SIAM PARAGON ปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ เติม30แบรนด์ใหม่ ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็ว

Photo Source:http://www.bangkok.com

 

"สยามพารากอน" เตรียมปรับพื้นที่ครั้งใหญ่ ขน 30 แบรนด์ใหม่ เติมแม็กเนตมาครบ ทั้ง "แบรนด์ดัง-ซูเปอร์แบรนด์" ย้ำภาพผู้นำศูนย์รวมช็อปปิ้งทุกระดับสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง ชี้มู้ดจับจ่ายกลับมาเร็วจากแรงกระตุ้นรัฐ-เอกชน บวกสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ห่วงกำลังซื้อระดับกลาง-แมสชะงัก

นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน กล่าวถึงทิศทางธุรกิจต่อจากนี้ว่า บริษัทเตรียมปรับพื้นที่ภายในศูนย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับกับแบรนด์สินค้าและแฟชั่นที่จะเข้ามาเปิดให้บริการ โดยใน ปีหน้าจะมีมากกว่า 30 แบรนด์ใหม่เข้ามาสร้างสีสัน และเป็นแม่เหล็กเติมเต็มภายในศูนย์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสยามพารากอน ซึ่งทาร์เก็ตหลักเป็นกลุ่มครอบครัวที่เน้นสินค้าและบริการสำหรับไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัยในครอบครัว

นอกจากนี้แบรนด์ใหม่ที่เข้ามาจะครบทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งซูเปอร์แบรนด์ที่จะเข้ามาเพิ่ม 7 ราย อาทิ หลุยส์ วิตตอง และพราด้า เป็นต้น รวมถึงแบรนด์สินค้าแฟชั่นระดับกลางที่จะเข้ามาสร้างสีสันและต่างเหนือคู่แข่ง นอกจากนี้ คิดส์ซาเนีย ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาการสำหรับเด็กจากต่างประเทศนั้น จะพร้อมเปิดในปีหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่งระหว่างนี้ศูนย์การค้าอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่และจัดสรรพื้นที่สำหรับแต่ละแบรนด์ที่จะเข้ามาโดยตลอดทั้งปีหน้า จะเป็นการทยอยเปิดของแต่ละร้านค้าใหม่

"ปีหน้าครบรอบ 7 ปีของพารากอนที่เปิดศูนย์ ที่ผ่านมาเราก็มีการปรับและเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ได้หยุดนิ่ง เพราะการที่จะบอกว่าเป็น "ช็อปปิ้งเดสติเนชั่น" สินค้าและบริการจะเป็นตัวตอบลูกค้าเอง 30 กว่าแบรนด์ที่เข้ามาใหม่จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่เข้ามาเติม ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังจัดสรรเรื่องพื้นที่ซึ่งมีจำกัดให้ทุกค่ายพอใจ เพราะทุกแบรนด์ที่เข้ามาก็อยากมาเปิดที่พารากอนเป็นที่แรก"

ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่าส่งผลกระทบต่อยอดขายและทราฟฟิกที่ลดลงไปกว่า 10% โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม จาก 10 เดือนแรกที่ทำยอดขายได้ดีนั้น ทำให้คาดว่าสิ้นปีบัญชีนี้จะสามารถเติบโตได้ 5-10% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้คาดว่าบรรยากาศการจับจ่ายและกำลังซื้อน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว หลังสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มที่จะกลับมามากขึ้น เช่นเดียวกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากหน่วยงานรัฐหลาย ๆ ส่วนที่เร่งออกมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเข้ามา

รวมถึงในส่วนของภาคเอกชนหลายธุรกิจที่ส่งแคมเปญส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นออกมากระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับการซ่อมบำรุงและฟิ้นฟูบ้านหลังน้ำท่วม อาทิ วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ เป็นต้นนั้น จะมีความต้องการในตลาดสูงมากตลอดครึ่งปีแรกของปีหน้า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากลุ่มลูกค้าระดับกลาง-แมส รวมถึงเจ้าของกิจการระดับเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมคงต้องให้เวลาอีกสักพักในการฟื้นธุรกิจ ทำให้การจับจ่ายของกลุ่มเหล่านี้จะเน้นไปที่สินค้าอุปโภคบริโภค และการซ่อมแซมบ้านเป็นหลัก ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับบนและกลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียที่เข้ามามากขึ้นนั้น จะยังคงเข้ามาผลักดันยอดขายสินค้าแฟชั่นและลักเซอรี่ให้เดินหน้าต่อไปได้