ดีลเลอร์รถยนต์ติดใจคอมมิวนิตี้มอลล์ หลัง "เดอะ พาซิโอ" ฟีดแบ็กดี พื้นที่เช่าแน่นเอี้ยด-ทราฟฟิกสูง ร้านค้าแฮปปี้ เตรียมควัก 600 ล้าน เดินหน้าโครงการ 2 ยึดทำเลทองพระรามที่ 5-ราชพฤกษ์ เผยแผนหวังเปิดปีละ 1 แห่ง มุ่งโฟกัสพื้นที่ชานเมือง
นายชาญ เลิศประเสริฐภากร ประธาน บริษัท โตโยต้า ทีบีเอ็น จำกัด ดีลเลอร์โตโยต้าและผู้บริหารคอมมิวนิตี้มอลล์ เดอะ พาซิโอ (The Paseo) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากเปิดตัวเดอะ พาซิโอ คอมมิวนิตี้มอลล์ ย่านศรีนครินทร์ เป็นเวลาปีกว่าก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี พื้นที่เช่าเต็มทั้งหมด จำนวนร้านประมาณ 300-400 ร้าน ทราฟฟิกวันละเกือบ 10,000 คน มีรถหมุนเวียนวันละ 3,000-4,000 คัน และมีแผนขยายที่จอดรถเพิ่มอีก คาดว่าภายใน 4-5 ปีจะสามารถคืนทุนได้ นายชาญกล่าวว่า คีย์ซักเซสของเดอะ พาซิโอหลัก ๆ อยู่ที่วาไรตี้ หรือความหลากหลาย ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ทุกอย่างที่ต้องการ และยังมีค่าเช่าในอัตราที่เหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป โดยตั้งแต่เปิดโครงการแรกจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการขึ้นราคาค่าเช่าเลย พร้อมกับการตอบสนอง ชุมชนโดยวัดความต้องการจากการทำวิจัย รวมถึงแม็กเนตสำคัญอย่างศูนย์บริการโตโยต้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์กัน และการปรับตัวเพื่อตอบสนองชุมชนและอัพเดตตัวเองอยู่เสมอ
"ความสำเร็จของการทำคอมมิวนิตี้มอลล์อยู่ที่ความใส่ใจร้านค้าที่เข้ามาเปิด ไม่ใช่แค่เก็บค่าเช่า แต่ต้องมีการแนะนำ แก้ไข การทำตลาดร่วมกัน เช่น อีเวนต์ หรือโปรโมชั่น ต้องพยายามให้ทุกคนร่วมมือกัน และมีการสื่อสารที่ชัดเจนสำหรับคอมมิวนิตี้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นต้องไม่มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะการบริหารและคอนเซ็ปต์ของแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน ยิ่งมีคอมมิวนิตี้มอลล์เยอะ ๆ ยิ่งดี เพราะทำให้คนคุ้นเคยกับการใช้บริการ"
นายชาญกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะเปิดโครงการเดอะ พาซิโอ 2 บริเวณพระรามที่ 5-ราชพฤกษ์ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 500-600 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าโครงการแรกซึ่งมีเนื้อที่ 7,000 ตารางเมตร แต่ต้องรอให้สถานการณ์บ้านเมืองนิ่งเสียก่อน และขณะนี้ยังไม่มีการสรุปเรื่องคอนเซ็ปต์เพราะต้องพิจารณาเรื่องไลฟ์สไตล์ของประชากรในพื้นที่ก่อน
"ตอนนี้ตัวเลขหมู่บ้านในย่านนี้เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ละเดือนตัวเลขประชากรมีการเปลี่ยนแปลงตลอด หากการสำรวจข้อมูลทำได้สำเร็จและไม่มีปัจจัยลบมากระทบภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้เห็นโครงการดังกล่าว"
ขณะเดียวกันก็ยังมองพื้นที่สำหรับโครงการต่อ ๆ ไป ได้แก่ ปทุมธานี ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจสถานที่ ขณะนี้มีผู้เสนอมาแล้ว 2-3 แห่ง แต่ต้องรอให้โครงการ 2 เสร็จสิ้นก่อน และวางแผนว่า 5 ปีจากนี้ไปจะเปิดคอมมิวนิตี้มอลล์ให้ได้ปีละ 1 แห่ง เน้นตามปริมณฑลและชานเมือง โดยกลุ่มเป้าหมายจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่ได้เน้นเฉพาะกลุ่มบีขึ้นไปเหมือนโครงการแรก
"หากสถานการณ์การเมืองเรียบร้อย พื้นที่บริเวณเดียวกัน เดอะ พาซิโอ เราจะเดินหน้าโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่ทำงานในแถบศรีนครินทร์ สุวรรณภูมิ เช่น ผู้บริหารบริษัท พนักงานสายการบิน อาจารย์ ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างติดต่อกับหน่วยงานราชการเรื่องการอนุมัติจำนวนห้อง" นายชาญกล่าว
นายชาญ เลิศประเสริฐภากร ประธาน บริษัท โตโยต้า ทีบีเอ็น จำกัด ดีลเลอร์โตโยต้าและผู้บริหารคอมมิวนิตี้มอลล์ เดอะ พาซิโอ (The Paseo) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากเปิดตัวเดอะ พาซิโอ คอมมิวนิตี้มอลล์ ย่านศรีนครินทร์ เป็นเวลาปีกว่าก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี พื้นที่เช่าเต็มทั้งหมด จำนวนร้านประมาณ 300-400 ร้าน ทราฟฟิกวันละเกือบ 10,000 คน มีรถหมุนเวียนวันละ 3,000-4,000 คัน และมีแผนขยายที่จอดรถเพิ่มอีก คาดว่าภายใน 4-5 ปีจะสามารถคืนทุนได้ นายชาญกล่าวว่า คีย์ซักเซสของเดอะ พาซิโอหลัก ๆ อยู่ที่วาไรตี้ หรือความหลากหลาย ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ทุกอย่างที่ต้องการ และยังมีค่าเช่าในอัตราที่เหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป โดยตั้งแต่เปิดโครงการแรกจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการขึ้นราคาค่าเช่าเลย พร้อมกับการตอบสนอง ชุมชนโดยวัดความต้องการจากการทำวิจัย รวมถึงแม็กเนตสำคัญอย่างศูนย์บริการโตโยต้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่เอื้อประโยชน์กัน และการปรับตัวเพื่อตอบสนองชุมชนและอัพเดตตัวเองอยู่เสมอ
"ความสำเร็จของการทำคอมมิวนิตี้มอลล์อยู่ที่ความใส่ใจร้านค้าที่เข้ามาเปิด ไม่ใช่แค่เก็บค่าเช่า แต่ต้องมีการแนะนำ แก้ไข การทำตลาดร่วมกัน เช่น อีเวนต์ หรือโปรโมชั่น ต้องพยายามให้ทุกคนร่วมมือกัน และมีการสื่อสารที่ชัดเจนสำหรับคอมมิวนิตี้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นต้องไม่มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะการบริหารและคอนเซ็ปต์ของแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน ยิ่งมีคอมมิวนิตี้มอลล์เยอะ ๆ ยิ่งดี เพราะทำให้คนคุ้นเคยกับการใช้บริการ"
นายชาญกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจะเปิดโครงการเดอะ พาซิโอ 2 บริเวณพระรามที่ 5-ราชพฤกษ์ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 500-600 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร ใหญ่กว่าโครงการแรกซึ่งมีเนื้อที่ 7,000 ตารางเมตร แต่ต้องรอให้สถานการณ์บ้านเมืองนิ่งเสียก่อน และขณะนี้ยังไม่มีการสรุปเรื่องคอนเซ็ปต์เพราะต้องพิจารณาเรื่องไลฟ์สไตล์ของประชากรในพื้นที่ก่อน
"ตอนนี้ตัวเลขหมู่บ้านในย่านนี้เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ละเดือนตัวเลขประชากรมีการเปลี่ยนแปลงตลอด หากการสำรวจข้อมูลทำได้สำเร็จและไม่มีปัจจัยลบมากระทบภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้เห็นโครงการดังกล่าว"
ขณะเดียวกันก็ยังมองพื้นที่สำหรับโครงการต่อ ๆ ไป ได้แก่ ปทุมธานี ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจสถานที่ ขณะนี้มีผู้เสนอมาแล้ว 2-3 แห่ง แต่ต้องรอให้โครงการ 2 เสร็จสิ้นก่อน และวางแผนว่า 5 ปีจากนี้ไปจะเปิดคอมมิวนิตี้มอลล์ให้ได้ปีละ 1 แห่ง เน้นตามปริมณฑลและชานเมือง โดยกลุ่มเป้าหมายจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่ได้เน้นเฉพาะกลุ่มบีขึ้นไปเหมือนโครงการแรก
"หากสถานการณ์การเมืองเรียบร้อย พื้นที่บริเวณเดียวกัน เดอะ พาซิโอ เราจะเดินหน้าโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่ทำงานในแถบศรีนครินทร์ สุวรรณภูมิ เช่น ผู้บริหารบริษัท พนักงานสายการบิน อาจารย์ ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างติดต่อกับหน่วยงานราชการเรื่องการอนุมัติจำนวนห้อง" นายชาญกล่าว
No comments:
Post a Comment