Lars Olofsson-led Carrefour is seriously considering to exit the marketswhere it can not hold leading positions |
เช้าวันจันทร์ (15 พ.ย.) หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สของประเทศอังกฤษ เป็นสื่อฉบับแรกๆที่รายงานข่าวเกี่ยวกับการขายกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทยให้กับกลุ่มคาสิโน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกัน ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 868 ล้านยูโร หรือราว 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พาดหัวของสื่ออังกฤษสั้นง่ายได้ใจความว่า "การล่าถอยของคาร์ฟูร์" (Carrefour's Retreat) พร้อมยิงคำถามเหมือนแทงใจผู้ค้าปลีกรายนี้ว่า "ตลาดเกิดใหม่ ใครยังต้องการอีกหรือ?"
ไฟแนนเชียลไทม์ส ระบุว่า ประเทศไทยซึ่งคาร์ฟูร์ตัดสินใจจะถอนยวงธุรกิจออกไปนั้น เป็นตลาดซึ่งมีตัวเลขคาดการณ์ว่า การจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชนจะมีอัตราขยายตัวถึง 8% ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ถือเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่นเดียวกับตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นยุทธภูมิค้าปลีกถัดจากไทยที่คาดว่าคาร์ฟูร์กำลังจะถอยทัพออกเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ภายในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา คาร์ฟูร์ถอนการลงทุนออกมาแล้วจาก 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเกาหลีใต้ รัสเซีย และเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม ข่าวระบุว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างคาร์ฟูร์มีเหตุผลทางยุทธศาสตร์ที่จำเป็นต้องล่าถอย นายลอร์ส โอลอฟสัน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์ฟูร์ ชี้ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าขนาดของธุรกิจในประเทศนั้นๆ เป็นกุญแจสำคัญต่อการทำกำไร หากตลาดประเทศใดก็ตามที่คาร์ฟูร์ไม่อาจเป็นเบอร์หนึ่ง บริษัทก็จะพิจารณาถอนการลงทุนออกไป
ซึ่งจะว่าไปนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบริษัทค้าปลีกข้ามชาติ แต่สำหรับคาร์ฟูร์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกรายแรกๆ ออกสู่ตลาดประเทศกำลังพัฒนา การถอนยวงครั้งแล้วครั้งเล่าจากหลายประเทศในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังเดินกลยุทธ์พลาดพลั้งอย่างแรงหรือไม่ เพราะแม้ในประเทศที่เป็นตลาดหลักระดับภูมิภาคของคาร์ฟูร์ เช่น บราซิล ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็ยังทำท่าว่าจะเริ่มมีปัญหา ดูจากยอดจำหน่ายในช่วงไตรมาสสาม ที่เพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 5% ขณะที่คู่แข่งอย่างจีพีเอ ซึ่งเป็นค้าปลีกเจ้าถิ่นมีอัตราเติบโตของยอดจำหน่ายถึง 13% เรียกได้ว่า ห่างกันไกลอยู่ นอกจากนี้ คาร์ฟูร์ยังยอมรับว่า มีอีกหลายภารกิจในตลาดบราซิลที่จะต้องชำระสะสาง เช่น การจ่ายเงิน 180 ล้านยูโร สำหรับการเคลียร์ค่าสินค้า การจ่ายเงินคืนให้ลูกค้าสำหรับรายการส่งเสริมการขายแบบ rebate และค่าจ่ายใช้อื่นๆที่เกิดจากการบริหารจัดการผิดพลาด
นักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจถือเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า ยักษ์ใหญ่คาร์ฟูร์จำเป็นที่จะต้องทุ่มทั้งสรรพกำลังด้านเวลาและเงินทุนเพื่อการทำยุทธศาสตร์ธุรกิจในตลาดต่างประเทศอย่างจริงๆจังๆ เพราะหากยังเดินเกมแบบบุกแล้วถอน ลงทุนแล้วขายทิ้งแบบนี้ ก็มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่คาร์ฟูร์จะเหลือแต่ตลาดหลักๆในทวีปยุโรปเป็นป้อมปราการสุดท้าย ขณะที่คาสิโน กรุ๊ป ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแซงต์ เอเตียง และทำรายได้หลักๆ หรือราว 2 ใน 3 ของรายได้รวมจากตลาดประเทศฝรั่งเศส กำลังเพิ่มสัดส่วนการทำรายได้ในตลาดต่างแดน โดยขณะนี้ราว 6.3% ของรายได้รวมมาจากตลาดเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ทำรายได้ให้บริษัทเป็นอันดับสาม รองจากฝรั่งเศส และลาตินอเมริกา
No comments:
Post a Comment