก็คงเป็นการยาก ที่จะแจ้งเกิด

แต่ด้วยโจทย์ที่ต้องเป็น "เทรนด์เซตเตอร์" รูปแบบการทำงานจึงต้องทุ่มเทและตั้งใจ ซึ่งหลังจากเปิดพาราโดซ์พาร์คแล้วนั้น ต้นเดือนกันยายน "ชฎาทิพ" เตรียมที่จะแปลงโฉมสยามเซ็นเตอร์ เพื่อตอกย้ำโลโก้ "แฟชั่นและเทรนด์เซตเตอร์" อีกรอบ

"การทำธุรกิจรีเทลที่ต้องเรียนรู้ทุก ๆ วัน เนื่องจากตลาดเปลี่ยน ลูกค้าเปลี่ยนมีคู่แข่งเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศูนย์ต้องเติม แม็กเนตใหม่ ๆ เข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเดิม การรีโนเวตศูนย์ จะทิ้งช่วงประมาณ 7 ปี แต่ตอนนี้ 3-4 ปี ก็ต้องคิด ต้องทำแล้ว"

ซึ่งแนวทางใหม่ จะปั้นสยามเซ็นเตอร์ เพื่อเป็น "แฟลกชิปสโตร์" ของแต่ละสินค้า ซึ่งแม้ว่าแบรนด์จะไม่ต่างจากศูนย์อื่น แต่ไลน์อัพและคอลเล็กชั่นสินค้า จะเป็นจุดขาย สร้างความแตกต่าง

ขณะเดียวกัน โดยโพซิชันนิ่งของสยามเซ็นเตอร์ จะปรับเปลี่ยนไปบ้าง

จากเดิม คนมองว่า สยามเซ็นเตอร์คือวัยรุ่น ก้าวไปสู่ใครก็ได้ ที่ young @ heart

รูปลักษณ์ใหม่ของ "สยามเซ็นเตอร์" เป็นการศึกษาจากเทรนด์ของศูนย์การค้าต่างประเทศที่กำลังนิยม ใช้โทนสี แสงสร้างความต่างของอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแต่ละชั้นจะไม่เหมือนกัน รวมถึงโซนด้านหน้า จะปรับพื้นที่ลานด้านหน้าและบันได ที่เป็นสัญลักษณ์ของสยามเซ็นเตอร์ในรูปแบบใหม่ พร้อม ๆ กับ "สยามดิสคัฟเวอรี่" ที่ลงทุน 1 พันล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 8 พัน ตร.ม.ในชั้น 6-7-8 เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ, ลานสเกตไอซ์แพลเนต และร้านอาหาร 40 แห่ง ที่จะเข้ามาแทน "Multi-Purpose Hall" ฮอลล์อีเวนต์ ที่วางไว้เดิม และเลื่อนไปเปิดตัวช่วงต้นปีหน้า

ก้าวย่างตลอด 25 ปี ของ "สยามพิวรรธน์" จากสยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน สู่พาราไดซ์ พาร์ค แม้ว่าจะไม่มากในแง่ปริมาณ แต่สำหรับ "คุณภาพ" แล้วนั้น เป้าหมายการ ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ผู้นำ "เทรนด์ เซตเตอร์" คงยากที่ใครจะปฏิเสธ

Monday, December 7, 2009

กลยุทธ์ "ห้างหรู" มัดใจคนรวย บ่งบอกตัวตนและอภิสิทธิ์ชน

Siam Paragon 6Image via Wikipedia


ด้วยภาพที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลักมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น 12 ปีที่เปิดศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม หรือล่าสุดครบรอบ 4 ขวบของสยามพารากอน นอกเหนือจาก "สินค้าและบริการ" การสร้างความใกล้ชิดและสนิทเหมือนเพื่อนจะเข้ามาเพิ่มเป็นแรงหนุนให้ 2 ห้างหรูฉีกหนีจากคู่แข่ง



"เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ" ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม เล่าถึงการเปิดตัว "บัตรเอ็มแพลตตินั่ม" อาวุธใหม่ที่จะเข้ามาสร้างกระแสและมัดใจกลุ่มลูกค้าคนรวยต่อจากนี้



แม้ว่าบัตรสมาชิกแพลตตินั่มตัวนี้ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างลูกค้าระดับบนกับศูนย์การค้ามายาวนานแต่ครั้งนี้จะให้มากกว่า หลังทุ่มงบฯกว่า 80 ล้านบาท พัฒนาระบบไอที เพื่อสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น



ปัจจุบันจำนวนสมาชิกที่ถือบัตรมี 20,000 ราย และกว่า 90% มีการใช้จ่ายผ่านบัตรแพลตตินั่มต่อเนื่อง และศูนย์จะไม่มีการเพิ่มจำนวนไปมากกว่านี้แล้ว




"เกรียงศักดิ์" ชี้ว่า จำนวน 2 หมื่นรายนี้ถือว่าเหมาะและพอดีแล้ว เพราะเป็น 2 หมื่นรายที่เป็นลูกค้าชั้นครีมจริง ๆ มีอำนาจซื้อมากในตลาด ที่สำคัญ กลุ่มนี้เป็นลูกค้าที่ศูนย์การค้าคัดเลือกและเชิญมาเป็นสมาชิก การดูแลจึงต้องพิเศษและใส่ใจ จากการเก็บข้อมูลพบว่าทาร์เก็ตนี้มียอดการใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่า 2-3 หมื่นบาทต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7-10 เท่า และเฉลี่ยทุกเดือน กลุ่มนี้จะมาช็อปปิ้งประมาณ 3 ครั้ง



ที่ผ่านมา หลาย ๆ ครั้ง การทำซีอาร์เอ็มกับลูกค้ามักพบว่าไม่ตรงจุดและตรงใจกับลูกค้า รีเวิร์ด หรือของรางวัลก็มักไม่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาทิ แจกหม้อหุงข้าว-ตู้เย็นให้ลูกค้าผู้ชาย แจกไม้ตีกอล์ฟให้กับลูกค้าผู้หญิง แต่รูปโฉมใหม่ของเอ็มแพลตตินั่มจะตรงจุด รู้ใจ และเป็นเหมือนเพื่อนสำหรับลูกค้า จากดาต้าที่มี ทำให้ศูนย์การค้ารู้ว่า รางวัลที่ทาร์เก็ตคนรวยเหล่านี้อยากได้มากที่สุดคือไมล์แลกตั๋วเครื่องบิน รวมถึงกิจกรรมและ อีเวนต์ที่เงินไม่อาจซื้อได้ เพื่อสะท้อนตัวตนและความเป็นอภิสิทธิ์ชนของคนเหล่านี้



นั่นทำให้ "เอ็มแพลตตินั่ม" จับมือกับการบินไทย รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น โรงแรม รีสอร์ต โรงพยาบาล และสถานบันเทิง เพื่อตอบโจทย์ตลาด โดยลูกค้าสามารถช็อปปิ้งและสะสมแต้มจากร้านค้ากว่า 100 แบรนด์ในศูนย์การค้าที่เข้าร่วมได้ นอกเหนือจากดีพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมทั้งกลุ่มแฟชั่น ลักเซอรี่ ตกแต่งบ้าน และ รถซูเปอร์คาร์ ที่ไม่เคยเข้าร่วมกับใคร มาก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาพูดจากันเป็นปี อาทิ Burberry, Bally, Coach, BMW, Lamborghini, Pendulum, Time Midas, Barbara Barry และ Casabella By Modernform เป็นต้น ทุก 25 บาท จะกลายเป็นคะแนนสะสม 4 คะแนน นั่นหมายความว่า 4 คะแนน สามารถแลกไมล์บินได้ 1 ไมล์ ยังไม่นับกิจกรรมและอีเวนต์เด็ด ๆ ที่จะมาเซอร์ไพรส์ต่อเนื่อง



"ไม่มีใครให้มากกว่านี้อีกแล้ว"



คำยืนยันอย่างมั่นอกมั่นใจของ "เกรียงศักดิ์" ที่เชื่อว่าบัตรอภิสิทธิ์ชนนี้จะกลายเป็นกลยุทธ์มัดใจกลุ่มลูกค้าคนรวย ที่สร้างรายได้ให้กับศูนย์การค้ากว่า 10% จากรายได้รวมทั้งหมด และหลังจากรีเฟรชบัตรครั้งใหม่นี้ กลุ่มครีม 2 หมื่นคนนี้จะเร่ง ยอดขายให้ขยับได้ถึง 30% กันเลยทีเดียว




Reblog this post [with Zemanta]

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails