Pages

Monday, November 29, 2010

"ช้าแต่ชัวร์" สไตล์ MK SUKI โตแบบ "ฤทธิ์" โตแบบ "ธรรมชาติ ๆ"

ฤทธิ์ ธีระโกเมน กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ จำกัด
Photo Source: Brandage 

"เอ็มเค 25 ปี" เป็นเส้นทางที่ไม่น้อยไม่มากจนเกินไปสำหรับแบรนด์แบรนด์หนึ่ง กับความเป็นผู้นำตลาดสุกี้ในเมืองไทยด้วยจำนวนสาขาถึง 300 แห่งในไทย หากวัดกันในบรรดาร้านอาหารด้วยกันก็เป็นรอง ก็แค่เพียง "เคเอฟซี" แบรนด์ฟาสต์ฟู้ด อันดับ 1 ของเมืองไทยเท่านั้น

ขณะที่ในต่างประเทศก็ไม่น้อยหน้า ด้วยวันนี้เอ็มเคมีการลงทุนเปิดสาขาในญี่ปุ่นแล้วประมาณ 20 สาขา และเวียดนามอีก 1 สาขา รวมถึงเตรียมที่จะเข้าไปสู่ประเทศใหม่ ๆ อีกไม่อั้นนับ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

เพื่อก้าวสู่การเป็นรีจินอลแบรนด์ (regional brand) ในอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปีข้างหน้า ด้วยจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 500-600 สาขา

แต่สิ่งที่ "ฤทธิ์ ธีระโกเมน" กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ จำกัด ผู้ปลุกปั้นแบรนด์เอ็มเค สุกี้ มากว่า 20 ปีปลาบปลื้มใจไม่ได้อยู่ที่จำนวนสาขามากกว่าเท่ากับเรื่อง "สแตนดาร์ด" ที่สามารถทัดเทียมกับต่างประเทศได้

"สิ่งที่วัดว่าเอ็มเคประสบความสำเร็จในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา คือความเป็นเวิลด์คลาสสแตนดาร์ดที่เราสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้ เหมือนกับการแข่งขันโอลิมปิกที่นักกีฬาของเราสามารถเล่นกับเขาได้ แม้จะยังสู้เขาไม่ได้ก็ตาม สิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ การที่เอ็มเคเปิดที่ญี่ปุ่นได้เป็นตัวพิสูจน์อย่างหนึ่ง ต้องยอมรับว่าแบรนด์ไทยไปตลาดต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ"



"ฤทธิ์" ชี้ว่า นโยบายอย่างหนึ่งที่เอ็มเคยึดมาตลอดตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจคือ ยึดการเติบโตที่เรียกว่า organic growth คือการเติบโตตามธรรมชาติ ดูว่าสภาพเอื้ออำนวยหรือไม่ ยกตัวอย่าง หากมีทำเลที่สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ก็จะเดินหน้าทันที แต่หากทุกอย่างไม่เอื้ออำนวยก็จะไม่ฝืน หรือดันทุรัง

"นโยบายคือความสามารถมีแค่ไหนเราทำแค่นั้น จะไม่ขยายเข้าไปในสิ่งที่คิดว่าไม่ใช่ หรือทำไม่ได้ เรายึดแบบนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ต้น รวมไปถึงทิศทางในอนาคตก็ยังคงยึดนโยบายดังกล่าว หลายคนมองว่าเอ็มเคแอ็กเกรสซีฟในการขยายตัว แต่จริงๆ แล้วทุกอย่างขึ้นกับสภาพในขณะนั้น"

เขายกตัวอย่างหลังฟองสบู่แตกตั้งแต่ ปี 2539 เป็นต้นมา เรามีสาขา 80 สาขา แต่ขณะนั้นโมเดิร์นเทรดใหม่ ๆ เข้ามาเปิดตัวในไทยมากขึ้น ทำให้เราสามารถเข้าไปเปิดสาขาได้มากขึ้นโดยเปิดใหม่เกือบทุกสัปดาห์ เฉลี่ยปีละถึง 40-50 สาขา"

"ธรรมชาติเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นแบบนั้น แต่วันนี้มัน slow down ลงแล้ว จะขยายแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว"

แม้จะเดินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ แต่วัฒนธรรมหนึ่งขององค์กรอย่าง "เอ็มเค" ที่ถูกปลูกฝังมาคือ การชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่จะเห็นเอ็มเคเป็นผู้นำนวัตกรรมทั้งสินค้า กรรมวิธีการปรุงอาหาร รวมถึงการบริการ

ล่าสุดกับการนำหุ่นยนต์เข้ามาให้บริการในร้าน และเตรียมจะทดลองคอนเซ็ปต์การให้บริการรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนเรื่องพนักงานผู้บริโภคสามารถ สั่งสินค้าด้วยตัวเองผ่าน "ไอแพด" ที่มีติดตั้งประจำในแต่ละโต๊ะ โดยจะเริ่มกับสาขาที่มีกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเป็นหลัก

"เราชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ อะไรที่ทันสมัยเราจะทำ แต่เพื่อความปลอดภัย เราก็จะทดลองเพียง 1 สาขา เพื่อเรียนรู้ หากพบว่าไม่เวิร์กเราก็ไม่ทำต่อ"

ปัจจุบันเอ็มเค สุกี้ มีการขยายต่อปีเฉลี่ย 20 สาขา โดยเน้นไปที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้เอ็มเคสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ขณะที่ในต่างประเทศนโยบายของเอ็มเคก็ยังทำแบบระมัดระวังตามสไตล์ของ "ฤทธิ์" โดยเฉพาะการหา "พาร์ตเนอร์" เพื่อขยายตลาดในต่างประเทศ ที่เขาทำแบบค่อยเป็นค่อยไป สไตล์ "ช้าแต่ชัวร์"

ไม่แปลกที่ผ่านมา 15 ปีนับตั้งแต่ที่ "เอ็มเค" เข้าไปเปิดตลาดในญี่ปุ่น วันนี้เอ็มเคเพิ่งตัดสินใจเปิดสาขาในเวียดนามเป็นประเทศที่ 2 เท่านั้น

"ฤทธิ์" ชี้ว่า หากไม่ยึดนโยบายนี้คงสามารถเปิดไปเป็น 10 ประเทศแล้ว แต่สิ่งที่เอ็มเคยึดมาเสมอไม่ใช่เรื่องของ "จำนวน" ทั้งประเทศที่เข้าไปหรือสาขาที่เปิด แต่อยู่ที่ "คุณภาพ" เพราะในสายตาของเขาแล้วจะตั้งเป้าเปิด 400-500 สาขา ก็เป็นแค่ตัวเลข

"วันนี้การจะก้าวไปสู่ regional brand หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนสาขาเท่านั้น แน่นอนว่าหากจะเรียกว่าเป็นแบรนด์ระดับ รีจินอลก็ควรจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 25% แต่สำคัญกว่านั้น คือเรื่องของอิมเมจที่ดี เป็นแบรนด์ที่แข็งแรง และเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในรีจินอลนั้น ๆ"

เปรียบแล้ว "ฤทธิ์" มองว่า วันนี้แบรนด์ "เอ็มเค" ยังเปรียบเหมือน "วัยรุ่น" ที่กำลังก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงนั่นเอง

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails