สเวนเซ่นส์ปรับยุทธศาสตร์ไม่เร่งเปิดสาขาใหม่ หันโฟกัสสาขาเดิม เฟ้นการเติบโตทุกร้าน ลุยรีโนเวต 20 แห่งปีนี้ ชูคอนเซ็ปต์ใหม่ คลาสสิก มีสไตล์ ลดสีสันจัดจ้าน ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เปิดตัว เมนูมะม่วงช่วงซัมเมอร์ หวังโต 8% คาดทั้งปีโต 7%
มร. ปีเตอร์ คิง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ ไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กลยุทธ์หลักของสเวนเซ่นส์ในปีนี้จะกลับมาโฟกัสที่สาขาเดิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แต่ละสาขาและสร้างการเติบโตด้านยอดขายของ same store ไม่เพียงเป็นการเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ ๆ จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสเวนเซ่นส์มีการเปิดสาขาอย่างรวดเร็วมาก โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาประมาณ 10 สาขา น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีการขยาย 15 สาขา ขณะที่ปีก่อนหน้านี้จะเน้นขยายสาขาปีละ 30 สาขา
ทั้งนี้ จะเป็นการอัพเกรดสาขาที่มีอยู่ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ามากขึ้น โดยปัจจุบัน สเวนเซ่นส์มีสาขาถึง 220 แห่ง คาดว่าจะรีโนเวตสาขาปีนี้รวม 20 สาขา โดยจะเป็นดีไซน์ใหม่ คือจะเน้นอัพเกรดดีไซน์ให้มีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นในสไตล์ที่เรียกว่า "Urban eco chic" ที่เน้นความมีสไตล์และคลาสสิกมากขึ้น ลดสีสันที่จัดจ้านลงเพื่อตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันมีสาขาที่รีโนเวตแล้ว 5 สาขา อาทิ เซ็นทรัล พระราม 3, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยสามารถเพิ่มฐานลูกค้าและมียอดขายเพิ่มขึ้น 10%
"เราต้องการทำให้แน่ใจว่าแต่ละร้านยังคงดึงดูดลูกค้าได้ ร้านยังทันสมัย และมีบรรยากาศที่ดี ลูกค้าแฮปปี้เมื่อเข้ามาใช้บริการ ปัจจุบันบางสาขาเก่ามากจำเป็นต้องปรับปรุง ขณะเดียวกันเมื่อมีการเปิดสาขาอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แต่ละร้านอยู่ในทำเลที่ใกล้เคียงกัน เราจึงต้องกลับมาพิจารณาในเรื่องนี้ และทำให้ทุกสาขาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
มร.คิง กล่าวว่า ปัจจุบันโอกาสการขยายสาขายังมีอีกมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ขณะที่ในกรุงเทพฯบริษัทก็มองว่ายังมีโอกาสเช่นเดียวกัน ขณะนี้มีห้าง ศูนย์การค้า และทำเลต่าง ๆ ในกรุงเทพฯที่บริษัทมองว่ามีศักยภาพในการเปิดสาขา 6-7 สาขา อย่างไรก็ตาม แนวทางจากนี้จะไม่ได้เน้นขยายรวดเร็วเหมือนสมัยก่อน แต่จะมีความรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น
"เราจะเซ็กเมนต์ลูกค้าตามโลเกชั่นที่สาขานั้น ๆ ตั้งอยู่ ที่เห็นชัดคือฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตซึ่งมีการรีโนเวตดีไซน์ใหมโดยเน้นจับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มคนเริ่มทำงาน ขณะที่ชั้น 3 ซึ่งใกล้โรงหนังก็จะเน้นกลุ่มวัยรุ่น"
ปัจจุบันตลาดไอศกรีมพรีเมี่ยมมีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท สเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่งถึง 80% แต่ก็ไม่ได้ประมาทกับบรรดาคู่แข่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาด แต่เน้นพัฒนาเรื่องต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันสเวนเซ่นส์ถือเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดร้านอาหารประเภทไลต์ฟู้ด หรือร้านในกลุ่มเบเกอรี่, กาแฟ ฯลฯ ในแง่ของความแข็งแกร่งของแบรนด์
ล่าสุดในช่วงซัมเมอร์นี้ได้เปิดตัว โปรโมชั่นมะม่วงในปีนี้แตกต่างจากปีก่อน ซึ่งได้มีการเพิ่มวาไรตี้ทั้งรสชาติมะม่วง นอกจากไอศกรีมซันเดย์ ซัมเมอร์ บรีซ แมงโก้ ยังเพิ่มทาโร แมงโก้ ไอศกรีมมะม่วงเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวม่วง เผือกกรอบ โรยด้วยซอสเผือก แตกต่างจากทุกปี ตั้งเป้าเติบโตในช่วงมีนาคม-เมษายน อยู่ที่ 8%
นอกจากนี้ ยังมี 2 ไซซ์ในราคา 59 บาท และ 79 บาท ตอบโจทย์กำลังซื้อที่แตกต่างกัน จากปีก่อนที่บริษัทใช้กลยุทธ์ราคาที่ 49 บาท จากเศรษฐกิจที่ซบเซาส่วนปีนี้เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้น โดยเน้นเรื่องความคุ้มค่า คุ้มราคามากกว่าลดราคาสินค้าอย่างเดียว
มร. คิงกล่าวทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ปีที่แล้วในช่วงครึ่งปีแรกไม่ดีนักจากสถานการณ์ปิดสนามบินและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่กลับมากระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 โดยปีที่แล้วสเวนเซ่นส์มีฐานลูกค้าที่เข้ามารับประทานไอศกรีมถึง 34 ล้านคน และมียอดขายภาพรวมเติบโตขึ้น 9-10% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 7% เพราะไม่เน้นการขยายเชิงรุก โดย 2 เดือนแรกที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดีมาก ต่อเนื่องมาถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมที่เติบโตถึง 20% แต่เริ่มลดลงเมื่อมีปัจจัยลบต่าง ๆ โดยเฉพาะการชุมนุมของเสื้อแดงที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเดือนมีนาคม
No comments:
Post a Comment