The Mall Bangkapi |
"เดอะมอลล์ กรุ๊ป"เปิดตัว Brand and Lifestyle Development ทำหน้าที่ดูแล 4 กลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้งนำเข้าแบรนด์แฟชั่นจากทั่วโลก พัฒนาแบรนด์ร่วมกับซัพพลายเออร์ไทย รุกสร้างเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ และจอยต์เวนเจอร์ธุรกิจแฟชั่นไทย/เทศ ประเดิมเปิดตัว 3 ธุรกิจน้องใหม่ คอนเซ็ปต์ สโตร์ ภายใต้ชื่อ "มัลติ แบรนด์" รวมสินค้าแฟชั่นตั้งแต่หัวจดเท้าจากฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลีกว่า 30 แบรนด์ ตามด้วย ช็อป อิน ช็อป ภายใต้ชื่อ "โมโน แบรนด์" และไพรเวต ลาเบล "Project 1.1 by Greyhound" 2 สาขารวด มั่นใจสร้างลอยัลตีเข้าถึงลูกค้า ชี้อนาตตขยายเป็นบริษัทลูก เดินหน้ารุกทำตลาดเต็มรูปแบบ
นายชัยโรจน์ ศรีเดชะรินทร์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า A2 (พัฒนาธุรกิจ) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หลังจากศึกษาตลาดเป็นเวลากว่า 1 ปี พบว่ากลุ่มสินค้าแฟชั่นเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูง จากกำลังซื้อและยังพบช่องว่างทางการตลาดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ขณะที่แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและเปิดรับแบรนด์ใหม่มากขึ้น ล่าสุด บริษัทจึงขยายธุรกิจพร้อมเปิดตัวแผนกใหม่ภายใต้ชื่อ Brand and Lifestyle Development เพื่อทำหน้าที่ดูแลและคัดสรรสินค้าแฟชั่นครอบคลุมทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพื่อให้มีสินค้าแฟชั่นที่หลากหลาย มีความแตกต่างมากยิ่งขึ้น และสร้างทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า
โดยแบรนด์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะดำเนินธุรกิจใน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.นำเข้าสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศและจัดจำหน่ายสินค้าเอง 2. ศึกษาและพัฒนาแบรนด์ร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อให้มีสินค้าตรงตามความต้องการของผู้บริโภค 3. พัฒนาแบรนด์สินค้าที่จำหน่ายเฉพาะภายในเดอะ มอลล์ กรุ๊ปเท่านั้น หรือ เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ 4. ธุรกิจร่วมทุน (Joint venture) เพื่อร่วมทุนกับแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้บริษัทจัดรูปแบบการจำหน่ายสินค้าออกเป็น 3 รูปแบบได้แก่ 1. Multi-Brands (มัลติแบรนด์) เป็นการรวบรวมสินค้าแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาไว้ในร้านเดียว โดยมีรูปแบบร้านเป็น Concept Store ภายใต้ชื่อ E & P Selective Shop ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะที่ ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ตเม้นท์ สโตร์ เท่านั้น โดยเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทแอกเซสซอรี อาทิ เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า โดยนำเข้าจากฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ เป็นต้น เบื้องต้นมีการนำเข้ากว่า 10 แบรนด์ และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 30 แบรนด์ในปีหน้า อาทิ Les Néréides , Pal Zileri Bags, Loake ,Ben Sherman , Marco De Luca เป็นต้น
2. Mono- Brands (โมโนแบรนด์) ภายใต้แนวคิด Shop in Shop โดยจำหน่ายเพียงแบรนด์เดียวในร้าน และเดอะมอลล์ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริหารแบรนด์ โดยแบรนด์แรกที่วางจำหน่ายได้แก่ Paul & Joe Sister แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าจากฝรั่งเศส มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าผู้หญิงที่มีไลฟ์สไตล์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในปีหน้าบริษัทมีแผนจะนำเข้าอีก 2-3 แบรนด์ 3. Private Label (ไพรเวต ลาเบล) เป็นแบรนด์ที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป พัฒนาขึ้น รวมทั้งการร่วมทุน (Joint Venture)กับแบรนด์แฟชั่นทั้งของไทยและต่างประเทศ ผลิตเป็นสินค้า Exclusive Brand มีจำหน่ายเฉพาะที่เดอะมอลล์ พารากอน และดิ เอ็มโพเรียม เท่านั้น โดยแบรนด์แรกได้แก่ Project 1.1 by Greyhound ซึ่งเป็นการร่วมกันพัฒนาขึ้นกับเกรย์ฮาวด์ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายวัยทำงาน โดยช็อปแรกจะเปิดให้บริการที่ ดิ เอ็มโพเรียม ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ก่อนจะขยายสาขาไปที่ สยามพารากอนและ เดอะมอลล์ พร้อมการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในงาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2010
นายชัยโรจน์ กล่าวว่า แนวทางการทำการตลาดของ Brand and Lifestyle Development จะเน้นทำการตลาดแบบครบวงจร เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้า และรองรับสินค้าคอลเลกชันใหม่ๆ ที่หลากหลาย รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นด้วย ในระยะแรกได้ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท แบ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ 60% และการจัดรายการส่งเสริมการขายและแคมเปญต่างๆ 40% รวมทั้งการส่งข่าวสารผ่าน Social Networking อาทิ facebook , twitter ฯลฯ ด้วย
อย่างไรก็ดี เป้าหมายของการพัฒนาบิสิเนส ยูนิตใหม่ครั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ซึ่งหากกระแสตอบรับดีเชื่อว่าจะสามารถขยายตัวและพัฒนาเป็นบริษัทใหม่ พร้อมทำกิจกรรมด้านการตลาดได้เต็มรูปแบบยิ่งขึ้น
No comments:
Post a Comment