Pages

Thursday, December 31, 2009

Carrefour refuses to sell Alfa, files appeal

Countries where Group Carrefour is present.Image via Wikipedia

French-based retail giant Carrefour has defied the anti-monopoly watchdog’s order to sell its Alfa subsidiary and has instead filed an appeal against the verdict.

In November, the Business Competition Supervisory Commission (KPPU) found PT Carrefour Indonesia guilty of unfair business practices following the acquisition of the PT Alfa Retailindo.

The commission ordered the retail giant to sell all of its shares in Alfa worth Rp 675 billion (US$ 71.55 million) within a year and fined the company Rp 25 billion.

Irawan Kadarman, Carrefour Indonesia's corporate communications director, told The Jakarta Post on Wednesday the retail giant would not comply with the orders until a final legal decision in the courts had been reached.

An appeal against the verdict had been filed at the South Jakarta District Court, Irawan said.

“We maintain our position that Carrefour has in no way been conducting monopoly practices,” he said.

The first court hearing is scheduled for Jan. 11, 2010.

KPPU spokesman Ahmad Junaidi said that Carrefour’s rejection was based on a lack of facts.

“It’s their right to file an appeal,” he said.

“We, however, are optimistic the court will rule in favor of us. Our ruling is based on deep analysis and investigation, which has resulted in convincing evidence that Carrefour has conducted unfair business practices,” he said. (bbs)



Reblog this post [with Zemanta]

Monday, December 28, 2009

TESCO LOTUS เต็มร้อย HOUSEBRAND ย้ำ "ราคา-คุณภาพ" กระตุ้นทดลองใช้



ขณะนี้แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์ เศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันที่กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้น ฯลฯ ล้วนทำให้ ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ และยังระมัดระวังการจับจ่าย



อาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือ โอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่ง สำหรับการปลุกปั้น สินค้าHousebrandของบรรดาธุรกิจretailรายใหญ่ ตลอดปีที่กำลังจะจบลงไปที่แต่ละค่ายได้ทยอยส่งสินค้ากลุ่มนี้เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคชนิดเต็มอัตราศึก




ทุ่มงบฯโฆษณารายตัว



หลังจากที่Tesco Lotusได้ส่งสินค้าHousebrandในCategoryต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันมีสินค้าHousebrandไม่ต่ำกว่า 9,000 รายการ โดยวางจำหน่ายตามสาขา แต่จะให้น้ำหนักมากที่สุดกับสาขาที่เป็นโมเดลตลาดสด ซึ่งมีสินค้าเกือบครบทุกCategory ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา น้ำมันพืช น้ำส้มสายชู ผงปรุงรส โลชั่น ครีมอาบน้ำ ผ้าอนามัยเครื่องสำอาง จานกระดาษ ไม้จิ้มฟัน แปรงสีฟัน เครื่องนอน ผงซักฟอก ฯลฯ และให้พื้นที่ในการจัดวางสินค้าค่อนข้างมาก



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา Tesco Lotusได้เริ่มทยอยทุ่มงบฯโฆษณากับสินค้าHousebrandผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ โดยได้เริ่มทยอยโฆษณา สินค้าHousebrandเป็นรายตัว ทั้งกาแฟสำเร็จรูป ผงซักฟอก นอกจากรูปสินค้าการสื่อในเรื่องของราคาและโปรโมชั่นแล้ว โฆษณาดังกล่าวยังสื่อถึงคุณภาพ ทั้งวัตถุดิบและผู้ผลิตซึ่งเป็นรายเดียวกับที่ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ชั้นนำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค



จากเดิมที่ผ่านมาจะมีเฉพาะค่ายCarrefourที่ขึ้นคัตเอาต์ขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งเพื่อสื่อให้เห็นภาพรวมของสินค้าHousebrandของตัวเอง



ชูภาพผู้ผลิตแถวหน้าการันตีคุณภาพ



ล่าสุดกับโฆษณากระดาษชำระ โฆษณาได้ให้ข้อมูลโดยระบุว่าผลิตโดยบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เซลล็อกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระดาษชำระเซลล็อกซ์ รวมถึงสัญลักษณ์รับประกันคุณภาพ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน



นี่คือการเปิดเกมรุกรอบใหม่ของค่ายretailกับสินค้าHousebrandที่มีการทุ่มงบฯการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาทดลองใช้



ด้วยราคาและการันตีด้วยคุณภาพ ที่มีผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับเป็นตัวยืนยัน



เป็นการเดินทางลัดเพื่อให้สู่เป้าหมายเร็วขึ้น



คล้ายกับกรณีของFamily Martที่รุกตลาดข้าวกล่องแช่แข็งพร้อมรับประทาน กับแบรนด์ "ควิกเซิร์ฟ" ซึ่งระบุว่า พรานทะเล เป็นบริษัทแถวหน้าที่แข็งแกร่งในตลาดข้าวกล่องแช่แข็งพร้อมรับประทาน เป็นผู้ผลิตให้และมีการโปรโมตสินค้าร่วมกัน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น



ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้ซัพพลายเออร์ต้องหันกลับมามองและจับตาสินค้าHousebrandของค่ายretailมากขึ้น



ซัพพลายเออร์ระทึกหวั่นกระทบ



ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดรายใหญ่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า จากนี้ไปค่ายretailจะหันมาให้น้ำหนักกับสินค้าHousebrandมากขึ้น อย่างกรณีของน้ำมันปาล์มบรรจุขวด นอกจากสินค้าเฮาส์ แบรนด์ของค่ายต่าง ๆ ที่มีวางจำหน่ายอยู่แล้ว บางค่ายก็มีแผนจะเพิ่มน้ำมันปาล์มHousebrandที่เป็นแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก และคาดว่าจะเห็นภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น



นอกจากราคาที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของHousebrandแล้ว แต่ละค่ายจะมุ่งไปที่เรื่องของโปรโมชั่นที่แรงขึ้น รวมทั้งการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในแง่ของมาตรฐานการผลิตที่จะมีให้เห็นมากขึ้น



เขายอมรับว่า หากretailรายใหญ่ใส่งบฯการตลาดกับสินค้าHousebrandมากขึ้น อย่างกรณีของTesco Lotusที่ได้ทยอยโฆษณาสินค้าHousebrandผ่านสื่อเป็นรายตัว จะมีผลกระทบกับแบรนด์หลัก ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะแบรนด์ที่ไม่ใช่แบรนด์อันดับต้น ๆ ของสินค้านั้น



"ระยะสั้น ๆ ผลกระทบอาจมีไม่มากนัก แต่หากค่ายretailยังมีการทุ่มงบฯการตลาด งบฯโฆษณาประชาสัมพันธ์ กับสินค้าHousebrandอย่างต่อเนื่องในระยะยาวถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว และยอมรับว่าจะส่งผลกระทบกับแบรนด์หลัก ๆ ได้เช่นกัน"



ผู้บริหารTesco Lotusยอมรับว่า ปีนี้ตัวเลขสินค้าHousebrandเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในสาขาต่างจังหวัด ที่ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับแบรนด์ และจะดู จากเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคาในการตัดสินใจ จากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าของเทสโก้ฯ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เริ่มกล้าใช้สินค้าเฮาส์ แบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องนอน อุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำมัน ซีอิ๊ว ซอส ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ น้ำยาล้างจาน ฯลฯ



นอกจากการเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแล้ว เทสโก้ฯยังพยายามสื่อสารให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่าและคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตั้งศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ เพื่อดูแลสินค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ



แห่ปูพรมHousebrandเพื่อทางเลือก



ส่วนความเคลื่อนไหวของretailรายอื่น ๆ ก็มีไม่น้อยหน้ากัน โดยมีแผนจะเปิดตัวสินค้าHousebrandเพื่อเพิ่มทางเลือกในยุคเศรษฐกิจไม่ดี เริ่มตั้งแต่ต้นปี Big C เปิดตัวHousebrandใหม่ใช้ชื่อว่าBig C แบรนด์และแฮปปี้บาท และOnly @ Big C ด้านCarrefourก็เดินหน้าส่งสินค้าHousebrandในชื่อCarrefourเข้ามามากขึ้น จาก 3,000 รายการ เพิ่มเป็น 6,000 รายการ ชูจุดเด่นที่ราคา ซึ่งถูกกว่าHousebrandของห้างอื่น ๆ 17-20%



ส่วนTops มีแผนเปิดตัวสินค้าown brand ถึง 1,500 รายการในปีหน้า ปีนี้มียอดขายจาก own brand ถึง 450 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะทำรายได้สูงถึง 750 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 80-100% ฟาก สเปเชียลตี้สโตร์ Watsons ปีนี้มีการปรับภาพลักษณ์สู่ร้านค้าแห่งความงามอย่างชัดเจน และเน้นทำตลาดสินค้าHousebrandอย่างจริงจัง ปัจจุบันมีHousebrandจำหน่ายในร้าน 700 รายการ



นอกจากเรื่องราคาที่เป็นจุดเด่นของHousebrandแล้ว ห้างต่าง ๆ ยังเพิ่มความแรงด้วยการทำโปรโมชั่นเสริมเข้าไปด้วย ทั้งTesco Lotus Big C และCarrefour ต่างมีการ โปรโมชั่นที่มีทั้งการลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อ 2 ชิ้นถูกกว่าเป็นระยะ ๆ หรือหากเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม-อาหาร ก็จะมีการเปิดบูทชงชิม เพื่อให้ลูกค้าทดลองและให้ พนักงานเป็นผู้ให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า



Reblog this post [with Zemanta]

Saturday, December 26, 2009

BLACK BERRY ติดลมบน BIG C หั่นราคาชนมาบุญครอง ผ่อน0%เตือนระวังเครื่องปลอมระบาด !

A photograph of the BlackBerry CurveImage via Wikipedia

"BB-BLACKBERRY" ติดลมบน ดิสเคานต์สโตร์ "บิ๊กซี" ไม่ยอมตกขบวน หั่นราคา "Curve 8520" เหลือแค่ 11,900 บาท แถมผ่อน 0% นาน 10 เดือน "ดีแทค" ขายเดือนเดียวทะลุ 2 หมื่นเครื่อง "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจตลาดเกรย์มาร์เก็ต "มาบุญครอง" ยังขายได้เรื่อย ๆ แถมพบเครื่องปลอมใช้ 2 ซิม ดูทีวีได้ ราคา 4-5 พันกว่าบาท ยักษ์ใหญ่ "NOKIA" เผยสถานการณ์เครื่องปลอมระบาดหนัก เตือนผู้บริโภคระมัดระวัง !!



รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างวันที่ 24-31 ธันวาคม 2552 บิ๊กซี ซูเปอร์ สโตร์ ได้จัดแคมเปญ "ช้อปสนุก ถูกชัวร์" นำโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาวางจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมโปรแกรมเงินผ่อน 0% หลายรายการ แต่ที่น่าสนใจเป็นโทรศัพท์มือถือBLACKBERRY รุ่น Curve 8520 ที่ราคา 11,900 บาท พร้อมโปรแกรมเงินผ่อนกับเฟิร์สช้อยส์ในเครือจีอี 0% นาน 10 เดือน (เดือนละ 1,190 บาท) ซึ่งราคาดังกล่าวต่ำกว่าที่ 3 ค่ายมือถือที่ได้รับสิทธิในการทำตลาดขายอยู่ในขณะนี้






โดยที่ดีแทคขายเครื่องรุ่น Curve 8250 ที่ 12,999 บาท ไม่รวมภาษี เว้นแต่จะสมัครแพ็กเกจเหมาจ่ายรายปีจึงจะสามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 9,999 บาท ขณะที่ทรูมูฟจำหน่ายเครื่องเปล่ารุ่น Curve 8520 ที่ราคา 13,900 บาท เช่นเดียวกับเอไอเอสขายที่ 13,900 บาท อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสินค้าดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากแหล่งจำหน่ายใด



แหล่งข่าวจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เมื่อถึงสิ้นเดือนธันวาคมน่าจะทำยอดขายBLACK BERRYได้ถึง 20,000 เครื่อง ภายในเดือนเดียว จึงถือว่าประสบความสำเร็จมาก



ด้านนายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และรองหัวหน้ากลุ่มคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า BLACKBERRYรุ่น Bold ของทรูหมดสต๊อกแล้ว โดยมียอดขายในปี 2552 ประมาณ 5,000 เครื่อง ยังเหลือรุ่น Curve อีกประมาณ 5,000 เครื่อง ส่วนลอตใหม่ที่จะมาต้นปี 2553 เป็น Bold รุ่นใหม่ที่เริ่มวางขายในต่างประเทศแล้ว



"สำหรับกลุ่มทรูผมให้นโยบายว่า โทรศัพท์ที่จะนำเข้ามาขายต้องรองรับการใช้ 3G และ Wi-Fi เราจึงเน้นไปที่รุ่น Bold เป็นหลัก ตอนนี้ก็ขายหมดแล้ว รอรุ่นใหม่อย่างเดียว ซึ่งตัวนี้ถ้าได้สัมผัสและใช้งานจะรู้ว่าสมบูรณ์แบบ และให้ความรู้สึกต่างจากรุ่น Curve มาก"



นายปพนธ์กล่าวถึงกระแสของBLACKBERRYที่มีการพูดถึงมากเพราะมีการทำโฆษณาเยอะ และการที่ออกรุ่น Curve ทำให้บางรายพยายามนำมาสร้างเป็นจุดขาย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบสัดส่วนกับไอโฟนที่ไม่ค่อยมีการโฆษณา ไอโฟนยังมียอดขาย 3 ต่อ 1 ขณะที่ผู้ใช้ในตลาดมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกค้าองค์กรเน้นไปที่การใช้ push mail มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ใช้ BB messenger มีลักษณะเป็นคอมมิวนิตี้ เชื่อว่าอีกประมาณครึ่งปีกระแสความแรงน่าจะลดลงในลูกค้ากลุ่มนี้



ล่าสุดทรูได้ทำโปรโมชั่นฉลองยอดขายไอโฟนครบ 1 แสนเครื่อง โดยลดราคาเครื่อง 8 GB จาก 19,900 บาท เหลือ 18,900 บาท รุ่น 16 GB จาก 24,500 บาท เหลือ 22,900 บาท และ 32 GB จาก 28,500 เหลือ 26,400 บาท ตั้งแต่ 24-31 ธ.ค. 2552 เท่านั้น คาดว่าจะมียอดขายจากโปรโมชั่นนี้ 5,000 เครื่อง



ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจตลาดเกรย์มาร์เก็ตที่ห้างดัง "มาบุญครอง" พบว่าBLACKBERRYเครื่องหิ้วยังได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม โดยเจ้าของร้าน "แอปเปิ้ลโฟน" ยอมรับว่า BLACKBERRYมาแรงมาก มีผู้นิยมหาซื้อ บางรายใช้งาน 3-6 เดือน ก็เริ่มเปลี่ยนรุ่นแล้ว แต่ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้ คือ Curve 8900 ที่ราคาประมาณ 13,900 บาท ต่างจากเครื่องศูนย์ (บริษัทผู้ให้บริการมือถือ) ที่ขาย 20,900 บาท ขณะที่ Cruve 8520 มีราคาระหว่าง 10,500-10,900 บาท ขึ้นอยู่กับร้าน แต่หากเป็นสีขาวราคาจะแพงขึ้น 1 พันบาท



"ที่ Cruve ขายดีเพราะราคาไม่แพงทำให้คนตัดสินใจซื้อง่าย เมื่อบวกอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น แป้นพิมพ์ภาษาไทย ไมโครเอสดีการ์ดแล้วก็ยังถูกกว่าเครื่องศูนย์ เช่น ที่เอไอเอสขายที่ 13,900 บาท"



นอกจากนี้รุ่น Bold ที่มาบุญครองขายที่ 16,900 บาท ขณะที่เครื่องศูนย์ราคา 23,900 บาท รวมถึงรุ่น Tour ราคา 15,900 บาท เป็นรุ่นที่ยังไม่มีโอเปอเรเตอร์รายใดนำเข้ามาทำตลาด



"แม้ดีแทคจะเปิดตัวราคา 9,900 บาทออกมา แต่มาบุญครองก็ยังขายดีเหมือนเดิม เพราะดีแทคต้องผูกสัญญารายปี คิดราคารวม ๆ แล้วแพงกว่าซื้อที่นี่ เครื่องนอกใช้กับค่ายใดก็ได้ คนจึงยังมาซื้อที่มาบุญครองเยอะเหมือนเดิม แต่การปรับราคาสินค้าขึ้นหรือลงขึ้นกับต้นทุนที่รับมาและจำนวนสินค้าที่มีในตลาด"



นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการเปลี่ยนคีย์แพตภาษาไทย โดยคิดราคาของแท้ 900 บาท หากเป็นของเทียม 400 บาท แต่อายุการใช้งานจะสั้นกว่าและตัวอักษรลบเลือนง่าย



ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ความแรงของBLACKBERRYนอกจากจะทำให้ยอดขายที่มาบุญครองยังมีอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลให้มีเครื่องเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายด้วย โดยก๊อบปี้ทั้งแบรนด์และรูปลักษณ์ ในรุ่น Curve 8520 เมื่อมองด้วยสายตาแทบไม่เห็นถึงความแตกต่าง แต่ในแง่ฟังก์ชั่นและราคาต่างมาก คือ เป็นเครื่องที่ดูทีวีและใช้ 2 ซิมได้ แต่ไม่มีโปรแกรมบีบีแชต ราคาอยู่ที่ 4-5.5 พันบาท



จากการสอบถามร้านค้าที่จำหน่าย "บีบีเลียนแบบ" พบว่ากลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นนักศึกษาและคนทั่วไปที่อยากถือBLACKBERRYในราคาที่เอื้อมถึง



อย่างไรก็ตามในรายของยักษ์ใหญ่ "NOKIA" ได้ประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน นายชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท NOKIA (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือปลอมแปลงจำนวนมากวางจำหน่ายจึงขอแนะนำให้ผู้บริโภคเลือกซื้ออย่างระมัดระวัง โดยระบุว่า มีการปลอมแปลงหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งการใช้ตราสินค้าNOKIA ทั้งรุ่นที่มีและไม่มีอยู่จริงในตลาด รวมทั้งการใช้ตราสินค้าอื่น ๆ ใกล้เคียงชื่อNOKIA โดยเจตนาสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค

มือถือปลอมแปลงดังกล่าวยังมีช่องทางและวิธีการจำหน่ายที่สลับซับซ้อนมากขึ้น อาทิ การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ จำหน่ายในตู้ขายสินค้าขนาดเล็ก และจำหน่ายในร้านขายมือถือทั่วไป โดยอ้างว่า เป็นสินค้าราคาขายส่งจึงมีราคาถูก วางจำหน่ายปะปนกับสินค้าทั้งของจริงและของปลอม ซึ่งผู้บริโภคต้องพิจารณาอย่างละเอียด โดยสามารถตรวจสอบได้ที่NOKIAช้อปทุกสาขา NOKIAแคร์ไลน์ 0-2 255-2111 หรือ
www.nokia.co.th



Reblog this post [with Zemanta]

Friday, December 25, 2009

BIG C จับมือผู้ผลิต เปิดเว็บไซต์ใหม่ มอบคูปองส่วนลด




BIG C เดินหน้าลุยช่องทางช็อปปิ้งออนไลน์ต่อเนื่อง เปิดเว็บ "บิ๊กซีบิ๊กเซฟ" ผนึก กำลังซัพพลายเออร์ มอบส่วนลดออนท็อป กระตุ้นยอด-สร้างการรับรู้โปรโมตสินค้าใหม่



หลังจากบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นเสือปืนไว เปิดเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ www.atbigclick.com เป็นการชิมลางเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดBIG Cได้เปิด www.bigcsave.com หรือบิ๊กซี บิ๊กเซฟ มอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้า ซึ่งทั้ง 2 เว็บ สามารถลิงก์ได้จากหน้าเว็บไซต์หลักคือ www.bigc.co.th



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์บิ๊กซีเซฟ จะเน้นที่การให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของสินค้าหลากหลายแบรนด์ดังจากค่ายคอนซูเมอร์ โปรดักต์ อาทิ ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี คอลเกต เป็นต้น และการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ร่วมเล่นเกมรับของรางวัล และการมอบคูปองส่วนลดเพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้าในสโตร์




นางสาวฤดี เอื้อจงประสิทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การเปิดตัวเว็บไซต์บิ๊กซีบิ๊กเซฟ เป้าหมายเพื่อมอบส่วนลดแบบออนท็อปให้ลูกค้า ถือเป็นอีก 1 บริการเสริมที่ช่วยกระตุ้นความสนใจของลูกค้า BIG C ได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ร่วมกัน เน้นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ๆ เช่น ครีมอาบน้ำ OLAY โฟมล้างหน้าการ์นิเย่ ฯลฯ โดยสินค้าจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนทุกเดือน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเดียวกับลูกค้าบิ๊กคลิก



"การเปิดให้บริการในเว็บไซต์เป็นการต่อยอดจากแนวคิดที่ BIG C ต้องการเป็นผู้นำในเรื่องนวัตกรรมด้านไอที เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความแตกต่างจากค่ายค้าปลีกอื่น ๆ ที่มุ่งการแข่งขันเรื่องราคาเป็นหลัก" นางสาวฤดีกล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในเว็บไซต์ ดังกล่าวยังมีหน้าสำหรับการแนะนำสินค้า โดยเมื่อคลิกไปที่สินค้าแต่ละรายการจะมีการแสดงข้อมูลส่วนลด ซึ่งมีตั้งแต่ 5-30 บาท ข้อมูลผลิตภัณฑ์ หนังโฆษณา รวมถึงแคมเปญของแต่ละแบรนด์ เช่น แอ๊กซ์สเปรย์ ที่มีแคมเปญพิเศษมอบทริปเดินทางสู่ ลาสเวกัสพร้อมกับ 3 สาว เกิรล์ส เน็กซ์ ดอร์ จาก FHM เพียงส่งบาร์โค้ดของผลิตภัณฑ์ไปที่เบอร์ 4839000 ขณะที่รายการสินค้าของ Garnier ผู้เข้าเว็บไซต์ สามารถลิงก์เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์หลัก www.garnierthailand.com ด้วย



นอกจากนี้ยังมีหน้าคูปองส่วนลด ที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ต้องลงทะเบียนสมัครสมาชิกก่อน จึงจะสามารถพรินต์คูปองส่วนลดนำไปใช้ได้ โดยคูปองส่วนลดมีมูลค่าทั้งสิ้น 300 บาท ใช้ลดราคาสินค้าที่ระบุไว้ทุกสาขา ลอตแรกเริ่มตั้งแต่ 3 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม รวมทั้งการเปิดให้ผู้ที่เข้าชมเว็บมีได้ร่วมสนุก ตอบคำถามลุ้นรับผลิตภัณฑ์หรือของพรีเมี่ยม



ส่วน www.atbigclick.com หลัก ๆ เป็นการจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ทั้งอาหารแห้ง เครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน เสื้อผ้า รวมถึงสินค้าเฮาส์แบรนด์ของบิ๊กซี ฯลฯ เบื้องต้นทดลองใน 3 สาขา ได้แก่ รัตนาธิเบศร์ เอกมัย และราชดำริ มีโปรโมชั่นเหมือนกับในห้าง โดยลูกค้าต้องสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ 1,000 บาท เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินห้าง เป็นลูกค้ากลุ่มเอและบี ที่มีการวางแผนซื้อสินค้าและรู้จักระบบไอที โดยเฉพาะวัยทำงาน






Mr. Bun รุกเฮฟวี่สแน็ก



นายอนุสรณ์ ตันยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ Mr. Bun ได้ทดลองทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ "บันนานาชาติ" ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา



ได้รับการตอบรับอย่างดี จึงมีแผนพัฒนาให้เป็นหนึ่งในเมนูหลักของMr. Bun และต่อยอดกลุ่มเฮฟวี่สแน็ก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก

นอกจากกลุ่มของหวานและของทานเล่น คาดว่าในอนาคต บันนานาชาติจะเพิ่มสัดส่วนให้กับกลุ่มเฮฟวี่สแน็กเป็น 20-25% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 10-15% หรือเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้บริษัท นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด

หลังจากที่Mr. Bun ได้ขยายสาขาไปยังพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ล่าสุดเตรียมปักธงสู่ตลาดภาคใต้เป็นครั้งแรกที่จังหวัดชุมพรที่ Carrefour ชุมพร ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้

Thursday, December 24, 2009

Retail law called 'too late'

A picture of Ananda Samakhom Throne Hall in Ba...Image via Wikipedia

Local retailers say the approval of the long-delayed law to govern the retail and wholesale business has arrived to late to save their businesses, as prime locations have already been snapped up by large cash-rich operators.

"It is too late. The prime locations both in Bangkok and upcountry have been already occupied by giant retailers," said Somchai Pornrattanacharoen, president of the Wholesale and Retail Association.

"The new law just helps delay the expansion of their new outlets. It does not order them to stop [further expansion]."

The cabinet yesterday agreed in principle with the latest draft of the retail and wholesale act submitted by Commerce Ministry - five years after small retailers first started lobbying for the law.

The Council of State will be asked to look into the details including the size of modern trade stores and the wording of the bill.

Scrutiny by the government's legal adviser would take about six months before the law is sent back for cabinet for approval and parliamentary debate, said Yanyong Phuangrach, the ministry's permanent secretary.

In the latest draft, a central committee chaired by the commerce minister would be empowered to approve the opening or expansion of modern trade stores. Provincial committees would still remain but their role would be only to offer comments in a capacity as a sub-committee.

Four types of businesses would require official permission: very large retailers with outlets larger than 3,000 sq m, large retailers sized from 1,000 to 2,999 sq m, medium-size retailers (300 to 999 sq m), and small retailers (120 to 299 sq m) such as chain convenience stores with high annual turnover.

The rules exclude fresh markets and outlets operated by the co-operatives.

Mr Yanyong said the law should be enacted as soon as possible as giant retailers have been rapidly expanding throughout the country.

Large companies such as Big C, Carrefour, Tesco Lotus and 7-Eleven now have about 9,900 outlets altogether, up from 8,900 last year. The 7-Eleven chain alone accounts for nearly 5,500.

He said opening and closing hours for large outlets and their distance from the central areas of municipalities could be determined later through ministerial regulations.

He also said a special fund to help small retailers affected by the expansion of big chains was not necessary at the moment but other support measures could be considered.

Thanapon Tangkananan, president of the Thai Retailers Association, said members would seek permission to share comments with the Council of State.

"We desperately want clarity on the guidelines for the approval process of the responsible committee. We don't want the approval decided by way of using judgment which is tough in practice," he said.
Reblog this post [with Zemanta]

Wednesday, December 23, 2009

TOP 25 GLOBAL RETAIL BRAND 2009


เนื่องจากช่วงนี้พอมีเวลาว่างแล้วหาข้อมูลเลยไปเจอกับ report นึงซึ่งน่าสนใจมากเกี่ยวกับ retail ซึ่งได้ตีมูลค่าแบรนด์ retail 25 อันดับแรกของโลก







โดย report ฉบับได้จัดทำโดย MIV และ Millward Brown Optimor ซึ่งเป็น strategic brand consultant agency ที่จะจัดอันดับ Top 100 Valuable Brand เป็นประจำทุกปี

โดยจะเป็นกลุ่ม brand ทุกอุตสาหกรรม เช่น Google Nokia Toyota DHL Avon KFC Intel LV Gucci Coca-Cola



ครั้งนี้รู้สึกว่าจะเป็นครั้งแรกที่ Millward Brown Optimor ทำการวัดมูลค่า Brand ค้าปลีก



สำหรับวิธีการคิดนั้นจะวัดทั้งมุมมองของลูกค้าและพื้นฐานการเงินของบริษัท สำหรับวิธีการคำนวณอย่างละเอียดสามารถดูได้จาก brandz



โดย report ชิ้นนี้ได้ระบุถึงปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ค้าปลีกเหล่านั้นประสบความสำเร็จ

โดยจะยก Top 10 Most Valuede Brand มาพูดถึงอย่างละเอียด







จากการศึกษาพบว่า Top 25 Brand ค้าปลีกทั้งนี้ได้ทำยอดขายถึง 1.09 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวนสาขาทั้งหมด 38,000 สาขาใน 71 ประเทศทั่วโลกในปี 2008






------------------------------------------------------------------






Retail is Local

กว่าครึ่งพบว่ายอดขายมาจากตลาดในประเทศเดียว โดยจะเลือกตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศใหญ่ในยุโรป

โดยจาก Top 25 พบว่ามีกลยุทธทั้งแนวทางที่ปรับตัวให้เข้ากับตลาดท้องถิ่น เช่น ปรับรูปแบบของร้าน สินค้า หรือ position ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า เช่น Tesco Carrefour ที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละตลาดหรือแม้กระทั่ง Ebay ก็มี business ที่หลากหลายในแต่ละประเทศ

ในขณะที่บางแบรนด์ยึด single model เป็นอาวุธหลักในการดำเนินธุรกิจหรือมีการปรับน้อยมาก เช่น IKEA ที่เข้าตลาดโดยแบรนด์ IKEA เท่านั้น หรือ Amazon ก็เหมือนกัน



12 จาก 25 แบรนด์มียอดขายมากกว่า 90% จากตลาดหลักตลาดเดียว

2 จาก 25 ใช้ single brand strategy ในการทำตลาดต่างประเทศ (international market) คือ IKEA และ Amazon












------------------------------------------------------------------



Top 25 Has Small Impact in 7 Key Markets

สำหรับ 7 ประเทศที่ global retail มีผลต่อสภาพตลาดน้อยมากประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย รัสเซีย แอฟริกาใต้

ซึ่งสาเหตุที่ global retail ไม่ประสบความสำเร็จหรือสำเร็จเกิดจากเหตุสำคัญ 3 ประการด้วยกัน คือ ผู้บริโภค สภาพตลาดค้าปลีก และการสนับสนุนของรัฐบาล



1)จีน - ถึงแม้ว่าตลาดจะมีขนาดใหญ่มากและก็มีหลายรายที่อยู่ประเทศจีน เช่น Wal-mart Carrefour Tesco แต่ทั้งหมดนั้นก็ได้ Market share ที่น้อยมาก




2)ญี่ปุ่น - ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ทำให้การจัดการ Logistics เป็นไปอย่างซับซ้อนและความเป็นชาตินิยม ทำให้ Jusco คือผู้ครองตลาดญี่ปุ่นไว้อย่างเหนียวแน่น




3)เกาหลีใต้ - พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เหลือ Global retail แค่ Tesco และ Costo ในขณะที่ Carrefour ไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ต้องขายกิจการให้ Tesco




4)อินเดีย - ถึงแม้ว่าจะเป็นดาวรุ่งดวงหนึ่งใน BRIC แต่ว่ายังขาดปัจจัยที่จะทำให้ global retail ขยายสาขาได้ ไม่ว่าจะเป็น infrastructure การกระจายรายได้ การสนับสนุนของรัฐบาล




5)ออสเตรเลีย - สถาพภูมิประเทศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค้าปลีกท้องถิ่นเป็นผู้นำตลาด




6)รัสเซีย - สภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ ภาครัฐและราคาอสังหาริมทรัพย์ทำให้เป็นอุปสรรคในการขยายสาขาของค้าปลีกข้ามชาติ ถึงแม้ว่า Auchan จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในรัสเซียก็ตาม




7)แอฟริกาใต้ - สภาพภูมิประเทศที่กันดารและการกระจุกตัวของประชากรทำให้เป็นข้อจำกัดของค้าปลีกข้ามชาติ ค้าปลีกแอฟริกาใต้



อย่างไรก็ตามในตลาดเกิดใหม่อย่าง บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนติน่า ไทย มาเลเซีย และกลุ่มประเทศยุโรปกลางและตะวันออก ก็เป็นฐานสร้างรายได้สำคัญสำหรับเหล่า Top 25 Global Retail อย่างเช่น Carrefour ของฝรั่งเศสหรือ Metro ของเยอรมัน



โดยสรุปตลาดสำคัญของเหล่า Top 25 Global Retail คือตลาดใน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งสร้างยอดขายกว่า 80%




------------------------------------------------------------------



ในขณะที่ Lidl และ Auchan จะแปลกกว่า โดยเป็นแบรนด์ที่ขายดีในตลาดที่ไม่ใช่ตลาดหลัก โดยสรุปเป็นข้อสังเกตุได้ 3 ข้อด้วยกัน



1) ขยายตัวในตลาดที่ถูกละเลย (ข้อนี้น่าจะเป็น Blue Ocean) โดยที่ลดความเสี่ยงจากตลาดที่มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจหรือตลาดที่เติบโตเกือบเต็มที่แล้ว โดย Auchan มีอัตราการเติบโตในระดับสูงในอิตาลี รัสเซียและจีน ในขณะที่ Lidl (German Discount Supermarket) ขยายสาขาครอบคลุมหลายประเทศในยุโรป



2) Need ชนะ want โดยเหล่าแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานจะมีผลงานดีกว่า อย่างเช่น Jusco, Home Depot จะพยายามเลือกสินค้าในกลุ่มที่ได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อยนำเสนอลูกค้า



3) เน้นที่ความคุ้มค่าของเงินมากกว่าความแตกต่างเพียวๆ โดยแบรนด์ที่มูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นจะเน้นจุดนี้เป็นกลยุทธสำคัญของแบรนด์ตัวเอง โดยปัจจัยที่ทำให้ brand เหล่านี้ประสบความสำเร็จมาจากการสื่อสารเรื่องความได้เปรียบทางด้านราคา โดยไม่ลืมที่จะลิ๊งค์กับทางด้านความรู้สึกของลูกค้า (emotional)




Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, December 22, 2009

Mall Korat fends off rivals



The Mall Group is spending 500 million baht to revamp its Korat branch as competition heats up in the Northeast's retail market with the arrival of rival operators.


Preecha Limoau, general manager of The Mall Korat, said the company closed parts of its Nakhon Ratchasima store for a major renovation last month and expects to complete the work by April 1.


The facelift will increase retail space by 13,000 square metres to house IT and electrical goods outlets, restaurants and financial and health services.



The company also is changing the look on other floors and will increase the number of small retail shops in its City Walk to 400 from 250.



Jakkrit Keeratichokchaikun, chief merchandising officer of Power Mall, said the company would increase the space of Power Mall at Korat by 50% to 3,500 sq m, making it the largest IT and electrical goods outlet in the Northeast.



Mr Preecha said the opening of a Central shopping complex in Khon Kaen in early December had not affected The Mall's business so far. Only 1% to 3% of its customers came from Khon Kaen.



"Consumers in Korat have strong purchasing power because of the strong agricultural fundamentals. At present, the production of tapioca, the main cash crop here, is too short to supply the export market," he said.



Local people's lifestyles had been changing with the entry of The Mall Korat, with more people able to afford mid- to high-priced goods, he said.



"Sales growth at Korat in the first eleven months of this year was 14%, higher than the group's average growth of 5%," Mr Preecha said.



Mr Jakkrit said Power Mall would stage Electronica, an electrical and IT exhibition, at The Mall Korat by the end of next month.



The company expects to spend 50 million baht on the 11th Bangkok Electronica 2010 from today until Jan 5 at The Mall Bang Kapi and The Mall Bang Khae. It expects at least 100,000 visitors and 400 million baht in sales.



Reblog this post [with Zemanta]

Makro to open three stores



Siam Makro Plc, the operator of Makro cash-and-carry stores, will spend 2.6 billion baht to open new outlets and renovate its existing stores next year.


President Suchada Ithijarukul said the company planned to open three new outlets next year in Kamphaeng Phet, Kanchanaburi and Lop Buri, bringing the total to 47 next year.



"We believe there is still demand for food products. No matter how bad the economy is, people have to eat. The economy next year will not be worse than this year," she said.



All new developments of Makro next year will come under "Eco Plus", a new store concept that the company introduced in Pattaya this week. The 600-million-baht Pattaya branch has retail space of 7,000 square metres. More than 80% of the total area is dedicated to 10,000 items of fresh and dry foods, seasonings and beverages.



The displays of the Eco Plus-concept store will differ from those at other branches. Fresh and dry food and seasonings are put in the most accessible area to help shoppers save time as they regularly visit the store 3-4 times a month.



The Pattaya branch would serve the needs of hotels, restaurants, catering businesses and small retailers in Pattaya and nearby provinces in the Eastern Seaboard.



Currently, Makro has 40 stores under the original 10,000-square-metre format, three Eco-format stores with half the retail space in Phuket, Krabi and Koh Samui and one Eco-Plus format in Pattaya with 7,000 sq m.



Mrs Suchada said there was bright business potential for its Pattaya branch as the economy is recovering and large department stores and real estate projects are stepping up their investments. Moreover, the company has 30,000 registered members, mostly hotels, restaurants, catering businesses and small retailers.



Sales of Makro in the first nine months of this year grew by 3.5%, better than the industry's growth rate. The company expects sales this year to reach 75 billion baht, up from 70 million baht last year.



Shares of Makro closed yesterday on the Stock Exchange of Thailand at 84 baht, up 25 satang, in trade worth 47 million baht.



Reblog this post [with Zemanta]

CENTRAL ปั้นศูนย์เชียงราย เกตเวย์ดึงลูกค้าจีน-ลาว



กอบชัย จิราธิวัฒน์ เปิดแผนโปรเจ็กต์ "เซ็นทรัล เชียงราย" หวังปั้นเป็นเกตเวย์ ดึงกลุ่มลูกค้าเขตเศรษฐกิจจีน-ลาว เล็งดึง "โรบินสัน"เป็นแม่เหล็ก ชี้ภาพเศรษฐกิจ ปีหน้าค้าปลีกยังแรง โต 3-4%






นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดค้าปลีก ปีหน้าว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากหลาย ๆ ปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุนอย่างน้อยน่าจะขยายตัวได้ 3-4% ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับการประเมินตัวเลขจีดีพีเศรษฐกิจประเทศในปีหน้า ซึ่งส่วนตัวยังเชื่อว่าลูกค้ามีเงินและพร้อมที่จะจับจ่าย อย่างไรก็ตามแม้ว่าปีหน้าเซ็นทรัลพัฒนาจะไม่มีแผนเปิดสาขาใหม่ หลังจากเปิดแล้วในปีนี้ 4 แห่ง ซึ่งศูนย์ใหม่นี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท หลังจากปีหน้าเป็นการเปิดที่ครบเต็มปี



พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยถึงการลงทุนเซ็นทรัล พลาซา เชียงรายโครงการใหม่ที่จะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดตัวในปี 2554 หลังจากได้เข้าซื้อที่ดินเปล่าขนาด 30 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ




หัวเรือใหญ่ซีพีเอ็น ระบุว่า เชียงรายจะเป็นโครงการขนาด 4 หมื่น ตร.ม. โมเดลกลาง ๆ ที่เหมาะกับพื้นที่และความต้องการของตลาด โดยมองว่าเชียงรายเป็นตลาด ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการขยายธุรกิจ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจที่เชื่อม 3 ประเทศ ไทย-ลาว-จีน ทำให้เชียงรายมีแนวโน้มกลายเป็นเกตเวย์สำคัญของตลาดตอนเหนือแทนเชียงใหม่ ด้วยคมนาคมที่สะดวกขึ้น นอกจากกลุ่มลูกค้าคนไทยแล้ว ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น กลุ่มครอบครัวจากประเทศจีนและลาวสามารถที่จะขับรถหรือเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จับจ่ายซื้อของ รวมทั้งติดต่อธุรกิจโดยมีเชียงรายเป็นศูนย์กลางได้ไม่ยาก



พื้นที่โครงการเซ็นทรัล พลาซา เชียงราย ขนาด 4 หมื่น ตร.ม.นี้ นายกอบชัยชี้ว่า มีโอกาสที่จะขยับขยายเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยการก่อสร้างแบ่งพื้นที่บางส่วนเอาไว้เพื่อพัฒนาโครงการรูปแบบต่าง ๆ ในอนาคต ขึ้นอยู่กับดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าและความต้องการของตลาด โดยจะเริ่มลงมือก่อสร้างในปี 2553 เพื่อสามารถเปิดในปีถัดไป ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ "ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน" จะเป็นแม็กเนตหลักของศูนย์เชียงราย



ส่วนความชัดเจนเรื่องรีโนเวต "เซ็นทรัลลาดพร้าว" นั้น "กอบชัย" ชี้ชัดว่า จะหาข้อสรุปในต้นปีหน้า เพื่อนำความเห็นและความต้องการของร้านค้าคูˆเช่าและของกลุ่มเซ็นทรัลมาประเมินร่วมกันอีกที เนื่องจากเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ต้องปรับแก้ไขระบบหลาย ๆ อย่างของโครงสร้างอาคาร อาทิ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ทำให้การก่อสร้างยุ่งยากมากกว่าการรีโนเวตปกติ



"เราต้องคุยกับร้านค้า ว่าจะมีแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างไร บางส่วนอยากจะให้ทยอยปรับทีละส่วนและไม่ต้องปิด ขณะที่ทีมมาร์เก็ตติ้งก็อยากจะปิดเลย แล้วรอเปิดทีเดียวตอนแปลงโฉมเสร็จ เพื่อเรียกเสียงฮือฮา สร้างกระแสให้คนอยากมาดู ก็คงต้องคุยกัน" นายกอบชัยกล่าวทิ้งท้าย



108 SHOP ปรับตัวพร้อมรบ เฟ้นทำเลทอง-เพิ่มสัดส่วนกลุ่มอาหาร



การแข่งขันของตลาดค้าปลีกใกล้บ้านหรือร้านค้าชุมชนในปีหน้าจะดุเดือดขึ้น เมื่อมีหลายค่ายกระโดดเข้ามามากขึ้น และ "108 ช็อป" ถือเป็นผู้เล่นที่ต้องจับตามอง นอกจากเป็นธุรกิจในเครือสหพัฒน์ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องเงินลงทุนแล้ว ยังมีพันธมิตรที่เป็นโชห่วยทั่วประเทศซึ่งเป็นจุดยืนของแบรนด์นี้ ก็ยิ่งทำให้ร้านสะดวกซื้อ 108 ช็อป แตกต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดทั้งปวง




"เวทิต โชควัฒนา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันร้อยแปด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้าน 108 ช็อป กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ แบรนด์ในปีหน้าว่า หลังจากปีนี้บริษัทได้รีวิวสาขาที่ไม่สร้างยอดขาย โดยปิดไปเกือบ 100 สาขา ทั้งที่ลงทุนเองและเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งขณะนี้นับว่าลงตัวแล้วและทำให้ตั้งแต่ปีหน้าสาขาของ 108 ช็อป จะไปในทิศทางขาขึ้นแบบก้าวกระโดด



"ปีนี้เราปิดเป็น 100 สาขา และก็เปิดกว่า 200 สาขา ซึ่งจะทำให้ตั้งแต่ปีหน้า 108 ช็อปสามารถเปิดสาขาใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ ปัจจุบันการเลือกทำเลเราแม่นขึ้นเยอะ เดือนแรกก็ทำกำไรได้เลย"



ปัจจุบัน 108 ช็อปมี 700 สาขา เป็นร้านที่บริษัทลงทุนเองเกือบ 500 สาขา ปีหน้าตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 400 สาขา เป็นลงทุนเอง 200 สาขา และแฟรนไชส์อีก 200 สาขา ปีหน้าจะมีสาขาทะลุ 1,000 สาขาแน่นอน เป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมกรณีการเข้าไปเปิดให้บริการแทนร้านสะดวกซื้อ "สตาร์มาร์ท" ในปั๊มคาลเท็กซ์ ซึ่งบริษัทแม่เชฟรอนที่จะเลิกธุรกิจดังกล่าว



"ที่ผ่านมาเราส่งสินค้าบางรายการให้ร้านสตาร์มาร์ทอยู่แล้ว เมื่อเขาเลิกทำ และแนวโน้มขณะนี้ส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนมาเป็น 108 ช็อป ดังนั้นปีหน้าเราจะสามารถเพิ่มสาขาได้อีกกว่า 200 สาขา"



นอกจากความลงตัวเรื่องทิศทางขยายสาขาจากการลองผิดลองถูกกับไซซ์ต่าง ๆ มาพอสมควร "เวทิต" ชี้ว่า ตั้งแต่ปีหน้าขนาดที่จะมุ่งเปิดจะเน้นที่ 56 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่พอเหมาะและลงตัวกับความเป็น 108 ช็อป จากเดิมจะเน้นขนาดน้อยกว่า 30 ตร.ม. ที่เล็กเกินไป เช่นเดียวกับทำเลที่ตั้งของร้านก็มาสรุปลงตัวว่า จะมุ่งไปที่ทำเลที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่มากขึ้น



ปัจจุบันร้าน 108 ช็อปที่บริษัทลงทุนเองนั้นจะอยู่ในทำเล B- ถึง A แต่หากเป็นแฟรนไชส์จะเน้นเปิดในทำเล C ถึง C+ เมื่อมองในภาพรวม 108 ช็อปมีสาขาที่อยู่ในทำเล A เพียง 70 สาขาเท่านั้น



ดังนั้นตั้งแต่ปีหน้า "เวทิต" ตั้งเป้าว่า จะเน้นขยายสาขาไปที่ทำเลตั้งแต่ B ถึง A นอกจากการขยายตัวของชุมชนในแต่ละแห่งที่มากขึ้นแล้ว ยังเพื่อตอบโจทย์การรุกตลาดกลุ่มอาหารของร้าน 108 ช็อปอีกด้วย



"ทำเลหลัก ๆ เหล่านี้จะช่วยขยายสัดส่วนกลุ่มอาหารให้มากขึ้น โดยเฉพาะอาหารพร้อมทาน หรือเรดดี้ ทู อีต เพราะสินค้ามีอายุจำกัด และต้องมีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา"



ปัจจุบันสัดส่วนกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ของ 108 ช็อปคิดเป็น 65% ของยอดขาย แต่คิดเป็นกลุ่มเรดดี้ ทู อีตเพียง 5%



"สัดส่วนเรดดี้ ทู อีตเราน้อยมาก แต่ในที่สุดเราต้องเดินตามนั้น ตอนนี้ต้องบอกว่า กลุ่มอาหารอยู่ในขั้นกำลังพัฒนา ซึ่งต้องมีระบบ chilled logistic รองรับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองในบางจังหวัด โจทย์ คือ ทำอย่างไรให้ครบทั้งประเทศ โดย ตั้งเป้าว่า สิ้นปี 2553 จะเห็นความแตกต่างในเรื่องนี้อย่างชัดเจน"



แม้จะมีเป้าหมายรุกตลาดอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ปีหน้า แต่ "เวทิต" ยืนยันว่า ถึงวันนี้ร้าน 108 ช็อป ไม่ได้มีเป้าหมายแข่งกับบรรดาร้านไฮเปอร์มาร์ตที่ลงมาเล่นในตลาดนี้ หรือกับยักษ์ใหญ่ เซเว่นอีเลฟเว่น เพราะหากเทียบกันแล้วยอดขายของ 108 ช็อป น้อยกว่าถึง 3 เท่า



แต่เป้าหมายของร้านซึ่งเครือสหพัฒน์ยืนยันมาตั้งแต่ต้นที่เปิดให้บริการ คือ การเป็นทางออกของบรรดาโชห่วยเพื่อแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ โดย 108 ช็อปจะทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวช่วย ที่ชัดเจน คือ การมีระบบ auto reorder ที่แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อรายอื่น ๆ โดยเป็นระบบเติมเต็มสินค้าโดยอัตโนมัติ ที่เมื่อสินค้าหมดก็จะมีการส่งสินค้าในทันที ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไป หรืออากง อาม่าก็สามารถจะดำเนินธุรกิจนี้ได้เช่นกัน



"จุดยืน คือ ต้องการเป็นทางออกของโชห่วย จริง ๆ ธุรกิจซื้อมาขายไปควรจะเป็นอาชีพสำหรับคนในท้องถิ่นเป็นเบสิกที่ใคร ๆ ก็ทำได้ สามารถแข่งขันได้ ธุรกิจนี้สำหรับสหพัฒน์ไม่ใช่ธุรกิจทำกำไร แต่เราต้องการตอบแทนบรรดาร้านโชห่วยที่เคยช่วยเครือสหพัฒน์จนมีทุกวันนี้ เราต้องการปูทางให้พวกเขาสามารถเป็นมวยรุ่นเดียวกับร้านค้าปลีก สมัยใหม่นั่นเอง"



ปีนี้ในภาพรวมบริษัทโตถึง 64% เพราะมีการเปิดสาขาจำนวนมาก แต่หากเทียบยอดขายของร้านเดิมปีต่อปีโตขึ้นที่ 5% ซึ่งมาจากที่ความถี่ในการใช้บริการเพิ่มขึ้นจากที่ชุมชนขยายตัว ขณะที่การซื้อต่อบิลอยู่ในระดับเดิม



Thursday, December 17, 2009

MAKRO TO INVEST 600 MB FOR NEW MODEL "ECO PLUS" AT PATTAYA



นางสุชาดา อิทธิจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม็คโคร ได้เปิดสาขาพัทยา ซึ่งเป็นสาขาที่ 44 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหารและบริการจัดเลี้ยงหรือกลุ่มโฮเรก้า (Horeca) และผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อยในเมืองพัทยาและจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออก




ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจของเมืองพัทยามีการขยายตัวค่อนข้างมากดังจะเห็นได้จากการลงทุนของห้าง สรรพสินค้าขนาดใหญ่และอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้เรายังมีผู้ประกอบการสมัครเป็นสมาชิกกว่า 30,000 รายที่รอจะใช้บริการที่แม็คโคร สาขาพัทยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่ม HoReCa และ ร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ โชห่วย





สาขาพัทยามีพื้นที่ทั้งหมด 44,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่จำหน่ายสินค้าประมาณ 7,000 ตารางเมตร โดยใช้งบลงทุนก่อสร้างประมาณ 600 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่จำหน่ายอาหารสด และอาหารแห้ง เครื่องปรุง เครื่องดื่มถึง 80% และเป็นสโตร์รูปแบบใหม่ เรียกว่า Eco plus คือเป็นสาขาขนาดเล็กที่มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าประมาณ 7,000 ตารางเมตร และเนื่องจากเป็นสาขาที่เปิดขึ้นเพื่อรองรับผู้ประกอบการ HoReca และผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย ดังนั้นรูปแบบการจัดวางสินค้าสินค้าจะแตกต่างจากที่อื่น



Reblog this post [with Zemanta]

พาณิชย์รื้อกม.ค้าปลีก ปูทาง "พรทิวา"คุมเบ็ดเสร็จ อำนาจอนุมัติตั้ง-ขยายสาขา



"ปลัดพาณิชย์" ยันร่างพรบ.ค้าปลีกฯ ลงตัวแล้ว เล็งเสนอ ครม.อังคารนี้ ระบุถ้า "การเมือง"ไม่เปลี่ยนขั้นคงประกาศบังคับใช้ได้ทันกลางปีหน้า เผยร่างฉบับใหม่ให้อำนาจรมว.พาณิชย์ เต็มที่ พร้อมทอนอำนาจ คณะอนุกรรมการในแต่ละจังหวัดลง โดยให้ให้สิทธิ์แค่การแสดงความเห็นเท่า นั้น ไม่มีอำนาจในการอนุมัติใดๆทั้งสิ้น




นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 15 ธันวาคม นี้ คาด ว่า กระทรวงพาณิช์ จะนำ ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจค้าปลีก-ส่ง เข้าสู่วาระที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีการตีกลับเนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องการจัดตั้ง คณะกรรมการกำกับนโยบาย และการกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขของสถานประกอบการ



"หลังจากได้นำประเด็นนี้ไปหารือร่วมกับ ประธานผู้แทนการค้าไทย ซึ่งล่าสุดได้มีข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" นายยรรยง กล่าว



โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้มีการจัดตั้ง คณะอนุกรรมการทั่วประเทศ และสามารถออกใบอนุญาตประกอบการ หรือขยายสถานประกอบการได้ และร่างล่าสุดได้เปลี่ยนเป็นให้มีการจัดตั้ง คณะกรรมการชุดใหญ่ในส่วนกลางขึ้นมาแทน โดยมีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ที่จะสามารถตัดสินใจในการให้เปิด หรือขยายประกอบการเพียง คณะเดียว ส่วนคณะอนุกรรมการในแต่ละจังหวัดยังให้คงไว้ แต่ให้สิทธิ์แค่การแสดงความเห็นเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการอนุมัติเรื่องใดๆ



ทั้งนี้ในการกำหนดการขออนุญาตตั้ง หรือขยายสาขา โดยมีการกำหนดขนาดออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ร้านค้าขนาดใหญ่มาก ร้านค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าขนาดกลาง และร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงระยะเวลาเปิด-ปิด ตรงส่วนนี้ยังคงใช้ร่างเดิม แต่จะเพิ่มในส่วนของร้านค้าในเครือข่าย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่ถ้าอยู่ในเครือข่ายของห้างโมเดิร์นเทรด ก็จะถูกควบคุมดูแลด้วย



"เชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ค้าปลีกฯ จะสามารถออกมาใช้ได้ทัน ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีก เพราะถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ โดยถ้าเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในครั้งนี้ แล้วผ่านเรียบร้อย ก็จะส่งให้ คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาได้ทันในสิ้นปีนี้ รวมถึงมีตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาดูแลก็จะสามารถเสร็จสิ้นได้ภายใน 3 เดือน และคาดว่าจะสามารถนำออกมาใช้ได้ทันภายในกลางปี 2553" นายยรรยง กล่าว



CENTRAL ผุดห้างที่พิษณุโลก

Central World - Merry X'mas & Happy New Year 2...Image by Honou via Flickr


นายวิมล พรพ่วง นายกเทศมนตรี ตำบลพลายชุมพล เผยว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นเรื่องขอก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เป็นอาคาร 3 ชั้น บนถนนสิงหวัฒน์ ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยซื้อมาจาก บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) จำนวน 80 ไร่ ในราคาตารางวาละ 5,000 บาท และซื้อเพิ่มจากชาวบ้านอีก 28 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 104 ไร่ พร้อมยื่นแบบก่อสร้างที่เทศบาลพลายชุมพลแล้ว แต่เกินอำนาจที่ทางเทศบาลจะอนุมัติให้ก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ จึงส่งหนังสือผ่านไปยังสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้ ผวจ.พิษณุโลกพิจารณาเห็นชอบ




แหล่งข่าวระดับสูงของจังหวัดเผยว่า หนังสือขออนุญาตสร้างห้างสรรพสินค้า 3 ชั้นของกลุ่มเซ็นทรัลฯ อยู่บนเนื้อที่ใช้สอย 100,000 ตารางเมตร แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีห้างดิสเคานท์สโตร์อยู่ภายในด้วยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ที่ดิน เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเหลือง ย่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งอยู่ในบล็อคที่ดินแปลง 400 ไร่ กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินไปนอกเหนือเกษตรกรรมเพียงร้อยละ 10 ซึ่งปัจจุบันถือว่าได้ใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่แล้วตามกฎหมายผังเมืองของการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตที่อยู่อาศัย



อย่างไรก็ตาม กฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ยังไม่ได้ประกาศใช้ ทำให้ต้องบังคับใช้ประกาศของจังหวัดพิษณุโลกควบคุม และจะต้องพิจารณา พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย โดยก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลฯ ได้ทำหนังสือขอความเห็นต่อจังหวัด และได้แจ้งกลับไปว่า ควรสร้างห้างสรรพสินค้าทางโซนตะวันออกของเมือง หรือบริเวณสี่แยกอินโดจีน เนื่องจากเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ และไม่เห็นด้วยกับการสร้างห้างในเขต ต.บ้านคลอง หรือ ต.พลายชุมพล เนื่องจากเป็นเขตที่อยู่อาศัยชุมชนหนาแน่น จะมีปัญหาระบบไฟฟ้าและน้ำประปาตามมา นอกจากนี้ ยังต้องทำหนังสือสอบถามไปยังแขวงการทางพิษณุโลกและชลประทานพิษณุโลกว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่ เพราะพื้นที่ 104 ไร่ของกลุ่มเซ็นทรัลฯ อยู่ใกล้เขตพื้นที่สีเขียว ห่างคลองชลประทาน 500 เมตร กรณีห้างเกิดขึ้นจริง ย่อมมีชุมชมเพิ่มขึ้นตามมา จะแก้ปัญหาไม่จบ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินบริเวณ ต.พลายชุมพลและ ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จัดเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชุมชนหนาแน่นชานเมือง (ฝั่งตะวันตก) บนถนนพิษณุโลก-สุโขทัย ซึ่งทันทีที่กลุ่มเซ็นทรัลฯได้ซื้อที่ดินตรงข้ามหมู่บ้านพิษณุโลกเมืองใหม่ เริ่มมีการขยับติดต่อซื้อขายที่ดินใกล้เคียงในราคาตารางวาละ 1.5 หมื่นบาท หรือไร่ละ 6 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ กลุ่มเซ็นทรัลฯ เคยติดต่อซื้อที่ดินแปลงใหญ่ในเขตธุรกิจทำเลทองฝั่งตะวันออกก่อนถึงสี่แยกอินโดจีน ซึ่งเป็นราคาที่ดินแพงสุดของ จ.พิษณุโลก ตารางวาละ 60,000 บาท แต่ไม่สามารถรวบรวมที่ดินแปลงใหญ่ได้ กระทั่งได้ประมูลซื้อที่ดินจากสถาบันการเงิน (หนี้เสีย) บริเวณ ต.พลายชุมพลได้ในที่สุด



Reblog this post [with Zemanta]

Friday, December 11, 2009

Happy shopping at Tesco Lotus


To make shopping family fun

When it's time to choose that gift


And give yourself a special lift


There's no other destination


To equal Tesco Lotus Happy Station

It's undeniable that shopping is a source of happiness for people everywhere. Add a few splashes of Thailand's renowned 'sanook' mixed with a healthy helping of seasonal good will, and happy days are here again across the land.


This year, Tesco Lotus is doing its part in a big way to promote seasonal cheer and happy shopping time with its "Happy Station" campaign that runs from 19 November 2009 to 04 January 2010 at Tesco Lotus stores across the country.


The seasonal message is loud and clear - just board the train for the Tesco Lotus 'Happy Station' and enjoy the super value for money shopping experience for which Tesco Lotus is renowned.

Super value for money? The wide range of great quality 'Happy Station' gifts start with prices as low as three baht for New Year cards while baskets for health conscious people for example are available from just 255 baht.

Baskets for the health conscious are just one of the many Happy Baskets from a total Happy Station selection of more than 2,000 items, all conveniently arranged in price points.

Department store-quality hampers with leading brand products and OTOP baskets start at 255 baht, while quality house brand baskets start at just 185 baht. In the health conscious range options include health-giving beverage baskets, orange mania baskets, five-colour fruit baskets and salad baskets.

It's probably fair to say that the way to a child's heart is through his or her toys and the Happy Station makes this laudable objective as easy as selecting a traditional Teddy Bear or the ever popular Panda.

Gifts and toys for children include dancing dolls (199 baht), teddy bears (starting at 99 baht) and two-wheeled and three-wheeled scooters (499 baht). Books start at 29 baht, stylish cushions (99 baht), various flavours of cookies (5 baht/piece or 45 baht/10 pieces). There are also mini racing cars (one for 59 baht and two for 99 baht), two-wheeled and three-wheeled scooters (499 baht) and music keyboards (599 baht).

Unbeatable gifts at unbeatable prices, that has to be the overall Happy Station message. Looking for something to brighten up your or someone else's kitchen? A gift which is also eminently practical? Look no further than the Happy Station where you'll find a range of stylish kitchenware products, from Nova Mate and other leading brands and at prices as low as 199 baht per set.

Irons, kettles and fans start at 199 baht, colourful tableware party sets and cheerful Mickey and Minnie Mouse mugs start at 29 baht each. If you get caught up in the Happy Station shopping mode and then remember there are a few more gifts to buy, don't despair. Take a look at the Tesco Lotus range of electronic items that include the Acer's D250-N280 Net-book at only 11,990 baht. There are also thumb drives in a range of styles and colours starting at 470 baht. And while you're switched on to things electronic you'll just have to see the super smart digital photo frames that cost as little as 2,790 baht.

Christmas and New Year decorations are overlooked at your peril. Even if last year's favourites are still in good condition you'll want to freshen them up and party hats are definitely a seasonal buy. Happy Station solutions include one-foot, to seven-feet Christmas trees from 59 baht to 1,290 and party decorations from just five baht. If you fancy a fancy headband for a change, these and other happy hats and masks are all at low, low prices with masks starting at nine baht.

Each year Tesco Lotus strives to make shopping at any of its nationwide stores a great experience for its customers and this year, Thailand's leading retailer is focusing on making that experience a happy time for everyone. Quality products at unbeatable prices provide a great start for families on a limited budget keen to buy gifts for loved ones, friends, and relatives. The sheer Happy Station selection of more than 2,000 items means no one is left out. And that also means happy smiles all round.

Corporate customers, keen to take advantage of the Tesco Lotus value for money offers for large purchases are invited to call the newly installed Hot Line at 0-2797-9000 ext 5599 or e-mail to B2B@th.tesco.com for large purchases.
Reblog this post [with Zemanta]

Thursday, December 10, 2009

Power Mall รับบอลโลกปรับ4สาขาชูพรีเมี่ยมเน้นโซลูชั่น



"Power Mall" เตรียมแผนบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับโฉม 4 สาขา "งามวงศ์วาน-ดิ เอ็มโพเรียม-บางแค-บางกะปิ" ยกระดับสินค้าเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมผ่านคอนเซ็ปต์โซลูชั่น คาดบอลโลกดันทีวีโต กระฉูด 30-50% มั่นใจสิ้นปีผ่านวิกฤตตลาดซบดันยอด 7.7 พันล้าน





นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดในปีหน้าจะเน้นในเรื่องของการรีโนเวตสาขาให้ทันสมัย เพื่อวางสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยทยอยนำร่องใน 4 สาขาหลัก คืองามวงศ์วาน ดิ เอ็มโพเรียม บางแค และบางกะปิ ซึ่งรูปแบบของร้าน หลังจากปรับโฉมใหม่ Power Mall ได้โฟกัสไปที่กลุ่มสินค้าระดับHi-End ด้วยการจัดดิสเพลย์ โชว์การใช้งานสินค้าที่เชื่อมโยงกัน และให้ลูกค้าได้เห็นภาพการทำงานจริง




รวมทั้งได้เพิ่มพื้นที่สำหรับสินค้ากลุ่มไอทีมากขึ้น เนื่องจากเป็นเทรนด์ของตลาดกระแสหมวดสินค้าไอที-ดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ควบคู่กับสินค้ากลุ่มจอภาพ ซึ่งได้ปรับพื้นที่วางสินค้าที่เป็นจอบางขนาดใหญ่ ทั้งLCD LED และPlasma TV ให้เป็นตัวหลักขับเคลื่อนยอดขาย ซึ่งนอกจากการจัดวางสินค้าแบบใหม่แล้ว การปรับโฉมสาขาใหม่ จะรองรับภาพการแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของเพาเวอร์มอลล์ได้ดี



นอกจากนี้ ช่วงกลางปีหน้าจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ผู้บริหารสินค้าร้านเพาเวอร์มอลล์ มองว่าจะมีส่วนสำคัญเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละค่ายต่างหวังอานิสงส์จากฟุตบอลโลกมาช่วยสร้างยอดขายและเพิ่ม Market Share โดยเฉพาะตลาดทีวีจอบางที่เป็นไฮไลต์หลัก โดยประเมินว่าจะสามารถขยายตัวได้กว่า 30-50% ตลอดช่วงก่อนเริ่มแข่งขัน



"ทุกครั้งที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ตลาดจะขยายตัวจากปกติถึง 30-50% ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ที่เปลี่ยนไปคือตลาดกลุ่ม ทีวีจอบางจะขายดี ทั้งแอลซีดีและพลาสม่าทีวี แต่ละค่ายจะเร่งดีมานด์ลูกค้าให้เปลี่ยนจากจอแบนแฟลตทีวีเป็นจอบาง"



นายจักรกฤษณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแอลซีดีทีวีได้รับการเอดูเคตจากผู้ประกอบการแต่ละค่ายมานานแล้ว ขณะที่โครงสร้างราคาที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตอบรับของลูกค้ามีมากขึ้น ทั้งจากการซื้อ ทีวีใหม่เพิ่มขึ้นอีกตัวภายในบ้าน หรือเปลี่ยนจากซีอาร์ทีเป็นจอบาง นอกจากนี้ เพาเวอร์มอลล์ได้เตรียมกิจกรรมเพื่อตอบรับกระแสฟุตบอลโลกครั้งนี้ในหลากหลายรูปแบบ



อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลอดทั้งปีนี้ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาลงและส่งผลกระทบตรงต่อการเติบโตของเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ผู้บริหารร้านเพาเวอร์มอลล์ ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 7,700 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว

HOME PRO ขนเครื่องมือการตลาดดึงลูกค้าช็อปดันยอดขายโต10%


นายณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มการตลาด บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร"โฮมโปร" กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้โฮมโปรจัด 2 แคมเปญใหญ่ ได้แก่ แคมเปญ "โฮมโปรซูเปอร์ช็อคเซล" ลดราคาสินค้าสูงสุด 70% และHome Pro Living Gift Fest 2010 นำของตกแต่งและเครื่องใช้ในบ้านมาจัดเป็นแพ็กเกจของขวัญปีใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 10% โดย 9 เดือนแรกที่ผ่านมามียอดขายรวม 1.45 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท




"บรรยากาศโดยรวมตอนนี้ถือว่าดีขึ้นนะ ดังนั้นมั่นใจว่าทั้ง 2 แคมเปญน่าจะช่วย ผลักดันยอดขายปีนี้ได้ตามเป้า อย่างงาน Home Pro Expo ล่าสุดเราได้ยอดขาย 720 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาท"



นายณัฏฐ์กล่าวต่อว่า ปีหน้าเตรียมงบฯ Marketing 440 ล้านบาท หรือประมาณ 2% จากเป้าหมายยอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาท โดยยังคงเน้นการจัดแคมเปญใหญ่ตลอด ทั้งปี อาทิ แคมเปญซูเปอร์ช็อค งานมหกรรมโฮมโปรเอ็กซ์โป ฯลฯ เพื่อกระตุ้นการขาย



ทั้งนี้โฮมโปรจะให้ความสำคัญกับการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.shop.homepro.co.th มากขึ้น หลังเริ่มนำร่องเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์รวมทั้งสิ้น 8 กลุ่ม อาทิ เฮาส์แวร์ โฮมเดคอร์ ฯลฯ รวมประมาณ 600 รายการ โดยจับมือกับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยเป็นตัวกลางในการชำระเงิน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าว่าจะต้องเพิ่มรายการสินค้าเป็น 1,500 รายการ และใช้กลยุทธ์การตั้งราคาต่ำกว่าสินค้ารายการเดียวกันในแต่ละสาขา เพื่อดึงดูดลูกค้าใช้บริการ รวมถึงมีสินค้าบางรายการที่ไม่มี จำหน่ายในสโตร์ของโฮมโปร



ส่วนแผนการขยายสาขาของโฮมโปร ในปีหน้าจะเปิดสาขาใหม่ 5 แห่ง รวมแล้วจะมีสาขาทั้งสิ้น 40 แห่ง ที่สรุปแล้ว คือ สาขานครปฐม คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails