นับวันการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคของทุนท้องถิ่นยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะปัจจุบันจังหวัดอุดรธานีกลายเป็นยุทธภูมิของการค้าขนาดใหญ่เสียแล้ว โดยเฉพาะการเข้าปักธงของ "คาร์ฟูร์" เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงและเข้มข้นมากขึ้น
"เซฟมาร์ท" ห้างค้าปลีก-ส่งซึ่งเป็นทุนท้องถิ่นที่ขยับตนเองมาเปิดสาขา 2 นอกเมือง และประกาศสู้กับห้างค้าปลีกข้ามชาติภายใต้การนำของ "สุรศักดิ์ สุระวรรณวิจิตร" กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อึ้งเซ้งเฮง (1994) จำกัด ผู้บริหารห้างค้าปลีก-ส่ง "เซฟมาร์ท" ยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ณ วันนี้ถ้าไม่ปรับตัวอยู่ไม่ได้
แม่ทัพเซฟมาร์ทบอกว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ทางห้างจะจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งอาคารด้านหน้าและเปิดขายเต็มตัว ภายหลังจากขยายสาขา 2 และเปิดเป็นสโตร์ด้านหลังมาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งสาเหตุที่เปิดหน้าร้านครั้งนี้เพราะมองเป็นช่องทางและโอกาส เนื่องจากถนนเลี่ยงเมืองซึ่งอยู่ระหว่างทางออกจังหวัดหนองคาย และทางออกจังหวัดสกลนคร เซฟมาร์ทเป็นห้างเพียงแห่งเดียว นอกเหนือจากห้างขนาดใหญ่เทสโก้ โลตัส ที่ยึดพื้นที่หัวมุมถนนอุดร-หนองคาย และบิ๊กซีที่ยึดหัวมุมถนนอุดร-สกลนครไว้แล้ว
อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนที่มีทั้งการค้าขนาดใหญ่ หมู่บ้านการเคหะ และหมู่บ้านจัดสรรเรียงรายอยู่จำนวนมาก จึงเป็นจุดที่น่าลงทุนเปิดหน้าร้านเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากเดิมที่ต้องเข้าไปซื้อสินค้าที่อาคารด้านหลัง
โดยอาคารด้านหน้ามีทั้งหมด 4 ชั้น ได้ปรับปรุงพื้นที่โดยใช้งบฯลงทุนประมาณ 5-6 ล้านบาท ชั้น 1 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 500 ตารางเมตร จัดให้เป็น Save Mart ลักษณะซูเปอร์มาร์เก็ต ภายในจะเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และอาหารแห้ง ส่วนชั้น 2 จัดเป็นโซนจำหน่ายกาแฟ บริการอินเทอร์เน็ต และกำลังเจรจากับสินค้าประเภทเสื้อผ้า และเครื่องกีฬาแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งด้วย โดยจะเปิดบริการ ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
ซึ่งในวันเปิดมีซัพพลายเออร์ 40-50 ราย ตอบรับมาร่วมงาน และนำสินค้ามาจัดโปรโมชั่นแรงๆ มากมาย และยังได้นำของแจก ของแถมมาร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมตรวจมวลกระดูก และดารา นักร้อง มาร่วมงานอีกด้วย
สุรศักดิ์กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาทางร้านได้จัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย ร้านค้าย่อยตามต่างอำเภอเพื่อกระตุ้น ยอดขาย และออกพบปะกับคู่ค้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านค้าต่างๆ ให้คำแนะนำและปรึกษาด้านการค้า ขณะที่ในส่วนของการค้าปลีกได้เดินหน้า จัดกิจกรรมการตลาดกับสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 5,000 ราย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้สามารถซื้อสินค้าต่างๆ ภายในร้านและรับสิทธิซื้อสินค้าที่จัดโปรโมชั่น เพื่อสะสมคะแนนแลกรับของรางวัลต่างๆ ช่วงปลายปี ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
โดยสิทธิพิเศษที่ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับอีกคือ การนำบัตรสมาชิกไปเป็นส่วนลดกับร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ร้านอาหาร, สตูดิโอถ่ายภาพ, ร้านขายรถสกายแลป, ร้านขายรถจักรยานยนต์, ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง, ร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์, เคเบิลทีวี, ร้านทอง, ร้านประดับยนต์, ร้านจำหน่ายของที่ระลึก, ร้านเสื้อผ้า-รองเท้าแฟชั่น, ร้านเบเกอรี่, ร้านแว่นตา, ร้านหนังสือ, โรงเรียนสอนดนตรี, โรงแรม และโรงพยาบาล ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงในจังหวัดอุดรธานี โดยให้ส่วนลดตั้งแต่ 5-50%
"เราต้องพยายามสร้างเครือข่ายใน ท้องถิ่น ถ้าอยู่เดี่ยวๆ การแข่งขันลำบาก เพราะห้างต่างชาติมาแล้วหนักจริงๆ ลำพังเราสู้คนเดียวลำบาก ซึ่งยอมรับว่าปีนี้มองอะไรไม่ชัดเจน เราคิดว่าไปได้ ก็มีตัวมาฉุดมาดึง ภาวะการเมือง"
สุรศักดิ์มองภาพรวมการค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจ.อุดรธานีว่า ลูกค้าได้เรียนรู้การซื้อสินค้าในห้างต่างๆ โดยแต่ละห้างจะมีกลุ่มลูกค้าแยกกันไป ของใครของมัน ซึ่งเวลาเดินในห้างจะพบว่ามีสินค้าไม่แตกต่างกัน สินค้าตัวเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้าว่าจะซื้อที่ไหน
"ผมว่าไม่ยุ่งยากในการซื้อขายกัน ปีนี้ไม่มีกิจกรรมการตลาดหนักๆ ผมมองภาพแล้วเรียกว่าต้องดูเป็นชอตๆ ไป ถ้าจัด กิจกรรมแรงๆ ไปแล้วเจอหนักๆ ก็ไม่มีประโยชน์"