Pages

Monday, January 18, 2010

Carrefour Meets Profit Target, Hires Tesco’s McCann (Update1)

The Carrefour supermarket at Faa'a, Tahiti, Fr...Image via Wikipedia

Jan. 15 (Bloomberg) -- Carrefour SA, Europe’s biggest retailer, met its full-year profit target and named Tesco Plc’s James McCann head of its French operations to bolster sales in its home market.

Operating profit fell about 16 percent to 2.78 billion euros ($4 billion) in 2009, the Paris-based grocer said late yesterday. That was at the higher end of its forecast of 2.7 billion euros to 2.8 billion euros and beat the 2.6 billion-euro average estimate in a Bloomberg survey of 14 analysts. Carrefour rose as much as 3.2 percent in Paris trading today.


While the retailer posted its first quarterly sales increase in a year in the fourth quarter, revenue declined in France, the company’s biggest market. McCann, who previously headed Tesco’s operations in Malaysia and Hungary, will be part of Carrefour’s newly formed top management team under the direction of Chief Executive Officer Lars Olofsson.
“Mr. McCann will bring us new energy, management skills and lots of experience with customer approach,” Chief Financial Officer Pierre Bouchut said on a conference call yesterday. “It will be a lot of added value for the Carrefour team.”

The five-member management team also includes Bouchut, international operations director Thierry Garnier, commercial and marketing director Jose Carlos Gonzales-Hurtado and a yet- unnamed director for Europe excluding France.

Carrefour gained as much as 1.11 euros to 35.71 euros in Paris and was up 3.1 percent at 35.66 euros as of 9:56 a.m.

Sales Rise

The retailer plans to invest about 230 million euros saved by more-efficient purchasing into discounting to attract shoppers in France and western Europe, Bouchut said on the call.

Fourth-quarter revenue rose 1 percent to 26 million euros, after Carrefour opened more stores and demand increased in Latin America, the company said. Sales at stores open at least a year declined 0.9 percent, or 1.3 percent excluding gasoline.

The retailer stepped up the opening of smaller venues in Europe as shoppers continued to shun its suburban superstores. Discounts and ramped-up advertising failed to inspire consumers in western Europe, while Brazil and the rest of Latin America fared better, posting 20 percent growth.

“Despite the group’s efforts in terms of advertising and price cuts, the overall results of 2009 are rather mediocre,” said Nicolas Champ, an Paris-based analyst at Oddo & Cie.

Domestic Weakness

Revenue in France, which represents about half of the company’s total, dropped 0.1 percent. Same-store sales at superstores declined 2.7 percent on slowing demand for both food and non-food items such as household appliances and electronics.

Same-store sales in western Europe, excluding France, fell 4.5 percent, led by a 5.8 percent decline in Spain. Revenue on that basis fell 3.2 percent in Italy and 2.1 percent in Belgium.
In Latin America, same-store sales gained 4.1 percent in the quarter, while Asian revenue slipped 0.4 percent. Sales in eastern Europe dropped 2.9 percent.

Carrefour will release full fourth-quarter and 2009 results on Feb. 19.


--Editors: Chris Staiti, Paul Jarvis.

To contact the reporter on this story: Ladka Bauerova in Paris at +33-1-5365-5057 or lbauerova@bloomberg.net.

To contact the editor responsible for this story: Celeste Perri at +31-20-589-8505 or cperri@bloomberg.net.
Reblog this post [with Zemanta]

Monday, January 11, 2010

ผสานค้าปลีกควบคู่พัฒนา พท.เช่า ยุทธการเพิ่มรายได้ TESCO



เป็นย่างก้าวที่มีความชัดเจนมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง สำหรับการใช้เงิน 198 ล้านบาทซื้อโครงการเขาใหญ่ มาร์เก็ต วิลเลจ ที่อำเภอปากช่อง นครราชสีมา จากค่าย Siam Future Development หรือ SF มาดูแลและบริหารจัดการเองทั้งหมด จากเดิมที่มีฐานะเป็นผู้เช่า



เขาใหญ่ มาร์เก็ต วิลเลจ มีขนาดพื้นที่ 9,970 ตร.ม. เป็นรูปแบบของเรสต์แอเรียหรือที่พักริมทาง ที่นอกจากจะรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงซีซันนอลแล้วยังรองรับการพักผ่อนของลูกค้าท้องถิ่นด้วย และเป็นโครงการนำร่องที่SF จะใช้เป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดท่องเที่ยวต่อไป




"วีณา อรัญญเกษม" ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารพื้นที่เช่าและสื่อโฆษณา บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารTesco Lotus เฉลยความเป็นมาในการเข้าซื้อโครงการดังกล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจซื้อโครงการดังกล่าวเพราะยอดขายของสาขานี้ดีมาก และเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก หากได้พื้นที่เพิ่มก็จะยิ่งส่งผลดีต่อรายได้



ตามแผนที่วางไว้จะมีการปรับพื้นที่และเพิ่มฟู้ดคอร์ตในเบื้องต้น ส่วนจะบริหารพื้นที่เช่าอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของเฟสต่อไป



"ที่ผ่านมารายได้จากพื้นที่เช่าของTesco Lotus เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ และบริษัทยังมีแผนจะพัฒนาและปรับปรุงในส่วนของพื้นที่เช่าต่อไป"



การพัฒนาพื้นที่เช่าดังกล่าว Tesco Lotus จะโฟกัสไปที่สาขาที่มีพื้นที่มาก โดยมีแผนจะรีโนเวตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อพื้นที่ให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันพื้นที่ใหม่ ๆ หายาก การขยายสาขาใหม่ ๆ ทำได้น้อยลง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ



เดิมทีTesco Lotusอาจจะแบ่งพื้นที่ที่มีอยู่ในบางสาขาให้พันธมิตรเช่าไปบริหาร แต่จากนี้ไปยักษ์ค้าปลีกรายนี้จะหันมาใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ในแต่ละสาขามากขึ้น แต่เนื่องจากเศรษฐกิจที่อาจจะไม่เอื้อนัก การรีโนเวตสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่เช่าจึงไม่จำเป็นต้องรีบเร่งนัก และเป็นไปตามแผนที่จะต้องมีการรีโนเวตสาขาทุก 3-5 ปี






นอกจากสาขาที่เป็นโมเดลเต็มรูปแบบที่มีพื้นที่ให้เช่าแล้ว ในช่วงปี 2549-2550 Tesco Lotusก็พยายามเพิ่มน้ำหนักในการเพิ่มรายได้จากการให้เช่าพื้นที่มากขึ้นด้วยการพยายามทดลองปั้นโมเดล "คอมมิวนิตี้มอลล์" ออกมา และทยอยเปิดไปหลายแห่ง เช่น แอทโอเอซิส ถนนสามัคคี นนทบุรี, แอทปาร์ค 5 แห่ง คือ ทาวน์อินทาวน์, รามอินทรา 109, ราไวย์, เจ้าฟ้า และเดอะพาซิโอ อ่อนนุช และแอทการ์เด้น ที่วัดลาดปลาดุก นนทบุรี



ถึงวันนี้ผู้บริหาร Tesco Lotus ยอมรับว่ามีทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จคละกันไป โดยในส่วนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็อยู่ระหว่างการหาทางปรับปรุงแก้ไข และยังจะต้องลงทุนลงแรงอีกยกหนึ่ง



ถัดมาเมื่อปลายปี 2551 ยักษ์ค้าปลีกค่ายนี้ได้เริ่มชิมลางกับโมเดล "พลัส ช้อปปิ้ง มอลล์" โดยมีสาขาศรีนครินทร์เป็นตัวนำร่อง ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มพื้นที่เช่า ด้วยการนำพื้นที่จอดรถและพื้นที่ที่เหลืออยู่มาพัฒนาให้ออกดอกออกผลมากขึ้น



และ "พลัส ช้อปปิ้ง มอลล์" ก็เป็นโมเดลที่Tesco Lotusแฮปปี้มาก ๆ และพร้อมจะเดินหน้าเพื่อต่อยอดไปอีกหลาย ๆ สาขาที่มีศักยภาพในแง่ของพื้นที่และความต้องการ ที่เปิดไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือ สาขานิคมอุตสาหกรรมอมตะ



นี่คือยุทธศาสตร์เป็นการผสมระหว่างธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง






Big C"กระหน่ำอีเวนต์สู้ศึกค้าปลีก เน้นเพิ่มความถี่-โปรโมชั่นราคาเอาใจลูกค้าแมส

{{flagicon|THA}} Big C Supercenter PLC.Image via Wikipedia


"Big C" ประกาศกระหน่ำอีเวนต์พ่วง โปรโมชั่นรับตลาดค้าปลีกเพิ่มดีกรีการแข่งขัน เผยทิศแต่ละค่ายเตรียมต่อยอดบัตรสมาชิก พร้อมเน้นกิจกรรมCSRสร้างความผูกพันกับลูกค้า ซุ่มวางแผนลุยแผนกอาหาร พร้อมเพิ่มความหลากหลายสินค้าเฮาส์แบรนด์ "แฮปปี้บาท-Big C แบรนด์"






นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท Big C ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่มีค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สำหรับBig Cปีนี้หลัก ๆ จะเน้นการจัดอีเวนต์มากขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยจะเน้นอีเวนต์ที่มีความสนุกสนาน อนุรักษ์วัฒนธรรม ส่งเสริมสินค้าในชุมชน พร้อมโปรโมชั่นที่เป็นทีมเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่ได้ต้อง การซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่อยากได้รับประสบการณ์จากการช็อปปิ้งควบคู่ไปด้วย




นางสาวจริยากล่าวว่า การจัดอีเวนต์ของBig Cมีความแตกต่างจากห้างอื่น ๆ เพราะเราให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและลูกค้า ล่าสุดช่วงวันเด็กที่ผ่านมาBig Cได้ร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดกิจกรรมวันเด็กที่สอดแทรกวัฒนธรรมไทย รวมถึงการจัดซุ้ม แจกขนม ขบวนพาเหรด ฯลฯ มีการทำโปรโมชั่นกับสินค้าเด็ก ทั้งซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคา 50% นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ เสื้อผ้าแฟชั่นเด็กลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ของดิสนีย์



"ควบคู่กับแนวทางดังกล่าว Big Cจะให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือCSRมากขึ้น การทำซีเอสอาร์ของ Big Cเราหวังผลระยะยาวที่มุ่งให้ลูกค้าผูกพันกับแบรนด์ และรู้สึกว่าBig Cเป็นเหมือนเพื่อน"



นางสาวจริยากล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปคาดว่าการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกจะยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการมอบสิทธิพิเศษผ่านบัตรสมาชิก ซึ่งทุกค่ายได้เริ่มเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว และการแข่งขันที่มากขึ้นผู้ที่จะได้รับประโยชน์ก็คือ ลูกค้าที่จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้น



นางสาวจริยากล่าวอีกว่า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของBig Cเป็นกลุ่มแมส ดังนั้นกลยุทธ์ราคาจึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันBig Cมีฐานสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ดเกือบ 4,000,000 คน และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ 600 ร้านทั่วประเทศ มอบส่วนลดพิเศษให้สมาชิก บิ๊กการ์ด เช่น เคเอฟซี มิสเตอร์โดนัท ฯลฯ ตั้งเป้าให้แต่ละสาขามีพาร์ตเนอร์ไม่ต่ำกว่า 50 ร้าน"



สำหรับสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่Big Cมีอยู่ 2 แบรนด์ ได้แก่ แฮปปี้บาท และBig C แบรนด์ นางสาวจริยากล่าวว่า ปีนี้จะยังไม่เพิ่มแบรนด์ใหม่ แต่จะเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ซึ่งลูกค้ามีความถี่ในการซื้อมากกว่าสินค้าทั่วไป บริษัทกำลังวางแผนการตลาดและจะให้ น้ำหนักกับสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการดำเนินงานของBig Cในช่วงไตรมาส 3 ปี 2552 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ายอดขายลดลงอัตรา 4.5% หรือคิดเป็น 16,184 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปี 2551 จำนวน 759 ล้านบาท เป็นผลเนื่องมาจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การระบาดของไข้หวัด 2009 และอุทกภัยในหลายพื้นที่ ขณะที่มีรายได้จากค่าเช่า 1,045 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 8.2% และมีกำไร 478 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันในปี 2551 ที่มีกำไร 565 ล้านบาท



ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารBig C เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมงบประมาณการลงทุนภายใน 3 ปีนี้ จำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ได้ 12 สาขา ตั้งเป้าขยายสาขาเฉลี่ย 4 สาขาต่อปี ขณะที่ในปี 2551 เป็นปีที่Big Cมีการขยายสาขามากสุดถึง 12 สาขา และคาดการว่าเศรษฐกิจในปีนี้เริ่มมีทิศทางดีขึ้น ดูจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับราคาขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าหลักของBig Cมีกำลังซื้อตามไปด้วย




Reblog this post [with Zemanta]

ปักฐาน"เชียงราย-ตรัง-พิษณุโลก" ROBINSON เดินเครื่องปูพรมเปิดสาขาเมืองใหญ่



"โรบินสัน" ปลุกตลาดค้าปลีกต่างจังหวัด ปูพรมก่อสร้างสาขาหัวเมืองใหญ่ ล่าสุดคณะกรรมการค้าปลีกค้าส่ง จ.เชียงรายไฟเขียวสร้างได้แล้ว เพราะไม่เข้าข่ายเป็น "ค้าปลีกค้าส่ง" ในกลุ่มโมเดิร์นเทรด พร้อมรุกคืบปักธงเมืองตรัง กว้านซื้อที่ดินกว่า 80 ไร่ชานเมือง ขณะที่ห้างท้องถิ่นบ่ยั่น ยันได้รับผลกระทบในระยะสั้น คิวต่อไปลุยลงทุนที่พิษณุโลก




นายอนุรัตน์ อินทร รองนายกเทศมนตรีฝ่ายโยธาธิการ เทศบาลนครเชียงราย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เครือเซ็นทรัลโดยบริษัทไทยพัฒน์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ขออนุญาตเทศบาลนครเชียงรายเพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์กลางใจเมืองเชียงราย ติดกับถนนพหลโยธิน เยื้องบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเชียงราย ต.เวียง อ.เมือง ล่าสุดคณะกรรมการค้าปลีกค้าส่งจังหวัดเชียงรายและสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงรายได้อนุญาตให้ทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ดังกล่าวได้แล้ว เนื่องจากแบบแปลนไม่เข้าข่ายการ เป็นอาคารพาณิชย์เพื่อการค้าปลีกค้าส่งที่ต้องห้ามในพื้นที่ ต.เวียง โดยเป็นอาคารสูง 5 ชั้น และยังมีแนวโน้มจะขยายออกไปทางด้านหลังอีกหลายสิบไร่ด้วย



"ผลการตรวจสอบแบบแปลนพบว่าสถานที่และตัวอาคารของเครือเซ็นทรัลที่จะสร้างเป็นศูนย์การค้าโรบินสันมีพื้นที่สำหรับการวางจำหน่ายสินค้าเพื่อการค้าปลีกค้าส่งที่ไม่เกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วน พื้นที่อื่น ๆ ก็จะมีการก่อสร้างโรงแรม โรงภาพยนตร์ สถานที่พักผ่อน ฯลฯ รวมทั้งเน้นจำหน่ายสินค้ายี่ห้อดังหรือแบรนด์ เนมเป็นหลัก โดยจะไม่มีสินค้าเหมือนในห้างค้าปลีกค้าส่งหรือร้านค้าทั่วไป" นายอนุรัตน์กล่าว



ด้านนายประพนธ์ เอี่ยมสุนทร โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า แบบแปลนของเซ็นทรัลมีความแตกต่างจากห้างค้าปลีกทั่วไป เช่น เทสโก้ โลตัส ฯลฯ เพราะไม่ได้มุ่งก่อสร้างเป็นพื้นที่ค้าปลีกค้าส่งอย่างเดียว แต่ประกอบไปด้วยร้านค้าย่อย ๆ คละเคล้ากันไป โดยแต่ละร้านมีกิจกรรมที่ไม่เข้าข่ายเป็นการค้าปลีกค้าส่งจึงได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างได้



รายงานข่าวระบุว่า การขออนุญาตก่อสร้างดังกล่าวยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2551 เนื่องจากเขต ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยห้ามไม่ให้มีการก่อสร้างห้าง สรรพสินค้าที่มีเนื้อที่เพื่อการค้าปลีกค้าส่งเกินกว่า 300 ตารางเมตร ขณะที่ผังเมืองรวมจังหวัดเชียงรายกำหนดให้โซนสีแดงห้ามก่อสร้างอาคารพาณิชย์ที่มีเนื้อที่ค้าปลีกค้าส่งเกิน 300 ตารางเมตร โซนสีส้มห้ามเกิน 1,000 ตารางเมตร ทำให้เทศบาลนครเชียงรายไม่สามารถตัดสินได้โดยทันที จึงทำเรื่องหารือไปยังหลายหน่วยงาน กระทั่งได้ข้อสรุปว่า โรบินสันไม่ใช่การค้าปลีกค้าส่ง



ทั้งนี้โรบินสันเชียงรายมีเนื้อที่ประมาณ 1.3 แสนตารางเมตร เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ใช้งบฯลงทุน 2,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี ปัจจุบันยังมีความพยายามจะขยายพื้นที่ออกไปทางด้านหลังอีก 20 ไร่ ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้สองฟากฝั่งถนนพหลโยธินกลางใจเมืองเชียงรายมีทั้งห้างสรรพสินค้าแบรนด์เนมควบคู่กับค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ คือ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์



ด้านนายพีระ กุลวานิช ผู้อำนวยการสำนักกองช่าง เทศบาลนครตรัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้มาขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์ ค้าปลีก-ส่ง เป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นที่รวม 32,300 ตารางเมตร พื้นที่สำหรับจอดรถ 20,300 ตารางเมตร ขณะนี้กำลังก่อสร้าง กำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้หรือต้นปี 2554



นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งในจังหวัดตรังเปิดเผยว่า การเข้ามาของกลุ่มเซ็นทรัลคาดว่าจะผุดคอมเพล็กซ์ครบวงจร ทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รวมถึงสถานบันเทิงต่าง ๆ อีกด้วย ก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้ามาเจรจาขอซื้อที่ดินบริเวณถนนตรัง-พัทลุง ติดกับสี่แยกอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ เนื้อที่ 80 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นที่ดินของกลุ่มนายสนอง เพ็ชรวิจิตร อดีตเจ้าของโรงแรมและห้างสรรพสินค้าตรังพลาซ่าที่ปิดกิจการไปแล้ว



นายจิรายุสถ์ พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ ห้างสิริบรรณช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นห้างท้องถิ่นรายเดียวของ จ.ตรัง เปิดเผยว่า การเข้ามาของกลุ่มเซ็นทรัลยอมรับว่า จะส่งผลกระทบต่อห้างพอสมควร เนื่องจากเป็นการเข้ามาดึงกลุ่มลูกค้าที่คล้ายคลึงกัน แต่เชื่อมั่นว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น



ที่ผ่านมามีการเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงโดยการลงทุนก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ซึ่งจะแยกออกจากห้างเดิมแต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน เน้นความทันสมัยและความหลากหลายให้กับลูกค้ามากขึ้น ทั้งด้านของสินค้า พลาซ่า ด้านอาหารเครื่องดื่ม หรือความบันเทิงต่าง ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ส่วนห้างเดิมก็จะมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยขึ้น ห้างสิริบรรณจะยังคงเป็นห้างของคน ท้องถิ่น โดยคนท้องถิ่น และเพื่อคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดพิษณุโลกเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่โรบินสันจะเข้าไปเปิดสาขา โดยเมื่อกลางเดือน ธ.ค. 2552 นายวิมล พรพ่วง นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลพลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา มายื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เนื้อที่ใช้สอยไม่ต่ำกว่า 60,000 ตารางเมตร บนถนนสิงหวัฒน์ ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก เนื้อที่รวมทั้งหมด 104 ไร่


LinkWithin

Related Posts with Thumbnails