Pages

Wednesday, September 14, 2011

ฟาสต์แฟชั่นแบรนด์เจาะเอเชีย

แบรนด์อินเตอร์ รุมเจาะตลาดเอเชีย ฟาสต์แฟชั่น จัดหนักตลาดไทย ยูนิโคล่-ฟอร์เอฟเวอร์ 21 ตบเท้าขยายตลาด เหตุตลาดเมืองไทยคลั่งไคล้แฟชั่น นิยมการแต่งตัว ยูนิโคล่ ชี้ฐานขยายตลาดสู่อาเซียน ตั้งเป้าเปิด 100 สาขา ภายใน 10 ปี เล็งเปิดสาขา 4 ไตรมาส 2 ปีหน้า ด้านฟอร์เอฟเวอร์ 21 หั่นราคาลง 10% เล็งเพิ่มอีก 2 สาขาใหม่ปีหน้า ด้านแบรนด์เอชแอนด์เอ็ม รอจังหวะอีก 1-2 ปี เปิดช็อปในไทย
นายทาดาชิ ยาไน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท  ยูนิโคล่ จำกัด เปิดเผยว่า ยูนิโคล่มีแผนรุกตลาดเอเชียมากขึ้นนับจากนี้ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาคดังกล่าว นับจากนี้จะขยายตัวอีกมาก โดยในปีนี้ยูนิโคล่มีแผนขยายการลงทุน เปิดช็อปในภูมิภาคเอเชียอีก 47 สาขา อาทิ จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย จากปัจจุบันที่มีทั้งสิ้น 183 สาขา และตั้งเป้าสร้างยอดขายในปี 2563 สำหรับยูนิโคล่ทั่วโลกให้ได้ 5 ล้านล้านเยน ซึ่งจะทำให้ยูนิโคล่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเสื้อผ้าระดับโลก
"การเป็นเบอร์ 1 ในเอเชีย เรามองว่า ประเทศไทยจะเป็นฐานที่ดี เพราะตลาดเมืองไทยให้ความสนใจกับเรื่องของแฟชั่นมากๆ แผนของยูนิโคล่ คือ จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเหมือนเฮดออฟฟิศ สำหรับการทำตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้"
ขณะที่นายทาคาฮิโร นิชิมูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ ประเทศไทยฯ กล่าวว่า ไทยได้เปิดสาขาแรกที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ด้วยพื้นที่ 2,750 ตารางเมตรในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และจะเปิดสาขาที่ 2 ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เดือนตุลาคม สาขาที่ 3 ที่เซ็นทรัลแกรนด์ พระราม 9 เดือนพฤศจิกายน ส่วนสาขาที่ 4 จะเปิดประมาณไตรมาส 2 ปีหน้า โดยมีเป้าหมายขยาย 100 สาขาภายในปี 2563
  "การขยายการลงทุนในไทยหลังจากเปิดสาขาที่ 4 แล้ว คงต้องมาดูถึงภาพรวมของตลาด และความพร้อมของยูนิโคล่ในการขยายการลงทุนอีกครั้ง" นายนิชิมูรนะกล่าวและว่า ยูนิโคล่มองตลาดแฟชั่นเสื้อผ้าในเมืองไทย มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะทำให้ยูนิโคล่สามารถขยายสาขาได้ตามเป้า คือ ประมาณ 100 สาขาในปี 2563 โดยโมเดลของสาขาที่ยูนิโคล่มองไว้ มี 3 โมเดลเช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น คือ แบบที่เปิดอยู่ในศูนย์การค้า เช่นเดียวกับที่เซ็นทรัลเวิลด์ โมเดลที่ 2 คือ สาขาที่เป็นแบบสแตนด์อะโลน และโมเดลที่ 3 คือ การเปิดอยู่ในสถานีต่างๆ อาทิ สนามบิน หรือสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ ส่วนตลาดต่างจังหวัดในช่วง 1-2 ปีนี้ ยูนิโคล่ยังไม่มีแผนการลงทุนแต่อย่างใด
  ด้านนายแลร์รี่ เมเยอร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฟอร์เอฟเวอร์ 21 สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า จากการเปิดเขตการค้าเสรี ที่ส่งผลให้ต้นทุนด้านภาษีลดลง ทำให้การแข่งขันในตลาดแฟชั่นอาเซียนและเอเชียเพิ่มสูงขึ้น ในส่วนของฟอร์เอฟเวอร์ 21 มีการปรับตัว ด้วยการปรับลดราคาสินค้าลงประมาณ 10% จากราคาปกติที่ไม่สูงอยู่แล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่บริษัทสามารถทำราคาขายได้ถูก เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ประกอบกับการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง
  นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการเลือกโลเกชันที่เหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ของฟอร์เอฟเวอร์ 21 และทำเลที่เหมาะกับการลงทุน ในการขยายสาขา โดยไม่เน้นปริมาณเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท พร้อมเพิ่มแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ อาทิ Love21 เป็นเสื้อผ้าผู้หญิง และแบรนด์ 21 Men เป็นเสื้อผ้าผู้ชาย ทำให้ยอดซื้อต่อบิลในไทยเพิ่มเป็น 2,000-3,000 บาท เพิ่มขึ้น 20% โดยส่วนของการขยายสาขาในประเทศไทย และประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย กลุ่มบริษัทชาราฟรีเทลฯ เป็นผู้ดูแล ขณะที่นโยบายหลักของการขยายสาขาบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการเองเป็นหลัก  ซึ่งมีแผนขยายสาขาในแต่ละประเทศเพิ่มเท่าตัวนับจากนี้ โดยในประเทศไทย ปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 2 สาขา ขณะที่ปัจจุบันที่มีสาขาอยู่กว่า 500 สาขา ใน 13 ประเทศ แบ่งเป็นเอเชียมีประมาณ 20 สาขา ล่าสุด เตรียมเปิดที่ฟิลิปปินส์ และจะเปิดร้านแบบแฟล็กชิพสโตร์ขนาดใหญ่อีกที่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฮ่องกง ภายในปีนี้
  อย่างไรก็ตาม ในแง่ของตลาดเอเชีย หรือผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของอเมริกาและยุโรปหลายประเทศ เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจรุนแรง แต่ฟอร์เอฟเวอร์  21 ยังคงขยายตลาดต่อเนื่อง โดยไม่ได้หันมาเน้นตลาดเอเชียมากขึ้นแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า ตลาดเอเชีย เป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพมากและมีการเติบโตดี
  ส่วนค่ายใหญ่อย่าง Club 21 ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นระดับโลก อาทิ  DKNY Club21 Club21 Men Club21 Accessories Club21 Gallery  Blackjack BALENCIAGA A|X Armani Exchange CK Calvin Klein Comme des Garcons Dolce & Gabbana DIESEL MARNI MULBERRY MARC JACOBS MARC BY MARC JACOBS  PLEATS PLEASE และ PAUL SMITH ยังคงขยายตลาดในไทยต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์การตลาด แนวการตลาดออนไลน์ หรือ Digital Marketing ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  นอกจาก 2 แบรนด์ดังที่เข้ามาเปิดตลาดในไทยและอาเซียนแล้ว ยังมีแบรนด์ซาร่า ที่เข้ามาทำตลาดแล้วก่อนหน้านี้ และภายในอีก 1-2 ปี แบรนด์ เอชแอนด์เอ็ม จะเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย เช่นเดียวกับแบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกา และยุโรป ที่อยู่นอกเหนือจากตลาดฟาสต์แฟชั่น อย่าง ท็อปช้อป, Miss Selfridge, Dorothy Perkins หรือ Polo ก็พร้อมตบเท้าเข้ามาขยายตลาดในไทยและอาเซียนเช่นกัน

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails