"ทีซีซี แลนด์"
ดันแหล่งท่องเที่ยวและรีเทลแห่งใหม่ ทุ่มกว่า 1 พันล้าน ผุด "เอเชียทีค เดอะ
ริเวอร์ฟร้อนท์" เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของไทย พร้อมอัดงบฯโปรโมตเต็มสตีม
คาดเงินหมุนเวียน 3-4 พันล้านบาท/ปี เผยไปโรดโชว์เปิดตลาดแล้วที่มาเลเซีย สิงคโปร์
ไต้หวัน ญี่ปุ่น ส่งท้ายปีด้วยงานเวิลด์ แทรเวล มาร์ต ที่ลอนดอน
ก่อนเปิดให้บริการเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้
นายณภัทร เจริญกุล
ผู้อำนวยการโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด
บริษัทของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเดินหน้าโปรโมตโครงการแหล่งท่องเที่ยวและรีเทล
(ค้าปลีก) แห่งใหม่ภายใต้ชื่อ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" บนที่ดิน
72 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านถนนเจริญกรุง ซอย 72-76
โดยรูปแบบโครงการพัฒนาเป็นโอเพ่นมอลล์สไตล์โคโลเนียล (สมัยรัชกาลที่ 5)
ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เฟสติวัล มาร์เก็ต แอนด์ ลิฟวิ่ง มิวเซียม" (Festival
Market and Living Museum) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
โครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4
เฟส โดยเฟสแรกพัฒนาเป็นโอเพ่นมอลล์ใช้พื้นที่ 30 ไร่ แบ่งออกเป็น 4 ย่าน คือ
1.ย่านเจริญกรุง ประกอบไปด้วยร้านค้าของตกแต่งบ้าน และของที่ระลึกกว่า 1,000 ร้าน
รวมถึงโรงมหรสพกว่า 400 ที่นั่ง สำหรับแสดงหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ และคาลิปโซ่
คาบาเรต์ รวมถึงร้านอาหารชั้นนำอีกราว 40 ร้าน
2.ย่านกลางเมือง
เป็นโซนร้านอาหารชื่อดังจากทั่วโลก ลานเบียร์ และจัดกิจกรรมกลางแจ้ง 3.ย่านโรงงาน
เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ ซึ่งรวบรวมร้านอาหาร ร้านค้ามีสไตล์
ขายสินค้าแฟชั่นและของประดับตกแต่งกว่า 500 ร้านค้า
ในอาคารโรงเลื่อยเก่าก็จะรีโนเวต บรรยากาศรับไลฟ์สไตล์คนทันสมัย
และ 4.ย่านริมน้ำ
ประกอบด้วยร้านอาหาร และไวน์บาร์ ในบรรยากาศแบบพาโนรามาติกวิว
พร้อมทางเดินริมน้ำที่ยาวกว่า 300 เมตร นอกจากนี้ ยังมีลานกิจกรรมริมน้ำขนาด
12,000 ตารางเมตร รองรับกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งคอนเสิร์ต
และงานเปิดตัวสินค้าได้ตลอดทั้งปี
โดยมีแนวคิดมุ่งนำเสนอเรื่องราวของอดีต
ปัจจุบัน และอนาคตร่วมกัน ด้วยการเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์
และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่นิยมพบปะสังสรรค์
และเป็นสถานที่ในการจัดงานต่าง ๆ
ทั้งตั้งเป้าดันให้โครงการนี้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องมาอีกด้วย
นายณภัทรกล่าวว่า
เฟสแรกลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายของผู้ที่มาเที่ยวราว
3,000-4,000 ล้านบาท/ปี โดยงบฯการตลาดปีนี้อยู่ที่ 30 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 100
ล้านบาทในปี 2555
ทั้งนี้
กลุ่มเป้าหมายของโครงการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มลูกค้า
คนไทยและกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งหลัก ๆ จะเป็นนักท่องเที่ยวจีน ฮ่องกง
และสิงคโปร์ ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบจับจ่ายในสัดส่วน 50:50 โดยประเมินว่าจะมีลูกค้า
20,000 คน/วัน โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเซ็นสัญญาจองร้านค้าทั้ง 1,500
ร้านค้า 100% แล้ว โดยให้ราคาเช่าพิเศษในช่วง 3 ปีแรก
เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวและอยู่ได้ต่อไป
"การโปรโมตโครงการเอเชียทีคฯ
มุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยผ่านบริษัททัวร์ต่าง ๆ
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และจัดโรดโชว์ที่ต่างประเทศแล้วที่มาเลเซีย
สิงคโปร์ ไต้หวัน และได้ร่วมเดินสายกับททท. โรดโชว์ที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
และในตุลาคมนี้จะไปคุนหมิง ประเทศจีน และในเดือนพฤศจิกายน
เตรียมโปรโมตในงานเทรดโชว์สำคัญ อย่างเวิลด์ แทรเวล มาร์ต (WTM)
ที่ลอนดอน"
โดยในช่วงแรกจะมีอีเวนต์ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาในวันลอยกระทง
เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ
ก่อนเปิดให้บริการในปลายเดือนธันวาคมนี้และจะเปิดให้บริการทั้งเฟส 1
อย่างเป็นทางการในต้นเดือนเมษายนปีหน้า
สำหรับส่วนที่เหลือในอีก 3
เฟสนั้น จะประเมินผลการดำเนินงานในปีแรก (2555) ของโครงการในเฟสแรกก่อน
แล้วค่อยวางแผนต่อไป โดยอย่างน้อยในมาสเตอร์แปลน 72 ไร่ จะมีโรงแรมระดับ 5 ดาว 1
แห่ง นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียมและแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว (tourist
attraction) เช่น จุดชมวิว เป็นต้น
No comments:
Post a Comment