Pages

Sunday, February 13, 2011

2 ยักษ์ค้าปลีกโชว์จุดขายดึงร้านค้า "EMBASSY-EMPORIUM 2 ขอเก็บทุกตลาด

"เซ็นทรัล-เดอะมอลล์" เปิดศึกค้าปลีก รอบใหม่ ต่างฝ่ายเปิดเดิมพัน โครงการหลักหมื่นล้าน "เซ็นทรัล เอ็มบาสซี-เอ็มโพเรียม 2" ชิง ภาพผู้นำค้าปลีกกลางเมืองดึงร้านค้า เช่าพื้นที่ ประชันกลยุทธ์ "รีเทล เดสติเนชั่น" เติมเต็มความครบและสมบูรณ์ ของสินค้า-บริการทุกรูปแบบ เซ็นทรัลตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่ระดับไฮเอนด์ พร้อมเตรียมปรับใหญ่ชิดลมควบคู่ ขณะที่ "เอ็มโพเรียม 2" เล็งเพิ่มกลุ่มใหม่เทรนดี้-ไลฟ์สไตล์ เสริมจุดแข็งเดิม
เป็นที่คาดการณ์ว่า ในระยะ1-3 ปีนับ จากนี้ ภาพการแข่งขันของย่านการค้ากลางเมืองของกรุงเทพฯ จะพลิกโฉมไปอย่างมาก ไม่เพียงการเกิดของโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ หลายโครงการ สิ่งที่เห็นเด่นชัด คือความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนค้าปลีก "เดอะมอลล์-เซ็นทรัล" ที่ต่างขับเคี่ยว ชิงไหวชิงพริบกันในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเตรียมลอนช์โปรเจ็กต์ยักษ์ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท "เซ็นทรัล เอ็มบาสซี-เอ็มโพเรียม 2" ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน บนถนนเส้นเดียวกัน มีกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน

นอกจากทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นจุดขายสำคัญทั้งคู่ต่างเชื่อมั่นในฐานลูกค้าของตนเอง เซ็นทรัล เอ็มบาสซี มองว่าตัวเองรายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรม ฯลฯ เป็นศูนย์กลางธุรกิจ ขณะที่เอ็มโพเรียม 2 มั่นใจในฐานลูกค้าต่างชาติที่อาศัยอยู่รายรอบ และกำลังซื้อระดับบนจำนวนมากที่ชื่นชอบในความสะดวกสบายไม่ต้องแก่งแย่ง

เติมเต็ม "รีเทล" สมบูรณ์แบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โปรเจ็กต์ยักษ์ทั้ง 2 โครงการ นอกจากเตรียมเปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียง กันแล้วนั้น เม็ดเงินการลงทุนก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยตั้งเป้าเพื่อให้เป็นโครงการรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ เอ็มโพเรียม 2 กลุ่มเดอะมอลล์จะใส่สินค้าและบริการในลักษณะเทรนดี้และไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ทาร์เก็ตใหม่ ๆ เสริมจากกลุ่มไฮเอนด์และต่างชาติที่เป็นหัวใจหลักของเอ็มโพเรียม ขณะที่โครงการ" เซ็นทรัล เอ็มบาสซี" ของฝั่งเซ็นทรัล วางคอนเซ็ปต์ศูนย์การค้าและโรงแรมระดับพรีเมี่ยมไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย เพื่อเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ เสริมกลุ่มลูกค้าเซ็นทรัลชิดลม



อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ต้องให้ความสำคัญที่สุด คือการกำหนดโพซิชั่นนิ่งไม่ให้ซ้ำซ้อนกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลแห่งอื่น ๆ ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ที่เป็นแมสกว่า จับกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยกว่า รวมถึงโครงการของเซ็นทรัลพัฒนาในพื้นที่สวนลุมไนท์บาซาร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกันนัก

นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เอ็มบาสซีเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเซ็นทรัลรีเทล เป็นโครงการอนาคตที่จะเข้ามาช่วยการเติบโตของธุรกิจอีก 50 ปีข้างหน้าให้ ขับเคลื่อนต่อเนื่อง ซึ่งพร้อมจะเปิดใน ปี 2556 นอกจากจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองไทยในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วนั้น ยังเป็นการยกระดับแหล่งแฟชั่นช็อปปิ้งเทียบเคียงต่างประเทศ อาทิ ไทเป 101 ใต้หวัน, แปซิฟิก เพลส ฮ่องกง, ไอเอฟซี เซี่ยงไฮ้ และโตเกียว มิดทาวน์ ญี่ปุ่น ซึ่งถือ เป็นโครงการชั้นนำของแต่ละประเทศดังกล่าว

"สี่แยกเพลินจิต-ชิดลม จะกลายเป็นยุทธศาสตร์การค้าแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ภายใน 3 ปีจากนี้จะมี 14 โครงการใหม่ระดับพรีเมี่ยม รวมมูลค่าลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านทยอยเปิดเอ็มบาสซีฯ เป็นโครงการศูนย์การค้าเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่และรายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรมระดับหรู และศูนย์กลางธุรกิจ เป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดผู้ใช้บริการทั้งไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากและต่อเนื่อง"

เปิดโมเดล "ที่นี่ที่เดียว"

นอกจากนี้ โครงการเชื่อมต่อสกาย วอร์กจากชิดลมถึงอโศก จะเป็นแรงหนุนเข้ามาเสริมทราฟฟิก ด้วยตัวอาคารสูง 37 ชั้น พื้นที่รวม 1.44 แสน ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่รีเทล 8 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) กว่า 7 หมื่น ตร.ม.และโรงแรมเชนพาร์ค ไฮแอท 30 ชั้น เป็นโรงแรมและสวนลอยฟ้า ซึ่งวางสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ ผสมผสานระหว่างลักเซอรี่แบรนด์ระดับโลกกับแบรนด์แฟชั่นจากดีไซเนอร์ไทยกว่า 200 ร้านค้า ซึ่ง 30% ของแบรนด์สินค้าที่วางในศูนย์ต้องแตกต่างและเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่นี่ที่เดียว

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีจุดขายที่เป็นไฮไลต์ "วินโดวส์ ดิสเพลย์" ที่ยาวต่อเนื่องกว่า 400 เมตร จากสี่แยกวิทยุ-แยกชิดลม ควบคู่กับโจทย์หลักของการสร้างศูนย์นี้ คือการสร้างโครงการที่มีสถาปัตยกรรมระดับเวิลด์คลาส เพื่อเชิดหน้าชูตากรุงเทพฯ บ่งบอกว่าไทยก็เป็น 1 ของโลก เป็นทั้งอิมเมจให้กับเมืองไทยและกลุ่มเซ็นทรัล

โปรเจ็กต์เอ็มบาสซี นอกจากเติมเต็มความสมบูรณ์แบบและครบเครื่อง เพื่อขยายฐานกลุ่มเจเนอเรชั่นใหม่และวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อสูงจากฐานลูกค้าเซ็นทรัลชิดลมเดิม ยังเป็นการดึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่างชาติ โดยเฉพาะจากตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเติบโต เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งมีรายได้สูงและเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้าในต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง

เตรียมลงทุนใหญ่ "ชิดลม"

นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารโครงการเซ็นทรัลแอมบาสซี กล่าวว่า ซีอาร์ซีได้ตั้งบียูใหม่ขึ้นมาเพื่อดูโปรเจ็กต์นี้โดยเฉพาะ ควบคู่กับการเตรียมแผนปรับปรุงโฉมใหม่ห้างเซ็นทรัลชิดลมที่ตั้งอยู่ในทำเลติดกันครั้งใหญ่อีกกรอบให้สอดคล้องกับโครงการเซ็นทรัล แอมบาสซี เพื่อเสริมให้เซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างสรรพสินค้าต้นแบบ (แฟลกชิปสโตร์) ที่มีความครบครันและรองรับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ จาก ร้านค้าแบรนด์เนมหรู ร้านอาหาร ความบันเทิง โรงแรม ที่พักอาศัย จะเริ่มทยอยปรับด้านนอกและด้านในภายในปีนี้

"ที่เราเลือกใช้คำว่า "เอ็มบาสซี" ต้องการย้ำการรับรู้ว่าเป็นที่ดินสถานทูตเดิม และเพื่อรองรับการขยายธุรกิจค้าปลีกในอนาคต นอกจากนี้ ชื่อดังกล่าวยังจะสะท้อนถึงความเป็น "ทูต" ที่หมายถึงหรูหราและมีระดับ ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เราเน้นวางสินค้าแฟชั่นลักเซอรี่กว่า 50% จาก 200 ร้านค้า"

นายชาติชี้ว่า ศูนย์ได้ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกคู่ค้าและแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ ไม่เคยมีมาก่อน และแบ่งเซ็กเมนต์ ชัดเจนระหว่างแบรนด์แฟชั่นลักเซอรี่, บริดจ์ไลน์และไฮสตรีต และจะเป็นแห่งแรกที่มีบูติคของนาฬิกาและจิวเวลรี่โดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังมีโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเอนด์และร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ

เอ็มฯ 2 เดินหน้าขายพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของศูนย์การค้ามิกซ์ยูสบนพื้นที่ 10 ไร่ มีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยเริ่มปรับพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียมเดิม ควบคู่กับการเริ่มแนะนำโครงการและเปิดขายพื้นที่ให้กับร้านค้าและคู่ค้าที่มีคอนเซ็ปต์สอดคล้องกัน ส่วนการเปิดตัวโครงการคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่บรรยากาศการลงทุนมีความพร้อมมากกว่านี้

โมเดลของศูนย์การค้าแห่งใหม่ของเดอะมอลล์แห่งนี้ได้วางคอนเซ็ปต์ผสมผสานระหว่างรีเทล-สำนักงานออฟฟิศให้เช่า-เรสซิเดนต์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ลานจอดรถของดิ เอ็มโพเรียม ในซอยสุขุมวิท 35 ถึงพื้นที่ตึกแถวด้านหน้า เรียบถนนสุขุมวิทที่ปิดร้างไปแล้วก่อนหน้านี้ ไล่ไปจนถึงศูนย์บริการและโชว์รูมโตโยต้าที่หมดสัญญาเช่าแล้ว

กลุ่มเดอะมอลล์ยังได้ประสานกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อปรับพื้นที่สำหรับเชื่อมระหว่าง 2 ศูนย์การค้าใหม่ให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ศูนย์การค้า ซึ่งประเมินว่าโปรเจ็กต์ใหม่นี้จะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการใน 2-3 ปีหน้า ด้วยทาร์เก็ตที่ดูเด็กขึ้น แต่ยังคงความเป็นพรีเมี่ยม หรือพรีเมี่ยมแมส ด้วยสินค้าและบริการที่เป็นเทรนดี้มากขึ้น มี ไลฟ์สไตล์มากขึ้น ขยายฐานจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เดิมของดิ เอ็มโพเรียม

3 comments:

  1. สุขุมวิท 24 หรือ ชิดลมน่าอยู่มากกว่าครับ

    ReplyDelete
  2. ซอย 24 ครับ ชิดลมรถติด วุ่นวายอย่างวอยสมคืดนี่ถ้าขับรถ กว่าจะออกจากซอยได้ ติดนานมาก ซอย 24 น่าอยู่กว่าเยอะ ไม่วุ่นวาย ใกล้สวนด้วย

    ReplyDelete
  3. ซอย 24 กำลังจัมีคอนโดขึ้นอีกนะครับ ส่วน ชิดลมน่าจะเงียบช่วงนี้

    ReplyDelete