อลิอันซ์ บู๊ทส์
เปิดยุทธศาสตร์ผู้นำตลาดค้าปลีกสุขภาพความงาม เร่งผสานการเติบโตในองค์กร
เฟ้นหาพันธมิตร เปิดตลาดใหม่ เข้าซื้อกิจการ มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง
หลังบู๊ทส์ไทยฝ่าวิกฤต มีอัตราการเติบโต 15% เดินหน้าลุยขยายการลงทุนต่อเนื่อง
คาดอีก 2-3 ปี ครบ 300 สาขา
นายสเตฟาโน่ เพสซิน่า
ประธานกรรมการบริหารสูงสุด อลิอันซ์ บู๊ทส์
กล่าวถึงยุทธศาสตร์นับจากนี้ในโอกาสมาเยือนเมืองไทยว่า
จะเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างการเติบโตภายในองค์กร การหาพันธมิตร
การแสวงหาโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ การเปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของบู๊ทส์ และการซื้อกิจการ
เพื่อให้บู๊ทส์เป็นหนึ่งในผู้นำด้านสุขภาพและความงามของโลก
ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมาได้เข้าไปซื้อกิจการ 2 แห่งคือ
บริษัทขายส่งเภสัชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีและเยอรมนี
ส่งผลให้เป็นผู้นำในตลาดยุโรปอย่างชัดเจน
ปัจจุบันบู๊ทส์ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามกว่า
3,280 แห่งใน 25 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีร้านค้าภายใต้แบรนด์บู๊ทส์อีก 50
แห่ง
อย่างไรก็ตาม
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทย อลิอันซ์ บู๊ทส์ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบปัญหาเรื่องของความไม่สงบทางการเมืองและอุทกภัย
แต่ก็สามารถก้าวผ่านและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่บู๊ทส์ประเทศไทยยังรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีก่อนเติบโตถึง 15%
ขณะที่การขยายสาขาก็ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้
โดยมีการขยายสาขาถึง 21 สาขา จากปัจจุบันนี้มี 200 สาขา
นายดีน ทอมสัน กรรมการผู้จัดการ
บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จะเน้นกลยุทธ์ 3
แนวทางหลักให้ร้านบู๊ทส์เป็นผู้นำด้านสุขภาพ
เพิ่มบริการที่ครอบคลุมและพัฒนาร้านขายยาในบู๊ทส์คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้ร้านขายยาทั้ง
200 สาขา รวมถึงการขยายฐานบัตรสมาชิกที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 350,000 ราย คาดว่าปีนี้เพิ่มเป็น 1 ล้านราย
และการพัฒนาสินค้าเฮาส์แบรนด์
โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ No.7 ที่ปีนี้จะเปิดตัวกว่า 20 รายการ ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์
"บิวตี้แคร์" ช่วงเดือนเมษายนนี้
ในส่วนของภาพรวมการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามในไทย
ถือว่ามีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง อย่างไรก็ตาม
คาดการณ์ว่าด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลให้มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นายดีนกล่าวต่อว่า ปีนี้ยังขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอดูทำเลก่อนตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม
คาดการณ์ว่าจะเปิดเพิ่มอีก 100 แห่ง ภายใน 2-3 ปีนี้
No comments:
Post a Comment