Pages

Friday, April 24, 2009

"เซฟมาร์ท" ดิ้นสู้ยักษ์ข้ามชาติ สร้างเครือข่าย-เปิดหน้าร้านสาขา 2


นับวันการค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคของทุนท้องถิ่นยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะปัจจุบันจังหวัดอุดรธานีกลายเป็นยุทธภูมิของการค้าขนาดใหญ่เสียแล้ว โดยเฉพาะการเข้าปักธงของ "คาร์ฟูร์" เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ยิ่งตอกย้ำภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงและเข้มข้นมากขึ้น



"เซฟมาร์ท" ห้างค้าปลีก-ส่งซึ่งเป็นทุนท้องถิ่นที่ขยับตนเองมาเปิดสาขา 2 นอกเมือง และประกาศสู้กับห้างค้าปลีกข้ามชาติภายใต้การนำของ "สุรศักดิ์ สุระวรรณวิจิตร" กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อึ้งเซ้งเฮง (1994) จำกัด ผู้บริหารห้างค้าปลีก-ส่ง "เซฟมาร์ท" ยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ณ วันนี้ถ้าไม่ปรับตัวอยู่ไม่ได้



แม่ทัพเซฟมาร์ทบอกว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ทางห้างจะจัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งอาคารด้านหน้าและเปิดขายเต็มตัว ภายหลังจากขยายสาขา 2 และเปิดเป็นสโตร์ด้านหลังมาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งสาเหตุที่เปิดหน้าร้านครั้งนี้เพราะมองเป็นช่องทางและโอกาส เนื่องจากถนนเลี่ยงเมืองซึ่งอยู่ระหว่างทางออกจังหวัดหนองคาย และทางออกจังหวัดสกลนคร เซฟมาร์ทเป็นห้างเพียงแห่งเดียว นอกเหนือจากห้างขนาดใหญ่เทสโก้ โลตัส ที่ยึดพื้นที่หัวมุมถนนอุดร-หนองคาย และบิ๊กซีที่ยึดหัวมุมถนนอุดร-สกลนครไว้แล้ว




อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนที่มีทั้งการค้าขนาดใหญ่ หมู่บ้านการเคหะ และหมู่บ้านจัดสรรเรียงรายอยู่จำนวนมาก จึงเป็นจุดที่น่าลงทุนเปิดหน้าร้านเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากเดิมที่ต้องเข้าไปซื้อสินค้าที่อาคารด้านหลัง



โดยอาคารด้านหน้ามีทั้งหมด 4 ชั้น ได้ปรับปรุงพื้นที่โดยใช้งบฯลงทุนประมาณ 5-6 ล้านบาท ชั้น 1 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 500 ตารางเมตร จัดให้เป็น Save Mart ลักษณะซูเปอร์มาร์เก็ต ภายในจะเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และอาหารแห้ง ส่วนชั้น 2 จัดเป็นโซนจำหน่ายกาแฟ บริการอินเทอร์เน็ต และกำลังเจรจากับสินค้าประเภทเสื้อผ้า และเครื่องกีฬาแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งด้วย โดยจะเปิดบริการ ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.



ซึ่งในวันเปิดมีซัพพลายเออร์ 40-50 ราย ตอบรับมาร่วมงาน และนำสินค้ามาจัดโปรโมชั่นแรงๆ มากมาย และยังได้นำของแจก ของแถมมาร่วมกิจกรรมด้วย นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมตรวจมวลกระดูก และดารา นักร้อง มาร่วมงานอีกด้วย



สุรศักดิ์กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาทางร้านได้จัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย ร้านค้าย่อยตามต่างอำเภอเพื่อกระตุ้น ยอดขาย และออกพบปะกับคู่ค้าในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านค้าต่างๆ ให้คำแนะนำและปรึกษาด้านการค้า ขณะที่ในส่วนของการค้าปลีกได้เดินหน้า จัดกิจกรรมการตลาดกับสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 5,000 ราย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้สามารถซื้อสินค้าต่างๆ ภายในร้านและรับสิทธิซื้อสินค้าที่จัดโปรโมชั่น เพื่อสะสมคะแนนแลกรับของรางวัลต่างๆ ช่วงปลายปี ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี



โดยสิทธิพิเศษที่ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับอีกคือ การนำบัตรสมาชิกไปเป็นส่วนลดกับร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ร้านอาหาร, สตูดิโอถ่ายภาพ, ร้านขายรถสกายแลป, ร้านขายรถจักรยานยนต์, ร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า, ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง, ร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์, เคเบิลทีวี, ร้านทอง, ร้านประดับยนต์, ร้านจำหน่ายของที่ระลึก, ร้านเสื้อผ้า-รองเท้าแฟชั่น, ร้านเบเกอรี่, ร้านแว่นตา, ร้านหนังสือ, โรงเรียนสอนดนตรี, โรงแรม และโรงพยาบาล ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงในจังหวัดอุดรธานี โดยให้ส่วนลดตั้งแต่ 5-50%



"เราต้องพยายามสร้างเครือข่ายใน ท้องถิ่น ถ้าอยู่เดี่ยวๆ การแข่งขันลำบาก เพราะห้างต่างชาติมาแล้วหนักจริงๆ ลำพังเราสู้คนเดียวลำบาก ซึ่งยอมรับว่าปีนี้มองอะไรไม่ชัดเจน เราคิดว่าไปได้ ก็มีตัวมาฉุดมาดึง ภาวะการเมือง"



สุรศักดิ์มองภาพรวมการค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจ.อุดรธานีว่า ลูกค้าได้เรียนรู้การซื้อสินค้าในห้างต่างๆ โดยแต่ละห้างจะมีกลุ่มลูกค้าแยกกันไป ของใครของมัน ซึ่งเวลาเดินในห้างจะพบว่ามีสินค้าไม่แตกต่างกัน สินค้าตัวเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้าว่าจะซื้อที่ไหน



"ผมว่าไม่ยุ่งยากในการซื้อขายกัน ปีนี้ไม่มีกิจกรรมการตลาดหนักๆ ผมมองภาพแล้วเรียกว่าต้องดูเป็นชอตๆ ไป ถ้าจัด กิจกรรมแรงๆ ไปแล้วเจอหนักๆ ก็ไม่มีประโยชน์"




Reblog this post [with Zemanta]

Wednesday, April 22, 2009

"เทสโก้" เผยกำไรมากกว่าคาดการณ์ (Tesco announces annual profit)

{{pl}} Hipermarket TESCO w Prokocimiu {{en}} T...Image via Wikipedia

blank_page

รอยเตอร์ส รายงานว่า ยักษ์ค้าปลีกอันดับ 3 ของโลก "เทสโก้" รายงานผลกำไรประจำปีเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว อยู่ที่ 3.13 พันล้านปอนด์ (4.6 พันล้านดอลลาร์)

โดยยักษ์ค้าปลีกจากอังกฤษ ซึ่งมีพนักงาน 440,000 คน ที่กระจายใน 4,000 สาขา ใน 14 ประเทศ ระบุว่า นี่เป็นการเริ่มต้นปี 2552-2553 ซึ่งบริษัทวางแผนจะจ้างงานเพิ่ม 26,000 คน และเพิ่มสาขาอีกราว 8 ล้านตารางฟุต

อย่างไรก็ตาม "เทอร์รี เลฮี" ประธานบริหารของเทสโก้ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่า ธุรกิจในสหรัฐของเทสโก้จะถึงจุดคุ้มทุน เพราะภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง



blank_page

ทั้งนี้ เทสโก้วางแผนจะทำให้ธุรกิจของเชนค้าปลีก "เฟรช แอนด์ อีซี่" ในสหรัฐ ถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2552-2553 แต่ปัจจุบันธุรกิจยังมีแนวดน้มจะขาดทุนราว 142 ล้านปอนด์ในปีนี้

ยอดขายของเทสโก้ในปีงบประมาณที่สิ้นสุด ณ 28 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 15.1% อยู่ที่ 59.4 พันล้านปอนด์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า เทสโก้น่าจะทำกำไรก่อนหักภาษีได้ 3.04 พันล้านปอนด์

เลฮี กล่าวว่า ดูเหมือนว่าผู้บริโภคจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น สถานการณ์จึงไม่ได้เลวร้ายลงไป แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะทำนายอะไรว่าภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นคืนเมื่อไร


Reblog this post [with Zemanta]

Monday, April 20, 2009

Central Udonthani ปิดตำนานศูนย์การค้า-โรงแรม "กลุ่มเจริญศรี อุดรธานี"


ในที่สุด "กลุ่มเซ็นทรัล" บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ก็ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่า ได้เข้าเทกโอเวอร์ศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์และโรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล อุดรธานี ธุรกิจในเครือเจริญศรีกรุ๊ป ซึ่งเป็นตำนานการค้าท้องถิ่นแห่งอุดรธานีและภาคอีสานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2552 โดยเฉือนกลุ่มเบียร์ช้างเข้าวินในโค้งสุดท้าย

แต่ไม่มีการเปิดเผยเม็ดเงินที่ทุ่มซื้อกิจการเก่าแก่ของกลุ่มเจริญศรีในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้มีสัญญาณที่หลายคนคาดกันว่า เซ็นทรัลจะเข้ามาสร้างฐานธุรกิจในจังหวัดอุดรธานีตั้งแต่โรบินสันเข้ามาปักฐานในจังหวัดอุดรธานีในชื่อบริษัทใหม่ว่า บริษัท ซีอาร์ อุดรธานี (ประเทศไทย) จำกัด โดยร่วมหุ้นกับนักธุรกิจท้องถิ่นซึ่งมีชื่อผู้ถือหุ้น 3 พี่น้องตระกูล "ฑีฆธนานนท์" อยู่ด้วย คือโกมินทร์, หาญชัย และธนชัย ฑีฆธนานนท์

ต่อมามีการทุ่มทุนมหาศาลเพื่อรีโนเวตพื้นที่ในห้างโรบินสัน ท่ามกลางกระแสข่าวการขายกิจการให้ทั้งเซ็นทรัลและเบียร์ช้าง ทำให้ทุกคนเชื่อว่า ถ้าเซ็นทรัลไม่เอาจริงก็ไม่กล้าทุ่มทุนในส่วนของโรบินสันเป็นแน่

ในที่สุดเซ็นทรัลก็ปักธงค้าปลีกในอุดรธานีสำเร็จ และพร้อมที่จะก้าวเป็นศูนย์การค้าทันสมัยในโซนอีสานเหนือและกินส่วนแบ่งตลาดไปถึงผู้มีกำลังซื้อจาก สปป.ลาวอีกด้วย



ขณะเดียวกันก็เป็นการ "ปิดตำนาน" อาณาจักรค้าปลีก ธุรกิจเก่าแก่ของกลุ่มเจริญศรีไปในตัว




ผู้สื่อข่าวได้สำรวจภายในห้างในช่วงวันที่ 8-9 เมษายน 2552 พบว่าพนักงานได้นำสติ๊กเกอร์มาติดที่ประตูกระจกทุกด้านทั้ง ชั้นใต้ดินและชั้น 1 ระบุชัดเจนว่า เป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี CPN ในขณะที่คูปองอาหารและเครื่องดื่มในศูนย์อาหารระบุชื่อบริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด



"กลุ่มเจริญศรี" ของตระกูลฑีฆธนานนท์มีธุรกิจหลายประเภทในจังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม และขอนแก่น ซึ่งก่อนหน้านี้นายโกมินทร์ ฑีฆธนานนท์ คีย์แมนสำคัญเคยยอมรับว่า ภายหลังขายกิจการแล้ว ธุรกิจในกลุ่มเจริญศรีในจังหวัดอุดรธานีจะเหลือกิจการตลาดสดอุดรธานีและขอนแก่น การเป็นดีลเลอร์รถยนต์ และโรงแรมเจริญศรีพาเลซ



จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่ากิจการในจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยตลาดเมืองทองเจริญศรีซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมทั่วภาคอีสาน, การเป็นดีลเลอร์รถยนต์มาสด้าและรถยนต์มิตซูบิชิ (บริษัท อุดรเจริญศรี (2002) จำกัด) รวมถึงรถยนต์มือสองในนามบริษัท อุดรเจริญศรี (1968) จำกัด, โรงแรมเจริญศรีพาเลซ และโรงปุ๋ยซึ่งอยู่นอกเมืองบนถนนอุดร-หนองคาย



กลุ่มเจริญศรีเป็นตระกูลนักธุรกิจเก่าแก่ของเมืองอุดร ต้นกำเนิดคือนายเจริญและนางสลับศรี ฑีฆธนานนท์ บิดาและมารดา มีบุตรทั้งสิ้น 8 คน เป็นชาย 7 คน และหญิง 1 คน ได้แก่ โกมินทร์, โกมุท, โกเมศ, หาญชัย, ธนชัย, กิตติวรรณ, กิตติกร และโกเมนทร์ตามลำดับ



ที่ผ่านมาบรรดาพี่น้องในตระกูล "ฑีฆธนานนท์" ได้ทยอยเบนเข็มเข้าสู่เวทีการเมืองเกือบทุกคน วันนี้กลายเป็นตระกูลการเมืองเต็มตัว



นายโกมินทร์ ฑีฆธนานนท์ เคยลงสมัคร ส.ส.และต้องอกหักไปเมื่อไม่นานมานี้ นายโกมุท ฑีฆธนานนท์ ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสกลนคร และดูแลบริษัท มิตซูเจริญศรี (2002) จำกัด



นายโกเมศ ฑีฆธนานนท์ ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเมืองเก่า จ.ขอนแก่น และเป็นอดีต ส.ว.ขอนแก่น อดีต ส.ส.ขอนแก่น และอดีตนายก อบจ.ขอนแก่น



นายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี



นายธนชัย ฑีฆธนานนท์ เป็นผู้บริหาร หจก.เจริญศรีเซลล์ อิมพอร์ท เอ็กซ์พอร์ต จ.นครพนม และ นางกิตติวรรณ สุริยประภาดิลก ทำธุรกิจโรงงานปั่นด้าย อยู่ในกรุงเทพฯ



ขณะที่ นายกิตติกร ฑีฆธนานนท์ นั่งเก้าอี้รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี โดยมี นายอิทธิพล ตรีวัฒน์สุวรรณ น้องภรรยาของนายหาญชัย รั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี



สำหรับ นายโกเมนทร์ ฑีฆธนานนท์ ดูแลบริษัท เจริญศรีการเกษตร จำกัด และเป็นผู้ช่วยนายโกเมศที่จังหวัดขอนแก่น โดยปัจจุบัน "เสี่ยปู" หรือนายโกเมนทร์ ถูกนายหาญชัยซึ่งมีอีกตำแหน่งคือนายกสมาคมกีฬาจังหวัดอุดรธานีดึงมาร่วมทีมบริหารในสมาคมในตำแหน่งประธานฝ่ายฟุตบอลผู้สูงอายุ



ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นายโกเมนทร์ได้ถูกจัดวางให้ดำเนินเส้นทางการเมืองตามรอยพี่ๆ อย่างแน่นอน





Reblog this post [with Zemanta]

Thursday, April 16, 2009

Promotion 0% ของห้างต่างๆ

05122007061Image by Nevon via Flickr


ค้าปลีกงัดมุขเงินผ่อน 0% กระตุ้นจับจ่ายของกินของใช้ "Carrefour" จับมือเคแบงก์ งัด 0% 10 เดือน เรียกลูกค้ายาวตลอดเดือน ช็อป 3,000 บาท/บิล ผ่อนได้ทันที หวังเพิ่มยอดซื้อต่อบิลจาก 600 บาทเป็น 3 พัน ด้าน "The Mall" ผนึกบัตรเครดิตซิตี้เอ็มวีซ่า ชี้ 0% สุดเวิร์ก หนุน "โฮมเฟรชมาร์ท-กูร์เมต์มาร์เก็ต" โตกระฉูด เผยเตรียมจัดต่ออีกระลอก หลังสิ้นสุดแคมเปญในเดือนพฤษภาคม ขณะที่บัตรเครดิตโหมโปรโมชั่นปั๊มยอด



ที่ผ่านมาหลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับแคมเปญเงินผ่อน 0% กับสินค้าที่มีราคาสูง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือ แต่ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ โดยเฉพาะการจับจ่ายที่ชะลอตัวลง ล่าสุด ผู้ประกอบการค้าปลีกได้นำกลยุทธ์นี้มาใช้กับกลุ่มสินค้าของกินของใช้

นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารห้างคาร์ฟูร์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากมีแคมเปญใหญ่ต่อเนื่องกันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งแคมเปญฉลองครบรอบ 13 ปีในเดือนมีนาคม และโปรโมชั่นเช็คช่วยชาติในเดือนเมษายน ทำให้ทราฟฟิกในห้างคาร์ฟูร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อรับเทศกาลสงกรานต์ที่ลูกค้าจะออกมาจับจ่ายมากขึ้น คาร์ฟูร์จึงถือโอกาสลอนช์แคมเปญพิเศษที่แรงกว่าทุกครั้งที่เคยจัดมา

ด้วยการจัดโปรโมชั่นผ่อน 0% เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม-30 เมษายน เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าในหมวดใดก็ได้ในห้างคาร์ฟูร์ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ และชำระด้วยบัตรเครดิตร่วมคาร์ฟูร์-กสิกรไทย รับสิทธิผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน


ก่อนหน้านี้คาร์ฟูร์เคยร่วมมือกับบัตรเครดิตเคทีซีจัดแคมเปญเงินผ่อน 0% นาน 3 เดือน เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าชนิดใดก็ได้ในทุกแผนก รวมมูลค่า 2,000 บาทขึ้นไป แต่เป็นแคมเปญสั้นๆ คือเพียง 7 วันเท่านั้น


นอกจากนี้ โปรโมชั่น 0% ยังจัดควบคู่กับโปรโมชั่นช็อกประจำวัน ที่ลดราคาสินค้าพิเศษทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ตั้งแต่ 10-15% รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ 0% นาน 10 เดือน สามารถรับเงินคืน 10% สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อบิล จัดเฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการบางรุ่น ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม พร้อมบริการจัดส่งฟรีภายในรัศมีไม่เกิน 20 กิโลเมตร เมื่อซื้อสินค้ามูลค่า 2,500 บาทขึ้นไป


"สาเหตุที่คาร์ฟูร์นำโปรโมชั่นผ่อน 0% กลับมาใช้อีกครั้งดังกล่าว ส่วนหนึ่งยังมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้ลูกค้าไม่อยากเสียเงินทีละมากๆ และที่ผ่านมาแคมเปญนี้ได้รับการตอบรับที่ดี โดยวัดจากยอดสมาชิกบัตรที่เพิ่มขึ้น"


นางสาวประภาพรรณให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยอดค่าใช้จ่ายต่อบิลของคาร์ฟูร์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 600 บาท และหลังลอนช์แคมเปญผ่อน 0% ไปแล้วคาดว่าจะทำให้มีลูกค้าใช้จ่ายต่อบิล 3,000 บาท เนื่องจากมีความคุ้มค่ามากกว่า เฉลี่ยแล้วสามารถผ่อนได้เดือนละ 300 บาท ส่วนในอนาคตจะทำแคมเปญนี้อีกหรือไม่คงต้องดูต่อไป


แหล่งข่าวจากเดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า หลังจากได้จัดแคมเปญดังกล่าวมาระยะหนึ่งพบว่าแต่ละแผนกได้รับการตอบรับสูงมาก โดยเฉพาะในโฮมเฟรชมาร์ทและกูร์เมต์มาร์เก็ต ที่มียอดขายโตขึ้นกว่า 120% เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่นำแคมเปญเงินผ่อนมาใช้กับกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเดอะมอลล์จะใช้แคมเปญนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม และคาดว่ากลุ่มเดอะ มอลล์ทั้ง 3 ศูนย์การค้า คือ เดอะมอลล์ ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน จะขยายแคมเปญออกไป แต่อาจจะปรับเปลี่ยนรายละเอียดซึ่งต้องดูตามความเหมาะสมที่สอดคล้องกับตลาดในช่วงนั้นๆ เป็นหลัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเดอะมอลล์ได้เริ่มทำกลยุทธ์นี้ในตลาดแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมๆ กับแคมเปญช็อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นการ จับจ่ายใช้สอย โดยร่วมกับบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ ที่เปิดให้ลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตซิตี้เอ็ม วีซ่า สามารถผ่อนสินค้าทุกชั้นทุกแผนกของห้าง 0% นาน 6 เดือน เมื่อซื้อ เริ่มต้น 1,500 บาทขึ้นไป


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ห้างค้าปลีกรายอื่นๆ ที่จัดโปรโมชั่นในช่วงเดียวกันกับผ่อน 0% ของคาร์ฟูร์ ได้แก่ เทสโก้ โลตัส ที่จัดโปรโมชั่นโรลแบ็คตัดราคาสินค้าลง 2,600 รายการ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมถึง 17 มิถุนายน ด้านท็อปส์จัดโปรโมชั่นสปอต มันนี่ แบ็ค ประหยัดจริง จ่ายน้อยลง แจกคูปองแทนเงินสด 20 บาท เมื่อสะสมครบ 200 สปอต สำหรับบิ๊กซีมีโปรโมชั่นฉลองสงกรานต์ รับค่าโทร.ฟรี 2 ต่อ ต่อที่ 1 พิเศษ 2 บาท เมื่อช็อป 200 บาทขึ้นไป ต่อที่ 2 ฟรีค่าโทร. เมื่อซื้อสินค้าที่มีป้ายช็อปโทร.ฟรี และโปรโมชั่นสวยใส รับโชค เมื่อช็อปสินค้าแผนกดูแลสุขภาพและความงามครบทุก 350 บาท รับคูปองเงินสดมูลค่า 30 บาท


ส่วนการทำแคมเปญต่างๆ ของบัตรเครดิต เพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายในช่วงนี้ ทางผู้ประกอบการบัตรเครดิตยังคงมีแคมเปญออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยนางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โปรโมชั่นเกี่ยวกับการซื้อสินค้าโดยผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะ 6-10 เดือน ถือเป็นโปรโมชั่นหลักที่ธนาคารจะต้องทยอยออกมาตลอดทั้งปี เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะภาระในการผ่อนชำระน้อยลง ขณะเดียวกันร้านค้าก็ได้ประโยชน์สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นด้วย


"สินค้าที่เราเข้าไปจัดโปรโมชั่น 0% จะเน้นกลุ่มที่เป็นสินค้าชิ้นใหญ่ราคาค่อนข้างสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, แพ็กเกจทัวร์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก นอกจากนี้ยังมีแคมเปญเกี่ยวกับคะแนนสะสมที่ลูกค้าจะได้เพิ่มเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้การใช้จ่ายผ่านบัตรคุ้มค่ามากขึ้น" นางสาวอัญชลีกล่าว


ขณะที่ค่ายบัตรกรุงไทย (เคทีซี) รับเทศกาลหยุดยาวช่วงเทศกาลที่มีการเดินทางไปพักผ่อน ด้วยโปรโมชั่นดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์ก่อนเดินทาง โดยบริการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3 เอ็ม กับร้านค้ากว่า 40 แห่งที่ร่วมรายการในเขต กทม.และปริมณฑล รับส่วนลดถึง 50% พร้อมกับผ่อนชำระกับ KTC Flexi 0% นาน 6 เดือน และบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น ณ ศูนย์บริการไทร์พลัสทุกสาขา สามารถผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน


Reblog this post [with Zemanta]

Monday, April 13, 2009

เปิดมิติใหม่...ซีพีออลล์ รุก "ค้าปลีก" ควบคู่การศึกษา


แม้เมืองไทยจะมีเชนค้าปลีกรายใหญ่ในโลกตบเท้าเข้ามาเปิดบริการจนเกือบครบทุกแบรนด์ แต่เป็นที่ทราบกันดีของคนในแวดวงว่า ยังไม่มีสถาบันการศึกษาแห่งใดที่เปิดหลักสูตรเกี่ยวกับการบริการ การจัดการธุรกิจค้าปลีก อย่างจริงๆ จังๆ ทั้งๆ ที่นับวันธุรกิจนี้จะยิ่งเติบใหญ่มากขึ้นทุกวัน และมีหลายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง




"ซีพี ออลล์" ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ และสถาบันเพิ่มผลผลิต แห่งชาติ จัดหลักสูตรอบรมระยะสั้น "Advance Retail Management" (ARM) เพื่อแบ่งปันและแลกเปลี่ยนแนวทางบริหารจัดการองค์กรสำหรับนักธุรกิจที่สนใจ



"ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์" ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดใจในเรื่องนี้ว่า ปัจจุบัน ซีพี ออลล์ มีบริษัทในเครือหลายบริษัท และมีงานที่ต้องทำมากกว่า 10 โครงการ บริษัทจึงมองเป็นโอกาสดีที่จะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเหล่านี้ไปยังองค์กรต่างๆ โดยจัดเป็นหลักสูตรระยะสั้น 4 เดือน เพื่อให้ผู้สนใจนำความรู้ที่ได้จากประสบการณ์จริงไปปรับใช้ในองค์กรของตน




"เราอยากเห็นองค์กรเมืองไทยแข็งแรง ทั้งการขายและการบริหารจัดการที่ดี จึงอยากเผยแพร่ความรู้ให้องค์กรอื่นๆ นำไปศึกษาและปรับใช้ เพื่อให้มีอาวุธครบมือ"



กลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรนี้ ได้แก่ เจ้าของกิจการหรือทายาท ธุรกิจคู่ค้าและพันธมิตร เน้นผู้บริหารระดับกลางถึงระดับสูง มีประสบการณ์การทำงานกว่า 10 ปี



ปัจจุบันมีนักเรียนจบหลักสูตรไปแล้ว 1 รุ่น รุ่นที่ 2 กำลังศึกษา และเดือนพฤษภาคมจะเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 โดย 2 รุ่นแรกได้รับความสนใจจากองค์กรต่างๆ มากมาย เช่น มาลี มาม่า ดีทแฮล์ม กูลิโกะ เถ้าแก่น้อย ธนาคารกสิกรไทย ทรู ฯลฯ



"ถามว่า ซีพี ออลล์ ได้อะไรจากโครงการนี้ ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ ไม่มีอะไรเสีย เราไม่มีความลับเพราะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ โครงการนี้จัดเป็นการให้บริการด้านการศึกษาถือเป็นการช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ โดยเอาตัวเองเป็นตู้โชว์"



เขาอธิบายด้วยว่า ผู้เข้าร่วมหลักสูตรจะได้เห็นกระบวนการทำงานจริงของซีพี ออลล์ และได้สัมผัสดูงานจากสถานที่จริง เช่น คลังสินค้า โรงงานอาหาร ฯลฯ ซึ่งมั่นใจในคุณภาพของหลักบริหารจัดการได้ การันตีจากรางวัลคุณภาพแห่งชาติระดับคลาส (Thailand Quality Class : TQC) จากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ 5 รางวัล



เป็นของ ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด (ซีพีแรม) 2 รางวัล ได้แก่ โรงงานอาหารสำเร็จรูป และโรงงานเบเกอรี่ ส่วนเซเว่น อีเลฟเว่นได้ 2 รางวัล ในเรื่องภาพรวม และอีก 1 รางวัลเป็นของเคาน์เตอร์เซอร์วิส



ส่วนรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก "ก่อศักดิ์" ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รางวัลคุณภาพแห่งชาติ แม้แต่ เซเว่นอีเลฟเว่นที่เคยเอาเข้าประกวด แต่พลาดมาแล้ว อย่างไรก็ตาม "ก่อศักดิ์" ยืนยันว่าจะ "บ้าเลือด" ส่งเซเว่นฯเข้าชิงรางวัลต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า



"ยิ่งมีกรรมการเข้ามาตรวจงานในองค์กร ยิ่งทำให้พนักงานตื่นตัว ที่สำคัญหากองค์กรไม่ผ่านเกณฑ์ กรรมการจะบอกสิ่งที่ต้องแก้ไขต่อไป"



เมื่อถามถึงสิ่งที่เซเว่นอีเลฟเว่นต้องแก้ไข "ก่อศักดิ์" เฉลยให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า "มีมากมายจนเจียระไนภายในวันเดียวไม่จบ เพราะเซเว่นฯเป็นองค์กรที่ต้องขยายตัวตลอดเวลา อย่างสาขาที่มากขึ้นก็ทำให้เราต้องดูแลลูกน้องมากขึ้นตามไปด้วย และเมื่อขยายมาถึง 4,900 สาขา ปัญหาจุกจิกก็เพิ่มมาก จนต้องตั้งอีกบริษัทเพื่อจัดการปัญหาจุกจิกโดยเฉพาะ"



"พนักงานในร้านก็สำคัญ ยิ่งคนเยอะ เราก็ต้องคุมเขาให้อยู่ อย่างปัญหาของหาย ตามหลักวิชาการบอกว่า 83% เป็นโจรใน 17% เป็นโจรนอก ถ้าลูกน้องไม่รักองค์กร เขาเห็นตำตาว่าเพื่อนขโมยของ เขาก็ไม่ห้าม ตรงข้าม ถ้าเขารักองค์กร เขาจะไม่ยอมให้ใครมาขโมยของ"



"ก่อศักดิ์" บอกเคล็ดลับให้ฟังว่า "ทุกวันนี้เราคุมโจรในอยู่ด้วยการทำให้เขามีการศึกษา ทำให้เขาเห็นอนาคต และสุดท้ายเขาจะรักองค์กร"



ถือเป็นมิติใหม่ของซีพี ออลล์ ที่เพิ่มขอบเขตการให้บริการไปยังการให้ "ความรู้"



Reblog this post [with Zemanta]

ภารกิจพิชิตกระเป๋า "คนรวย" "ห้างหรู" เปิดสูตรเร่งสร้างดีมานด์

The Mall GroupImage via Wikipedia

ความอึมครึมของเศรษฐกิจและการเมืองตลอดช่วงที่ผ่านมากระทบภาคธุรกิจทุกส่วน

กลุ่มลูกค้าระดับตลาดกลางและล่าง ได้รับผลเต็มๆ จากเงินในกระเป๋าที่น้อยลงและลำบากมากขึ้น

ขณะที่กลุ่มลูกค้าระดับบนแม้ว่าเงินในกระเป๋าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ "มู้ด" และ "อารมณ์" ที่อยากออกมาจับจ่ายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาก็ลดลงเรื่อยๆ

ดัชนีชี้วัดที่น่าจะเห็นภาพที่สุด คือ การจับจ่ายผ่านห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางของการจับจ่ายในแทบจะทุกๆ กลุ่มสินค้า พบว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าระดับบนมียอดใช้จ่ายลดลงประมาณ 2-3% จากช่วงปกติที่จับจ่ายต่อคนต่อครั้งประมาณ 3 หมื่นบาท

เมื่อเทียบกับกลุ่มจะเป็นลูกค้าทั่วไปที่แม้ว่าปริมาณจะเป็นฐานใหญ่ของตลาดกว่า 80% แต่สัดส่วนการจับจ่ายมีเพียง 20% เท่านั้น ขณะเดียวกันในแง่การจับจ่ายมียอดเฉลี่ย 600-800 บาทต่อคนต่อครั้ง

การที่จะไปตั้งความหวังกับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ในช่วงท่ามกลางภาวะวิกฤตจึงเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อย


เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจทำให้การใช้งบฯการตลาดที่มีอยู่อย่างจำกัดต้องมีประสิทธิภาพและเข้าถึงลูกค้าโดยตรงเพื่อเร่งยอดขายให้ได้มากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาพความเคลื่อนไหวของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ต่างโฟกัสและเล็งจุดไปหาลูกค้ากระเป๋าหนัก หรือ "คนรวย" ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่พิเศษและสูตรมัดใจต่างๆ ที่สร้างความรู้สึกให้กับลูกค้าว่า แตกต่าง ไม่เหมือนใคร และมากกว่าคนอื่น




"ณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์" ผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดกล่าวว่า การกระตุ้นตลาดลูกค้าระดับบนต้องหาแคมเปญที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายที่ลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบมากระตุ้น และกลยุทธ์ที่ใช้บัตรเครดิตและออนท็อปในรูปแบบ



ใหม่ๆ และแตกต่างกลายเป็นสิ่งที่ทาร์เก็ตเหล่านี้ชื่นชอบ แต่ขี้เกียจที่จะผ่อน 0%



การทำแคมเปญของกลุ่มเดอะมอลล์จึงจะต้องหากิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคู่ค้าและบัตรเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะทาร์เก็ตสยามพารากอน และดิ เอ็มโพเรียม ที่ถือแพลตินั่ม คาร์ด และบัตรเครดิตแพลตินั่ม ซีเล็ค และนอกเหนือจากสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องไม่เหมือนใครแล้ว บริการต่างๆก็ต้องมีความพิเศษด้วย



"สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดในการทำห้าง คือ คนรวยไม่ออกมาจับจ่ายทำให้เราต้องเร่งปลุกตลาด โดยแคมเปญสินค้าและกิจกรรมเซอร์วิสที่ให้ต้องมากกว่า"



ขณะที่ "สาธิมา ทานาเบ้" รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอสเซส แมนเนจเม้นท์ จำกัด ย้ำว่า การทำการตลาดปีนี้ของเกษรฯมีการปรับเปลี่ยนเพื่อกระตุ้นมู้ดจับจ่ายของลูกค้าให้กลับมา โดยเน้นเรื่อง smart & sophisticated ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน พร้อมนำเสนอสินค้าบริการ ประสบการณ์ รวมถึงโปรโมชั่นจูงใจที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ โดยปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เปิดโซน Lady"s Closet สำหรับผู้หญิงที่ใส่ใจดูแลตัวเองและต้องการความเป็นส่วนตัว



"เกษรฯจะชูความแตกต่างในเรื่องความเอ็กซ์คลูซีฟ การดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง สำหรับร้านค้าที่เกษรฯคัดมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นแฟลกชิปสโตร์มีที่เกษรฯเพียงที่เดียว"



"สาธิมา" ให้ข้อมูลด้วยว่า เกษรฯแบ่งลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.มิลเลนเนี่ยม 2.เศรษฐีเก่า 3.เศรษฐีใหม่ และ 4.พนักงานบริษัท ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของเกษรฯในกลุ่ม 1-3 ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องเงินมากนัก แต่บรรยากาศที่แย่ๆ จากวิกฤตทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่และไม่อยากจับจ่าย



ภารกิจที่จะควักเงินจากกระเป๋าคนรวย ต้องโฟกัสตลาดมากขึ้น ลูกค้ากลุ่ม 1-2 ต้องกระตุ้นเซอร์วิสที่พิเศษ เป็นเอ็กซ์คูลซีฟอีเวนต์หรือปาร์ตี้ที่เป็นไพรเวตสุดๆ ส่วนกลุ่มลูกค้า 3-4 จะชื่นชอบแคมเปญที่ให้มากกว่า หรือออนท็อปพิเศษร่วมกับบัตรเครดิต



ขณะที่ "ศิริเพ็ญ อินทุภูติ" ผู้บริหารสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เปิดกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มเชิงลึกผ่านบัตรสมาชิกระดับพรีเมี่ยมวิซ การ์ด (VIZ Card : The Very Important Zone Card) เป็นการนำสินค้า บริการ ส่วนลด และโปรโมชั่นแบบเอ็กซ์คลูซีฟภายในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยร่วมมือกับร้านภายในศูนย์กว่า 300 ร้านค้า และพันธมิตรธุรกิจกว่า 100 แห่งเพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป



"วิซ การ์ด" จะกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ รักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและความถี่บ่อยขึ้น ด้วยแบ่งรูปแบบบัตรเป็น 3 ระดับ 1. white card สำหรับลูกค้ามียอดซื้อ 8,000-19,999 บาทต่อเดือน 2.titanium card จับจ่าย 20,000-99,999 บาทต่อเดือน และ 3.black card ยอดซื้อมากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน



ด้าน "ห้างเซ็นทรัล" นอกเหนือจากแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ แล้ว ได้เปิดบริการ porter service ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุด โดยจัดพนักงานอำนวยความสะดวกในการช่วยถือถุงแก่ลูกค้าส่งถึงรถ ควบคู่กับการให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าด้วยจุดบริการที่จอดรถพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ถือบัตร Central Card Platinum และบัตร V.I.P.



กลยุทธ์สร้างยอดขายในท่ามกลางวิกฤตกำลังซื้อของตลาดค้าปลีกจึงเข้มข้นและแปลกใหม่มากขึ้น



ทั้งนี้ เพื่อทลายกำแพงความเซ็งและน่าเบื่อ สร้างความน่าสนใจและมัดใจให้กลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักเงินหนาอยากออกจับจ่ายมากขึ้น



Reblog this post [with Zemanta]

Saturday, April 11, 2009

วัดมหกรรมใช้เงินสงกรานต์ ค้า"ปลีก-ส่ง"คึก ทัวร์สุดกร่อย

วัดมหกรรมใช้เงินสงกรานต์ ค้า"ปลีก-ส่ง"คึกทัวร์สุดกร่อย

ประเมินกำลังซื้อรับปีใหม่ไทย พบสัญญาณทั้งบวก-ลบ กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่งประสานเสียงธุรกิจเริ่มกระเตื้อง ส่วนงานสัปดาห์หนังสือ นักอ่านช็อปกระจายเงินสะพัด 600 ล้าน ด้านท่องเที่ยวมีสิทธิกร่อย ปัจจัยการเมือง ทำต่างชาติหน่ายเที่ยวไทย แนวโน้มรายได้ตลอดเทศกาลจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 30%



แม้ผลพวงของวิกฤตการเงินในต่างประเทศจะสั่นคลอนเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง แต่จากการประเมินกำลังซื้อของประชาชนในช่วงปลายมีนาคมถึงต้นเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ กลับพบสัญญาณทั้งบวกและลบจากหลายกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจการค้า หนังสือ และท่องเที่ยว โดยเฉพาะสัญญาณด้านบวก กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา สถานการณ์การจับจ่ายหรือออร์เดอร์ที่บรรดาร้านค้าต่างๆ สั่งมานั้น เริ่มกระเตื้องขึ้นจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม สะท้อนว่าคนเริ่มมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยปัจจัยหลักเชื่อว่ามาจากแคมเปญ "เช็คช่วยชาติ"

"สถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น เห็นชัดว่างานแฟร์ต่างๆ ที่เพิ่งจัดไปได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะมอเตอร์โชว์ที่ได้ยอดทะลุเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนได้ว่าจริงๆ แล้วคนไทยยังมีกำลังในการใช้จ่าย เพียงแต่ว่าฉลาดซื้อกันมากขึ้น รอจังหวะในการใช้เงินที่ดูแล้วว่าคุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด"

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการสื่อสารและการตลาด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลที่ประชาชนจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น บิ๊กซีจะมีโปรโมชั่นขึ้นมารองรับเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยจัดสรรสินค้าทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด และอาหารแห้ง รวมถึงสินค้าประจำเทศกาล การจัดกิจกรรมกับเกมฉีดน้ำรับโชค ลุ้นรับบัตรกำนัลบิ๊กซีมูลค่ากว่า 100,000 บาท

รายงานข่าวจากศูนย์การค้าในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า ขณะนี้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยตามศูนย์การค้าต่างๆ ในย่านนี้ยังอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้มีความคึกคักมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา น่าจะดีมากขึ้นในช่วงวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งย่านประตูน้ำ กล่าวว่า ภาพรวมๆ ของการค้าขายค่อนข้างคึกคักซึ่งถือเป็นปกติของการจับจ่ายช่วงสงกรานต์ ที่ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าจากต่างจังหวัดจะเข้ามาซื้อของไปเตรียมไว้ สินค้าที่ขายดีส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าสำหรับใส่เล่นน้ำ ที่มีราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม หากเมื่อเทียบในแง่ของยอดจับจ่ายต่อบิล ที่ผ่านมาตัวเลขจะอยู่ที่ 10,000 บาท/บิล แต่ตอนนี้ยอดต่อบิลลดลงมาเหลือเพียง 5,000-7,000 บาท/บิล


Reblog this post [with Zemanta]

Tuesday, April 7, 2009

ค้าปลีกเมืองอุดร ปรอทแตก...! "เซ็นทรัล-คาร์ฟูร์" สยายปีกปักฐาน

Atardecer sobre CarrefourImage by Mundo Desconcertante via Flickr

ค้าปลีกเมืองอุดร ปรอทแตก...! "เซ็นทรัล-คาร์ฟูร์" สยายปีกปักฐาน



สกู๊ปประชาชาติธุรกิจ

การปักธงของค้าปลีกขนาดใหญ่รายล่าสุด "คาร์ฟูร์" ในจังหวัดอุดรธานี เป็นสาขาแรกในภาคอีสาน รวมถึงการเปลี่ยนมือของธุรกิจตระกูลเก่าแก่ "ฑีฆธนานนท์" ทั้งในส่วนของศูนย์การค้าเจริญศรี คอมเพล็กซ์ และโรงแรมเจริญศรีแกรนด์รอยัล อุดรธานี เป็นเครื่องการันตีศักยภาพของเมืองและเศรษฐกิจภายในจังหวัดอุดรธานีได้เป็น อย่างดี

ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งในลักษณะจตุรทิศ โดยทิศเหนือเป็นทางออกสู่ จ.หนองคายและต่อไปยัง สปป.ลาว ทิศตะวันออกเป็นทางออกสู่ จ.สกลนครและนครพนม ทิศตะวันตกเป็นทางออกสู่ จ.หนองบัวลำภู เลย และทิศใต้เป็นทางออกสู่ จ.ขอนแก่น นครราชสีมา และกรุงเทพฯ

อีกทั้งยังมีเม็ดเงินหมุนเวียนมาจากภาครัฐและเอกชน การค้าชายแดนอีกไม่น้อย และจุดแข็งสำคัญที่ได้เปรียบจังหวัดอื่นๆ ก็คือ เงินโอนต่างประเทศ ดังเช่นคำยืนยันจากนางสาวลักขณา ศรีไตรรักษ์ คลังจังหวัดอุดรธานี ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจโดยรวมของอุดรธานียังไปได้ดีและมีเงินโอนจากต่างประเทศเข้ามาเดือนละกว่า 300 ล้านบาท ขณะที่งานประชุม สัมมนาก็มีอย่างต่อเนื่อง และมีรายได้ต่อหัวประชากรกว่า 5 หมื่นบาท/คน/ปี



โมเดิร์นเทรดยึดทำเลรอบวงแหวน

นั่นคือปัจจัยที่จูงใจนักลงทุนทั้งในท้องถิ่นและต่างถิ่น ปักธงธุรกิจขนาดใหญ่หลายราย โดยกระจายการลงทุนอยู่รอบวงแหวนของเมือง เช่น ภาคค้าปลีก เทสโก้ โลตัสเลือกปักธงบริเวณทิศเหนือ ทางออกไป จ.หนองคาย และ สปป.ลาว

บิ๊กซีปักธงฝั่งทิศตะวันออก ทางออกไป จ.สกลนคร และยังมีตลาดโลตัสสาขา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่รอดักลูกค้า ที่จะเข้าเมืองมาช็อปปิ้งที่บิ๊กซี

ในบริเวณรอบวงแหวนซึ่งอยู่ระหว่าง เทสโก้ โลตัสและบิ๊กซี ก็ยังมีทุนท้องถิ่น "เซฟมาร์ท" ขยายสาขา 2 คั่นกลางอยู่ใกล้ห้างค้าวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ ทูลส์โปรพลัส โกลบอลเฮ้าส์ และอุดรนำธงชัย โฮมมาร์ทแม็ก และยังมีโบ๊เบ๊อุดรฯ สุริยาเฟอร์นิเจอร์ ซูเปอร์เซ็นเตอร์ โชว์รูมมิตซูเจียง โชว์รูมคูโบต้า อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ อิมเพรสชั่น (ห้างค้าเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน) และหมู่บ้านจัดสรรอีกหลายแห่ง ล่าสุดทิศตะวันตกก็มีห้างตั้งงี่สุน, คาร์ฟูร์ และเทสโก้ โลตัสมายึดหัวหาด





คาร์ฟูร์ปักธงสาขาแรกภาคอีสาน



Carrefour Udon



ล่าสุด (1 เม.ย.52) วงการค้าปลีกของเมืองอุดรร้อนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อยักษ์ค้าปลีก "คาร์ฟูร์" ทุ่มทุนกว่า 500 ล้านบาท ปักธงเปิดบริการเป็นสาขาแรกในภาคอีสาน บริเวณ ก.ม.ที่ 4 ถนนอุดร-เลย บนพื้นที่ 19 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอย 20,000 ตารางเมตร มีร้านค้าในช็อปปิ้งมอลล์กว่า 40 ร้านค้า นับเป็นสาขาที่ 33 และเป็นสาขาที่ 9 ในต่างจังหวัด ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้งในภาคอีสานตอนบนและ สปป.ลาว

ถัดไปอีกไม่กี่เมตรเทสโก้ โลตัสกำลังปรับพื้นที่ก่อสร้างสาขาที่ 4 ในอุดรธานี คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.นี้ และถัดไปอีกก็เป็นที่ตั้งของห้างค้าปลีก-ค้าส่งท้องถิ่น "ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์" สาขา 2

ฟิลิปป์ โบรยานิโก ประธานคณะกรรมการบริหารห้างคาร์ฟูร์ ประเทศไทยกล่าวว่า การเปิดสาขาแห่งแรกในภาคอีสานที่ จ.อุดรธานี เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในภาคอีสาน พร้อมกับนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่นทั้งในด้านการอบรมบุคลากร การช่วยเหลือท้องถิ่นให้มีรายได้ มีช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าชุมชนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำสินค้าราคาประหยัด สินค้า แบรนด์เนมกว่า 65,000 รายการมาบริการ



บิ๊กค้าปลีกรายเก่าขยับตัวสู้

สมรภูมิค้าปลีกฝั่งทิศตะวันตกแข่งขัน ดุเดือดขนาดนี้ ฝั่งตะวันออกซึ่งมีบิ๊กซี ปักหลักอยู่ก่อนแล้ว หรือเทสโก้ โลตัสซึ่งอยู่ฝั่งทิศเหนือก็ไม่ยอมแพ้มีการจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อดึงลูกค้าเช่นกัน โดยบิ๊กซีจัดรายการแจกสะใจที่บิ๊กซี อุดรฯ 3 วัน ช็อปทุก 500 บาท ฟรีคูปอง 25 บาท ค่ายเทสโก้ โลตัสจัดรายการประกวดวงดนตรีลูกทุ่งมัธยม ทุกวันศุกร์ไปจนถึงวันที่ 24 เม.ย.นี้และเปิดโอกาสให้ลูกค้านำบิลไปแลกคูปองเขียนชื่อทีมที่เชียร์ชิงโชคทุกวันศุกร์ และชิงรางวัลใหญ่ในวันชิงชนะเลิศ

ด้านห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาอุดรธานี ที่อยู่ใจกลางเมืองก็ขยับตัวจัดรายการส่งเสริมการขาย surprise sale และ big brand sale พร้อมกระหน่ำโปรโมชั่นหลากหลายรายการ

สำหรับทุนท้องถิ่น "ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์" ห้างค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่เมืองอุดรก็ไม่หยุดนิ่ง ปีนี้เริ่มเดินเครื่องขยายสาขามินิมาร์ต ภายใต้แบรนด์ "เซฟมาร์ท" ในเขตตัวเมืองอุดร

นายสุรศักดิ์ สุระวรรณวิจิตร กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อึ้งเซ้งเฮง (1994) จำกัด ผู้บริหารเซฟมาร์ท กล่าวยอมรับว่า ในช่วงนี้คาร์ฟูร์มาแรงแต่ทางห้างก็มีการปรับตัวสู้กับยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ โดยทุ่มทุน 5-6 ล้านบาทตกแต่งตึกด้านหน้าของสาขา 2 เพื่อเปิดหน้าร้านขายปลีกในรูปแบบมินิมาร์ต ชื่อ "เซฟมาร์ท" เน้นจำหน่ายสินค้าอาหารแห้งและคอนซูเมอร์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการในวันที่ 11 พ.ค.นี้



เซ็นทรัลเทกโอเวอร์ห้างเจริญศรีฯ

นอกจากการแข่งขันดุเดือดในกลุ่มโมเดิร์นเทรดแล้ว ธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มศูนย์การค้าก็ร้อนแรงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกระแสข่าวค่ายเซ็นทรัลเข้าเทกโอเวอร์ ศูนย์การค้าเจริญศรีคอมเพล็กซ์ และโรงแรมเจริญศรีแกรนด์รอยัล อุดรธานี ของตระกูล "ฑีฆธนานนท์" นักธุรกิจเก่าแก่ของเมืองอุดร

แม้วันนี้ยังไม่มีคำยืนยันจากผู้บริหารของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ล่าสุดนี้นางวรรษิดาทีฆธนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญศรีอาเขต จำกัด ซึ่งดูแลห้างเจริญศรีฯ ได้ส่งหนังสือถึงผู้เช่าพื้นที่ในห้าง แจ้งว่าบริษัทเตรียมดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารและงานระบบในอาคารให้แก่บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลต้นเดือนเมษายนนี้

ขณะที่ศูนย์การค้า UD TOWN ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองริมทางรถไฟก็เจรจาดึงคาร์ฟูร์เข้ามาเปิดสาขาเป็นแม็กเนตดึงลูกค้า

แหล่งข่าวระดับสูงของ UD TOWN เปิดเผยว่า มีการลงนามเอ็มโอยูกับผู้บริหารของห้างคาร์ฟูร์แล้ว เพื่อก่อสร้างคาร์ฟูร์ ไฮเปอร์มาร์เก็ตมินิในโครงการ UD TOWN คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ ประจวบเหมาะกับเทสโก้ โลตัสในรูปแบบ Lotus Plus ที่จะเปิดในฝั่งตะวันออกของอุดรฯพอดี

สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้บริหารคาร์ฟูร์ว่า ที่ภาคอีสานภายในปีนี้ จะมีการเปิดอีก 1 สาขาอย่างแน่นอน โดยขนาดมินิต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาทต่อสาขา



สมรภูมิค้าปลีกเมืองอุดรวันนี้จึงร้อนแรงยิ่งนัก




Reblog this post [with Zemanta]

Sunday, April 5, 2009

New Central Chidlom

Central Embassy by Amanda Levete Architects



amanda_levete_bangkok_sq.jpg

Amanda Levete Architects have unveiled Central Embassy, a 30-storey retail and hotel project in Bangkok, Thailand.


amanda_levete-aerial_sq.jpg


The tower will be built in the former gardens of the British Embassy in the city.


439-retail-atrium-w.jpg


Amanda Levete Architects was formed after Levete and former partner Jan Kaplicky, who had previously worked together as Future Systems architects, went their separate ways.


439-tile-closeup-2.jpg


Kaplicky died earlier this year.


Here’s some info about the Bangkok project provided by Amanda Levete Architects, followed by an announcement on the formation of the office sent out earlier this month:








Amanda Levete Architects Announce Architectural Landmark for Bangkok



Amanda Levete Architects is to develop a major retail and hotel complex in central Bangkok, Thailand. Central Embassy, located on Bangkok’s primary commercial artery Ploen Chit Road, will be a new architectural landmark for the city and region.



amanda_levete_bangkok_pers.jpg



The 1.5 million sq ft project will occupy the former gardens of the British Embassy in Nai Lert Park, and will consist of a 7-storey retail podium and a 30-storey 6-star hotel tower. Work on site is scheduled to begin in 2010 and to complete in 2013.



3-the-office-uses-the-desig.jpg



“Central Embassy will be the first contemporary landmark building in Bangkok. It is demonstrably of its time but rooted in Thai heritage and culture. Our architectural ambition is matched by the ambition of Central to create the best and most exciting retail and hotel destination in Thailand.” - Amanda Levete



4-the-office-uses-the-desig.jpg



The design merges the distinct features of a podium and tower into a sinuous and continuously twisting coil. The form wraps around two vertical light wells in the retail podium and at the same time encloses and exposes a series of exterior courtyards and roof gardens for the hotel. Internal spaces break apart to reveal stepped terraces and vertical gardens.



“Our design for this project has been underpinned by two strands of parallel research. We carried out extensive studies in Thailand exploring and documenting traditional patterns, materials and fabrication methods. In tandem, we’ve experimented with the application of advanced digital design techniques such as scripting and parametric modelling as a means of abstracting our hands-on research to create an innovative synthesis of technology and heritage that is specific to the context of Bangkok.” - Alvin Huang, Project Director, Amanda Levete Architects



Drawing on motifs and patterns found in traditional Thai architecture, the facade of the building is composed of a dynamic and fluid three-dimensional array of ceramic tiles. Changes in gradient, rotation and spacing break the long spans of continuous frontage into a rich pattern.



On regarding the facade, this design element will draw attention to the building’s coiling form and give varied impressions of the depth, shape and colour of its skin with each step taken. Conceived with the intention of reinterpreting Thai heritage and culture in a modern context, the project is a unique opportunity to merge traditional craftsmanship with contemporary digital design.



Renowned for attention to detail and with a track record in delivering iconic architecture for retail and leisure, Amanda Levete Architects will produce a stunning landmark for the city of Bangkok.




Reblog this post [with Zemanta]

Friday, April 3, 2009

Carrefour ทุ่ม 500 ล้าน เปิดสาขาที่อุดรฯ


Map of Thailand highlighting Udon Thani Province}Udonthani Map Wikipedia


เมื่อเวลา 09.25 น.วันที่ 1 เมษายน นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี ร่วมกับ นายฟิลิปป์ โปรยานิโก ประธานคณะกรรมการบริหาร ห้างคาร์ฟูร์ ประเทศไทย ร่วมกันเป็นประธานเปิดห้างคาร์ฟูร์ สาขาอุดรรธานี ซึ่งถือว่าเป็นห้างคาร์ฟูร์ สาขาแรกของภาคอีสาน และเป็นสาขาที่ 33 ในประเทศไทย

นางสุธาทิพย์ ศรีวรานนท์ ผู้จัดการห้างคาร์ฟูร์ สาขาอุดรธานี กล่าวว่า ทางห้างคาร์ฟูร์ ประเทศไทย มีวิสัยทัศน์หนึ่ง ในการดำเนินธุรกิจ คือ มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจ และมีความเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กับชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน ในทุกๆ พื้นที่และทุกแห่งที่ Carrefour เข้าไปดำเนินธุรกิจให้ถือว่า Carrefour เป็นสมาชิกหนึ่งของชุมชนนั้น และพร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วสมในการช่วยพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น และกระจายสินค้าดังกล่าวนั้นไปยังห้างคาร์ฟูร์สาขาต่างๆ ทั่วประเทศ


ด้านนายอำนาจ กล่าวว่า การที่ห้างคาร์ฟูร์ มาเปิดสาขาที่ จ.อุดรธานีว่า ถือว่าเป็นความภูมิใจของชาวอุดรธานี ที่ห้างคาร์ฟูร์ ได้เลือกเอาพื้นที่ จ.อุดรธานี เป็นแห่งแรกในการตั้งสาขาแรกของห้างคาร์ฟูร์ในภาคอีสาน ซึ่งตนได้รับทราบจากผู้บริหารของห้างคาร์ฟูร์ว่า จะถือเอาสาขาในพื้นที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมในท้องถิ่น


จึงอยากที่จะเห็นความร่วมระหว่างห้างคาร์ฟูร์ที่ตั้งอยู่ในท้องถิ่นและสังคมของท้องถิ่นในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือในด้านสินค้าโอท็อปของท้องถิ่นเข้าไปวางจำหน่ายอยู่ในห้าง ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าโอท็อปคุณภาพดีสามารถเข้าไปอยู่ในห้างได้ เช่น ข้าว สินค้าปศุสัตว์ ซึ่งทางจังหวัดก็จะได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันในเร็วๆ นี้


ขณะที่ นายฟิลิปป์ กล่าวว่า สำหรับห้างคาร์ฟูร์สาขาอุดรธานี เป็นห้างคาร์ฟูร์สาขาแรกในภาคอีสาน โดยมีงบการลงทุนรวมที่ดินประมาณ 500 ล้านบาท มีพื้นที่การใช้สอยกว่า 8,500 ตร.ม.ในพื้นที่รวม 20,000 ตร.ม.ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ตั้งอยู่บนริมถนนสาย อุดรธานี-หนองบัวลำภู มีบริเวณรองรับรถจอดได้ไม่น้อยกว่า 500 คัน มีสินค้าอุปโภค บริโภคเอาไว้บริการลูกค้ามากกว่า 65,000 รายการ อาทิ สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแบรนด์เนมทั้งจากต่างประเทศ และในประเทศ สินค้าเครื่องแต่งกาย สินค้าอาหารสด สามารถรองรับแรงงานในท้องถิ่นได้ไม่น้อยกว่า 200 ตำแหน่ง และคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 4000 คนต่อวัน

“คาดหมายว่า ห้างคาร์ฟูร์สาขาอุดรธานีนี้ จะเป็นศูนย์กลางของการช้อปปิ้งของภาคอีสานตอนบน อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นลูกค้าจาก สปป.ลาว นอกจากนี้แล้วก็ยังจะเป็นการกระตุ้นการซื้อ ขาย และเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในจังหวัดอุดรธานีและใกล้เคียง และเป็นการนำความเจริญเข้าในท้องถิ่น พร้อมด้วยความร่วมมือ ความช่วยเหลือในท้องถิ่น”




Reblog this post [with Zemanta]

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails