Monday, October 25, 2010
ROBINSON เท6พันล.บุกหัวเมืองรอง เร่งเปิดทุกไตรมาส/ลุ้นต่อสัญญารัชดาปรับพท.รีเทล
Monday, October 11, 2010
CENTRAL เลื่อนเปิด ZEN ปลายปี เล่นแรงซื้อ5หมื่นคืนเงิน1.2หมื่น/เซ็ตทีมบุก ONLINE
Sunday, September 26, 2010
เพลินวานหัวหินฮิต-บุกเมืองกรุง ทุ่มผุดศูนย์ฯแนวราบ"แมนชั่น7"
![]() |
ภัทรา สหวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บ.วนชัย กรุ๊ป จำกัด และ เจ้าของเพลินวาน |
Friday, September 17, 2010
CENTRAL WORLD AIMS FOR SEP 28 REOPENING
Thursday, September 9, 2010
Krispy Kreme ปักธงในไทย ชูราคาคุ้มค่าเจาะตลาดแมส
"อุษณีย์" เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบโดนัทคริสปี้ ครีม มาตั้งแต่อยู่ที่ อเมริกาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอกลับมาที่ประเทศไทยโอกาสจะได้ลิ้มรสคริสปี้ ครีมก็ต่อเมื่อสามีซึ่งทำงานที่ฟิลิปปินส์ต้องหิ้วกลับมาให้ ในที่สุดสามีจึงตัดสินใจไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่เข้ามาให้ตนเป็นผู้บริหาร ถือเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
เธอเล่าว่า ตามแผนเดิมแล้วภายในปีนี้จะมีการเปิดสาขา 3 แห่ง แต่ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้แผน ดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป
Friday, August 13, 2010
CPN TO CONFIRM LADPRAO REVAMP

นายกอบชัย กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทยังใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมศกนี้ ขณะที่การพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบของโอเพน แอร์ มอลล์ ในย่านศรีนครินทร์ ที่เดิมมีแผนจะดำเนินการในปีนี้นั้น บริษัทจะชะลอออกไปก่อน และทำการศึกษาแผนการลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญและต้องลงทุนก่อน ขณะเดียวกันจะดำเนินการศึกษาโครงการโอเพน แอร์ มอลล์ในทำเลอื่นๆ ที่มีความเหมาะสมด้วย ส่วนแผนการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย, พิษณุโลก และพระราม 9 ยังคงดำเนินต่อเนื่องและคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2554
Wednesday, July 28, 2010
HOMEPRO ยึดโคราชเปิดสาขา3รายได้ทะลุเป้า

นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร เปิดเผยว่า โฮมโปร สาขานครราชสีมาแห่งใหม่ บริเวณถนนบายพาส ซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ใน จ.นคราชสีมา และเป็นสาขาที่ 37 พร้อมจะเปิดเป็นทางการในวันที่ 31 ก.ค. นี้ ใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ เป็นพื้นที่ขายของโฮมโปรกว่า 7,900 ตารางเมตร
นอกจากมีสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านที่ครบวงจรแล้ว ยังได้เพิ่มจุดให้บริการด้านศูนย์รวมภาพและเสียง "The Power" ด้วย และยังมีพื้นที่ร้านค้าให้เช่าอีก 7 ร้าน เช่น ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังกาย ร้านอาหารนานาชาติ เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 280 คัน
นางสาวอรพิน ศิริจิตเกษม ผู้จัดการทั่วไป สายพัฒนาการตลาดลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลถึงการเปิดสาขาแห่ง ที่ 3 ว่า เนื่องจากโคราชเป็นจังหวัดใหญ่และมีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก เป็นศูนย์การค้าการลงทุนที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง อีกทั้งยังเป็นประตูทางผ่านไปยัง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโฮมโปร นครราชสีมา จะเป็นกลุ่มเจ้าของบ้านกว่า 80% ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าบ้านเก่า มากถึง 70% และบ้านใหม่ 30%
นอกจากนี้ ตลาดธุรกิจบ้านจัดสรรก็กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มเขยฝรั่งถือเป็นแรงจูงใจที่ทำให้โฮมโปร ต้องเพิ่มจุดให้บริการ และเพิ่มความหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งเห็นได้จากยอดขายสินค้าของ โฮมโปรที่สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา และสาขาเขาใหญ่ ที่อำเภอปากช่อง มียอดจำหน่ายทะลุเป้าทุกเดือน เดือนละมากกว่า 30 ล้านบาท ในวันเปิดให้บริการวันที่ 31 ก.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายวันแรกไว้ที่ 3.5 ล้านบาท และตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 432 ล้านบาท หรือเดือนละ 36 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์ครึ่งปีหลังของธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้มีการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความ ไม่สงบ แต่สินค้าที่เกี่ยวกับบ้านไม่ได้รับ ผลกระทบมากนัก เนื่องจากบ้านถือเป็นปัจจัย 4 ทำให้ตลาดเดินหน้าไปได้ดี
ในปีนี้โฮมโปรมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา คือ สาขาลำลูกกา และสาขา ร่มเกล้า รวมถึงเตรียมแผนที่จะขยายสาขาไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
Thursday, June 24, 2010
เปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ "IKEA" เมกะมอลล์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดน

นับถอยหลังอีกประมาณ 1 ปี 5 เดือน ศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง "อิเกีย" สาขาแรกในเมืองไทย ภายใต้ชื่อโครงการ "เมกะบางนา" บนที่ดิน 290 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด ก็จะได้ฤกษ์เปิดให้บริการภายในเดือนพฤศจิกายน 2554
ตลาดเมืองไทย "IKANO" มาเอง
กล่าวสำหรับ "อิเกีย" ถือเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากประเทศสวีเดนก่อตั้งโดย "อิงวาร์ แคมพาร์ด" (Ingvar Kampard) โดยเริ่มเปิดสโตร์อิเกียสาขาแรกในสวีเดนเมื่อปี 1958 มีการเติบโตเป็นลำดับโดยตลาดเอเชียได้รุกคืบเข้ามาเปิดสโตร์สาขาแรกที่ฮ่องกงเมื่อปี 1975
ปัจจุบันมีสาขากว่า 300 แห่ง กระจายอยู่ใน 35 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าฐานที่มั่นใหญ่คือโซนยุโรปที่มีจำนวนสาขารวมกันใน 25 ประเทศ ส่วนโซนเอเชีย-แปซิฟิกมีการปักหมุดสาขาที่ฮ่องกง ออสเตรเลีย จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ยอดขาย เมื่อปี 2008 มีมูลค่า 22,000 ล้านยูโร
เพราะฉะนั้น การประกาศเข้ามาลงทุนเปิดสโตร์ในเมืองไทยจึงถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่คนในวงการ เฟอร์นิเจอร์ให้ความสนใจเป็นอย่างสูง เพราะเป็นรับรู้กันว่ากลยุทธ์ของอิเกียคือ เฟอร์นิเจอร์บ้านราคาประหยัด "IKEA is founded on a low price offer in home furnishings"
กลับมาดูเรื่องใกล้ตัว "เมกะบางนา" เกิดจากการร่วมทุนของ 3 บริษัทคือ "IKANO" บริษัทแฟมิลี่บิสเนสของตระกูลอิงวาร์ "สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์" หรือ SF ยักษ์ใหญ่วงการคอมมิวนิตี้มอลล์ และ "ส.ประภาศิลป์" ในฐานะซัพพลายเออร์หลักสัญชาติไทยที่ป้อนสินค้าให้กับ อิเกีย ทั้ง 3 บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49:49:2 ตามลำดับ เมกะดีลนี้ใช้วงเงินลงทุนรวม 13,000 ล้านบาท เป็นส่วนสโตร์อิเกียล้วน ๆ 3,000 ล้านบาท และคอมเพล็กซ์อีก 10,000 ล้านบาท
การลงทุนสโตร์อิเกียในระยะหลัง ทางบริษัทแม่ที่สวีเดนสะสมประสบการณ์ว่าที่ดินแปลงข้างเคียงมีการปรับราคาสูงขึ้น ดังนั้น จากเดิมที่เคยลงทุนแบบ "สแตนด์อะโลน" จึงกลายพันธุ์มาเป็นอิเกียสโตร์+คอมเพล็กซ์ เป็นคอนเซ็ปต์ที่มีกลิ่นอายการพัฒนาที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้อง
จุดขาย "อิเกียสไตล์"
สำหรับสโตร์อิเกียแห่งแรกที่บางนา ออกแบบก่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นที่รวม 40,000 ตารางเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมเคยชินของลูกค้าคนไทย สิ่งที่อิเกียเวิลด์ไวด์ "ไม่มี" ก็คือ 1.สินค้าน็อกดาวน์ ไม่มีบริการประกอบเฟอร์ฯให้ 2.ถ้าเป็นชิ้นใหญ่จะไม่มีบริการจัดส่ง เพราะอิเกียจะจัดหาบริการให้ลูกค้าเช่า รถแวนเพื่อบรรทุกสินค้ากลับบ้านในลักษณะเทกโฮมด้วยตัวเอง (ลูกค้าขนของและประกอบสินค้าที่บ้านเอง)
ยังไม่นับรวมเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเรื่อง "เลย์เอาต์" ภายในสโตร์ โดยอิเกียสไตล์คือออกแบบทางเดินเป็น "วันเวย์" ไม่มีการเดินย้อนศร ชมสินค้าแล้วถ้าถูกใจให้หยิบมาเลยและมาจ่ายเงินทีเดียวบริเวณทางออก กรณีเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ให้จดรหัสสินค้ามาแจ้งที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ทางห้างจะขนมาส่งมอบที่จุดจ่ายเงิน
ขณะเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ในสโตร์จะไม่มี "พนักงานขาย" หรือ PC ยืนประจำจุดคอยแนะนำสินค้า แต่ลูกค้าจะต้องทำความเข้าใจสินค้าผ่านเอกสารแนะนำประจำจุดแทน
ในความเป็น "อิเกียสไตล์" จะนำมาใช้ทั้งดุ้น 100% ในตลาดเมืองไทย หรือจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับพฤติกรรมบริโภคคนไทย ก็คงจะต้องเป็นการบ้านของผู้ร่วมทุนอย่าง SF จะนำไปพิจารณา ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องท้าทายดีเหมือนกัน
ตั้งเป้าดึงลูกค้าปีละ 40 ล้านคน
มีคำถามว่า อิเกียมีจุดแข็งตรงไหน คำตอบคงจะเป็นเรื่องสินค้าภายใต้แบรนด์ อิเกียจะมีหลากหลายนับหมื่นไอเทม ตั้งแต่ของชิ้นเล็กอย่างจานรองแก้ว โคมไฟ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่อย่างชั้นวาง ตู้เสื้อผ้า โซฟา เฟอร์ฯ เอาต์ดอร์ จุดเด่นคือ ประโยชน์ใช้สอย ดีไซน์ และราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้
ว่ากันว่าเหตุผลที่อิเกียเลือกบางนาเป็นทำเลแรกในการปักธงซึ่งอยู่บริเวณวงแหวนรอบนอก ก็เพื่อรองรับรถเข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ถูกนำมาใช้ในทุกประเทศ ดังนั้นอิเกียจึงไม่มีการเปิดสาขาใจกลางเมือง เป้าหมายคือเรียกลูกค้าเข้าห้างวันละ 120,000 คน/วัน หรือปีละ 40 ล้านคน
การเข้ามาของอิเกียไม่เพียงแต่เป็นที่จับตาของคนในวงการเฟอร์นิเจอร์แต่ยังมีปรากฏการณ์ของเว็บไซต์ www.ikeaclubthailand.com ซึ่งสะท้อนว่า แบรนด์ "อิเกีย" น่าจะมีแฟนคลับในเมืองไทยอยู่ไม่น้อยทีเดียว
Saturday, April 3, 2010
CENTRAL CHIDLOM
เซ็นทรัล ชิดลม ไม่ได้ทำใหม่หรือปิดปรับปรุง แต่จะทำการขยายห้างออกไปอีก หลังซื้อที่ดินใกล้เคียงได้จากสถานทูตอังกฤษในราคาสุดแพง ตารางวาละ 1 ล้านบาท ทั้งหมด 9 ไร่ รวมเงินเฉพาะแค่ค่าที่ดิน 3 พันกว่าล้านบาท โดยในส่วนที่ขยายออกมา จะทำเป็นโรงแรมระดับ 6 ดาว ด้านล่างเป็นห้างสรรพสินค้า เริ่มสร้างปีหน้า แล้วเสร็จปี 2557
เคยเขียนแล้วที่นี่
http://thairetail.blogspot.com/2009/04/new-central-chidlom.html
CENTRAL IN THE PARK
central in the park โปรเจ็คท์ใหญ่ที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลหมายมั่นปั้นมือจะสร้างให้เป็นตึกที่สูงสุดในไทย โดยจะทำเป็นโรงแรม สำนักงาน และห้าง บนตึกสูงที่ออกแบบไว้ 76 ชั้น บริเวณสวนลุมไนท์บาซาร์ ซึ่งทางเซ็นทรัลประมูลได้จากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พื้นที่ 52 ไร่ สัญญา 30 ปี มูลค่าหมื่นกว่าล้านบาท
central pre-cadet school or central lumpini
CENTRAL RAMA IX
เริ่มที่ เซ็นทรัล พระราม 9 ตรงข้ามห้างฟอร์จูน รัชดา ใช้งบราว 4,500 ล้านบาท สร้างเพื่อรองรับการหมดสัญญาของโรบินสัน รัชดา (กลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล) ที่จะย้ายมาอยู่รวมกัน สาขานี้เริ่มตอกเสาเข็มแล้ว เจอกันแน่ เดือนธันวาคม ปี 2554
http://thairetail.blogspot.com/2009/11/central-plaza-rama-9.html
New Central Ladprao
ใครที่อาศัยอยู่ในย่านลาดพร้าว และละแวกใกล้เคียง หรืออาจต้องสัญจรไปมาผ่าน เซ็นทรัล ลาดพร้าว อยู่ทุกวี่วัน หรือใครก็ตามที่เป็นทั้งขาช้อป ขาจร ประจำห้างนี้ อาจต้องจำภาพของ เซ็นทรัล ลาดพร้าว แบบเดิม ๆ ไว้ในความทรงจำ เพราะปี พ.ศ.นี้ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่เคยเป็นเอกลักษณ์ ดูคลาสสิค แม้จะดูเก่าแก่ทรุดโทรม กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลง...
ทำไมต้องกล่าวถึง...ก็แค่ห้าง ๆ หนึ่งที่จะปิดปรับปรุง ?
นั่นเป็นเพราะ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ไม่ใช่แค่ห้างสรรพสินค้า แต่เป็นจุดรวมตัวของวัยรุ่นมาหลายต่อหลายยุค เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2520 บนพื้นที่ที่เรียกว่า ท้องทุ่งบางเขนในอดีต มาวันนี้ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ผ่านร้อน ฝน หนาว มากว่า 32 ปีแล้ว และยังคงเป็นจุดศูนย์รวมความบันเทิง จุดนัดพบ จุดเดินทาง ที่เกือบทุกคนในกรุงเทพฯ ต้องเคยมาเยือน
เมื่อคิดจะผลัดรูปเปลี่ยนโฉมกันทั้งที ทางกลุ่มเซ็นทรัล จึงต้องการให้ เซ็นทรัล ลาดพร้าว มีรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย สวยไฉไลถูกใจนักช้อป ตอบรับไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิตอล ภายใต้งบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท นั่นยังไม่รวมถึงการต่อสัญญาเช่าที่ดินครั้งล่าสุดกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่กลุ่มเซ็นทรัลต้องจ่ายเงินถึง 2 หมื่นกว่าล้าน แลกกับระยะเวลาสัมปทาน 20 ปี บนเนื้อที่ 42 ไร่
ด้วยเม็ดเงินมหาศาลเช่นนี้ จากเดิมทีที่คิดจะปรับปรุงบางส่วน พร้อม ๆ กับเปิดให้บริการบางส่วน หรือทำไป ขายไป แต่เมื่อประเมินแล้วต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี ทางกลุ่มจึงตัดสินใจประกาศปิดทั้งห้าง เพราะใช้เวลาแค่ 6 เดือน โดยจะเริ่มปิดตั้งแต่ 23 เม.ย.เป็นต้นไป กำหนดเปิดอีกทีก็ 29 ต.ค.นี้ ...ไม่นานเกินรอ
reference: kapook.com, pantip.com
Thursday, December 10, 2009
Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชน SF

Tesco Lotus ปูพรมช็อปปิ้งมอลล์ ปรับ"รามอินทรา"ชนเอสเอฟ
"Tesco Lotus" ปลื้ม โมเดลพลัส ช็อปปิ้งมอลล์ เปิดแผนรีโนเวตสาขาเดิมต่อเนื่อง ปีหน้าประเดิมที่สาขา "รามอินทรา" เพิ่มพื้นที่จาก 2,000 ตร.ม. เป็น 10,000-15,000 ตร.ม. รองรับกำลังซื้อบีบวก ชูความครบครันและไฮเปอร์มาร์เก็ต ชน Crystal Park -นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว
นางวีณา อรัญญเกษม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารพื้นที่เช่าและสื่อโฆษณา บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าบริษัทจะเดินหน้ารีโนเวตสาขาเดิมที่มีศักยภาพให้เป็นช็อปปิ้งมอลล์อีกหลายสาขา ที่สรุปแล้ว ได้แก่ สาขารามอินทรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาคอนเซ็ปต์ที่เหมาะสม เบื้องต้นจะมีการเพิ่มพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์ให้ใหญ่ขึ้น จากเดิมมีอยู่ 2,000 ตารางเมตร เป็น 10,000-15,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ขายหรือไฮเปอร์มาร์เก็ตจะมีขนาด 8,000-10,000 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองชุมชนที่มีกำลังซื้อสูง หรือลูกค้าที่อยู่ในระดับบีบวกย่านรามอินทรา
"คอนเซ็ปต์ของสาขารามอินทรา จะขึ้นอยู่กับผลสำรวจประชากร (Market survey)ในพื้นที่เป็นหลัก สำหรับสาเหตุที่บริษัทมั่นใจไปเปิดช็อปปิ้งมอลล์ในย่านนี้ ทั้งๆ ที่มีคอมมิวนิตี้มอลล์เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทั้ง The Crystal Park และ นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว (สยามฟิวเจอร์ฯ) เพราะของเราเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีไฮเปอร์มาร์เก็ตในย่านนั้น"
นางวีณากล่าวด้วยว่า หลังเปิดตัว พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ ศรีนครินทร์ และที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ชลบุรีไปแล้ว พบว่าได้รับผลตอบรับดีมาก มีรายได้จากพื้นที่ขายและพื้นที่เช่าเป็นที่น่าพอใจ คีย์ซักเซสอยู่ที่การหาสินค้าและบริการที่โดนใจลูกค้าในพื้นที่และการวาง Positioning เป็นทาวน์เซ็นเตอร์ ทั้งในเรื่องอาหารและความบันเทิง โดยเฉพาะที่อมตะที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นพนักงานในโรงงานมากกว่า 90,000 คน
"Tesco มีสาขาหลายแห่งที่มีศักยภาพมากพอที่จะรีโนเวตเป็นช็อปปิ้งมอลล์ และปีหน้าเราจะทยอยรีโนเวตสาขาเดิมให้ครบก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดโมเดลช็อปปิ้งมอลล์ สาขาใหม่ได้ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป" นางวีณากล่าว
ก่อนหน้านี้ นายสตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่าวาง Strategy เปิด พลัส ช็อปปิ้งมอลล์ 2-3 สาขาต่อปี ทั้งนี้รูปแบบพลัสฯจะเป็นสาขาที่มีพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์มากกว่าพื้นที่ขายของTesco Lotus ที่ผ่านมาก็มีบ้างแล้ว เช่น บางกะปิ ศาลายา กระบี่ เพชรบูรณ์ นวนคร ปิ่นเกล้า สมุย ซึ่งสาขาเดิมเหล่านี้ก็มีศักยภาพที่จะรีแบรนด์เป็นพลัสฯได้ในอนาคต
"เป้าหมายในการเปิดสาขาในรูปแบบพลัสฯ เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากเดิมนิยมจับจ่ายซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว ก็มีกลุ่มที่ชอบเดินดูสินค้ามากขึ้น รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมีความ ยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากกว่าโมเดลอื่น ๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสำเร็จของพลัสฯยังเกิดจากการสร้าง Brand ผ่านอีเวนต์ที่อินเทรนด์ มีความหลากหลายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัย ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องความบันเทิง ดนตรี หรือกีฬา ดีไซน์ให้อีเวนต์แต่ละครั้งตอบสนองกลุ่ม เป้าหมายต่างกัน เช่น อีเวนต์สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่น เพื่อให้เกิดกระแสปาก ต่อปาก รวมถึงการอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จอดรถ หรือการวางเลย์เอาต์พื้นที่ให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าได้ง่าย
นางวีณายังกล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในฟู้ดคอร์ตของTesco Lotus Plus ตั้งแต่วันนี้จนถึง 3 ม.ค. ได้จัดโปรโมชั่น พลัส มอลล์ ชวนอร่อยลุ้นทองส่งท้ายปี โดยลูกค้าที่ซื้อบัตรในชนิดไม่แลกคืนทุก 70 บาท ในศูนย์อาหาร มีสิทธิ์รับคูปองชิงโชค ลุ้นรับสร้อยคอทองคำและรางวัลอื่น ๆ อาทิ รถจักรยาน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า และพัดลม รวมมูลค่า 1 ล้านบาท
"เราตั้งเป้าการเติบโตจากโปรโมชั่น ดังกล่าว 10-15% จากที่ผ่านมาศูนย์อาหารมีการเติบโตอยู่ที่ 5%"
Monday, November 23, 2009
CARREFOUR TO JOIN PARADISE PARK "THE NEW SERI CENTER"

"CARREFOUR" จับมือสยามพิวรรธน์-เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ร่วมขบวนศูนย์การค้า "PARADISE PARK" เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเสียบแทน "กูเมต์ มาร์เก็ต" จากค่าย "เดอะมอลล์" ที่ขอถอนตัว วางคอนเซ็ปต์ระดับพรีเมี่ยม มัดใจ พร้อมเปิดตามแผนมีนาคมปีหน้า
หลังกลุ่มสยามพิวรรธน์และ MBK CENTER เข้าไปซื้อศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ และได้เริ่มแปลงโฉมเพื่อเปลี่ยนเป็น "PARADISE PARK" ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในย่านกรุงเทพฯตะวันออก ด้วยงบฯลงทุนก้อนโต 2,000 ล้านบาท และตามแผนจะแล้วเสร็จและเปิดในเดือนมีนาคมปีหน้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในกลุ่มพื้นที่เช่าและพันธมิตรที่ได้ตกลงเช่าไปแล้วกว่า 70% ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ในพื้นที่ชั้นกราวนด์ จากเดิมพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ได้วางให้เป็นซูเปอร์ มาร์เก็ตระดับพรีเมี่ยม ตามแผนได้เตรียมจะนำ "กูร์เมต์ มาร์เก็ต" ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิด 2 สาขา ที่ SIAM PARAGON และ THE EMPORIUM และเตรียมจะเปิดอีก 1 แห่ง ปลายปีนี้ ที่คอมมิวนิตี้มอลล์ เค-วิลเลจ (สุขุมวิท 26) เข้ามาเปิดเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าระดับบน
ทั้งนี้ กูร์เมต์ มาร์เก็ต เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มเดอะมอลล์และสยามพิวรรธน์ที่ถือหุ้นคนละครึ่ง แต่ล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ถอนตัวออกไป และมีไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ เข้ามาบริหารในพื้นที่ดังกล่าวแทน
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ยอมรับว่า ได้คุยกับคาร์ฟูร์เพื่อทาบทามให้เข้ามาร่วมเปิดในศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค และบริหารพื้นที่ในส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว ส่วนรายละเอียดการตกแต่งรวมทั้งคอนเซ็ปต์การวางสินค้าต้องไปถามทางคาร์ฟูร์ซึ่งจะตอบได้ชัดเจนมากกว่า
ก่อนหน้านี้ในงานเปิดตัวโครงการพาราไดซ์พาร์ค เพื่อชักชวนให้นักลงทุนค้าปลีกและซัพพลายเออร์คู่ค้าเข้ามาร่วมนั้น ศูนย์วางรูปแบบชั้นกราวนด์ให้เป็นสวรรค์ของ นักชิม ที่มีศูนย์อาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรวบรวมสินค้ากลุ่มอาหารสด โกรเซอรีส์ และอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าย่านศรีนครินทร์และพื้นที่ใกล้เคียง
โดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ 1.พื้นที่ 5,000 ตร.ม. สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ต 2.เสรีมาร์เก็ต และฟู้ด คอร์ต ที่รวบรวมอาหารสดในรูปแบบตลาดนัดติดแอร์และร้านอาหารชื่อดังมารวมกันบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. และ 3.พื้นที่สำหรับฟู้ด บาซาร์ที่รวมร้านอาหารเทคโฮมและเบเกอรี่กว่า 100 ร้านค้า
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังคาร์ฟูร์ โดยผู้บริหารจากบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงของการประชุมเพื่อสรุปแผนการขยายสาขาในปีหน้า เบื้องต้นโดยส่วนตัวยังไม่ทราบว่าจะมีการรวมแผนเรื่องการเปิดสาขาใหม่ที่ พาราไดซ์พาร์ค เข้าไปด้วยหรือไม่ คงต้องรอให้การเจรจาเสร็จสิ้นก่อน
ปัจจุบันการเปิดสาขาของคาร์ฟูร์มีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่เฉลี่ย 6,500 ตารางเมตร คอมแพ็กต์ 4,000 ตารางเมตร มินิคาร์ฟูร์ 2,000 ตารางเมตร รวม 38 สาขา และได้เริ่มทดลองเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อ คาร์ฟูร์ซิตี้ ขนาด 300 ตารางเมตร 1 แห่ง
ด้านแหล่งข่าวค้าปลีกรายหนึ่งให้เหตุผลถึงการที่กูร์เมต์ มาร์เก็ต ถอนตัวออกจากโครงการพาราไดซ์ พาร์ค ว่าที่ผ่านมา คอนเซ็ปต์การเปิดกูร์เมต์ฯเพื่อดึงคนเข้ามาในห้างและจับจ่ายต่อเนื่องไปยังส่วนของดีพาร์ตเมนต์ แต่รูปแบบของพาราไดซ์ พาร์คเป็นศูนย์การค้าอย่างเดียว จึงไม่ตรงกับแนวทางการทำธุรกิจของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่จะเปิดเดี่ยว ๆ แบบสแตนด์อะโลน
ล่าสุด นางชฎาทิพ จูตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์พาร์ค จำกัด ได้เซ็นสัญญากับ นางณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ กรรมการ บริษัท ดาวคอฟฟี่บีนส์ จำกัด สำหรับการเช่าพื้นที่ชั้น 3 ของศูนย์ พาราไดซ์พาร์ค เพื่อเปิดร้านคอฟฟี่บีนส์ บายดาว (Coffee Beans By Dao) ร้านเบเกอรี่และอาหารในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟแห่งแรก ด้วยงบฯลงทุน 15 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าครอบครัวรุ่นใหม่ที่อาศัยในโซนกรุงเทพฯตะวันออก ซึ่งเป็นทาร์เก็ตระดับกลาง-บนที่มีกำลังซื้อสูง
CENTRAL ยื่นแผนรถไฟฯทุ่ม2.4พันล้านปรับโฉมสาขาลาดพร้าวหลังต่อสัญญา20ปี เล็งปิดซ่อมยาว1ปี

ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก"เซ็นทรัล"ยื่นแผนการรถไฟฯหลังต่อสัญญาเช่าอีก 20 ปี กางแผนลงทุนขยายฐานธุรกิจเต็มสูบ ทุ่ม 2.4 พันล้านบาท รีโนเวต"เซ็นทรัล ลาดพร้าว-โรงแรม" แบบยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งภายนอก-ภายใน ชี้โมเดิร์นไม่น้อยหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ แย้มอาจปิดห้างชั่วคราว 1 ปี หวังให้เบ็ดเสร็จภายในครั้งเดียว
แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะยังชะลอตัวแต่ยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัลของตระกูล "จิราธิวัฒน์" ยังขยับรุกด้วยการเคลื่อนไหวลงทุนต่อเนื่อง โดยฉวยจังหวะขยายธุรกิจรอรับเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัว ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยังติดเบรกเรื่องการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง ล่าสุดนอกจากจะวาดแผนรีโนเวตศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ที่ต่อสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อีก 20 ปี โดยจะปรับโฉมใหม่ทั้งหมด บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ "โฮมเวิร์ค" เตรียมเปิดตัวสโตร์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งรูปแบบใหม่ (New Format Store) แย่งเค้กตลาดวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่งเพิ่มขึ้นด้วย
@ เล็งปิด "เซ็นทรัล ลาดพร้าว" 1 ปี รีโนเวต
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังบริษัท เซ็นทรัล อินเตอร์พัฒนา จำกัด ได้ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ 47.22 ไร่ ออกไปอีก 20 ปี โดยให้ผลตอบแทน ร.ฟ.ท.รวม 21,298 ล้านบาท ซึ่งเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ปัจจุบันเซ็นทรัลฯได้เริ่มปรับปรุงบูรณะพัฒนา (Renovation) พื้นที่ โดยจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 2,400 ล้านบาท เฉพาะในส่วนโรงแรมก่อนซึ่งคืบหน้าไปมาก สำหรับศูนย์การค้าได้ส่งแบบการปรับปรุงพื้นที่มาให้การรถไฟฯพิจารณาแล้ว"
โดยเซ็นทรัลฯต้องการจะปรับปรุงสาขาลาดพร้าวใหม่ทั้งหมดให้สมบูรณ์แบบและทันสมัย โมเดิร์นมากขึ้นทั้งภายใน-ภายนอก รูปแบบจะคล้ายกับเซ็นทรัลเวิลด์
ตามสัญญาเซ็นทรัลฯจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จบางส่วนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เว้นในส่วนที่ต้องยื่นแบบต่อส่วนราชการพิจารณา และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี หลังได้รับอนุมัติ แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2556
ในส่วนของศูนย์การค้านั้น แหล่งข่าวระบุว่า เซ็นทรัลฯต้องการจะปิดให้บริการเพื่อปรับปรุง ระยะเวลาประมาณ 1 ปี เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ภายในครั้งเดียว เนื่องจากเฉพาะส่วนห้างคาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงกว่า 7 เดือนจะแล้วเสร็จ แทนที่จะทยอยปิดเป็นช่วง ๆ ภายในเวลา 5 ปี ตามที่เสนอไว้แต่ต้น เพราะประเมินแล้ว หากเปิดให้บริการระหว่างปรับปรุงอาจมีปัญหาเรื่องเสียง ฝุ่นละออง ฯลฯ การปิดให้บริการชั่วคราวน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
แหล่งข่าวซัพพลายเออร์รายใหญ่กล่าวว่า เซ็นทรัลได้แจ้งให้ทราบแล้ว ว่าจะมีการรีโนเวตห้างครั้งใหญ่ แต่จะเริ่มเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งให้ทราบ สำหรับบริการด้านความสวยความงาม เบื้องต้นทราบแต่เพียงว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่โซนออฟฟิศ
"ตอนนี้ทางห้างยังไม่ได้แจ้งว่าจะรีโนเวตพื้นที่ทั้งหมดพร้อมกันหรือจะทยอยทำทีละส่วน แต่ส่วนตัวคิดว่าหากต้องปิดห้างพร้อมกันทั้งหมด หน้าร้านต่าง ๆ คงไม่ยอม เพราะต้องขาดรายได้ครั้งใหญ่ เว้นเสียแต่จะมีดีลพิเศษให้ เช่น การเว้นค่าเช่าในช่วงเดือนแรก ๆ หลังรีโนเวตเสร็จ"
จากการสอบถามร้านเช่าในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว พบว่าส่วนใหญ่ทราบเรื่องที่เซ็นทรัลจะรีโนเวตห้างแล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้งว่าเมื่อใด หลายร้านทราบคร่าว ๆ แล้วว่า จะต้องมีการย้ายตำแหน่งร้าน เพื่อจัดเป็นโซนต่าง ๆ เช่น โซนแฟชั่นที่ต้องย้ายไปอยู่ชั้น 1
รายงานข่าวจากกลุ่มเซ็นทรัลระบุว่า แนวโน้มรูปแบบของการรีโนเวตสาขาลาดพร้าวอาจจะเปลี่ยนเป็นการปิดทั้งศูนย์ จากแผนงานเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้จะทยอยปรับเป็นส่วน ๆ และยังคงเปิดให้บริการตามเดิมซึ่งอาจต้องจะใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ปี ก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นการปรับครั้งใหญ่เพื่อยกระดับศูนย์ลาดพร้าวเป็น "นิวลุก" เทียบเท่ากับ "เซ็นทรัลเวิลด์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มบอร์ดผู้บริหารระดับสูงกลุ่มเซ็นทรัลได้ประชุมพร้อมกันที่พัทยาเพื่อสรุปแผนงานพร้อมวางแนวทางธุรกิจสำหรับชี้แจงให้แต่ละหน่วยธุรกิจของเซ็นทรัลได้แจ้งต่อคู่ค้าและพันธมิตรได้รับทราบนโยบายในลำดับต่อไป
@ ยกชั้นโรงแรมเป็น 5 ดาวเต็มรูปแบบ
แหล่งข่าวจากโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพ เปิดเผยว่า การปรับปรุงโรงแรมครั้งนี้จะเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมไปสู่โรงแรมระดับ 5 ดาวเต็มรูปแบบ ในสไตล์ฮิปโฮเต็ล คอนเทมโพรารี ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท ใช้เวลาการปรับปรุง 2 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2552 เสร็จสิ้นปี 2554
โฉมใหม่ โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ จะปรับผังใหม่หมด จัดโซนนิ่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ มีการติด Wi-Fi ทุกจุด ในส่วนห้องพักจะปรับจำนวนให้ลดลงแต่หรูหราขึ้น โดยจะยกเลิกห้องซูพีเรียร์ทั้งหมด มีแต่ห้องระดับเดอลุกซ์ขึ้นไป ตกแต่งแบบโมเดิร์นคอนเทมโพรารี ในส่วนนี้อยู่ระหว่างปรับแบบยกทั้งฟลอร์ ส่วนห้องประชุม สัมมนา และห้องอาหาร จะเริ่มดำเนินการปีหน้า โดยจะเพิ่มส่วนสกายเลานจ์ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และเซ็นทาราสปาในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน รวมทั้งปรับพื้นที่ใช้สอยด้านนอก และที่จอดรถให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ส่วนห้องบางกอกคอนเวนชั่นฮอลล์ที่อยู่บนชั้น 4-5 ของห้างสรรพค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว จะปิดการให้บริการราว 1 ปี เพื่อปรับปรุง โดยจะเริ่มในปีหน้า หลังงานประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเสร็จสิ้นลง
SIAM DISCOVERY หัวบันไดไม่แห้ง แฟชั่นแบรนด์เนมไทย-เทศต่อคิวจองพื้นที่เปิดช็อป
Image by edwin.11 via Flickr
สยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่ เนื้อหอมเสื้อผ้าแฟชั่นรุมตอม ทุ่มงบฯ 30 ล้านจับมืออินเตอร์แบรนด์-ร้านค้าภายในศูนย์ จัดกิจกรรมแฟชั่น-โปรโมชั่น ลดกระหน่ำ 70% รับหน้าขาย
นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า จากคอนเซ็ปต์ของสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่เป็นศูนย์กลางของการเป็นศูนย์รวมแฟชั่น ทำให้มีเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งแบรนด์ไทยและอินเตอร์แบรนด์สนใจที่จะเข้ามาเปิดช็อปจำนวนมาก โดยที่ผ่านมามีเสื้อผ้าแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์มากกว่า 20 แบรนด์เข้ามาเปิดตัวทั้งในสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ล่าสุดต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา another F.C.K. มัลติแฟชั่นแบรนด์ จากฮ่องกง จะเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทยที่ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ และคาดว่าจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น ในปีหน้าคาดว่าจะมีอินเตอร์แบรนด์สนใจจะเข้ามาเปิดช็อปเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เพื่อรองรับหน้าขายในช่วงเทศกาลปลายปี ประกอบกับกำลังซื้อของตลาดค้าปลีกในช่วงเทศกาลที่ปรับตัวดีขึ้น บริษัทได้ทุ่มงบฯ 30 ล้านบาทในการจัด แคมเปญ "Luxury of Giving 2010" ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน-3 มกราคมปีหน้า ด้วยกลยุทธ์การตลาด "Real Experience Dynamic" ที่เน้นสร้างประสบการณ์และบรรยากาศการช็อปปิ้งผ่านแฟชั่นอีเวนต์ที่แตกต่างและต่อเนื่องทุกสัปดาห์
รวมทั้งการจัดโปรโมชั่นพิเศษที่ร่วมกับบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ มอบส่วนลดสูงสุดถึง 70% ซึ่งไม่เคยลดมาก่อนสำหรับผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรและรับบัตรส่วนลดจากร้านค้ากว่า 250 ร้านค้า ภายใน 2 ศูนย์ และแพ็กเกจโรงแรมที่พักเมื่อซื้อสินค้าครบตามกำหนด
"การจัดแคมเปญดังกล่าว นอกจากจะเป็นการร่วมมือกับอินเตอร์แบรนด์ดังต่าง ๆ กว่า 10 แบรนด์แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์หน้าใหม่ ๆ เข้ามาเปิดหรือออกบูทขายของในงานแฟชั่นโชว์ด้วย คาดว่ากิจกรรมนี้จะช่วยเพิ่มทราฟฟิกลูกค้าให้เข้ามาสองศูนย์รวมกว่า 50% จากเดิม 80,000-100,000 คนต่อวัน เป็นคนไทย 70% และต่างชาติ 30% คาดว่าในส่วนลูกค้าต่างชาตินั้นจะมีเพิ่มขึ้นอีก 20% จากเดิม 30%"
นางศิริเพ็ญกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาศูนย์มีการไปจัดโรดโชว์ในหลาย ๆ ประเทศ และเป็นตัวกระตุ้นตลาดได้เป็นอย่างดี และปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายการโรดโชว์ออกไปในหลาย ๆ ประเทศ ทั้งยุโรป จีน ญี่ปุน ออสเตรเลีย และฮ่องกง
"คาดหวังว่าจากแนวโน้มของอารมณ์การจับจ่ายที่เริ่มดีขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและการจัดกิจกรรมกระตุ้นดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศการ จับจ่ายเป็นไปอย่างคึกคัก"
Sunday, November 1, 2009
CENTRAL PLAZA RAMA 9

Investment Cost (1) 4,500 - 5,000 MB
Program Shopping center / Department Store / Office Building / Parking - Under Study
Location 5 km from Bangkok CBD area
Construction Period Tentative 4Q 2008 - 2Q 2012
Progress Entered into a 30-year land lease agreement with the first right to renew the contract for 10 years.
Construction permit approved / Under detail feasibility study
Opening 2Q 2012 (Tentative)
(1)Including land and construction cost of shopping center and parking building.
source from corporate presentation Q2 2009
Monday, September 14, 2009
วัดกำลังค้าปลีก "ชานเมือง" ขาใหญ่เดินหน้า...ลงทุนไม่อั้น
Image via Wikipedia
เม็ดเงินสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและกระตุ้นกำลังซื้อใช่ว่าจะกระจุกตัวอยู่แต่กลางเมืองและย่านธุรกิจเท่านั้น ภาพเด่นชัดของการลงทุนศูนย์การค้าใหม่ๆ ขนาดใหญ่ตามแนวชานเมืองรอบนอกที่คึกคักและต่อเนื่องตลอดช่วง 1-2 ปีท่ามกลางภาวะการลงทุน ที่ซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นตัวสะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งของตลาดค้าปลีกได้เป็นอย่างดี
ทุกค่ายในวงการค้าปลีกต่างเคลื่อนทัพเข้าไปจับจองและลงทุนพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯแล้วทั้งนั้น อาทิ ไล่เรียงมาตั้งแต่แจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน ที่เป็นการประชันศึกศักดิ์ศรีของเดอะมอลล์เจ้าถิ่นและกลุ่มเซ็นทรัล ราชพฤกษ์ พระราม 5 มีโฮมโปรชนโฮมเวิร์ค, บางนาที่กลุ่มสยามฟิวเจอร์ลงทุนเตรียมเปิดโครงการขนาดใหญ่ "เมกะบางนา", ย่านรามอินทราที่มี 1 เดียวของศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ลงทุน 600 ล้านบาทปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบ 13 ปีตั้งแต่ทำธุรกิจมา
แต่ที่ขาดไม่ได้คือพื้นที่ย่านกรุงเทพฯตะวันออกตลอดเส้น "ศรีนครินทร์" ที่นักพัฒนาธุรกิจค้าปลีกแต่ละค่ายไม่ยอมตกขบวนด้วยถนนในรัศมี 10-15 กิโลเมตร
ตลอดเส้นถนนศรีนครินทร์กลายเป็นแหล่งรวมของพื้นที่ค้าปลีกแทบทุกค่าย นอกเหนือจากเจ้าถิ่นดั้งเดิมอย่างศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ แล้วยังมีบิ๊กซี, แม็คโคร, คาร์ฟูร์, เทสโก้ โลตัส, แม็กซ์แวลู (จัสโก้) และพาราไดส์ พาร์ค โครงการใหม่บนพื้นที่เสรีเซ็นเตอร์เดิมที่กลุ่มเอ็มบีเค-สยามพิวรรธน์ วางงบฯ 2,000 ล้านบาท
รวมทั้งกลุ่มเซ็นทรัลที่เตรียมเปิดรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์โดยมีโฮมเวิร์คและกลุ่มบียูเซ็นทรัลรีเทลเป็นแม่เหล็ก ทั้งหมดล้วนต่างขยับตัวเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
แม้ตลอดทั้งปีนี้กลุ่มทุนค้าปลีกจะซึมซับถึงกำลังซื้อที่ลดลงได้เป็นอย่างดี แต่กลับยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่-รีโนเวตปรับโฉมสาขาเดิมเพื่อรอตลาดในอนาคตที่ตั้งความหวังว่าอีก 1-3 ปีข้างหน้า...น่าจะดีขึ้น
ความน่าสนใจของทำเลแถบชานเมืองเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มลูกค้าหลักของค้าปลีกขยายตัวออกไปตามเมืองและชุมชนใหม่ที่ออกไปสู่รอบนอกต่อเนื่อง โซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่มีศูนย์การค้าใหม่เกิดขึ้นมาเลยโดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่พื้นที่ตั้งแต่ 1 หมื่น ตร.ม.ขึ้นไปนั้นมีเพียง 3 ค่ายหลัก คือ ซีคอนสแควร์, เซ็นทรัล และเสรีเซ็นเตอร์ ประกอบกับพื้นที่นี้ติดโซนสีส้ม ทำให้โครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้นั้นจึงมักอยู่ในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์
การก้าวเข้ามาลงทุนของกลุ่มสยามพิวรรธน์และเอ็มบีเคเพื่อเปิด "พาราไดส์ พาร์ค" จึงกลายเป็นโอกาส "ชฎาทิพ จูตระกูล" หนึ่งในผู้ถือหุ้นโครงการนี้ ชี้ว่า โจทย์สำคัญของการแปลงโฉมให้เป็นห้างแห่งใหม่ที่ทันสมัย เป็นความท้าทายของการทำธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์แข่งขันอยู่ใจกลางเมืองเป็นหลัก ขั้นตอนตัดสินใจต้องรอบคอบเพื่อให้ได้มาตรฐานแบบศูนย์การค้าที่สมบูรณ์แบบใจกลางเมือง
ด้าน "เซ็นทรัล บางนา" ตั้งเป้าขยายลูกค้าฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก ด้วยการลงทุน 300 ล้านบาท ปรับใหญ่โดยตกแต่งภายใน ขยายพื้นที่เพิ่มแผนกและแบรนด์ใหมˆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การสำรวจผ่านบริษัทวิจัยที่ทำแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่พักอาศัยในย่านกรุงเทพฯตะวันออกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าการขยายตัวของลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผลจากการเพิ่มของจำนวนโครงการหมู่บ้านจัดสรรในระดับราคาปานกลาง-ราคาสูงกว่า 70 โครงการ
และพบว่ารายได้ต่อครัวเรือนในพื้นที่ ดังกล่าวกว่า 43% มีสูงกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะที่ครัวเรือนทั่วทั้งกรุงเทพฯมีสัดส่วนเพียง 20% และมีครอบครัวถึง 2.8 หมื่นครอบครัว มีรายได้สูงกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายที่ชี้ว่าอันดับแรกของพฤติกรรมลูกค้าตอนนี้ คือเลือกซื้อสินค้าอาหารเข้าบ้าน 2.ออกไปทานอาหารนอกบ้าน และ 3.ช็อปปิ้งเสื้อผ้า แฟชั่นและแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ เป็นต้น
เช่นเดียวกับโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก ศูนย์การค้าไม่ได้ตั้งเป้าเพียงเพื่อเจาะทาร์เก็ตย่านแจ้งวัฒนะ-งามวงศ์วานเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้ากินอาณาเขตไกลถึง นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา และสุพรรณบุรี
กลายเป็นทำเลทองหลังภาครัฐพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์ราชการ ซึ่งการขยายเมืองส่งผลให้เกิดชุมชนใหม่ๆ โดยเฉพาะหมู่บ้านเกรดเอกว่า 50 หมู่บ้าน อาทิ นิชาดา, Grand Cannel, ลัดดาวัลย์, เศรษฐสิริ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เช่น ISB, Harrow, เซนต์ฟรังฯ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของศูนย์การค้า
"ชำนาญ เมธปรีชากุล" ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด เดอะมอลล์ กรุ๊ปชี้ว่า จำนวนหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปการเพิ่มขึ้นของประชากรไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
ขนานไปกับเส้น "ราชพฤกษ์-พระราม 5" เป็นอีกหนึ่งทำเลทองที่กลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกจับจ้อง ความเคลื่อนไหวของค้าปลีกย่านนี้คือสงครามแย่งชิงกลุ่มลูกค้าที่มีเงินหนาและกำลังซื้อสูง โดยเซ็นทรัลเปิดตัวในรูปแบบสแตนด์อะโลน โดยมีโฮมเวิร์คพร้อมเพาเวอร์บาย-ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็น แม่เหล็ก ห่างออกไปเพียง 1.5 ก.ม.เจ้าถิ่น"โฮมโปร" ได้ซื้อพื้นที่เพิ่มและยกระดับ ศูนย์เป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ด้วยการดึง "วิลล่า มาร์เก็ท" ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมี่ยมมาร่วม
ภาพความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนค้าปลีกที่เทน้ำหนักรุกลูกค้าชานเมืองรอบด้านล้วนเพื่อช่วงชิงกำลังซื้อลูกค้าของกลุ่มใหม่ระหว่างรอเศรษฐกิจมากระตุ้นกำลังซื้อกลุ่มลูกค้าเดิมกลับมา เป็นตัวสะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่งและไม่ยอมจำนนต่อปัจจัยลบของกลุ่มทุนค้าปลีกได้เป็นอย่างดี
Tuesday, May 12, 2009
Finally, IKEA Comes to Thailand 2011
Image via Wikipedia
A Baht 10,000 million lifestyle center in Bangna
Siam Future Development Plc together with IKEA recently hold a signing ceremony for a joint venture "Mega Bangna", a Baht 10,000 million project featuring lifestyle home furnishing center, "IKEA Store" first launched in Thailand.
In a major investment program, Siam Future Development Plc, Thailand’s leading lifestyle Center today announces during the press conference in Bangkok to jointly develop a mega project in urban Bangkok. The joint venture, according to Nopporn Witoonchart, SF Chief Executive Officer, the project is jointly developed by Siam Future, IKANO Pte ( An IKEA owned subsidiary), and S.P.S. Global Trade Co., Ltd.
The project, with estimated value at 10,000 million Baht featuring a Lifestyle Home Furnishing Center with IKEA store for the first time in Thailand.
Nopporn Witoonchat, Chief Executive Officer of Siam Future Development (SF), said in order to handle this mega project, SF Boards of Directors has approved capital increase of Baht 600 million to existing shareholders at a ratio of 1 existing share for 1 new share, at the price of Baht 1.20 per share.
The Board also approved SF to set up SF Development Co., Ltd, a joint venture between SF, IKANO Pte. and S.P.S. Global Trade Co., Ltd., with registered capital of Baht 2,500 millions. SF and IKANO hold 49% each while S.P.S. hold the remaining 2% respectively of the new company which will be established to develop a Mega Bangna, on a 290 rais plot of land along Bangna- Trat Road.
Mega Banga, located on Bangna-Trad Km.9, Kanchanaphisek Outer Ring Road, is designed with a new concept of a one-stop mall of various products and services. Anchor tenants including the much waited for IKEA Store, a 40,000-square-meters store, and department store, branded lifestyle fashion, restaurants, IT center, ultimate entertainment center, and a very large parking lot capable of accommodating 8,000 cars. Mega Bangna’s core target group are new generation aged 20 years and above who love design and home décor, with mid-range to high income and enjoy a comfortable and modern lifestyle. Mega Bangna is projected to officially open in the third quarter of 2011 with target to attract over 40 million visitors per year.
Mr. Korn Chatikavanich, Finance Minister of Thailand, was a guest of honor at the Joint Venture Agreement signing ceremony at the Residence 301 room, Grand Hyatt Erawan Bangkok Hotel.
Mr. Tom Huzell, Managing Director, IKANO Pte. Ltd. said: Thailand is a very important market for IKEA and we are proud to be part of this exciting project. In fact Thailand is one of our production base countries in Asia for our export market.
Mr. Nopporn Witoonchat said: "This joint venture is an important step that goes along with the government policy to build trust and trigger foreign investment in Thailand. Mega Bangna will create 20,000 jobs for the locals while extending business opportunity for other local contractors
SF has a very solid track record since its first inception. We operated 29 lively and well received lifestyle centers in Bangkok and in other major resort cities. The Mega Bangna project extends and enhances our capability to offer ultimate and modern lifestyle for our valued customers., added Mr. Nopporn.
The company’s total rental space will be increased by 260,000 square meters, making the total rental space up to 500,000 square meters as projected, or a 100% growth by 2011. This would significantly boost up its total revenue in years to come.
Monday, April 13, 2009
ภารกิจพิชิตกระเป๋า "คนรวย" "ห้างหรู" เปิดสูตรเร่งสร้างดีมานด์
Image via Wikipedia
ความอึมครึมของเศรษฐกิจและการเมืองตลอดช่วงที่ผ่านมากระทบภาคธุรกิจทุกส่วน
กลุ่มลูกค้าระดับตลาดกลางและล่าง ได้รับผลเต็มๆ จากเงินในกระเป๋าที่น้อยลงและลำบากมากขึ้น
ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับบนแม้ว่าเงินในกระเป๋าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ "มู้ด" และ "อารมณ์" ที่อยากออกมาจับจ่ายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาก็ลดลงเรื่อยๆ
ดัชนีชี้วัดที่น่าจะเห็นภาพที่สุด คือ การจับจ่ายผ่านห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางของการจับจ่ายในแทบจะทุกๆ กลุ่มสินค้า พบว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าระดับบนมียอดใช้จ่ายลดลงประมาณ 2-3% จากช่วงปกติที่จับจ่ายต่อคนต่อครั้งประมาณ 3 หมื่นบาท
เมื่อเทียบกับกลุ่มจะเป็นลูกค้าทั่วไปที่แม้ว่าปริมาณจะเป็นฐานใหญ่ของตลาดกว่า 80% แต่สัดส่วนการจับจ่ายมีเพียง 20% เท่านั้น ขณะเดียวกันในแง่การจับจ่ายมียอดเฉลี่ย 600-800 บาทต่อคนต่อครั้ง
การที่จะไปตั้งความหวังกับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ในช่วงท่ามกลางภาวะวิกฤตจึงเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย
เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจทำให้การใช้งบฯการตลาดที่มีอยู่อย่างจำกัดต้องมีประสิทธิภาพและเข้าถึงลูกค้าโดยตรงเพื่อเร่งยอดขายให้ได้มากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาพความเคลื่อนไหวของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ต่างโฟกัสและเล็งจุดไปหาลูกค้ากระเป๋าหนัก หรือ "คนรวย" ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่พิเศษและสูตรมัดใจต่างๆ ที่สร้างความรู้สึกให้กับลูกค้าว่า แตกต่าง ไม่เหมือนใคร และมากกว่าคนอื่น
"ณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์" ผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดกล่าวว่า การกระตุ้นตลาดลูกค้าระดับบนต้องหาแคมเปญที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายที่ลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบมากระตุ้น และกลยุทธ์ที่ใช้บัตรเครดิตและออนท็อปในรูปแบบ
ใหม่ๆ และแตกต่างกลายเป็นสิ่งที่ทาร์เก็ตเหล่านี้ชื่นชอบ แต่ขี้เกียจที่จะผ่อน 0%
การทำแคมเปญของกลุ่มเดอะมอลล์จึงจะต้องหากิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคู่ค้าและบัตรเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะทาร์เก็ตสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม ที่ถือแพลตินั่ม คาร์ด และบัตรเครดิตแพลตินั่ม ซีเล็ค และนอกเหนือจากสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องไม่เหมือนใครแล้ว บริการต่างๆก็ต้องมีความพิเศษด้วย
"สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดในการทำห้าง คือ คนรวยไม่ออกมาจับจ่ายทำให้เราต้องเร่งปลุกตลาด โดยแคมเปญสินค้าและกิจกรรมเซอร์วิสที่ให้ต้องมากกว่า"
ขณะที่ "สาธิมา ทานาเบ้" รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอสเซส แมนเนจเม้นท์ จำกัด ย้ำว่า การทำการตลาดปีนี้ของเกษรฯมีการปรับเปลี่ยนเพื่อกระตุ้นมู้ดจับจ่ายของลูกค้าให้กลับมา โดยเน้นเรื่อง smart & sophisticated ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน พร้อมนำเสนอสินค้าบริการ ประสบการณ์ รวมถึงโปรโมชั่นจูงใจที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ โดยปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เปิดโซน Lady"s Closet สำหรับผู้หญิงที่ใส่ใจดูแลตัวเองและต้องการความเป็นส่วนตัว
"เกษรฯจะชูความแตกต่างในเรื่องความเอ็กซ์คลูซีฟ การดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง สำหรับร้านค้าที่เกษรฯคัดมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นแฟลกชิปสโตร์มีที่เกษรฯเพียงที่เดียว"
"สาธิมา" ให้ข้อมูลด้วยว่า เกษรฯแบ่งลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.มิลเลนเนี่ยม 2.เศรษฐีเก่า 3.เศรษฐีใหม่ และ 4.พนักงานบริษัท ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของเกษรฯในกลุ่ม 1-3 ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องเงินมากนัก แต่บรรยากาศที่แย่ๆ จากวิกฤตทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่และไม่อยากจับจ่าย
ภารกิจที่จะควักเงินจากกระเป๋าคนรวย ต้องโฟกัสตลาดมากขึ้น ลูกค้ากลุ่ม 1-2 ต้องกระตุ้นเซอร์วิสที่พิเศษ เป็นเอ็กซ์คูลซีฟอีเวนต์หรือปาร์ตี้ที่เป็นไพรเวตสุดๆ ส่วนกลุ่มลูกค้า 3-4 จะชื่นชอบแคมเปญที่ให้มากกว่า หรือออนท็อปพิเศษร่วมกับบัตรเครดิต
ขณะที่ "ศิริเพ็ญ อินทุภูติ" ผู้บริหารสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เปิดกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มเชิงลึกผ่านบัตรสมาชิกระดับพรีเมี่ยมวิซ การ์ด (VIZ Card : The Very Important Zone Card) เป็นการนำสินค้า บริการ ส่วนลด และโปรโมชั่นแบบเอ็กซ์คลูซีฟภายในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยร่วมมือกับร้านภายในศูนย์กว่า 300 ร้านค้า และพันธมิตรธุรกิจกว่า 100 แห่งเพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป
"วิซ การ์ด" จะกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ รักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและความถี่บ่อยขึ้น ด้วยแบ่งรูปแบบบัตรเป็น 3 ระดับ 1. white card สำหรับลูกค้ามียอดซื้อ 8,000-19,999 บาทต่อเดือน 2.titanium card จับจ่าย 20,000-99,999 บาทต่อเดือน และ 3.black card ยอดซื้อมากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน
ด้าน "ห้างเซ็นทรัล" นอกเหนือจากแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ แล้ว ได้เปิดบริการ porter service ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุด โดยจัดพนักงานอำนวยความสะดวกในการช่วยถือถุงแก่ลูกค้าส่งถึงรถ ควบคู่กับการให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าด้วยจุดบริการที่จอดรถพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ถือบัตร Central Card Platinum และบัตร V.I.P.
กลยุทธ์สร้างยอดขายในท่ามกลางวิกฤตกำลังซื้อของตลาดค้าปลีกจึงเข้มข้นและแปลกใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อทลายกำแพงความเซ็งและน่าเบื่อ สร้างความน่าสนใจและมัดใจให้กลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักเงินหนาอยากออกจับจ่ายมากขึ้น