ดร. กฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก |
ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก หลังแห้วซื้อคาร์ฟูร์ ปรับแผนเพิ่มรายได้เสริมค้าปลีกน้ำมัน 50% จากเดิม 25% ส่งแบรนด์ "จิฟฟี่" ร้านสะดวกซื้อลุยตลาดนอกปั๊ม นำร่องตึกเอนเนอร์ยี่ เล็งขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง พร้อมเตรียมลงทุนอีก 300 ล้านบาท เปิดปั๊ม ปตท.-จิฟฟี่ ใหม่ 4 แห่ง
นายกฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภายหลังจากที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไม่ได้เข้าร่วมประมูลซื้อไฮเปอร์มาร์เก็ต (คาร์ฟูร์) เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจค้าปลีกน้ำมันแล้ว จึงได้ปรับแผนใหม่โดยจะเน้นพัฒนาแบรนด์ "จิฟฟี่" ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารที่มีอยู่ซึ่งวาง เป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างรายได้เดิมจากการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่ที่ประมาณร้อยละ 80 จากธุรกิจเสริมอยู่ที่ร้อยละ 25 ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50 : 50 แทน เนื่องจากปัจจุบันค่าการตลาดน้ำมัน (margin) ต่ำมากในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยไม่เกิน 1.20 บาท/ลิตร ในบางสัปดาห์ค่าการตลาดต่ำถึง 90 สตางค์/ลิตร จึงต้องปรับในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันต้องปรับแผนธุรกิจในรูปแบบนี้ ตามสถานการณ์ของตลาดที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้การพัฒนารูปแบบร้านสะดวกซื้อ "จิฟฟี่" ในโมเดลใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำร้านจิฟฟี่ออกนอกสถานีบริการน้ำมัน โดยเฉพาะการตั้งร้านในอาคารสำนักงานต่าง ๆ โดยขณะนี้นำร่องไปแล้ว 1 แห่ง ที่อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) และวางเป้าหมายที่จะขยายเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง ด้วยเงินลงทุนอีกประมาณ 50 ล้านบาท/สาขา จะใช้พื้นที่ประมาณ 300-500 ตารางเมตร ทั้งภายในสำนักงานและพื้นที่รีเทลทั่วไป ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกสถานที่อยู่ประมาณ 15 แห่ง และไม่เพียงแต่ร้านจิฟฟี่เท่านั้น นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะพัฒนาแบรนด์จิฟฟี่ มาร์เก็ต, จิฟฟี่ บิสโทร, จิฟฟี่ คีออสก์ ซึ่งตอนนี้กำลังมีแพลนที่จะเปิดอีก 1 โมเดล เป็นรูปแบบร้านอาหารเพิ่มเติมด้วย
"อยากทดลองหลาย ๆ รูปแบบ พร้อม ๆ กับตอนนี้เรากำลังเซตระบบไอที เพื่อพัฒนาบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเติมเงิน หรือสะสมแต้ม ซึ่งลูกค้าสามารถใช้ซื้อได้ทุกสาขาและสามารถต่อยอดเป็นบัตรซีอาร์เอ็ม (CRM : Customer Relationship Management) ในการทำตลาดต่อจากนี้ได้ หลายโมเดลเท่าที่เห็นนี้ต้องถือว่าเป็นช่วงของการทดลองตลาด หากแบรนด์ใดที่ดี ลูกค้ายอมรับ เราก็พัฒนาต่อยอดได้ต่อไป ตอนนี้มาร์จิ้นน้ำมันที่ได้ต่อลิตรเพียง 3-5% โดยเฉลี่ยทั้ง 146 แห่งของ ปตท.จิฟฟี่ ฉะนั้นเราต้องปรับกลยุทธ์ มาร์จิ้นน้ำมันไม่มีทางปรับขึ้น เพราะเมื่อครั้งที่น้ำมันลิตรละ 10 บาท มาร์จิ้นก็ยังได้เท่านี้ เมื่อน้ำมันขึ้นไปกว่า 30 บาท/ลิตรก็ยังได้เท่านี้ หากไม่ปรับวิธีการ ท้ายสุดก็จะถอยออกจากธุรกิจเหมือนกับบางราย"
สำหรับรูปแบบของร้านต่าง ๆ ของ จิฟฟี่ จะแบ่งเป็น "จิฟฟี่ บิสโทร" จะเน้นเป็นร้านอาหารนั่งรับประทานและซื้อกลับบ้าน ส่วน "จิฟฟี่ มาร์เก็ต" จะเป็นร้านจำหน่ายอาหารสดและผลไม้ที่ควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้าทั่วไป ผนวกรวมกับร้านหนังสือ ซึ่งคงต้องทำตลาดสักระยะเพื่อประเมินว่ารูปแบบใดที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด ปตท.จะเลือกพัฒนาแบรนด์เหล่านั้น
นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะขยายสถานีบริการน้ำมัน ปตท.จิฟฟี่เพิ่มเติม จากเดิมที่มีอยู่เพียง 146 แห่ง ให้เพิ่มเป็น 150 แห่ง และคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีแรกในปี 2554 จะเห็นความชัดเจนของสถานีบริการน้ำมัน ปตท.จิฟฟี่ แห่งใหม่ และจะทยอยสร้างเพิ่มเติมให้ครบตามแผน ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 60 ล้านบาท/แห่ง (ไม่รวมราคาที่ดิน) หรือรวมแล้วประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ที่ยังไม่สามารถเร่งสร้างสถานีบริการได้ ยังติดปัญหาการคัดเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสม หรือมีความต้องการใช้น้ำมันที่ค่อนข้างดีมาก เพราะปัจจุบันสถานีบริการของ ปตท.จิฟฟี่ที่มียอดขายที่ดีจะอยู่ที่ 600,000-650,000 ลิตร/เดือน ซึ่งยอดขายต่ำกว่านี้คงจะอยู่ค่อนข้างยาก และที่สำคัญไม่ต้องการสร้างสถานีบริการน้ำมันขึ้นมาแล้วต้องปิดตัวลง จึงต้องคัดเลือกพื้นที่ที่ดี เช่น ในพื้นที่ตัดถนนใหม่
สำหรับการแข่งขันค้าปลีกน้ำมันในปีนี้ มองว่าเหนื่อยด้วยกันทุกแบรนด์ เพราะต้องต่อสู้กับค่าการตลาดที่ค่อนข้างต่ำ ไม่เพียงแต่ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ขณะนี้ค่าแรงงานกำลังเตรียมปรับเพิ่มขึ้นด้วย ปีหน้ายังคงแข่งขันกันดุเดือดยิ่งขึ้น ในส่วนของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังจะไม่สูงเกินกว่า 80-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจของโลกยังไม่ขยายตัวมากนัก และความต้องการใช้น้ำมันจะยัง ไม่เพิ่มขึ้นมาก
No comments:
Post a Comment