Pages

Saturday, May 30, 2009

HOUSE BRAND IN THAILAND


ยักษ์ค้าปลีกเพิ่มดีกรีกระหน่ำเฮาส์แบรนด์ สบช่องลูกค้ากระเป๋าแฟบเดินหน้าปูพรมปั้นสินค้าใหม่จูงใจ พร้อมแผนแทรกซึมสินค้าลงตลาด ทำแพ็กเกจละม้ายแบรนด์ผู้นำ "บรีส-เนสกาแฟ-ซิล์ค" ตั้งราคาแสนจูงใจ "โลตัส" เปิดเกมดึงลูกค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ด้วยแผนทดลองสินค้า พร้อมใบการันตีคุณภาพ ขณะที่ "บิ๊กซี" เอาดีสินค้าโอท็อป ผนึกกำลังซัพพลายเออร์ท้องถิ่น ดึงหมวดอาหารเสริมทัพ



price comparison



แนวรบสินค้าเฮ้าส์แบรนด์กลับมาได้รับการจับตามองจากแวดวงสินค้าอุปโภคบริโภคอีกครั้งเมื่อยักษ์ใหญ่ค้าปลีก อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ ฯลฯ ต่างให้น้ำหนักกับสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสินค้าที่ออกสู่ท้องตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงแพคเกจจิ้งสินค้าที่ละม้ายกับสินค้ากลุ่มเจ้าตลาด แต่เมื่อเทียบราคากันแล้วต่ำกว่าร่วมๆ ครึ่ง

นอกจากความเคลื่อนไหวของสินค้า เฮาส์แบรนด์เป็นที่น่าสังเกตว่ายักษ์ใหญ่แต่ละค่ายพยายามตอกย้ำภาพลักษณ์การจำหน่ายสินค้าในราคาที่ "ถูกกกว่า" คู่แข่งมีความถี่เพิ่มขึ้นด้วย



สบช่องบูมเฮาส์แบรนด์



จากการสำรวจการใช้สื่อสิ่งพิมพ์ของห้างค้าปลีกในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าห้างค้าปลีกต่างให้พื้นที่โฆษณาแก่สินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น โดยเริ่มเปิดฉากด้วย "บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์" ที่มีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 กับโปรโมชั่นฟันราคากับสินค้า เฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท" ที่เน้นกลุ่มเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ขณะที่ "เทสโก้ โลตัส" ก็รุกทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์ ภายใต้คำโฆษณาที่ว่า ราคาถูกกว่า แค่เปลี่ยน...คุณก็ประหยัด มุ่งให้ลูกค้าหันมาใช้เฮาส์แบรนด์แทนแบรนด์ทั่วไป



ปัจจุบันเฮาส์แบรนด์ของเทสโก้ฯมีกว่า 8,000 รายการ ครอบคลุม 67 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งจากแบรนด์เทสโก้ และแบรนด์คุ้มค่า โดยแบรนด์คุ้มค่านั้นจะเน้นผลิตสำหรับลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุด ส่วนแบรนด์เทสโก้ เน้นทำตลาดในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์ชั้นนำอยู่เป็นประจำ แต่ขายในราคาที่ประหยัดกว่า







ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจของบิ๊กซีพบว่าความนิยมของลูกค้าที่มีต่อเฮาส์แบรนด์มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ย 5% และปีนี้บิ๊กซีวางแผนเปิดตัวเฮาส์แบรนด์ให้ครบ 200 รายการ ขณะที่ คาร์ฟูร์ซึ่งเพิ่งเริ่มลอนช์สินค้าเฮาส์แบรนด์เมื่อเดือน เมษายนปีที่แล้ว ปัจจุบันมีรายได้จากเฮาส์แบรนด์คิดเป็น 5% จากยอดขายรวม จะเพิ่มน้ำหนักสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าอีกอย่างน้อย 10-15% ด้านเทสโก้ฯวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเฮาส์แบรนด์อยู่กว่า 8,000 รายการ



ท้าชนแบรนด์ดังเจ้าตลาด



ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวจากเทสโก้ฯให้ข้อมูลว่า จากปัจจัยเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์แทน แบรนด์หลักในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหารรายย่อยอย่างร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารตามสั่งที่นิยมใช้สินค้าโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นแบรนด์มากนัก เช่น กระดาษทิสชู น้ำยาล้างจาน น้ำมันพืช ฯลฯ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เทสโก้ฯได้เปิดตัวผงซักฟอกแบรนด์ "พลัส" พร้อมๆ กัน 2 สูตร คือสแตนดาร์ด พลัส และคัลเลอร์ พลัส ราคาถูกกว่าแบรนด์ทั่วไปเกือบ 50% สำหรับแพ็กเกจผงซักฟอก "พลัส" ในแง่การจัดวางตัวอักษร และสีของตัวอักษรจะคล้ายคลึงกับ "บรีส"



นอกจากนี้ ยังมีเทสโก้ กาแฟสำเร็จรูป ที่ออกมาชนกับเนสกาแฟ เรดคัพ ด้วยการใช้ภาพแก้วกาแฟสีแดงกับกาแฟที่มีไอร้อนลอยเหนือแก้ว หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มเทสโก้ ที่ใช้แพ็กเกจสีชมพู พื้นหลังเป็นดอกกุหลาบคล้ายๆ กับน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท ขณะที่ห้างคาร์ฟูร์มีกระดาษชำระเฮาส์แบรนด์ที่มีแพ็กเกจสีเขียวใกล้เคียงกับแบรนด์กระดาษชำระซิลค์ หากไม่สังเกต ผู้บริโภคจะไม่รู้เลยว่าสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าเฮาส์แบรนด์



ด้านความเคลื่อนไหวของห้างคาร์ฟูร์มีรายงานแจ้งมาว่า ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมถึง 11 มิถุนายน คาร์ฟูร์จะนำสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง รวมทั้งสินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ มากกว่า 100 รายการ มาจัดโปรโมชั่นในรายการ "ลดยิ่งใหญ่ครึ่งปี ครึ่งราคา"



เพิ่มน้ำหนักบูม "เฮาส์แบรนด์"



นางสาวฤดี เอื้อจงประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อน จนถึงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บิ๊กซีให้ความสำคัญกับสินค้าเฮาส์แบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยลอนช์สินค้าไอเท็มใหม่ๆ เพิ่มอีก 32 รายการ รวมปัจจุบันมีกว่า 100 รายการ เน้นกลุ่มอาหารและของใช้ในครัวเรือนและจากนี้ไปจะพยายามลอนช์สินค้าใหม่ ทุกไตรมาส โดยเฉพาะสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น เครื่องแกง ขนม น้ำพริก ฯลฯ



ขณะที่นายคริสต๊อป เอชีวาร์ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์สินค้าบริโภค เทสโก้ โลตัส ให้ข้อมูลกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ในฐานะผู้นำด้านสินค้าเฮาส์แบรนด์ เทสโก้ฯจะมุ่งนำเสนอสินค้าคุณภาพที่หลากหลายครอบคลุม ในราคาประหยัด เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าแบรนด์ชั้นนำเฉลี่ย 20%



สร้างภาพผู้นำ "ราคา"



นางสาวฤดีกล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย บิ๊กซีจะให้ความสำคัญกับเฮาส์แบรนด์มากขึ้น เนื่องจากจุดแข็งเรื่องราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ทั่วไป 20-40% ประกอบกับโปรโมชั่นจูงใจจะช่วยลูกค้าที่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจเปิดใจให้เฮาส์แบรนด์มากขึ้นในช่วงนี้



"ขณะนี้ทุกห้างต่างแข่งขันกันเรื่องความเป็นผู้นำด้านราคา และกลยุทธ์หลักที่นำมาใช้ก็คือสินค้าเฮาส์แบรนด์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ต้องลงทุนเรื่องการทำตลาด จึงมีราคาถูกกว่าแบรนด์ทั่วไป เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ที่ต้องการความประหยัดในภาวะนี้"



นายคริสต๊อปกล่าวว่า ปีนี้บริษัทมุ่งสื่อสารให้ลูกค้าทราบถึงความคุ้มค่าและคุณภาพของสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น เน้นกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และให้ข้อมูลความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์เฮาส์แบรนด์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ลองใช้สินค้าและสัมผัสถึงคุณภาพด้วยตัวเอง โดยมีแผนจะจัดบูททดลองสินค้าภายในเทสโก้ฯ เพื่อให้ลูกค้าได้ชิม สัมผัส และทดลองสินค้า นอกจากนี้ยังมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในทุกสัปดาห์และทุกเดือนอีกด้วย



"บางประเทศ เรานำเสนอสินค้าเฮาส์แบรนด์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ไฟเนสส์ ในอนาคตเมื่อตลาดเฮาส์แบรนด์ในไทยเติบโตมากกว่านี้ เราจะนำเข้ามาทำตลาด"



ด้านความเคลื่อนไหวของห้างคาร์ฟูร์มีรายงานแจ้งมาว่า ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมถึง 11 มิถุนายน คาร์ฟูร์จะนำสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง รวมทั้งสินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ มากกว่า 100 รายการ มาจัดโปรโมชั่นในรายการ "ลดยิ่งใหญ่ครึ่งปี ครึ่งราคา"



ชูคุณภาพเรียกความเชื่อมั่นลูกค้า



นอกจากเทสโก้ฯจะชูภาพความเป็นห้างที่จำหน่ายสินค้าราคาถูกแล้ว เทสโก้ฯเริ่มให้ความสำคัญกับการชูภาพสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล โดยแบ่งพื้นที่โฆษณาส่วนหนึ่งเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าเฮาส์แบรนด์จากใบรับรองคุณภาพของสถาบันต่างๆ เช่น จีเอ็มพี ไอเอพี ฯลฯ



นายคริสต๊อปให้ข้อมูลว่า ได้ลงทุนไปถึง 50 ล้านบาทในทุกๆ ปี เพื่อผลิตสินค้าทุกชิ้นให้ได้ตามมาตรฐาน และยังลงทุนอีก 30 ล้านบาทต่อปีในกระบวนการควบคุมคุณภาพสินค้า



ขณะที่นางสาวฤดีกล่าวว่า ก่อนที่สินค้าเฮาส์แบรนด์แต่ละตัวจะออกสู่ตลาด ต้องผ่านการการันตีคุณภาพจาก อย.อยู่แล้ว และแต่ละแบรนด์ก็จะมีระบบคิวซี (Quality Control) ของตัวเอง ทั้งนี้การนำเสนอภาพลักษณ์สินค้าคุณภาพมีเป้าหมายเพื่อซื้อใจลูกค้าให้กล้าเปลี่ยนมาใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์ทดแทนแบรนด์หลักมากขึ้น




Thursday, May 28, 2009

เทสโก้โลตัส เปิดตัวโครงการ "สุขภาพดี หมายเลข 5" TESCO LOTUS LAUNCHES NEW CAMPAIGN

Tesco LotusImage by isriya via Flickr


นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า "โครงการสุขภาพดีหมายเลข 5 เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ปณิธาน "เราใส่ใจคุณ" ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์คุณค่าที่ดีให้ลูกค้า นอกเหนือจากการนำเสนอบริการที่ดีและสินค้าราคาประหยัดเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า เทสโก้ โลตัส ยังต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าหันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้ด้วย 2 แนวทาง คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่การออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำเพิ่มขึ้นอีกนิดเดียวในแต่ละวันได้ง่ายๆ และจะสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน"




"เนื่องจากเรามุ่งหวังให้ทุกคนมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าจากโครงการสุขภาพดีหมายเลข 5 และเราเล็งเห็นว่าแรงขับเคลื่อนที่ดีและมีประสิทธิภาพควรจะเริ่มจากภายใน นั่นก็คือพนักงาน เพราะเราเชื่อว่าเมื่อพนักงานมีสุขภาพที่ดี ก็จะเกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะเชิญชวนให้ลูกค้ามีสุขภาพและชีวิตที่ดีด้วย สำหรับการทำการตลาดประชาสัมพันธ์ จึงได้มีการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการพร้อมจัดทำจดหมายข่าวภายในเพื่อประชาสัมพันธ์ และได้มีการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการพร้อมจัดทำจดหมายข่าวภายในเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่พนักงาน"



นายกวิน กล่าวว่า สำหรับลูกค้า บริษัทได้เตรียมสื่อประชาสัมพันธ์โครงการและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่พนักงาน สำหรับลูกค้าเราได้เตรียมสื่อประชาสัมพันธ์โดยได้เปิดตัวป้ายประชาสัมพันธ์ (POS) พร้อมซิงเกิ้ลเพลง "สุขภาพดี หมายเลข 5" เพื่อให้ข้อมูลความรู้ และคำแนะนำง่ายๆ แก่ลูกค้า ทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย พร้อมเชิญชวนลูกค้าให้มาออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน โดยสื่อประชาสัมพันธ์และซิงเกิ้ลเพลงจะติดตั้งและประชาสัมพันธ์ในเทสโก้ โลตัส กว่า 161 สาขาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบ ไฮเปอร์ มาร์เก็ต เทสโก้ โลตัส คุ้มค่า และตลาดโลตัส



นอกจากนี้เทสโก้ โลตัสยังแนะนำป้ายสัญลักษณ์ทางโภชนาการ ซึ่งจะมีติดไว้บนแพ็กเกจของสินค้าในหมวดอาหารตราเทสโก้ทุกชนิด เพื่อแจ้งคุณค่าทางอาหารที่ลูกค้าบริโภค โดยเทสโก้ โลตัส นับเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ทำป้ายสัญลักษณ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2550



ลูกค้าที่มาจับจ่ายที่เทสโก้ โลตัส จะได้รับคำแนะนำและเคล็ดลับการมีสุขภาพดีทั้งในเรื่องของอาหารและการออกกำลังกายผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ ที่ติดไว้โดยทั่วบริเวณห้าง รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ทางโภชนาการที่ติดไว้บนสินค้าตราเทสโก้ทุกชนิดแล้ว ลูกค้ายังสามารถวางใจในคุณภาพ ความสะอาด สดใหม่ของอาหารสด ทั้งผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในเทสโก้ โลตัสอีกด้วย



Reblog this post [with Zemanta]

Monday, May 25, 2009

แม่ทัพห้าง "โอเดียนหาดใหญ่" สู้ไม่ถอย

Alone @ SongklaImage by .Live.Your.Life. | di ako bakla | via Flickr

ฝ่าวิกฤตนับครั้งไม่ถ้วน...! แม่ทัพห้าง "โอเดียนหาดใหญ่" สู้ไม่ถอย



สัมภาษณ์



โดย วิชยันต์ บุญโชติ



ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ใจสู้ "นฤมล อมรรัตน์วิทยา" รองกรรมการผู้จัดการห้างสรรพสินค้าโอเดียน ช็อปปิ้งมอลล์ หาดใหญ่ แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ เลวร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เมื่อครั้งน้ำท่วมหาดใหญ่ในปี 2543 ยังมาเจอเหตุระเบิดหน้าห้างเมื่อวันที่ 17 ก.ย.2549 ส่งผลกระทบต่อยอดขายที่หดหายไปในแต่ละปี

ล่าสุดยังไม่พ้นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เช้ามืดของวันที่ 28 เม.ย.2552 ที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ขึ้นที่แผนกซูเปอร์มาร์เก็ต ชั้น 2 ของห้างโอเดียน ศูนย์การค้าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 กลางใจเมืองหาดใหญ่ แต่โชคดีที่สามารถสกัดเพลิงได้ทันหวุดหวิดก่อนจะโหมไหม้ทั้งห้าง


ครั้งนี้แม้จะได้รับความเสียหายไม่มากนัก แต่ควันไฟโขมง มีเขม่าดำปกคลุม ส่งผลให้ภายในตัวอาคารของห้างเสียหาย จึงต้องปิดปรับปรุงเป็นการชั่วคราวประมาณ 1 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์รายละเอียดการประกันภัยที่ทำไว้ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร พร้อมทั้งเตรียมการปรับโฉมห้างใหม่

นฤมลบอกว่า แม้จะเจอกับศึกหนัก แต่ก็ยังยิ้มรับกับทุกปัญหา เพราะเธอมองโลกในแง่ดีว่าทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ และเธอยังอาศัยช่วงวิกฤตนี้แปรมาเป็นโอกาสทันทีด้วยการสวมหัวใจนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ นำสินค้าที่มีอยู่ทั้งห้างออกมาลดกระหน่ำ ล้างสต๊อกครั้งใหญ่ ซึ่งได้ผลเกินคาด ยอดขายทะลัก ล้างสต๊อกไปได้เกือบหมด

และยังได้เห็นรอยยิ้มของเธออย่างจริงใจ เธอบอกว่าไม่เป็นไร แม้จะเสียหายจากการปิดปรับปรุง 1 เดือน ทำให้รายได้หายไปกว่า 50 ล้านบาท แต่ก็สามารถขายสินค้าที่เหลืออยู่จนเกือบหมด และจะถือโอกาสนี้รีโนเวตห้างครั้งใหญ่ไปเลย เพราะไหนๆ ก็ปิดยาว 1 เดือนแล้ว พอเปิดอีกทีก็ขอให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่ได้ปรับปรุงห้างมานานแล้ว ส่วนเงินลงทุนนั้นก็คงจะหลายล้านบาททีเดียว

จากจุดแข็งของห้างโอเดียนหาดใหญ่ที่มีมานาน คือการอยู่ในใจกลางเมือง และมีสินค้าแผนกเสื้อผ้าครบครัน พนักงานขายของห้างสามารถพูดจาสื่อสารกับชาวมาเลเซียได้ดี จึงถูกอกถูกใจนักช็อปกลุ่ม อาซ้ออาเฮียชาวมาเลเซียยิ่งนัก





ส่วนนักช็อปชาวไทยก็ไม่ได้ห่างหายไปไหน จากการที่ทางห้างขนสินค้ามาลดกระหน่ำอยู่เรื่อยๆ ทั้งปี สามารถดึงลูกค้าได้แทบทุกระดับชั้น

สำหรับยอดขายในปีนี้ นฤมลบอกว่าคงจะต้องเหนื่อย แต่ได้ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตอย่างน้อย 5-10% เพราะมีสัญญาณที่ดีที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เข้ามามากขึ้น แต่มาสะดุดเกิดเหตุไฟไหม้ อาจทำให้ต้องลุ้นหนักยิ่งขึ้นว่าจะ ขยายตัวตามเป้าที่วางไว้หรือไม่

"เป็นเรื่องปกติของการทำงานที่ต้องเจออุปสรรค อย่างเช่น เราวางเป้าหมายไว้ว่า ในหนึ่งเดือนเราต้องทำเป้าให้ได้เท่าไหร่ แต่เมื่อไม่เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็ต้องมาปรับแผนใหม่ แก้ไปตามต้นเหตุว่าเกิดจากอะไร ถ้าเราไม่หาสาเหตุให้เจอ เราก็แก้ปัญหาไม่ถูก อาจหลงทางในการแก้ปัญหาได้"


เธอยังย้ำด้วยว่า หลักการทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้า เราต้องมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ และต้องเคารพกฎกติกาที่เราทำสัญญาการค้ากัน เมื่อเจอปัญหาเราก็เจรจาร่วมกันให้วิน-วินทั้งสองฝ่าย เพราะหากค้าขายกันแล้วประสบความสำเร็จ ก็แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย การทำธุรกิจแล้วชนะอยู่ฝ่ายเดียว มันไม่ใช่ความสำเร็จ

ในตลาดตอนนี้การแข่งขันสูง สินค้าคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อลูกค้าใช้แล้วรู้สึกประทับใจก็กลับมาซื้ออีก การบริการก็ต้องดี ซึ่งการบริการที่ดีก็ต้องมามองถึงพนักงาน เรามองในเรื่องสวัสดิการของพนักงาน เรื่องความเป็นอยู่ ความอบอุ่น การอบรมให้ความรู้ แล้วก็ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข


ตอนนี้ในห้างมีพนักงานประมาณ 300-400 คน การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเป็นเรื่องยากมาก แต่เราต้องพยายามทำให้ได้ ถ้าคนเข้าใจเป้าหมายเดียวกันแล้ว การทำงานก็จะง่ายขึ้น




จากนี้ไปก็คงได้แต่เอาใจช่วยให้เวิร์กกิ้ง วูแมน นักสู้คนนี้ประสบผลสำเร็จให้กิจการห้างโอเดียนกลับมามีชีวิตชีวา เป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้งชั้นนำให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย เข้ามาจับจ่ายให้สะพัดยิ่งๆ ขึ้น !



Reblog this post [with Zemanta]

Monday, May 18, 2009

โลตัสปั้นผงซักฟอก"พลัส"เขย่าบัลลังก์"บรีส"


"เฮาส์แบรนด์" ตบเท้ารุกคืบสินค้าคอนซูเมอร์ "เทสโก้ โลตัส" ขย่มหนัก ส่งผงซักฟอก "พลัส" ชนแบรนด์ดัง แถมตั้งราคาแสนถูก หวังจูงใจ ขณะที่ "บิ๊กซี" เร่งบูม "แฮปปี้บาท" ชูโปรโมชั่นราคาลดกระหน่ำ 40%



detergent housebrand



ที่ผ่านมาแม้ว่าสัดส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่วางตามช่องทางที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่จะมียอดขายไม่ถึง 10% ของยอดขายรวม และหลักๆ เป็นกลุ่มน็อนฟู้ด (nonfood) ที่ลูกค้าสามารถซื้อมาใช้ได้อย่างสะดวกใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นแบรนด์มากนัก แต่ด้วยแรงหนุนจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้สินค้าเฮาส์แบรนด์ไม่รอช้าที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือก แก่ผู้บริโภค โดยรุกคืบมาสู่ตลาดคอนซูเมอร์ โปรดักต์มากขึ้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเทสโก้ โลตัสได้ขยับตัวครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวผงซักฟอกภายใต้แบรนด์ "พลัส" พร้อมๆ กัน 2 สูตร คือ สแตนดาร์ด พลัส สำหรับผ้าขาว มี 3 ขนาด 650 กรัม ราคา 29 บาท, 1,000 กรัม ราคา 45 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 152 บาท และคัลเลอร์ พลัส ขนาด 500 กรัม ราคา 25 บาท, 1,000 กรัม ราคา 48 บาท และ 3,500 กรัม ราคา 159 บาท ผลิตโดยบริษัท บุญโชติ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทำความสะอาดให้กับคาร์ฟูร์ บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส



เมื่อเปรียบเทียบราคากับแบรนด์หลักๆ ในตลาด พบว่าผงซักฟอกพลัสมีราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง เช่น ขนาด 1,000 กรัม พลัส จำหน่ายราคา 45-48 บาท ขณะที่แบรนด์หลักในตลาดจำหน่ายราคา 90-100 บาท




ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับแพ็กเกจของผงซักฟอกน้องใหม่ดังกล่าว ในแง่ของสีสันและตัวอักษร สีของตัวอักษรจะมีความคล้ายคลึงกับผงซักฟอกแบรนด์ หลักๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นบรีส โอโม หรือเปา มองผ่านๆ แทบไม่รู้เลยว่าเป็นเฮาส์แบรนด์



ปัจจุบันตลาดรวมของผงซักฟอกมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท และมียูนิลีเวอร์เป็นผู้ครองมาร์เก็ตแชร์สูงสุดมากกว่า 60% ได้แก่ บรีสและโอโม ตามมาด้วยแอทแทค เปา และแฟ้บ



ก่อนหน้านี้นายกวิณ สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด เทสโก้ โลตัส ให้สัมภาษณ์ว่า การทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์เป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่งของเทสโก้ฯ เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด



ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปีที่แล้วเทสโก้ โลตัสทยอยเปิดสินค้าเฮาส์แบรนด์ ใหม่ๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังจำกัดตัวเองไว้ที่สินค้าทั่วไปและน็อนฟู้ด อาทิ กลุ่มเครื่องนอน เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องเขียน สินค้าแม่และเด็ก อุปกรณ์ทำความสะอาด อาหารสุนัข ฯลฯ



ความเคลื่อนไหวของห้างอื่นก็ไม่น้อยหน้า เริ่มที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ประกาศให้น้ำหนักสินค้าเฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท" ตั้งแต่ช่วงต้นปี เป็นสินค้าราคาประหยัดกว่าสินค้าทั่วไปประมาณ 40% ประกอบด้วยสินค้าอุปโภค (nonfood) สินค้าบริโภค (dry food) และสินค้าอาหารสด (fresh food) โดยทยอยเปิดตัวประเภทสินค้าให้ครอบคลุมทุกไลน์อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะมีสินค้าตราแฮปปี้บาท 200 รายการ



การทำตลาดสินค้าตราแฮปปี้บาทนั้นจะเน้นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ลูกค้าร้านอาหารและภัตตาคาร ลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีและแม่บ้านทั่วไป เมื่อเร็วๆ นี้บิ๊กซียังดัมพ์ ราคาเฮาส์แบรนด์ด้วยโปรโมชั่นฟันราคา ลดราคาสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ถูกอยู่แล้วให้ถูกลงอีก โดยลดลงตั้งแต่ 1-29 บาท อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำปลา ข้าวขาว ซอสหอยนางรม ฯลฯ



ขณะที่ท็อปส์ก็ได้ประกาศรีลอนช์ สินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์, คุกกิ้ง ฟอร์ ฟัน และมาย ช้อยส์ เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง อย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ในขั้นการกำหนด โพซิชันนิ่งของแต่ละแบรนด์ และภายใน 2-3 เดือนนี้จะมีการเปิดตัวน้ำแร่มาย ช้อยส์ ชูจุดเด่นด้านแพ็กเกจที่มีความโดดเด่น จากแบรนด์ทั่วไป ปัจจุบันท็อปส์มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อท็อปส์อยู่แล้ว 300-400 รายการ





Reblog this post [with Zemanta]

Thursday, May 14, 2009

TESCO GROUP SWOT



Strengths
  1. TESCO have secured commercial standing within the global market place winning Retailer of the Year 2008 at the “World Retail Awards”. This can be used for marketing campaigns to drive advantage towards the demographic base for future growth and sustainability.
  2. In an environment where global retail sales are showing decline or level performance on a like for like basis TESCO Group have published sales gain of 13% for UK markets and 26% growth in international markets.
  3. As a business looking for continued expansion TESCO have reserve funds of credit coupled with income derived from property portfolio development funds.

Carrefour Tesco Lotus อุดร กับตั้งงี่สุน

Lotus Tesco in Udon Thani, ThailandImage by sama sama - massa via Flickr





การเข้ายึดพื้นที่วงแหวนรอบเมืองอุดรธานี ฝั่งทิศตะวันออกของคาร์ฟูร์ และเทสโก้ โลตัส ทำให้หลายคนมองการเข้ามาของห้างต่างชาติทั้งสองแห่งว่า ตั้งใจมาสกัดดาวรุ่ง ทุนท้องถิ่น "ตั้งงี่สุน" ที่เลือกมาปักธงตั้งสาขา 2 ในที่แห่งนี้เป็นเจ้าแรก



เค้กก้อนใหญ่ชิ้นนี้ต้องถูกแบ่งอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ทุนท้องถิ่น "เซฟมาร์ท" ถึงแม้จะอยู่ถนนคนละเส้น ก็ยังต้องปรับปรุงโดยการเปิดหน้าร้านของสาขา 2 เมื่อวันที่ 11 พ.ค.นี้เท่านั้น ในส่วนของ "ตั้งงี่สุน" ก็ต้องปรับตัวด้วย โดยเฉพาะสาขา 1 ถนน โพธิ์ศรี กำลังมีการปรับปรุงครั้งใหญ่



นางเสาวลักษณ์ วีระรัตนโรจน์ ผู้บริหารตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ห้างได้ทำป้ายหน้าร้านใหม่ แต่งให้ดูสวย เป็นการปรับปรุงพัฒนาขึ้นให้ดูเก๋ เท่ เพราะห้างต่างชาติมา ความสวยงามก็ต้องเกิดขึ้นไปพร้อมกับเขาด้วย ให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีว่าได้เข้าห้าง



ปัจจุบันกำลังปรับเคาน์เตอร์และพื้นด้านหน้าห้างด้วย ส่วนพื้นที่ด้านในจะทยอยปรับใหม่ โดยเฉพาะส่วนของแผนกเครื่องสำอาง ต้องปรับทั้ง 2 สาขา เฉพาะทำป้ายกับพื้นด้านหน้าของสาขา 1 ใช้งบฯ 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนของห้างทั้งหมด ไม่มีซัพพลายเออร์มาช่วย




ในส่วนของ "ร้านเปี๊ยกมาร์ท" ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อในเครือของเรา ตั้งแต่เปิดให้บริการมาขายดีมาก ยอดขายเป็นไปตามเป้า ขณะนี้กำลังมองหาทำเลทอง เพื่อเปิดสาขา 2 ในลักษณะของการให้เช่าร้าน และซื้อสินค้าจากห้างไปจำหน่าย



แม่ทัพใหญ่ตั้งงี่สุน มองสภาพการ แข่งขันในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคใน จ.อุดรธานีว่า การที่คาร์ฟูร์มาเปิดบริการที่อุดรธานี ส่วนเทสโก้ โลตัส เตรียมจะเปิดปลายปีนี้ ทั้งสองค่ายมาตั้งอยู่เคียงข้าง ตั้งงี่สุนนั้นยอมรับว่าดี เพราะจะเป็นส่วนเสริมจากเดิมที่เคยตั้งอยู่เดี่ยวๆ ทุกคนก็บอกว่าไกล แต่พอคาร์ฟูร์มาตั้งอยู่ใกล้ๆ เรา ทุกคนบอกว่าพื้นที่มันใกล้เข้ามาช่วยเสริมเรา ลูกค้าไปกินข้าวและซื้อของกับเขา แล้วก็มาซื้อของเราด้วย ก็เป็นการเกื้อกูลกัน ทำให้เราดีขึ้น ไม่ได้มองว่าต้องมาเป็นคู่แข่งกัน



"สิ่งแรกที่ต้องทำให้ดี คือ สร้างความรู้สึกของลูกค้าที่เข้าไปซื้อของกับเรา พอเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นเข้ามา ก็เริ่มทำให้รู้สึกว่าใกล้ขึ้น เป็นการเกื้อกูลกัน"



ส่วนของธุรกิจ "บูติคโฮเต็ล" ก็เตรียมจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กันยายน 2552 โดยมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดไป เช่น ระบบความปลอดภัย 100% สระว่ายน้ำ รวมถึงส่วนบริการและความบันเทิงด้วย



Reblog this post [with Zemanta]

CENTRAL CHONBURI OPENS MAY 2009

Central GroupImage via Wikipedia

นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีพีเอ็นเชื่อมั่นในศักยภาพของชลบุรี ซึ่งเป็นเมืองธุรกิจสำคัญ และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เป็นเมืองหลวงของ Eastern Seaboard เป็นศูนย์กลางของนิคมอุตสาหกรรม โดยเตรียมที่จะเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ชลบุรีด้วยงบลงทุน 4,600 ล้านบาเพื่อเป็นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่ทันสมัยที่สุดในภาคตะวันออก สำหรับรองรับประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กว่า 8 ล้านคน และมีชุมชนชาวต่างชาติที่มาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมากมาก


ซึ่งชลบุรีมีตัวเลข GPP หรือ อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวของจังหวัด สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ และยังเป็นศูนย์กลางของอีเว้นท์ด้านกีฬาระดับประเทศ ที่จะมาเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวแต่ที่ผ่านมาชลบุรียังไม่มีศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์


โดยศูนย์นี้มีพื้นที่ 165,000 ตร.ม. ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 200 ร้าน และแบ่งเป็นบนพื้นที่กว่า 58,000 ตร.ม. สำหรับไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่ครบครันทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน Tops Market, PowerBuy, Supersports, B2S, Office Depot, Carrefour และ โรงภาพยนตร์ SF Cinema City จำนวน 7 โรง นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารชั้นนำ, Edutainment Center และ มี Park Lane ซึ่งเป็น Outdoor Retail Experience


นายกอบชัย กล่าวเสริมว่า การพัฒนาศูนย์การค้าของซีพีเอ็นแต่และแห่งให้มีความเฉพาะตัวทุกศูนย์ ด้วยการนำเอา Product Attributes รวมถึง Positioning ของศูนย์ฯ มาเป็นตัวกำหนด เพื่อให้รองรับและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละที่ๆ มีความแตกต่างกันออกไปทำให้มีความโดดเด่นแตกต่างกันไปตามชุมชนบริเวณรอบศูนย์การค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของพื้นที่นั้นๆและพร้อมเปิดเต็มรูปแบบ 29 พค.นี้ภายใต้งบ 80 ล้านบาทเพื่อสร้างสีสัน

Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, May 12, 2009

Finally, IKEA Comes to Thailand 2011

An IKEA Store along Alexandra Road in Queensto...Image via Wikipedia

A Baht 10,000 million lifestyle center in Bangna

Siam Future Development Plc together with IKEA recently hold a signing ceremony for a joint venture "Mega Bangna", a Baht 10,000 million project featuring lifestyle home furnishing center, "IKEA Store" first launched in Thailand.

In a major investment program, Siam Future Development Plc, Thailand’s leading lifestyle Center today announces during the press conference in Bangkok to jointly develop a mega project in urban Bangkok. The joint venture, according to Nopporn Witoonchart, SF Chief Executive Officer, the project is jointly developed by Siam Future, IKANO Pte ( An IKEA owned subsidiary), and S.P.S. Global Trade Co., Ltd.

The project, with estimated value at 10,000 million Baht featuring a Lifestyle Home Furnishing Center with IKEA store for the first time in Thailand.


Nopporn Witoonchat, Chief Executive Officer of Siam Future Development (SF), said in order to handle this mega project, SF Boards of Directors has approved capital increase of Baht 600 million to existing shareholders at a ratio of 1 existing share for 1 new share, at the price of Baht 1.20 per share.

The Board also approved SF to set up SF Development Co., Ltd, a joint venture between SF, IKANO Pte. and S.P.S. Global Trade Co., Ltd., with registered capital of Baht 2,500 millions. SF and IKANO hold 49% each while S.P.S. hold the remaining 2% respectively of the new company which will be established to develop a Mega Bangna, on a 290 rais plot of land along Bangna- Trat Road.

Mega Banga, located on Bangna-Trad Km.9, Kanchanaphisek Outer Ring Road, is designed with a new concept of a one-stop mall of various products and services. Anchor tenants including the much waited for IKEA Store, a 40,000-square-meters store, and department store, branded lifestyle fashion, restaurants, IT center, ultimate entertainment center, and a very large parking lot capable of accommodating 8,000 cars. Mega Bangna’s core target group are new generation aged 20 years and above who love design and home décor, with mid-range to high income and enjoy a comfortable and modern lifestyle. Mega Bangna is projected to officially open in the third quarter of 2011 with target to attract over 40 million visitors per year.

Mr. Korn Chatikavanich, Finance Minister of Thailand, was a guest of honor at the Joint Venture Agreement signing ceremony at the Residence 301 room, Grand Hyatt Erawan Bangkok Hotel.

Mr. Tom Huzell, Managing Director, IKANO Pte. Ltd. said: Thailand is a very important market for IKEA and we are proud to be part of this exciting project. In fact Thailand is one of our production base countries in Asia for our export market.

Mr. Nopporn Witoonchat said: "This joint venture is an important step that goes along with the government policy to build trust and trigger foreign investment in Thailand. Mega Bangna will create 20,000 jobs for the locals while extending business opportunity for other local contractors

SF has a very solid track record since its first inception. We operated 29 lively and well received lifestyle centers in Bangkok and in other major resort cities. The Mega Bangna project extends and enhances our capability to offer ultimate and modern lifestyle for our valued customers., added Mr. Nopporn.

The company’s total rental space will be increased by 260,000 square meters, making the total rental space up to 500,000 square meters as projected, or a 100% growth by 2011. This would significantly boost up its total revenue in years to come.


Reblog this post [with Zemanta]

Monday, May 11, 2009

B-QUIK LAUNCHES NEW BRAND


ตลาดฟาสต์ฟิตมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี ถือเป็นขุมทรัพย์บ่อใหญ่ที่บรรดานักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจ้องกันตาเป็นมัน ใฝ่ฝันอยาก "ขย้ำ" ให้เต็มเขี้ยว ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวแบบนี้ ทางออกของคนใช้รถถ้าต้องการหนีศูนย์บริการที่แพงจนเกือบ เอื้อมไม่ถึง ก็ต้องเลือก "ศูนย์บริการประเภทนี้แหละ"



"ประชาชาติธุรกิจ" บุกสัมภาษณ์ "บุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล" ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานบี-ควิก แย้มถึงแผนปรับตัวและรุกตลาด ปีหน้าพร้อมทั้งกลยุทธ์บดคู่แข่งไว้อย่างน่าสนใจ



- ช่วงนี้ได้ข่าวว่าน่าจะมีอะไรแรงๆ



ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและเตรียมแผนงาน ในการเตรียมขยายไลน์ธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยเบื้องต้นได้วางรูปแบบ ของการให้บริการของศูนย์แห่งใหม่ ให้มีรูปแบบการบริการคล้ายกับศูนย์บี-ควิกในปัจจุบัน แต่จะมุ่งเน้นในรูปแบบของ ความเป็นศูนย์ฟาสต์ฟิต ที่เน้นการให้บริการที่สะดวก รวดเร็วเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ อย่างเป็นทางการภายในปี 2552 นี้แน่นอน



- จะกระทบบี-ควิกมากน้อยแค่ไหน



ก็อาจจะมีบ้าง แต่ลูกค้าจะแตกต่างกัน ในส่วนของบี-ควิกปีนี้มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนสาขาอีกอย่างน้อย 6-10 แห่ง ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นได้เตรียมงบประมาณสำหรับสาขาใหม่ไว้ทั้งสิ้น 100 ล้านบาท โดยแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณสำหรับการก่อสร้างมูลค่า 10 ล้านบาทต่อสาขา และอีก 5 ล้านบาทจะเป็นในส่วนของการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสินค้า




- เน้นตลาดไหนเป็นพิเศษ



ปีนี้ตั้งใจจะขยายเพิ่มสาขาออกไปยังพื้นที่ในส่วนของต่างจังหวัดและหัวเมืองใหญ่ๆ เพิ่มขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมา จะเน้นเปิดสาขาและสร้างแบรนด์ในพื้นที่กรุงเทพฯ จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯนั้นเรามองว่า แม้จะมีจำนวนสาขามากกว่า 50 แห่งในกรุงเทพฯแล้ว แต่โอกาสการขยายตลาดและการเติบโตของพื้นที่ในกรุงเทพฯยังมีอยู่ค่อนข้างมาก ตามสภาพเมือง ที่ขยายออกไป



บวกกับยังมีพื้นที่บางแห่งที่ถือว่ายังเป็นจุดบอด และบี-ควิกยังไม่สามารถเข้าไปให้บริการได้อย่างครอบคลุมด้วย



แต่พื้นที่ในกรุงเทพฯ เราก็จะไม่หยุดการขยายสาขาอย่างแน่นอน เพียงแต่ในช่วง 1-2 ปีนี้คงจะได้เห็นเราออกไปทำตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น อย่างในเชียงใหม่เราก็มีการเปิดสาขาที่ 2 ไปแล้ว และกำลังจะมีการเปิดสาขาที่ 3 ในเร็วๆ นี้ด้วย ส่วนที่อื่นๆ ก็จะมีทั้งชลบุรี พัทยา และตามหัวเมืองใหญ่ๆ ก่อน ส่วนกรุงเทพฯเองก็เพิ่งเปิดสาขาพระราม 2 ด้วย



- ตั้งเป้ารายได้ไว้แค่ไหน



สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีนี้เราตั้งเป้าจะมีรายได้ 1,800 ล้านบาท หรือโตมากกว่า 20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้เชื่อว่ารายได้ของเราจะเป็นไปตาม เป้าหมายนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายเพิ่มสาขาใหม่ในปีนี้



- เศรษฐกิจแบบนี้ทำไมคาดหวังสูง



ยิ่งเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ และหันมาให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษารถยนต์ มากขึ้น บวกกับแบรนด์ของบี-ควิกได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เรามั่นใจ



- มองตลาดต่างประเทศไว้ด้วยหรือไม่



แผนการขยายธุรกิจออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียนั้น ขณะนี้เราได้ตัดสินใจชะลอแผนงานดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากต้องการเน้นทำตลาดต่างจังหวัดให้ประสบความสำเร็จก่อน และคาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้จะมีการขยายออกไปยังต่างประเทศอย่างแน่นอน



- กลยุทธ์การทำตลาด



(อมยิ้ม) เราได้เตรียมงบประมาณมูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการส่งเสริมการตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ รวมทั้งทำภาพยนตร์โฆษณาสำหรับปีนี้ด้วย สภาพการแข่งขันในธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์มาตรฐานในปัจจุบันนั้น ถือว่ามี ค่อนข้างรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือเป็นเรื่อง ดีต่อผู้บริโภค เนื่องจากจะได้รับการบริการที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น



และแม้ว่าปัจจุบันจะมีผู้ให้บริการค่อนข้างหลากหลายแบรนด์ แต่จะพบว่าเป็นศูนย์บริการทางเลือกจริงๆ ให้กับลูกค้านั้นมีค่อนข้างน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นศูนย์บริการที่เป็นช่องทางจัดจำหน่ายของ ผู้ผลิตยางที่ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ขาดซึ่งความหลากหลายของสินค้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบถ้วน




LinkWithin

Related Posts with Thumbnails