โอบองแปง-ดังกิ้น โดนัท
เปลี่ยนมือเจ้าของธุรกิจ หลัง "ทรัพย์ศรีไทย"
ยักษ์ใหญ่คลังสินค้า-โลจิสติกส์ เข้าเทกโอเวอร์
นายทุนใหม่ยันไม่เปลี่ยนทีมผู้บริหาร พร้อมเดินหน้าผนึกธุรกิจลดต้นทุนบริหารจัดการ
เพิ่มศักยภาพแข่งขัน เดินหน้าขยายสาขา ตั้งเป้ายอดทะลุ 2 พันล้านใน 5 ปี
นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST
เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบฯ 1,320 ล้านบาท ซื้อหุ้นของบริษัท มัดแมน
จำกัด บริษัท เอบีพี คาเฟ (ประเทศไทย) และบริษัท โกลเด้น โดนัท (ประเทศไทย)
ซึ่งเป็นผู้บริหารธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังจากต่างประเทศทั้ง "ดังกิ้น
โดนัท" และ "โอบองแปง"
เนื่องจากมองว่ามีศักยภาพในการเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัท
โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารเดิมที่มีอยู่
ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการขั้นตอนการซื้อขายต่าง ๆ เสร็จสิ้นภายในต้นปีหน้า
สำหรับดังกิ้น โดนัท
และโอบองแปง ถือเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตที่ดีมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจุบันโอบองแปงมีทั้งสิ้น 43 สาขา โดย 38 สาขาตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนดังกิ้น
โดนัท มีทั้งสิ้น 201 สาขา โดย 69 สาขาตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
ต่อปีมีรายได้รวมกันประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้ทะลุ 2,000
ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยอนาคตหากธุรกิจร้านอาหารทั้ง 2
แบรนด์นี้ประสบความสำเร็จ บริษัทก็มีแผนซื้อกิจการธุรกิจร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ
เข้ามาเพิ่มเติม จากปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทคือคลังสินค้าและโลจิสติกส์คิดเป็นรายได้กว่า
200 ล้านบาท อีกกว่า 600 ล้านบาทคือ น้ำมันพืชทิพ ที่ซื้อกิจการมาเมื่อ 2
ปีที่แล้ว
โดยอนาคตการดำเนินธุรกิจของทั้ง
2 แบรนด์จะมีการปรับโฉม ทั้งการเดินหน้าขยายสาขา ลดต้นทุน ฯลฯ
โดยสามารถผนึกกำลังกับธุรกิจของบริษัทในเรื่องของคลังสินค้า จุดกระจายสินค้า
รวมไปถึงระบบโลจิสติกส์ อาทิ ครัวกลางของทั้ง 2
แบรนด์ที่สามารถมาใช้รวมกับคลังสินค้าที่มีบริษัทมีอยู่ รวมถึงการขนส่งร่วมกัน
ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารให้มากขึ้น
ปัจจุบันกำไรของโอบองแปง และดังกิ้น โดนัท อยู่ในระดับที่น่าพอใจประมาณ 6%
ของรายได้ แม้จะน้อยกว่าธุรกิจคลังสินค้าที่มีกำไรสูงถึง 30-40%
แต่ในแง่รายได้หรือกระแสเงินสดถือว่าอยู่ในระดับสูง
"การเทกโอเวอร์ครั้งนี้
บริษัทต้องการกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจอื่น
ซึ่งธุรกิจร้านอาหารถือว่าน่าสนใจมาก แม้ว่าธุรกิจนี้จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง
แต่ก็มีดีมานด์มากจากตลาดที่เปิดกว้าง และตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยใน
ยุคปัจจุบัน ที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี"
นายสัมฤทธิ์กล่าวอีกว่า
ปัจจุบันดังกิ้น โดนัท มีเปิดให้บริการ 9,700 สาขาใน 31 ประเทศทั่วโลก
ขณะที่โอบองแปงมีทั้งสิ้น 300 สาขาทั่วโลก เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง
ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2549 ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ
โดยมีกองทุนจากต่างประเทศเข้าเป็นผู้ถือหุ้น ทำให้ที่ผ่านมาทั้ง 2
แบรนด์มีความพร้อมในการขยายตัวสูง
หลังจากบริษัทเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ธุรกิจก็สามารถดำเนินต่อได้ทันทีโดยไม่สะดุด
และในอนาคตมีแผนเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับโอบองแปง และดังกิ้น โดนัท เป็นการซื้อแฟรนไชส์มาจากต่างประเทศ
โดยมีนายนาดีม ซาเวียร์ ซาลฮานี เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น โดยช่วง
2-3 ปีที่ผ่านมาทั้ง 2 แบรนด์มีการรีแบรนด์ไปค่อนข้างมาก
ทั้งปรับร้านให้ดูทันสมัยขึ้น
ยังมีการแตกไลน์ธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตและการแข่งขันมากขึ้น
ยกตัวอย่าง การเพิ่มไลน์ "กาแฟคั่วบด" ของดังกิ้น โดนัทตั้งแต่ปีก่อน
เพื่อแข่งขันกับเชนร้านกาแฟชื่อดังอย่าง "สตาร์บัคส์"
No comments:
Post a Comment