นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด |
แผนลงทุน "เซ็นทรัล" บุกเมืองจีน ส่ง 2 โมเดล "ห้างเซ็นทรัล-ห้างเซน" เปิดตลาดเจาะกำลังซื้อชาวจีนครบทุกเซ็กเมนต์ วางเป้าภายในปีหน้า 3 สาขานำร่องต้องสร้างรายได้ 2,000 ล้าน วางยุทธศาสตร์เติบโตระยะยาวตั้งงบฯ 2 หมื่นล้านบาท สร้างความแข็งแกร่งขยายสาขาตามเมืองหลัก ชี้พฤติกรรมช็อปปิ้งต่างจากเมืองไทยต้องหาสูตรมัดใจให้ตรงจุด พร้อมลุยธุรกิจใหม่ "ขายประกัน" ปั้นเซ็นทรัลสู่ภาพ "รีเทล เดสติเนชั่น"
แผนการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในตลาดต่างประเทศยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง นอกเหนือจากการเปิดตัวห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือช่างไท่ นำร่องสาขาแรก ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด เซ็นทรัลเตรียมส่งห้างสรรพสินค้าเซนไปเปิดขนานควบคู่กันไป ด้วยงบฯลงทุน 600 ล้านบาท พร้อมเปิดอย่างเต็มรูปแบบกลางปีหน้า ที่เมือง เสิ่นหยาง
ทั้งนี้ วางคอนเซ็ปต์ให้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นแหล่งช็อปปิ้งระดับเวิลด์คลาสสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม และกำหนดรูปแบบห้างสรรพสินค้าเซนเป็นเทรนดี้ไลฟ์สไตล์เมกะสโตร์สำหรับวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ โดยผู้บริหารที่นำทีมบุกตลาดเมืองจีน นอกเหนือจากทีมผู้บริหารคนไทยแล้วนั้น ยังมีนายแม็กซ์ โจว (Max Zhou) ผู้บริหารท้องถิ่น ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ไชน่า จำกัด
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การขยายตลาดของกลุ่มเซ็นทรัลในเมืองจีน จะดูทำเลและกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่เป็นหลัก ว่าจะเปิดเป็นห้างเซ็นทรัล หรือเซน โดยสามารถขยายไปได้ทั้งในรูปแบบร่วมกับศูนย์การค้าท้องถิ่น หรือร่วมกับศูนย์ของเซ็นทรัลพัฒนา ที่เตรียมจะไปลงทุนในเมืองจีนเช่นเดียวกัน ซึ่งบริษัทได้วางตำแหน่งแบรนด์ของทั้งสองห้างให้แตกต่างกัน คือเซ็นทรัลจะเน้นที่กลุ่มลูกค้าครอบครัวมีกำลังซื้อ ส่วนห้างเซนจะเน้นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และอินเทรนด์
ทั้งนี้ เซนจะเปิดสาขาแรกในเดือนเมษายนปีหน้า บนพื้นที่ 1.5 หมื่น ตร.ม. ในศูนย์การค้าจอยซิตี้ กลางเมืองเสิ่นหยาง ด้วยงบฯลงทุน 600 ล้านบาท เช่นเดียวกับห้างเซ็นทรัล หรือช่างไท่ ที่เตรียมเปิดสาขา 2 ในเมืองเสิ่นหยางภายในปีหน้าเช่นเดียวกัน โดยบริษัทคาดว่ารายได้ของเซ็นทรัลภายในปีหน้าที่เปิด 3 สาขาใน เมืองจีนแบบเต็มรูปแบบจะสามารถสร้าง ยอดขาย 2,000 ล้านบาท
"พฤติกรรมลูกค้าคนไทยและคนจีนไม่เหมือนกัน ในแง่ของรายได้คนจีนมีช่องว่างรายได้ห่างกันระหว่างคนรวยและคนจน ซึ่งต่างก็เป็นกลุ่มหลักของประเทศ ต่างจากคนไทยที่รายได้ระดับกลางเป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันยอดขายของเซ็นทรัล ทำให้ต้องคิดแคมเปญและการตลาดที่สอดคล้องกับแต่ละกลุ่ม ซึ่งเรามีเดอะ 1 การ์ด เป็นเครื่องมือที่เข้าไปช่วยกิจกรรมตลาดในจีนด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ควบคู่กับแผนงานบุกเมืองจีนเต็มรูปแบบแล้วนั้น ความเคลื่อนไหวสำหรับตลาดเมืองไทย นอกจากการขยายธุรกิจใหม่ด้วยการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจ "เมืองไทย" เป็นนายหน้าขายประกัน ก่อนหน้านี้ "เซ็นทรัล" ได้เพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ ผ่านรูปแบบช็อปปิ้งออนไลน์เป็น รายแรกของห้างสรรพสินค้าในเมืองไทย เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อ แต่ไม่มีสาขาของห้างเซ็นทรัล รวมถึงการปั้น "โรบินสัน" ให้เป็นหัวหอกหลักสำหรับการขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้าสู่จังหวัดที่เป็นหัวเมืองรองให้มากยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบที่สามารถขยายที่ยืดหยุ่น
โดยโรบินสันสามารถไปได้ทั้งกับศูนย์การค้าท้องถิ่น ศูนย์เซ็นทรัลพัฒนา รวมถึงคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่โรบินสันไปด้วยตัวเอง อย่างที่เปิดเป็นโมเดลนำร่องที่สาขาตรัง เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายทศยังกล่าวถึงโอกาสของธุรกิจประกัน ภายใต้ชื่อโครงการ "Central Smart Insure" ว่าเป็นการตอกย้ำภาพ "รีเทลเดสติเนชั่น" ที่ครบวงจรและสอดคล้องกับแนวทางการมองหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มธุรกิจประกันแต่ละปีโตสูงกว่า 30-40% หลังจากได้ศึกษาและเตรียมงานกว่า 3 ปี โดยบริษัทได้ตั้งทีมงาน 200 คนขึ้นมารองรับธุรกิจใหม่นี้ ซึ่งทั้งเซ็นทรัลและกลุ่มเมืองไทยจะร่วมกันพัฒนาโปรดักต์ รวมทั้งทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้า เบื้องต้นจะขยายให้ครบ 27 สาขาในปีหน้า พร้อมตั้งเป้าขายเบี้ยประกัน 2,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ก่อนที่จะขยายผ่านทั้งช่องทางห้างสรรพสินค้า และบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทล ซึ่งมีมากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ
No comments:
Post a Comment