Pages

Friday, September 21, 2012

SUSCO ลุยรีแบรนด์ปั๊มปิโตรนาส


ปตท.เปิดใจสาเหตุไม่เอาปั๊มปิโตรนาส  ระบุส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช่าใกล้หมดสัญญา ไม่คุ้ม ได้มาต้องมาเสียค่าต่อสัญญาอีก แถมเป็นปั๊มที่ทับซ้อนของเดิมที่มีอยู่ถึง 40 %  ขณะที่ซัสโก้สรุปการซื้อขายให้แล้วเสร็จสิ้นปีนี้ พร้อมเดินหน้ารีแบรนด์ปั๊มปิโตรนาสต้นปีหน้าใช้เงินอีก 100-200 ล้านบาท ไม่รวมกับปีนี้ที่ต้องปรับปรุงโฉมปั๊มตัวเองอีก 40-50 ล้านบาท
นายชวลิต พันธ์ทอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่บริษัท ปิโตรนาส ของมาเลเซีย ประกาศขายธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ปิโตรนาส รีเทล(ประเทศไทย) จำกัด ที่มีปั๊มอยู่ราว 100 แห่ง เนื่องจากมองว่าไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน  โดยปตท.เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่เข้าร่วมประมูลซื้อกิจการปิโตรนาสครั้งนี้ด้วย
 อย่างไรก็ดีหลังจากพิจารณาในรายละเอียดต่างๆแล้ว พบว่าสถานีบริการน้ำมันปิโตรนาสที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช่า ซึ่งหากหมดระยะสัญญาเช่า ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อต่อสัญญาจำนวนมากอีก ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่คุ้มกับการดำเนินงาน  นอกจากนี้พื้นที่สถานีบริการน้ำมันปิโตรนาสยังมีพื้นที่ตั้งทับซ้อนกับสถานีบริการของ ปตท. คิดเป็นประมาณ 40% ด้วย จึงทำให้ปตท.ไม่เสนอราคาแข่งขันกับรายอื่นๆ
"ยอมรับว่าการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันนับวันจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งผู้ค้าน้ำมันแต่ละรายจะมีกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า อาทิ บางจากจับมือกับมินิบิ๊กซี ส่วน ปตท.ก็จับมือกับเซเว่นและจิฟฟี่ ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผู้บริโภค ซึ่ง ปตท. พยายามทำให้เป็นปั๊มแบบครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น"นายชวลิต กล่าว
ด้านนายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญกับบริษัท ปิโตรนาส รีเทล(ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทย่อย คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2556 จะทยอยเปลี่ยนเป็นแบรนด์ซัสโก้ให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี  ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่คาดว่าจะใช้งบดำเนินการแห่งละ 1-2 ล้านบาท  ส่วนเม็ดเงินที่ซื้อกิจการส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสดหมุนเวียน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการปั๊มน้ำมันของปิโตรนาส สอดคล้องกับธุรกิจของบริษัทที่ยังคงเน้นรายได้จากธุรกิจน้ำมันเป็นหลักมากขึ้น คาดว่าภายหลังจากที่การซื้อขายหุ้นปิโตรนาสเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ยอดขายในปี 2556 ของบริษัทเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันซัสโก้อยู่ระหว่างการปรับปรุงโฉมสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น โดยในปีนี้มีแผนจะทยอยปรับโฉมสถานีบริการน้ำมัน 20-30 แห่ง คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปี จากนั้นจะทยอยปรับให้ครบ 144 แห่ง ส่วนการเปลี่ยนแบรนด์ปิโตรนาสเป็นซัสโก้ก็จะทยอยปรับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป ดังนั้นจะส่งผลให้สถานีบริการน้ำมันของซัสโก้เพิ่มเป็น 244 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับปริมาณการขายน้ำมันของซัสโก้ แบ่งเป็นน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 60% และกลุ่มเบนซิน 30% ของยอดขายทั้งหมด แต่ภายหลังจากที่ซื้อกิจการปิโตรนาสเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมียอดขายกลุ่มเบนซินเพิ่มเป็น 40% เนื่องจากสถานีบริการส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งจะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นรถบ้านมากขึ้น จากปัจจุบันที่เน้นกลุ่มลูกค้ารถบรรทุกขนาดใหญ่
"แม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันสูง แต่ก็ยังสามารถขยายตัวได้ แต่ปั๊มแอลพีจีและเอ็นจีวี ซัสโก้ยังชะลอไปก่อน จากปัจจุบันมีปั๊มแอลพีจี 8 แห่ง และปั๊มเอ็นจีวี 10 แห่ง สาเหตุที่ชะลอ เพราะการแทรกแซงของภาครัฐ ทำให้ราคาไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ขณะเดียวกันราคาแอลพีจีภาคขนส่งก็เตรียมขยับขึ้นราคาอีก ส่วนการดำเนินงานธุรกิจนอนออยล์ หรือร้านซูเรียในปั๊มปิโตรนาส เราจะหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาบริหารจัดการต่อไป เพราะบริษัทไม่เน้นรายได้ธุรกิจนอนออยล์มากนัก"นายชัยฤทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปิโตรนาส รีเทล (ประเทศไทย) ได้เข้ามารุกธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยเมื่อปี 2548 หลังจากชนะการประมูลซื้อกิจการปั๊มน้ำมันคิวเอท ของ คูเวต ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) ที่ได้ถอนการลงทุนออกไป เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันทำตลาดค้าปลีกน้ำมันในช่วงนั้นได้ โดยซื้อในราคา 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 2.4 พันล้านบาท จากค่าเงินบาทขณะนั้นอยู่ประมาณ 40-41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,776  20-22  กันยายน พ.ศ. 

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails