สัปดาห์ที่ผ่านมาในโลกโซเชียลมีเดีย
โดยเฉพาะในทวิตเตอร์มีการแชร์ข่าวหนึ่งไม่น้อยนั่นคือ กรณีสตาร์บัคส์
คอร์ปเตรียมขึ้นราคาเครื่องดื่มกาแฟคั่วบดบางพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อชดเชยกับต้นทุนต่าง
ๆ ที่พุ่งสูงขึ้น บรรดาชาวไทยบนทวิตเตอร์ต่างรีทวิตข่าวนี้จนแพร่หลายในระดับหนึ่ง
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีต
เจอร์นัล รายงานว่า สตาร์บัคส์ เชนร้านกาแฟอันดับ 1 ของโลกจากเมืองซีแอตเติล
แถลงการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า
บริษัทมีแผนจะขึ้นราคาเครื่องดื่มในกลุ่มกาแฟเฉลี่ยอีกประมาณ 1%
ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางใต้และ ตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา อาทิ
เมืองบอสตัน, นิวยอร์ก, วอชิงตัน, แอตแลนตา, ดัลลัส
และเมือง แอลบูเคอร์คี (นิวเม็กซิโก)
อย่างไรก็ตาม จากแถลงการณ์
สตาร์บัคส์ไม่ได้เจาะจงลงไปว่าการขึ้นราคาสินค้าจะครอบคลุมในรัฐ หรือเมืองใดบ้าง
บอกเพียงว่าจะเป็นรัฐส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของสหรัฐ แต่จะไม่รวมรัฐขนาดใหญ่อย่างแคลิฟอร์เนียและฟลอริดา
จริง ๆ
แล้วตั้งแต่เชนกาแฟยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงที่ผ่านมา
ก็มีนโยบายในการปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มในร้านเป็นประจำทุกปี
แม้บริษัทจะบอกว่าอัตราการขึ้นราคาจะเป็นส่วนน้อยกว่าทางคู่แข่งก็ตาม
ยิ่งกับสถานการณ์ล่าสุดสตาร์บัคส์
ต้องเผชิญกับต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ในราคาสูง
เทียบแล้วยังมากกว่าคู่แข่งบางรายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้เป็นผลจากนโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบของบริษัทที่ใช้วิธีทำสัญญาซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากซัพพลายเออร์เป็นรายปี
เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาเมล็ดกาแฟดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จริง ๆ
แล้วนโยบายดังกล่าวออกมาเป็นวิธีการรับมือของสตาร์บัคส์
กับความผันผวนของราคาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ
ราคาเมล็ดกาแฟดิบมีการปรับตัวลดลง
และนั่นหมายถึงต้นทุนของสตาร์บัคส์ที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
สตาร์บัคส์ ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมร้านกาแฟใน แง่ของยอดขาย
ในฐานะผู้นำทำให้สตาร์บัคส์สามารถบริหารจัดการอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ในระดับหนึ่ง
และทำให้ที่ผ่านมา บริษัทยังสามารถคงกำไรไว้ได้ จากการคำกล่าวของ "ทรอย
อัลสตีด" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินระบุว่า เหตุผลสำคัญไม่ได้มาจาก
การขึ้นราคาสินค้า แต่มาจากโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้
เขาวิเคราะห์ว่าลูกค้าสตาร์บัคส์ส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในระดับไฮเอนด์
ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคามากนักหากเทียบกับคู่แข่งบางรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
ซึ่งชูจุดขายที่สินค้าราคาถูก จะได้รับผลกระทบมากกว่า และมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียลูกค้าเมื่อต้องปรับราคาขึ้น
จากแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า
ไม่คิดเพิ่มภาระให้กับลูกค้า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซา
สำหรับการขึ้นราคาของสตาร์บัคส์ครั้งนี้
เลือกที่จะปรับราคาเครื่องดื่มกาแฟคั่วบดที่จำหน่ายในร้าน
แต่ไม่ขึ้นราคากับเมล็ดกาแฟคั่วบดบรรจุซองที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสตาร์บัคส์
โดยการตัดสินใจดังกล่าวทำให้สตาร์บัคส์ต้องเผชิญกับแรงกดดันเรื่องของผลกำไรมากขึ้น
เหตุที่สัดส่วนต้นทุนของกาแฟคั่วบดบรรจุซองเหล่านี้สูงกว่ากาแฟคั่วบดที่เสิร์ฟให้ลูกค้าในร้าน
อย่างไรก็ตาม
ปีที่แล้วสตาร์บัคส์ได้ขึ้นราคากาแฟคั่วบดบรรจุซองที่จำหน่ายในร้านสตาร์บัคส์ไปแล้ว
17% ส่วนที่จำหน่ายในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตได้ปรับไปแล้ว 12%
No comments:
Post a Comment