"เซเว่นอีเลฟเว่น" จัดบรรยาย "พลวัตค้าปลีกในกระแสโลกาภิวัฒน์" ลุยกลยุทธ์ เรดโอเชียน-บลูโอเชียน-ไวท์โอเชียน
รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวในงาน "พลวัตค้าปลีกในกระแสโลกาภิวัฒน์" ว่า ปัจจุบัน ประเทศกำลังพัฒนาอย่างอเมริกาและยุโรปมีอัตราการเติบโตของจีดีพีลดลง เนื่องจากปัญหาค่าแรงแพง ค่าครองชีพสูง และต้นทุนวัตถุดิบขึ้น ส่งผลให้ศักยภาพการแข่งขันลดลง จึงเป็นโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะในเอเชียมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะมีพื้นที่ทางทุนนิยมเหลือมากกว่า และมีอัตราการบริโภคต่ำ โดยภูมิภาคเอเชียมีประชากรรวมเป็น 60% ของประชากรทั้งโลก
ประกอบกับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะมีผลให้เกิดการเคลื่อนของการค้าเสรี การลงทุนเสรี ภาคบริการ และการไหลเวียนอย่างเป็นอิสระของบุคลากร ระหว่างประเทศในอาเซียน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน อย่างกรณีประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีแผนจะลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทยมากขึ้น หลังผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิลดลง เช่นเดียวกับจีนที่มีแผนลงในต่างประเทศนับแสนล้านเหรียญ จะทำให้เกิดพลวัตหรือการเปลี่ยนแปลงในเอเชียมากขึ้น
"ชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตัวของภาคเมือง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ ยกตัวอย่าง การเกิดครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การหันมาใช้บริการคอนวีเนียนสโตร์และโมเดิร์นเทรดมากขึ้น สินค้าประเภทพร้อมทาน พร้อมปรุง จะเติบโต"
นอกจากนี้ ยังเกิดตัวแปรที่สำคัญในธุรกิจค้าปลีก 5 ประการ ได้แก่ 1.อาหารและความสนุกสนาน (Food and Fun) 2. ความรวดเร็วและสะดวกสบาย (Fast and Convenient) 3.การหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ (Finding New Opportunity) 4.การบริหารเงินทุนที่ดี (Fund Managerment) และ 5.การขยายตลาดต่างประเทศ (For Expansion)
ด้าน นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอิ่มสะดวก "เซเว่นอีเลฟเว่น" กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ในยุคที่เซเว่นฯ มี 3,000 สาขา ก็เริ่มเปลี่ยนจากการทำกลยุทธ์เรดโอเชี่ยน มาบูรณาการหรือผสมผสานกับกลยุทธ์บลูโอเชี่ยนจนเกิดนวัตกรรมใหม่ ที่ยังไม่ค่อยมีในธุรกิจค้าปลีก อาทิ บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ ฯลฯ ช่วง 6 ปี หลัง ก็เริ่มทำอาหารแช่แข็งอีซี่โก ซึ่งขายดีมาก และต่อมาก็มีอาหารแช่เย็น ช่วยให้เกิดการเติบโตต่อสาขาต่อเนื่อง 7-8 ปี
ขณะนี้เซเว่นฯ อยู่ระหว่างทดลองสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเรื่องสุขภาพ อย่างเบเกอรี่ ผลไม้ปั่น กาแฟ ทดลองใน 40 สาขา ซึ่งพบว่ามีการเติบโตน่าพอใจ จึงมีโอกาสที่จะขยายอย่างก้าวกระโดดตามแผนขยายสาขาของเซเว่นฯ ที่ตั้งไว้ว่าภายใน 2 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 7,000 สาขา จากที่มีอยู่ตอนนี้ 6,000 สาขา และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 6,300 สาขา ลงทุนเปิดสาขาใหม่ปีละ 1,500 บาท ขยายปีละ 500 สาขา
ระหว่างนี้ เซเว่นฯ ก็กำลังเตรียมสินค้ารองรับกลุ่มลูกค้าสูงวัย และการเตรียมสินค้ากับครอบครัวเล็กๆ โดยเฉพาะอาหารฟาสฟู้ด รวมถึงการเตรียมตัวรับลูกค้ากลุ่มเกษตรกร ที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต
"คอนวีเนี่ยนสโตร์ทั้งตลาดมีรวมกัน 10,000 สาขา ในช่วง 5 ปี ข้างหน้า ก็มีโอกาสสูงที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 60,000 สาขา ตอนนี้ที่เป็นเกษตรกรยังมีน้อยมาก เพราะเขายังมีปัญหาหนี้สิน จึงไม่กล้าซื้อของแพง แต่ในอนาคตเมื่อจีดีพีเพิ่มขึ้น สินค้าเกษตรมูลค่าสูงขึ้น ก็เป็นโอกาสของซีพีออลล์ที่จะเปิดสาขาเจาะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้"
ควบคู่กับการทำกลยุทธ์ไวท์โอเชียน ซึ่งเป็นนโยบายของซีอีโอที่ต้องการช่วยสังคมในเรื่องภาวะโลกร้อน โดยร่วมมือกับซัพพลายเออร์ผลิตสินค้ากรีนโปรดักส์ทดลองจำหน่ายในร้าน ตลอดจนการช่วยเหลือสังคมด้วยการประหยัดพลังงาน และยังได้ทดลองสาขาต้นแบบประหยัดพลังงานแล้วที่ซอยสุขุมวิท 89 จะเริ่มขยายต่อไปในปีหน้า และอนาคตก็จะเดินตามรูปแบบนี้แน่นอน
No comments:
Post a Comment