Pages

Monday, May 18, 2009

โลตัสปั้นผงซักฟอก"พลัส"เขย่าบัลลังก์"บรีส"


"เฮาส์แบรนด์" ตบเท้ารุกคืบสินค้าคอนซูเมอร์ "เทสโก้ โลตัส" ขย่มหนัก ส่งผงซักฟอก "พลัส" ชนแบรนด์ดัง แถมตั้งราคาแสนถูก หวังจูงใจ ขณะที่ "บิ๊กซี" เร่งบูม "แฮปปี้บาท" ชูโปรโมชั่นราคาลดกระหน่ำ 40%



detergent housebrand



ที่ผ่านมาแม้ว่าสัดส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่วางตามช่องทางที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่จะมียอดขายไม่ถึง 10% ของยอดขายรวม และหลักๆ เป็นกลุ่มน็อนฟู้ด (nonfood) ที่ลูกค้าสามารถซื้อมาใช้ได้อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นแบรนด์มากนัก แต่ด้วยแรงหนุนจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้สินค้าเฮาส์แบรนด์ไม่รอช้าที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือก แก่ผู้บริโภค โดยรุกคืบมาสู่ตลาดคอนซูเมอร์ โปรดักต์มากขึ้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเทสโก้ โลตัสได้ขยับตัวครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวผงซักฟอกภายใต้แบรนด์ "พลัส" พร้อมๆ กัน 2 สูตร คือ สแตนดาร์ด พลัส สำหรับผ้าขาว มี 3 ขนาด 650 กรัม ราคา 29 บาท, 1,000 กรัม ราคา 45 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 152 บาท และคัลเลอร์ พลัส ขนาด 500 กรัม ราคา 25 บาท, 1,000 กรัม ราคา 48 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 159 บาท ผลิตโดยบริษัท บุญโชติ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทำความสะอาดให้กับคาร์ฟูร์ บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส



เมื่อเปรียบเทียบราคากับแบรนด์หลักๆ ในตลาด พบว่าผงซักฟอกพลัสมีราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง เช่น ขนาด 1,000 กรัม พลัส จำหน่ายราคา 45-48 บาท ขณะที่แบรนด์หลักในตลาดจำหน่ายราคา 90-100 บาท




ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับแพ็กเกจของผงซักฟอกน้องใหม่ดังกล่าว ในแง่ของสีสันและตัวอักษร สีของตัวอักษรจะมีความคล้ายคลึงกับผงซักฟอกแบรนด์ หลักๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นบรีส โอโม หรือเปา มองผ่านๆ แทบไม่รู้เลยว่าเป็นเฮาส์แบรนด์



ปัจจุบันตลาดรวมของผงซักฟอกมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท และมียูนิลีเวอร์เป็นผู้ครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุดมากกว่า 60% ได้แก่ บรีสและโอโม ตามมาด้วยแอทแทค เปา และแฟ้บ



ก่อนหน้านี้นายกวิณ สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส ให้สัมภาษณ์ว่า การทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์เป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่งของเทสโก้ฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด



ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้วเทสโก้ โลตัสทยอยเปิดสินค้าเฮาส์แบรนด์ ใหม่ๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังจำกัดตัวเองไว้ที่สินค้าทั่วไปและน็อนฟู้ด อาทิ กลุ่มเครื่องนอน เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องเขียน สินค้าแม่และเด็ก อุปกรณ์ทำความสะอาด อาหารสุนัข ฯลฯ



ความเคลื่อนไหวของห้างอื่นก็ไม่น้อยหน้า เริ่มที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ประกาศให้น้ำหนักสินค้าเฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท" ตั้งแต่ช่วงต้นปี เป็นสินค้าราคาประหยัดกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 40% ประกอบด้วยสินค้าอุปโภค (nonfood) สินค้าบริโภค (dry food) และสินค้าอาหารสด (fresh food) โดยทยอยเปิดตัวประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกไลน์อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะมีสินค้าตราแฮปปี้บาท 200 รายการ



การทำตลาดสินค้าตราแฮปปี้บาทนั้นจะเน้นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ลูกค้าร้านอาหารและภัตตาคาร ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีและแม่บ้านทั่วไป เมื่อเร็วๆ นี้บิ๊กซียังดัมพ์ ราคาเฮาส์แบรนด์ด้วยโปรโมชั่นฟันราคา ลดราคาสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ถูกอยู่แล้วให้ถูกลงอีก โดยลดลงตั้งแต่ 1-29 บาท อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำปลา ข้าวขาว ซอสหอยนางรม ฯลฯ



ขณะที่ท็อปส์ก็ได้ประกาศรีลอนช์ สินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์, คุกกิ้ง ฟอร์ ฟัน และมาย ช้อยส์ เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ในขั้นการกำหนด โพซิชันนิ่งของแต่ละแบรนด์ และภายใน 2-3 เดือนนี้จะมีการเปิดตัวน้ำแร่มาย ช้อยส์ ชูจุดเด่นด้านแพ็กเกจที่มีความโดดเด่น จากแบรนด์ทั่วไป ปัจจุบันท็อปส์มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์อยู่แล้ว 300-400 รายการ





Reblog this post [with Zemanta]

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails