Pages

Friday, September 17, 2010

"เบอร์ลี่-ปตท."เต็มสูบแย่งซื้อ"คาร์ฟูร์" สินค้าระทึกยักษ์ค้าปลีกผูกขาดตลาด

จับตาคาร์ฟูร์ประมูลขายสาขาในไทย พลิกภาพธุรกิจค้าปลีก เปิดเดิมพันชิงวอลุ่มการค้า 3 หมื่นล้าน ซัพพลายเออร์ชี้ใครได้ไปอำนาจต่อรองในมือเพิ่มพรวด สองยักษ์ เบอร์ลี่ฯ-ปตท.เดินหน้าเต็มสูบ "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" ยันขอสู้สุดตัว สานโมเดลธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ขณะที่บิ๊ก ปตท.หวังเป็นจิ๊กซอว์ปรับโครงสร้างรายได้

การประกาศขายธุรกิจในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ของคาร์ฟูร์ค่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่เป็นลำดับ 2 ของโลก จะเป็นการพลิกโฉมวงการค้าปลีกในในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในไทยซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งคาร์ฟูร์ บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส แม็คโคร รวมถึงท็อปส์ แข่งขันกันอย่างรุนแรง

วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า การเสนอประมูลซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รอบแรกเมื่อต้นเดือนกันยายน คาร์ฟูร์ได้ตัดชื่อของเทสโก้ ค้าปลีกรายใหญ่จากอังกฤษ และอิออน กรุ๊ป ของญี่ปุ่นออกไป คงเหลือผู้เสนอประมูล 4 ราย คือ กาสิโนจากฝรั่งเศส ผู้ถือหุ้นใหญ่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย กลุ่มเซ็นทรัล เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และ ปตท. โดยที่การประมูลรอบ 2 จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

รายงานระบุว่า คาร์ฟูร์ต้องการจะขายกิจการในสิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย และหวังว่าจะทำรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยคาร์ฟูร์มีสาขาในเอเชีย 385 สาขา ส่วนในไทยมี 44 สาขา, มาเลเซีย 23 สาขา และสิงคโปร์ 2 สาขา

วงการค้าปลีกประเมินว่า เมื่อเทสโก้ถูกตัดออกไป ไม่มีสิทธิ์เสนอราคารอบที่ 2 ทำให้การช่วงชิงธุรกิจคาร์ฟูร์ในประเทศไทยเหลือเพียงกาสิโน (ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบิ๊กซี) เซ็นทรัล เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และ ปตท. ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าใครได้ไปจะส่งผลกระทบต่ออนาคตธุรกิจค้าปลีกไทย โดยเฉพาะ

เซ็กเมนต์ไฮเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากคาร์ฟูร์มียอดขายโดยรวมสูงถึง 3 หมื่นล้าน

ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกในซีกไฮเปอร์ มาร์เก็ตซึ่งมีราคาเป็นจุดขายสำคัญ การนำวอลุ่มยอดขายมาเป็นเงื่อนไขในการต่อรองเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำที่สุดคือหัวใจของธุรกิจนี้

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า หากกาสิโนเป็นผู้ชนะก็ยังไม่สามารถแซงหน้าเทสโก้ โลตัส เพราะวอลุ่มรวมจะอยู่ที่ประมาณแสนล้าน



เบอร์ลี่ฯ-ปตท.เดินหน้าเต็มสูบ

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) มีความพร้อมในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ โดยยื่นซื้อเฉพาะคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ทั้งนี้ โจทย์ของบีเจซีต้องการมีค้าปลีกเป็นของตัวเอง ด้วยจุดยืนองค์กรคือ Strategic Partner Supply Chain เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

ทั้งนี้ ตนมีความมั่นใจในการยื่นประมูลรอบที่ 2 โดยโอกาสการลงทุนมีทั้ง 2 รูปแบบ คือ ยื่นประมูลในนามบีเจซี ซึ่งมีความพร้อมอยู่แล้ว หรืออาจจะร่วมกับพาร์ตเนอร์ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปอย่างชัดเจนในขณะนี้

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า หากได้ข้อตกลงในการซื้อกิจการและเข้าบริหารคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ปตท.ก็มีความพร้อม ทั้งเชื่อว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งของธุรกิจที่มีศักยภาพ สร้างเครือข่าย เชื่อมต่อกับธุรกิจสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่แล้วของ ปตท.ได้เป็นอย่างดี

"เราก็ดูโมเดลจากทั้งคาร์ฟูร์ หรือเทสโก้ในยุโรป ปรากฏว่าธุรกิจค้าปลีกมันเอื้อ หรือเสริมธุรกิจปิโตรเลียมได้เป็นอย่างดี

มีตัวเลขด้วยว่า ปริมาณการขายน้ำมันผ่านเอาต์เลตค้าปลีกของคาร์ฟูร์ มีสัดส่วนถึง50 หรือ 60% และมองว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงจุด ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เราหวังกำไรหลักจากธุรกิจค้าปลีกหรือขายน้ำมัน แต่เป็นการพัฒนาพื้นที่ การดึงเอาธุรกิจอื่น ๆ เข้ามา จะได้ค่าเช่าพื้นที่ระยะยาวด้วย" นายประเสริฐกล่าว

ซัพพลายเออร์จับตาไม่กะพริบ

ซัพพลายเออร์ผู้ป้อนสินค้าให้ไฮเปอร์ มาร์เก็ตต่าง ๆ ยอมรับว่า สินค้าต่าง ๆ ติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะส่งผลกระทบโดยตรง และกังวลว่าหากบิ๊กซีชนะ หรือเทสโก้กลับมาประมูลได้ใหม่และชนะ จะส่งผลให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 40 สาขา ที่สำคัญคือมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ที่กังวลกันมากคือ เรื่องการขอค่าจีพีเพิ่ม

นางสาวรุ่งเพ็ชร พรรณาปยุกต์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มองในด้านดีว่า ใครจะประมูลได้ไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา แม้แต่ ปตท.หากได้ไป ก็ต้องจ้างคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องค้าปลีกเข้ามาบริหารงานอยู่ดี เช่นเดียวกับซัพพลายเออร์อีกรายหนึ่งที่อยากเห็นการคานอำนาจระหว่างบิ๊กซีและเทสโก้ โลตัสมากกว่าที่เป็นอยู่ จากเดิมเทสโก้ โลตัสผูกขาดอยู่ฝ่ายเดียว

รายงานข่าวระบุว่า เทสโก้ โลตัส มีมาร์เก็ตแชร์สินค้าโกรเซอรี่ ซึ่งเป็นสินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในค้าปลีกค้าส่งมากที่สุด 10% บิ๊กซี 6% เซเว่นอีเลฟเว่น 3.5% คาร์ฟูร์ 2.5% ส่วนแม็คโครกับท็อปส์รายละ 1.5% ที่เหลืออีก 70% กระจายอยู่ในเทรดิชั่นนอลเทรด

ชี้ค้าปลีกไทยโตได้อีก

แหล่งข่าวในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมีสัดส่วนราว 30% จากภาพรวมธุรกิจทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากร รายได้ ชีวิตความเป็นอยู่ และไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับจีดีพีของประเทศ

"ไม่ว่าคาร์ฟูร์จะอยู่หรือไป หรือมีรายใหม่เข้ามาทำแทน การแข่งขันก็ยังคงเป็นวัฏจักรเดิม ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันตามเทรนด์ผู้บริโภค"

รายงานข่าวเปิดเผยว่า การที่เทสโก้ไม่ผ่านการพิจารณารอบแรกไม่ได้สร้างความผิดหวังให้ผู้บริหารเทสโก้ โลตัสในเมืองไทยนัก เนื่องจากตกเป็นเป้าถูกโจมตีเรื่องการยึดครองตลาดค้าปลีกเมืองไทยอยู่ก่อนแล้ว ถ้าได้สาขาคาร์ฟูร์เข้ามาอีกจะยิ่งทำงานลำบากขึ้น ถ้าจะผิดหวังน่าจะเป็นตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์มากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจรายได้ของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งหลัก ๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ามีมูลค่าประมาณ 300,000-320,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเทสโก้ประมาณ 110,000 ล้านบาท บิ๊กซี 80,000 ล้านบาท แม็คโคร 78,000 ล้านบาท ท็อปส์ 22,000 ล้านบาท และคาร์ฟูร์ 29,000 ล้านบาท

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails