โรดแมป INDEX LIVING MALL สู้ศึกเฟอร์นิเจอร์

กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด

ระยะเวลา 8 ปี กับการเปิดมอลล์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง "อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์" ไปแล้ว 17 สาขา หรือเฉลี่ยปีละ 2 สาขา ถือเป็นตัวเลขการลงทุนที่ค่อนข้างรวดเร็ว

ที่ผ่านมาอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์จึงกลายเป็นจุดสนใจของคนในวงการเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งล่าสุด "อิเกีย" เมกะมอลล์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งยักษ์ใหญ่ของโลกจากประเทศสวีเดน ได้ประกาศแผนลงทุนก่อสร้างโครงการ "เมกาบางนา" เตรียมเปิดบริการในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

ล่าสุด "พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ" ประธานกรรมการ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด วัย 62 ปี ในฐานะผู้ปลุกปั้นเฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์ พร้อมด้วยบุตรสาวคนโตวัย 34 ปี "กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ" หรือ "เจินนี่" กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงแนวคิดการพัฒนา รวมถึงโรดแมปในการสู้ศึกเฟอร์นิเจอร์ที่ อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์วางไว้

"เราเริ่มต้นจากการเช่าที่ดินทำโรงงานเฟอร์นิเจอร์เล็ก ๆ เมื่อปี 2516 ในซอยวัดสันติธรรมาราม ย่านตากสิน เริ่มจากแบรนด์มังกรและคราวน์ เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นแรกเป็นเก้าอี้แบบมีเบาะพิงสีแดง ใช้นั่งตามร้านกาแฟ ต่อมาก็มีแบรนด์วินเนอร์ แบรนด์ อินเด็กซ์ และขยายมาทำโต๊ะอเนกประสงค์ เตียง และเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ส่วนแบรนด์มังกรและคราวน์หยุดผลิตไป" พิศิษฐ์และกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ คู่พ่อลูก "อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์" บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"

ช่วงที่สร้างแบรนด์ "อินเด็กซ์" ขึ้นมา เพราะไม่อยากให้ลูกค้าจดจำภาพลักษณ์ แบรนด์วินเนอร์ในสมัยก่อนที่มีเฉพาะเก้าอี้ และช่วงนั้นได้หยุดผลิตสินค้าแบรนด์วินเนอร์ไปพักหนึ่ง กระทั่งเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนจึงตัดสินใจฟื้นแบรนด์วินเนอร์ขึ้นมาใหม่ เพราะมองว่ายังมีตลาดที่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ราคาไม่สูง แต่คุณภาพโอเค โดยวางราคาสินค้า "วินเนอร์" ให้ต่ำกว่า "อินเด็กซ์" ประมาณ 20%

กระทั่งเมื่อเดินทางมาถึงจุดจุดหนึ่งก็มองว่า ถ้าขายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์อย่างเดียวจะเติบโตไปได้อีกแค่ไหน เพราะลูกค้าซื้อแล้วใช้ได้ 10 ปี ความถี่การซื้อซ้ำมีน้อย

จึงเริ่มคิดการพัฒนา "อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์" เป็นศูนย์ขนาดใหญ่แบบสแตนด์อะโลน (อาคารเดี่ยว) ที่ขายทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งขึ้นมา มีพื้นที่ 5,000 ถึงกว่า 10,000 ตารางเมตร จากที่ผ่านมาการเช่าพื้นที่ตามห้างเปิดเป็นโชว์รูม "อินเด็กซ์ เฟอร์นิเจอร์ เซ็นเตอร์" จะมีพื้นที่ประมาณ 500-1,000 ตารางเมตร

"ตอนนั้นคำว่าสแตนด์อะโลนก็หนาว ๆ เหมือนกันนะ เพราะต้องลงทุนเยอะ ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท"

ในแง่การตกแต่งภายใน อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด เพราะมีทีมงานดูแลการตกแต่งภายในของบริษัท เรียกว่าทีม Visual Merchandise ความถี่ในการปรับรูปแบบการตกแต่งเฉลี่ยมีการไมเนอร์รีโนเวชั่นทุก ๆ 2 ปี แต่บางสาขาที่มีการแข่งขันสูง 3 ปีก็ปรับใหญ่ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนด

นับจากปี 2545 ที่เปิดอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์สาขาแรกที่รังสิต ถึงปัจจุบันมีสาขาแล้ว 17 แห่ง นโยบายนับจากนี้จะขยายสาขาต่อไปเรื่อย ๆ ปีละ 1-2 สาขา และประเมินว่าสำหรับศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เฉลี่ย 10,000 ตารางเมตร น่าจะขยายได้สูงสุด 25 สาขา ส่วนในจังหวัดขนาดกลางและเล็กคงจะต้องมีโมเดลสาขารูปแบบใหม่ ลดพื้นที่ลงครึ่งหนึ่งเหลือ 5,000 ตารางเมตร

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้านน้อย เฉลี่ยใช้งบฯไม่ถึง 30% ของค่าก่อสร้างบ้าน โดยเฉพาะต่างจังหวัดถือว่าเพิ่งเริ่มต้น อาจเป็นเพราะคนทั่วไปเข้าใจว่าเฟอร์นิเจอร์ที่มีแบรนด์ราคาแพง

จากการทำเซอร์เวย์พบว่าปัจจัย "ดีไซน์" ในปัจจุบันมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้าสูงสุด รองลงมาคือ "ราคา" และ "ฟังก์ชั่น" สองอย่างนี้ขึ้นลงสลับกัน

ในฐานะต้นตำรับมอลล์เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ของเมืองไทย "พิศิษฐ์" มองภาพการเข้ามาของ "อิเกีย" ว่า น่าจะช่วยกระตุ้นเกิดความต้องการตกแต่งบ้านได้เยอะ แต่จะเติบโตได้แบบ "ดับเบิล" หรือไม่ ยังไม่แน่ใจ

ส่วนการแข่งขันก็อยู่ที่ความชอบของผู้บริโภคแต่ละราย มั่นใจว่าในแง่ "ดีไซน์" และ "ฟังก์ชั่น" สินค้าของอินเด็กซ์และวินเนอร์มีความแตกต่างจากอิเกียชัดเจน และภายใต้ฟังก์ชั่นเดียวกันเชื่อว่าราคาสินค้าอินเด็กซ์ไม่ได้แพงกว่า

สำหรับการเข้ามาของ "อิเกีย" น่าจะทำให้บริษัทพัฒนาขึ้น และถ้าแข่งขันกับ อิเกียได้นั่นก็หมายความถึงศักยภาพในการขยายแฟรนไชส์อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ในต่างประเทศด้วย โดยการขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศถือเป็นหนึ่งในแนวทางการเติบโต เพราะถึงจุดจุดหนึ่งกำลังซื้อในประเทศก็มีจำกัด

โดยปีที่ผ่านมาอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ได้เปิดแฟรนไชส์สาขาแรกที่เมืองดูไบ ซึ่งจากการประเมินผลตอบรับหลังจากเปิดให้บริการมาระยะหนึ่งพบว่ายอดขายถือว่าโอเค แม้จะเจอแจ็กพอตปัญหาเศรษฐกิจโลกพอดี

ถึงจุดนี้จึงมั่นใจว่า การลงทุนอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์เป็นสิ่งที่บริษัทเดินมาถูกทางแน่นอน ถึงแม้จะเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตก็ตาม